คอร์รัปชัน...ไหมครับท่าน ตอนที่ 7 ความยุติธรรมที่ล่าช้า ไม่ใช่ “แค่” ความไม่ยุติธรรม!

ภาษิตกฎหมายในภาษาอังกฤษที่ว่า Justice delayed is justice denied. หรือในภาษาฝรั่งเศส Justice différée est justice refusée เป็นหลักการพื้นฐานของสิทธิการเข้าถึงการพิจารณาคดีที่รวดเร็วและสิทธิอื่น ๆ เพื่อขับเคลื่อนให้กระบวนการยุติธรรมเร็วขึ้น เช่น การเยียวยาความเสียหายแก่ผู้เสียหาย แม้ว่าภาษิตดังกล่าวจะไม่มีที่มาแน่ชัดแต่เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความไม่ยุติธรรม”

ในกฎบัตร Magna Carta ข้อ 40 ได้บัญญัติไว้ใกล้เคียงกัน กล่าวคือ "อันว่าสิทธิก็ดี หรือความยุติธรรมก็ดีนั้น เราจักไม่ขายให้แก่ผู้ใด เราจักไม่เพิกเฉยหรือทำให้ล่าช้าต่อผู้ใด" (To no one will we sell, to no one will we refuse or delay, right or justice) หมายถึง สิทธิหรือความยุติธรรมนั้นจะต้องเที่ยงตรงเท่าเทียม ยิ่งไปกว่านั้นจะไม่ถูกละเลยหรือทำให้ล่าช้า

นอกจากนั้นในวิกีพีเดียได้ระบุว่า วอร์เรน อี. เบอร์เกอร์ (Warren E. Burger) ประธานศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกา เคยกล่าวไว้ใน What's Wrong with the Courts: The Chief Justice Speaks Out ว่า 

"ศาลทั้งหลายจำเป็นต้องได้รับความเชื่อมั่น เพื่อจะได้ธำรงโครงสร้างแห่งเสรีภาพอันเป็นระเบียบเรียบร้อยของเสรีชน และความเชื่อมั่นประการนี้...อาจย่อยยับไปด้วยโทษสามประการ คือ การที่ผู้คนเริ่มเชื่อว่า ความไร้ประสิทธิภาพและความล่าช้าจะบั่นทอนคุณค่าของคำพิพากษา แม้เป็นคำพิพากษาอันเที่ยงธรรมก็ตาม ประการหนึ่ง การที่ผู้คนผู้ถูกแสวงหาประโยชน์ในธุรกรรมเล็ก ๆ น้อยตามประสาชีวิตประจำวันเริ่มพากันเชื่อว่า ศาลจะไม่สามารถพิทักษ์สิทธิตามกฎหมายของพวกเขามิให้ถูกทำลายไปด้วยการฉ้อฉลและการเอื้อมไม่ถึง ประการหนึ่ง การที่ผู้คนตั้งต้นเชื่อว่า กฎหมายในความหมายอย่างกว้าง จะไม่บรรลุหน้าที่เบื้องต้นของมันในอันที่จะคุ้มครองพวกเขาและครอบครัวของพวกเขา ในบ้านของพวกเขา ในที่ทำงานของพวกเขา ตลอดจนบนถนนหนทางสาธารณะ อีกประการหนึ่ง" 

Warren E. Burger

ในประเทศไทย ความล่าช้าทั้งในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาผู้เสียหาย มีให้เห็นโดยตลอดไม่นับเรื่องการบิดเบือนข้อกฎหมายและบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างเป็นกระบวนการ ความล่าช้าในการเยียวยาผู้เสียหายก่อให้เกิดปัญหาฝังรากลึกและสั่นคลอนความเชื่อมั่นของกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบจนกระทั่งถึงศาลยุติธรรม ตั้งแต่กรณีอุบัติเหตุบนท้องถนนที่มีทุกวัน ไปจนถึงกรณีพิพาทระหว่างประชาชนกับรัฐ โดยเฉพาะเมื่อหน่วยงานรัฐใช้อำนาจเกินขอบเขตและเลยไปยังแดนเทาถึงดำ ความล่าช้าในกระบวนการยุติธรรมทำให้ต้นทุนของประชาชนสูงขึ้นตั้งแต่ค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องคดี เสียเวลา เสียโอกาส ในขณะที่หน่วยงานรัฐนั้น “แม้ว่าจะกระทำการไม่ถูกต้อง” แต่ผู้กระทำการก็มิต้องรับต้นทุนดังกล่าว เพราะรัฐก็มีหน่วยงานที่ดำเนินการเรื่องคดีความให้โดยอัยการ ความล่าช้าเมื่อประชาชนฟ้องรัฐจึงเป็นกระจกสะท้อนความไม่ยุติธรรมที่เกิดปัญหาและหยั่งรากลึกพร้อมกับความคับข้องใจเมื่อการฟ้องคดีถูกทอดยาวออกไปและดูเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุดในสายตาของประชาชนผู้ฟ้องคดี

