“บิ๊กช้าง” ย้ำ ทหาร-ตร. คุมเข้มเฝ้าระวังชายแดนต่อเนื่อง สั่ง หนุนเสริม กทม. เร่ง จัดตั้งพื้นที่แยกรักษาตัวในชุมชน 50 เขต 

พล.ท.คงชีพ  ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าพล.อ.ชัยชาญ  ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ประชุมร่วมกับ กอ.รมน. หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม  เหล่าทัพ และ ตร. ผ่านระบบ VTC เพื่อติดตามการสนับสนุนแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19

 โดยภาพรวมการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคง ทหารและตำรวจ ในพื้นที่ชายแดน ยังคงพบจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายได้ต่อเนื่อง โดย ก.ค.64 ที่ผ่านมา จับกุมได้ถึง 3,552 คน โดยพบชาวกัมพูชาและลาวมากขึ้น สำหรับพื้นที่ชั้นใน กำลังทหารตำรวจ ยังคงกระจายกำลังควบคุมโรคใน 593 แคมป์คนงาน และจัดตั้งจุดตรวจร่วมตามเส้นทางต่างๆกว่า 230 จุด พบประชาชนให้ความร่วมมือเดินทางลดลง แต่ยังพบผู้ฝ่าฝืนมาตรการรวมตัวกันตามสถานที่ต่างๆ ที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อในชุมชน ขณะเดียวกันพบเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในการดูแลแคมป์คนงานติดเชื้อมากขึ้น

ทั้งนี้รมช.กลาโหม ได้เน้นย้ำ ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้แสดงความขอบคุณและให้กำลังใจทหารตำรวจทุกคนที่สนับสนุนปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งที่ผ่านมา  และได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ คงความต่อเนื่องคุมเข้มเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดนมากขึ้นในสถานการณ์ที่ประเทศรอบบ้าน ยังพบการแพร่ระบาดของโรคที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะเมียนมา  และขอให้สนับสนุน กทม.เร่งจัดตั้งพื้นที่พักแยกรักษาตัวในชุมชน ( Community Isolation ) ให้ได้ทั้ง 50 เขตใน กทม.โดยเร็ว เพื่อรองรับผู้ป่วยจาก รพ.ระดับต่างๆ

โดยพล.อ.ชัยชาญ ยังได้กำชับการทำงานของกำลังทหาร ที่กระจายกันจัดตั้ง “จุดบริการประชาชน” ทั้ง 72 จุดในชุมชนต่างๆ ของ กทม.และปริมณฑล ให้สามารถประสานเชื่อมโยงกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบสนองแก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  และขอให้เร่งดำเนินการขยายขีดความสามารถ รพ.สนามและจัดตั้งเพิ่มเติม ในพื้นที่ กทม.ปริมณฑล และ จว.สีแดงเข้ม เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีมากขึ้นโดยเร็ว

 พร้อมกันนี้ ขอให้ทุกค่ายทหาร จัดตั้งพื้นที่พักแยกรักษาตัว ( Community Isolation ) เพื่อช่วยเหลือดูแลกำลังพล ครอบครัวและชุมชนรอบข้างในทุกหน่วยทหาร และช่วยลดภาระทางสาธารณสุข  พร้อมทั้งให้ประสานขอรับวัคซีนมาสนับสนุนการทำงานของกำลังพลด่านหน้าในพื้นที่เสี่ยงสูงให้เพียงพอ เพื่อรักษาสถานภาพกำลังพลสนับสนุนวิกฤตสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้น