องค์การอนามัยโลก แจง การฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อต้องอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญและอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่มีอยู่
หัวหน้าคณะวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้แจงประเด็นเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ ระบุว่า ประชาชนไม่ควรฉีดวัคซีนสลับชนิด (Mix And Match Vaccine) จากผู้ผลิตต่างกันด้วยตนเอง และการตัดสินใจดังกล่าวควรเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข
"มันเป็นเทรนด์ที่ค่อนข้างอันตรายเล็กน้อย" ดร.โสมยา สวามีนาธัน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ WHO ได้เอ่ยเตือนระหว่างการแถลงข่าวขององค์การอนามัยโลกเมื่อวันจันทร์ (12 ก.ค.) หลังถูกถามเกี่ยวกับวัคซีนเข็มกระตุ้น "มันจะเกิดสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงในประเทศต่าง ๆ หากพลเมืองเริ่มตัดสินใจเองว่าเมื่อไหร่และใครควรรับวัคซีนเข็มที่ 2 เข็มที่ 3 และเข็มที่ 4"
ในตอนแถลงข่าว สวามีนาธัน เรียกการฉีดวัคซีนสลับชนิดว่า "เป็นขอบเขตที่ปราศจากข้อมูล" แต่เขียนบนทวิตเตอร์ชี้แแจงความเห็นของเธอในเวลาต่อมา
"บุคคลใด ๆ ไม่ควรตัดสินใจด้วยตนเอง หน่วยงานสาธารณสุขสามารถทำได้บนพื้นฐานของข้อมูลที่มีอยู่" เธอระบุบนทวิตเตอร์ "ยังต้องรอข้อมูลการศึกษาวัคซีนสลับชนิดของวัคซีนต่างยี่ห้อ จำเป็นต้องประเมินความสามารถในการกระตุ้นสร้างแอนติบอดีและความปลอดภัย"
คณะผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษายุทธศาสตร์ด้านวัคซีนขององค์การอนามัยโลก เคยแนะนำในเดือนมิถุนายน ว่า วัคซีนของไฟเซอร์ อิงค์ ควรถูกใช้เป็นวัคซีนเข็มที่ 2 หลังเข็มแรกฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า หากว่าวัคซีนอย่างหลังไม่สามารถหาได้
การทดลองทางคลินิกที่นำโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในสหราชอาณาจักร อยู่ระหว่างการตรวจสอบการฉีดวัคซีนสลับชนิดระหว่างแอสตร้าเซนเนก้าและไฟเซอร์ และเมื่อเร็ว ๆ นี้การทดลองได้ขยายขอบเขตครอบคลุมถึงวัคซีนของโมเดอร์นา อิงค์ และโนวาแว็กซ์ ด้วยเช่นกัน
(ที่มา : รอยเตอร์)
ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9640000068410
โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9