นักยกน้ำหนักข้ามเพศ 'ลอเรล ฮับบาร์ด' ผู้แข่งกับหญิงแท้ ใต้เสียงวิจารณ์ว่า 'ไม่ยุติธรรม'
แม้จะปิดม่านโอลิมปิกที่โตเกียวไปเรียบร้อย แต่เชื่อได้ว่าภาพบรรยากาศแห่งความประทับใจ คงยังอยู่กับผู้คนที่ได้ติดตามกันอีกสักพัก ทั้งพิธีเปิด-ปิดสุดอลังการ และความตั้งใจในการจัดงานอย่างสมเกียรติ
ขณะที่การแข่งขันในครั้งนี้ ประเทศไทยก็ได้ร่วมยินดีกับเหรียญทองจากกีฬาเทควันโดที่ทำให้คนไทยมีความสุขผ่านเพลงเตะของ 'น้องเทนนิส' และร่วมถึง 'น้องแต้ว' กำปั้นหญิงแกร่งผู้คว้าเหรียญทองแดงประวัติศาสตร์มวยหญิงมาครอง
ในขณะที่ต่างประเทศ ก็มีเหตุการณ์ประทับใจและตื่นเต้นมากมาย ทั้งการร่วมกันรับเหรียญทองร่วมกันของนักกีฬากระโดดสูงจาก 'การ์ตา' และ 'อิตาลี' ที่แข่งกันยังไง ก็หาผู้ชนะมิได้เสียที
อย่างไรก็ตาม ก็มีมุมของการวิพากษ์วิจารณ์ที่ควรหาข้อสรุปให้ได้ในการจัดกีฬาระดับนานาชาติต่อไปด้วย นั่นก็คือ เงื่อนไขของนักกีฬาข้ามเพศคนแรกที่โอลิมปิก
ลอเรล ฮับบาร์ด (Laurel Hubbard) นักยกน้ำหนักข้ามเพศจากนิวซีแลนด์ชวดเหรียญโตเกียวโอลิมปิก หลังจากที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากลอนุญาตให้นักกีฬาที่เปลี่ยนเพศสภาพจากชายเป็นหญิงลงแข่งขันในประเภทหญิงได้ หากปริมาณฮอร์โมนในร่างกายผ่านเกณฑ์ที่กำหนด และเธอก็ผ่านเกณฑ์นั้น จนทำให้เธอกลายเป็นนักกีฬายกน้ำหนักจากนิวซีแลนด์ก็เป็นนักกีฬาข้ามเพศคนแรกที่ได้รับสิทธิ์นั้นในการแข่งขันโอลิมปิก
โดย ฮับบาร์ด ได้เข้าร่วมการแข่งขันยกน้ำหนักในโตเกียว โอลิมปิก 2020 รุ่นน้ำหนักเกิน 87 กิโลกรัม ในฐานะนักกีฬาเพศหญิง ในขณะที่เธอยังเป็นนักยกน้ำหนักที่อายุมากที่สุดในการแข่งขันด้วยวัย 43 ปี
อย่างไรก็ตามแม้จะได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้สนับสนับสนุนคนข้ามเพศ แต่ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อบรรดานักกีฬาและแฟนกีฬาจำนวนมากมองว่าจะเกิดข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบด้านสรีระ รวมถึงความหนาแน่นของมวลกล้ามเนื้อ กระดูก และพละกำลังที่มีความแตกต่างกันระหว่างเพศชายและเพศหญิงโดยกำเนิด แม้ว่าเธอจะมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (ฮอร์โมนเพศชาย) ต่ำกว่า 10 นาโนโมล (nmol) ต่อลิตรเป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือนตามที่เกณฑ์กำหนดก็ตาม
แม้แต่ แอนนา ฟาน เบลลิงเฮน (Anna Van Bellinghen) นักยกน้ำหนักจากเบลเยียม ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่สนับสนุนกลุ่มคนข้ามเพศอย่างเต็มที่ ก็ยอมรับว่าเธอมองว่ามันค่อนข้างไม่ยุติธรรมต่อนักกีฬา เช่นเดียวกับ Fair Play for Women กลุ่มพิทักษ์สิทธิสตรีซึ่งมองว่านโยบายนี้ไม่เป็นธรรมเช่นกัน
ขณะที่ เครีน สมิธ (Kereyn Smith) ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกนิวซีแลนด์กล่าวว่า เพศสภาพในกีฬาเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อน ซึ่งต้องสร้างสมดุลระหว่างสิทธิมนุษยชนและความยุติธรรม แต่ยืนยันว่าฮับบาร์ดได้ผ่านเกณฑ์ของสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติและข้อกำหนดของนักกีฬาข้ามเพศของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล
ด้านโทมัส บัค (Thomas Bach) ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากลระบุว่ากฎที่ประกาศออกไปแล้วสำหรับการแข่งขันครั้งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ยืนยันว่าคณะกรรมการน้อมรับเสียงคัดค้านและจะนำไปทบทวนพิจารณาในการแข่งขันโอลิมปิกในอนาคต
สำหรับ 'ลอเรล ฮับบาร์ด' นั้น เดิมมีชื่อว่า 'กาวิน ฮับบาร์ด' เกิดในปี 1978 เป็นลูกของอดีตนายกเทศมนตรีเมืองโอ๊คแลนด์และเจ้าของธุรกิจอาหาร Hubbard Foods เธอสนใจกีฬายกน้ำหนักตั้งแต่เด็ก และสร้างสถิติใหม่ของประเทศในระดับเยาวชนเมื่อปี 1998 ก่อนที่จะห่างหายจากวงการไปราว 10 ปี
ก่อนหน้านั้นเธอลงแข่งขันในประเภทชายมาโดยตลอดจนกระทั่งปี 2013 เธอแปลงเพศและย้ายมาลงแข่งขันในประเภทหญิงในเวลาต่อมา โดยใช้ชื่อว่าลอเรล ฮับบาร์ด ซึ่งเธอได้ผ่านการตรวจปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนตามเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด
ในปี 2017 เธอคว้าเหรียญเงินจากรายการชิงแชมป์โลก ก่อนที่จะคว้าเหรียญทองในการแข่งขันแปซิฟิก เกมส์ ในปี 2019 หลังหายจากอาการบาดเจ็บที่แขนอย่างหนัก
และในปีนี้เธอได้ลงแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ในฐานะนักกีฬาหญิงข้ามเพศคนแรกของรายการ จบที่รอบชิงชนะเลิศ หลังพลาดยกไม่ผ่านในท่าสแนตช์ 120 กิโลกรัมและ 125 กิโลกรัม ท่ามกลางกำลังใจจากแฟนกีฬา แต่อีกส่วนหนึ่งก็มองว่ามันจะไม่ยุติธรรมหากเธอได้ผ่านเข้ารอบต่อไป
ที่มา : https://www.posttoday.com/world/659589
https://www.facebook.com/thestatestimes/videos/184581966930557/
Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9