กรณีของพนักงานมหาวิทยาลัยหลายแห่งฟ้องหน่วยงานตนเอง เพราะผู้บริหารหักเงินเดือนจากฐานเงินเดือนเอาไว้โดยอ้างว่าไปจัดสวัสดิการทั้งที่ไม่มีอำนาจ หรือผู้บริหารใช้อำนาจหักเงินเพิ่มเงินเดือนนำไปเพิ่มให้พรรคพวกตนเอง กว่าที่ศาลจะตัดสินหรือมีคำสั่งก็ใช้ระยะเวลามากกว่าสามปี ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าจะมีกรณีคล้ายกัน แต่การเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวในศาลกลับไม่ได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลมากนัก ทำให้พนักงานมหาวิทยาลัยหลายแห่งเกิดภาวะสมองไหลออกจากมหาวิทยาลัย หรือจำใจที่ต้องปรับตัวให้คุ้นชิน และลดประสิทธิภาพการทำงานของตนเองลง เพราะทำดีแค่ไหนก็ไม่สู้การเป็นคนของใครได้ ความยุติธรรมที่ล่าช้าดังกล่าว จึงก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่คาดคิดได้

ยิ่งไปกว่านั้น ในกระบวนการร้องเรียนการทุจริตและประพฤติมิชอบในประเทศไทย ซึ่งกฎหมายหลักให้อำนาจ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยที่รายงานสถานการณ์ทุจริตประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 หน้า 37 ระบุว่า

“ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สำนักงาน ป.ป.ช. มีเรื่องกล่าวหาคงค้างสะสม (ณ วันที่ 30 กันยายน 2562) จำนวน 14,350 เรื่อง เรื่องกล่าวหารับใหม่ (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2562 - 30 กันยายน 2563) จำนวน 3,559 เรื่อง รวมทั้งสิ้น 17,909 เรื่อง ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จในชั้นการตรวจสอบเบื้องต้นและในชั้นการไต่สวนข้อเท็จจริง รวมทั้งสิ้น 4,852 เรื่อง โดยมีเรื่องกล่าวหาคงเหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ (ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) จำนวน 13,057 เรื่อง”

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ (1) เรื่องคงค้างของ ป.ป.ช. ยังคงอยู่ในระดับสูง (ซึ่งอาจต้องใช้เวลากว่า 10 ปี จึงจะดำเนินการเสร็จสิ้น หรือ เรื่องตกไปโดยขาดอายุความเอง) (2) เรื่องคงค้างจำนวนมาก รอวันหมดอายุความ ดังตาราง สถิติเปรียบเทียบผลการดำเนินงานด้านปราบปรามการทุจริตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - 2563 จะเห็นได้ว่าเรื่องคงค้างตั้งแต่ปี 2558 มีจำนวนมากกว่า 10,000 เรื่อง นอกจากนั้นเรื่องรับใหม่กับเรื่องดำเนินการเสร็จมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะหากพิจารณาในสาระของเรื่องดำเนินการเสร็จนั้นส่วนใหญ่เป็นเรื่อง ไม่รับ/ไม่ยกขึ้นพิจารณา และ ไม่รับไว้ไต่สวนข้อเท็จจริง รวมถึงการส่งให้พนักงานสอบสวนและหน่วยงานอื่น ๆ คงเหลือเรื่องที่ชี้มูลความผิดจริง ๆ ในระดับไม่เกิน 147-514 เรื่อง ในรอบปีงบประมาณ 2558-2563 เท่านั้น

