“โฆษกกห.” เผย “นายกฯ” สั่งจับตาขบวนการค้าอาวุธสงครามเชื่อมโยงอาวุธคลังหาย สั่งฟันไม่เลี้ยง หวั่นเชื่อมโยงสร้างควาทรุนแรงนอกปท พร้อมยัน ครม.ไฟเขียวงบกลางกองทัพจ่ายค่าเช่าสถานที่กักตัว คนไทยขอเดินทางกลับปท. ช่วงโควิด ย้ำเงินงวดสุดท้าย ใช้จ่ายโปร่งใส่

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการสับเปลี่ยนกำลังตามแนวชายแดน ซึ่งประเทศเมียนมามีปัญหาภายในประเทศ ขณะที่ประเทศไทยก็อยู่ในช่วงเปิดประเทศนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งกำชับในเรื่องนี้หรือไม่ ว่า การสับเปลี่ยนกำลังเป็นช่วงรอยต่อของสิ้นปีงบประมาณ 2564 ที่จะต้องมีการสับเปลี่ยนกำลังสถานการณ์ในประเทศเมียนมาในปัจจุบันมีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติของเมียนมา เรียกร้องให้โจมตีทหารเมียนมา ซึ่งเสี่ยงต่อการสู้รบตามแนวชายแดน รวมทั้งเรื่องอาวุธสงคราม ซึ่งจะมีการเคลื่อนไหวของขบวนการค้าอาวุธสงครามในพื้นที่มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ จะมีเรื่องการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ยาเสพติด ย้ำว่ารัฐบาลไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาในเมียนมา และพร้อมที่จะดูแลผลกระทบจากการสู้รบทั้งคนไทยที่อยู่ในประเทศตามแนวชายแดนรวมทั้งชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบ โดยมีการเตรียมการรองรับไว้แล้ว ทั้งเรื่องสวัสดิภาพและความปลอดภัย มีการเตรียมพื้นที่รองรับตามแนวใช้แดนการให้การช่วยเหลือผู้อพยพภัยจากการสู้รบ ยืนยันว่าพร้อมให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม

“เรายังไม่มีการเปิดประเทศ พรมแดนทั้งสองฝั่งยังปิดอยู่ การเข้ามาของเพื่อนบ้านถือเป็นการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ถ้าเราเปิดประเทศแล้วเราก็ต้องดูการคัดกรองมาตรการต่างๆที่จะต้องดำเนินการ เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันที่เคยตกลงกับประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องของแรงงาน ทั้งนี้จะไปโทษเจ้าหน้าที่อย่างเดียวไม่ได้ผู้ประกอบการเองที่ยังเห็นแก่ได้ ยังมีความต้องการแรงงานผิดกฎหมายเข้ามาทำงาน ฉะนั้นเมื่อมีความต้องการขบวนการผู้นำพาก็ต้องเกิดขึ้น ลักลอบนำแรงงานเข้ามา ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุมได้ตลอดทั้งกัมพูชา เมียนมาร์และลาวอย่างต่อเนื่อง”โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว

พล.ท.คงชีพ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีข้อเน้นย้ำและสั่งการ การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ค้าอาวุธสงครามที่มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นจากที่มีการติดตามความเชื่อมโยง และจับกลุ่มได้ พบว่ามีข้าราชการระดับท้องถิ่นเข้าไปเกี่ยวข้อง เช่น ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีและมีการขยายผลทำให้พบความเชื่อมโยงของบุคคลในหลายวงการ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวนเชิงลึกอยู่ ขณะเดียวกันกำลังสอบสวนดูถึงความเชื่อมโยงอาวุธปืนลูกซองและอาวุธปืนพก ของทางราชการที่หายไปด้วย และอาวุธปืนที่ถูกโจรกรรมออกจากกองทัพด้วย  ซึ่งกำลังเชื่อมโยงทั้งหมดขบวนการค้าอาวุธที่นำอาวุธออกไปนอกประเทศแล้วนำมาสร้างความรุนแรง ทั้งนี้ นายกฯและกลาโหมสั่งเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ไม่มียกเว้น และขอให้ดูเส้นทางทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยรวมทั้งให้เพิ่มความระมัดระวังหน่วยงานทางราชการที่มีคลังอาวุธไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหาร และฝ่ายปกครองจะต้องดูเรื่องของความปลอดภัยของคลังอาวุธให้เรียบร้อย และให้สืบลึกไปถึงเส้นทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย

