“โฆษกรัฐบาล” เผย ไทย เตรียมเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนไทย รอบ3 ต่อกก.สิทธิยูเอ็นฯ ยึดหลัก “พัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คู่ปชต.-สันติภาพ-สิทธิมนุษยชน”

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยเตรียมเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย (Universal Periodic Review: URP) รอบที่ 3 ต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ช่วงเดือนส.ค.-ต.ค.นี้ โดยระบุประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญ คือ การพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่เป็นแนวทางและหัวใจสำคัญของการทำงาน เพราะความยั่งยืนเกิดขึ้นได้เมื่อภาคประชาสังคม ภาคเอกชน อาสาสมัคร ผู้หญิงและเด็ก และภาคส่วนอื่น ได้รับการส่งเริมและมีส่วนร่วมในสังคมและการปกครอง ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19  

นายอนุชา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล เชื่อมั่นว่าความยั่งยืนจะเกิดขึ้นเมื่อมีการฟื้นตัวของสังคมและเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับหลักการประชาธิปไตย สันติภาพและสิทธิมนุษยชน โดยรัฐบาลเน้นคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ทั้งคุ้มครองสิทธิในการพัฒนา ขจัดความยากจน การเข้าถึงสาธารณูปโภค และมีมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่นโครงการ คนละครึ่ง เราชนะ ส่วนด้านสุขภาพ ได้ส่งเสริมนโยบายหลักประกันสุขภาพ กำหนดเป้าหมายฉีดวัคซีนให้กับคนไทยอย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในปี 2564

รวมถึงรับประกันการศึกษาสำหรับนักเรียนไทย กลุ่มชาติพันธุ์ ผู้อพยพ แรงงานโยกย้ายถิ่นฐาน บุตรหลานแรงงานต่างด้าว และผู้พิการจะได้รับการศึกษาตามแผนการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ฉบับที่ 3  ซึ่งเป็นการคุ้มครองสิทธิทางการศึกษา รวมทั้งคุ้มครองสิทธิแรงงานทุกคนโดยไม่แบ่งแยกชาติพันธุ์ เชื้อชาติ หรือ สถานะอื่น เพิ่มสิทธิประโยชน์ลูกจ้างในกรณีว่างงาน ขณะเดียวกันได้ทบทวนปรับปรุง พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์  พ.ศ.2551โดยนิยามและคำชี้แจง แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการที่ชัดเจนขึ้น และเพิ่มมาตรการให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพ ของเหยื่อที่ถูกบังคับใช้แรงงาน เป็นต้น 

นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้กระบวนการยุติธรรมเป็น 1 ใน 11 ด้านการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งพัฒนากลไกช่วยเหลือประชาชน จัดให้มีทนายความประจำสถานีตำรวจ การพัฒนาระบบการยื่นเอกสารและส่งคำคู่ความเอกสารผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคุ้มครองสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง โดยรัฐบาล เคารพและคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพของสื่อมวลชนอย่างสร้างสรรค์ โดยไม่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ นอกจากนี้ ยังดำเนินเกี่ยวกับสิทธิของกลุ่มเฉพาะ เช่น เด็ก จะมีกฎหมาย คุ้มครองเด็กจากสื่อออนไลน์  สตรี จะส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงาน จัดทำร่าง พ.ร.บ คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์  จัดทำร่าง พ.ร.บ. คู่ชีวิต เพื่อให้กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศสามารถจดทะเบียนคู่ชีวิตได้ รวมทั้งจัดทำร่าง พ.ร.บ. ป้องกันและการบังคับบุคคลให้สูญหาย ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา

“นายกฯสั่งการในการประชุม
ครม.ที่ผ่านมา ให้หน่วยงานเร่งรัดผลักดันประเด็นสำคัญที่ยังคั่งค้างตามรายงาน URP รอบที่ 3 ที่ครม.ให้ความเห็นชอบ เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่ครอบคลุมทุกด้าน รวมทั้งให้สนับสนุนแพลตฟอร์มการสื่อสารที่เปิดกว้าง และให้เข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชนและรักษาสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ให้กับหน่วยงานภาครัฐและประชาชนเกี่ยวกับความสำคัญของการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคม”นายอนุชา กล่าว