ตารางสถิติเปรียบเทียบผลการดำเนินงานด้านปราบปรามการทุจริตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - 2563

ตารางนี้ยังยืนยันว่าในกระบวนการของ ป.ป.ช. เองแม้ว่ากฎหมายหลักจะมีกรอบระยะเวลาให้ไต่สวนแล้วเสร็จภายในสองปี และ/หรือกำหนดระยะเวลาการตรวจสอบเบื้องต้นเอาไว้ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องนั้น แต่ในความเป็นจริงการดำเนินการของ ป.ป.ช. เอง กลับมีปัญหาเรื่องกรอบระยะเวลาอย่างชัดแจ้ง

ในกระบวนการของ ป.ป.ช. เอง แม้ว่ากฎหมายหลักจะมีกรอบระยะเวลาให้ไต่สวนแล้วเสร็จภายในสองปี และ/หรือกำหนดระยะเวลาการตรวจสอบเบื้องต้นเอาไว้ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องนั้น แต่ในความเป็นจริงการดำเนินการของ ป.ป.ช. เอง กลับมีปัญหาเรื่องกรอบระยะเวลาอย่างชัดแจ้ง

มีผู้ให้ข้อมูลว่า มีอดีตผู้บริหารมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งร่วมกับพรรคพวก กระทำการลดค่าปรับการปรับปรุงอาคารทั้งที่ผู้รับเหมาส่งงานช้า เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับเหมา โดยไม่สนใจว่า ค่าปรับนั้นสะท้อนสองเรื่อง คือ (1) รายได้ของมหาวิทยาลัยตามกฎหมาย และ (2) การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจการจ้างที่ทำหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่อดีตผู้บริหารมหาวิทยาลัยและพวกใช้เทคนิคทางกฎหมายและใช้อำนาจสั่งการ ต่อมามีผู้ไปร้อง ป.ป.ช. และ สตง. ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน โดยที่ สตง. ใช้เวลาสองปีโดยประมาณแจ้งกลับมาว่าการดำเนินการของผู้บริหารมหาวิทยาลัยนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายให้แก้ไขพร้อมกับส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. ซึ่งการดำเนินการของ ป.ป.ช. ก็ยังอยู่ในขั้นการรวบรวมข้อเท็จจริง (ทั้งที่ สตง. ส่งเรื่องไปให้ดำเนินการตามกฎหมาย)

หลังจากนั้น เมื่อมีผู้บริหารมหาวิทยาลัยคนใหม่ พรรคพวกของอดีตผู้บริหารมหาวิทยาลัย ก็เสนอเรื่องไปให้ผู้บริหารคนใหม่ลงนามกระทำผิดซ้ำ ซึ่งก็บิดเบือนข้อกฎหมายอีก รวมเวลาทั้งหมดในขณะนี้เรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช. มากว่า 6 ปี และยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบเบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่ได้เสนอให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแต่อย่างใด

จะเห็นได้ว่า ความยุติธรรมที่ล่าช้า ไม่ใช่ “แค่” ความไม่ยุติธรรมเท่านั้น แต่ก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาทั้งต้นทุนของผู้เสียหาย ผู้กล่าวหาในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ แม้ว่ามูลค่าความเสียหายยังไม่ได้มีการประเมินแน่ชัด แต่ที่สำคัญ ในบางกรณียิ่งกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้าเพียงใดก็มีความพยายามในการบิดเบือนข้อมูล บิดเบือนข้อเท็จจริง และก่อให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมเป็นวงกว้าง ทั้งจากการจงใจช่วยเหลือกัน (เหมือนขายสิทธิ และ/หรือขายความยุติธรรม) และการหย่อนสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ ประเด็นเรื่อง “ความยุติธรรมที่ล่าช้า” จึงควรได้รับการศึกษา และปรับปรุงทั้งระบบ เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้า (1) เป็นความไม่ยุติธรรม (2) เป็นการเร่งให้การทุจริตและประพฤติมิชอบเบ่งบาน และ (3) เป็นการสร้างความขัดแย้งและบั่นทอนองค์กรในกระบวนการยุติธรรมเอง


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9