พล.ท.คงชีพ กล่าวยอมรับว่าการสับเปลี่ยนกำลังมีผลกระทบ เพราะจะต้องมีการสับเปลี่ยนกำลังและแลกเปลี่ยนข้อมูลเหล่านี้ เพื่อให้หน่วยงานที่จะเปลี่ยนกำลังเข้าไปใหม่ในปีงบประมาณ 2565 สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานด้านการข่าวที่จำเป็นจะต้องแลกเปลี่ยนกัน และเส้นทางที่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการสู้รบตั้งแต่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ต่อเนื่องลงมาถึงอำเภอสังขะบุรี จังหวัดกาญจนบุรี คือจังหวัดที่จะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยาเสพติด การลักลอบข้ามแนวชายแดน อาวุธสงครามและความรุนแรงที่เกิดจากภัยจากการสู้รบ

เมื่อถามถึงความเชื่อมโยงที่ระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจหรือไม่ พล.อ.คงชีพ กล่าวว่า มี เป็นทหารที่เกษียณอายุราชการไปแล้วเรากำลังสื่อความเชื่อมโยงอยู่ ขอรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจนแล้วจะนำมาเปิดเผยให้ทราบ โดยนายกฯและรมว.กลาโหมยืนยันไม่เอาไว้ ขบวนการค้าอาวุธที่ไปสร้างความรุนแรง

เมื่อถามว่า การเน้นย้ำเรื่องการรักษาความปลอดภัยครั้งอาวุธแสดงว่ามีอาวุธหายจากคลังอาวุธอีกใช่หรือไม่ พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราไปตรวจสอบของฝ่ายปกครองก็มี และทหารบางส่วนก็มี เรากำลังตรวจสอบว่ามีการลักลอบโจรกรรมนำออกไปหรือไม่ ซึ่งก็ต้องไปดูแลเรื่องการเก็บรักษาด้วย ทั้งนี้ กองกำลังของฝ่ายตรงข้ามก็มีความเกี่ยวข้องในเรื่องการนำพาอาวุธเข้าไปด้วย ฉะนั้นมีความเชื่อมโยงกันระหว่างกองกำลังชนกลุ่มน้อยในเมียนมากับขบวนการค้าวุธในไทย ส่วนหายไปเท่านั้น ก็มีข่าวออกไปแล้ว แต่ของทางกองทัพยังไม่มีเพิ่ม มีหายไปเพียงนิดหน่อย เช่น ในพื้นที่ชลบุรีที่กล่าวไปข้างต้น

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ กล่าวถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติอนุมัติงบกลางให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการในเรื่องการแก้ปัญหาโควิด-19  ว่า เป็นเงินงบประมาณงวดสุดท้าย เพราะกองทัพได้รับผิดชอบเรื่องสถานที่กักตัวของรัฐในพื้นที่เอกชนมาตั้งแต่ระบาดครั้งแรก และจะสิ้นสุดวันที่ 15 ก.ย.นี้ เป็นวันสุดท้าย โดยเงินงบกลางดังกล่าวเป็นเงินงวดสุดท้าย จากนี้จะส่งมอบให้กระทรวงสาธารณสุขเข้าไปดำเนินการต่อ ทั้งนี้ เงินงบประมาณส่วนหนึ่งนำไปให้ผู้ประกอบการโรงแรมที่เข้าร่วมในการใช้โรงแรมเป็นสถานที่กักตัว การดูแลเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ดูแลในพื้นที่ ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลสนับสนุนเงินงบประมาณทั้งหมดให้คนไทยที่ต้องการจะเดินทางกลับจากต่างประเทศ ย้ำว่าเป็นเงินงบประมาณที่ใช้อย่างโปร่งใส สนับสนุนการทำงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาสถานที่กักตัวของรัฐ ซึ่งในช่วงการระบาดครั้งแรกเรามีปัญหาในเรื่องนี้มาก เพราะมีประชาชนคนไทยจำนวนมากที่ต้องการเดินทางกลับประเทศไทย