สหรัฐฯ ยาหอม!! พร้อมยืนข้างไต้หวัน แต่ย้ำชัด!! ไม่หนุนประกาศเอกราช

เมื่อวันอังคาร (6 กรกฎาคม 2021) ได้มีการจัดงานเสวนาทางออนไลน์โดยสถาบัน Asia Society Policy Institute โดยมีการเชิญ 'เคิร์ท แคมเบล' ผู้ดำรงตำแหน่งผู้ประสานงานนโยบายภาคพื้นอินโด-แปซิฟิค ประจำทำเนียบขาว เข้าร่วมการประชุม

เสวนาวันนั้น นายแคมเบล ได้กล่าวถึงนโยบายอันแข็งกร้าวขึ้นอย่างมากของจีนในย่านนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีข้อพิพาทเรื่องอธิปไตยมาช้านานอย่าง 'ไต้หวัน'

ทว่า บางส่วนของถ้อยคำของนายเคิร์ท แคมเบล ได้เผยข้อความสุดชอกช้ำต่อไต้หวัน โดยกล่าวว่า สหรัฐฯ จะยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับไต้หวัน และพร้อมสนับสนุนบทบาทของไต้หวันในเวทีโลก...แต่สหรัฐฯ "ไม่ได้สนับสนุนการประกาศเอกราชของไต้หวัน"

เคิร์ท แคมเบล ยังอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่าง สหรัฐฯ-ไต้หวัน ว่ามีความละเอียดอ่อนในการรักษาสมดุลอำนาจอย่างมาก ถึงแม้ไต้หวันจะเป็นพันธมิตรที่ได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐฯ มาตลอด แต่สหรัฐฯ ก็ไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้าทางทหารกับจีนที่มีจุดยืนชัดเจนเรื่อง 'นโยบายจีนเดียว' ซึ่งรวมถึงเขตปกครองไต้หวันด้วย

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่สหรัฐฯ กับจีนจะร่วมมือกัน หรือต่างคนต่างอยู่อย่างสันติ ทาง เคิร์ท แคมเบล ก็ตอบว่า เขายังเชื่อว่าเป็นไปได้ เพียงแต่อุปสรรคมันเยอะ และมีความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รวมถึงความรู้สึกนึกคิดของคนรุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน

นอกเหนือจากการพูดจุดยืนของสหรัฐฯ ต่อไต้หวันแล้ว เคิร์ท แคมเบล ยังพูดการแสดงออกอย่างเปิดเผยของจีน เมื่อมีปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับคู่กรณีที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ อย่าง 'ออสเตรเลีย' ที่ตอนนี้มีปัญหาด้านการกีดกันสินค้านำเข้าจากออสเตรเลียอย่างมาก เพื่อตอบโต้การแสดงความเห็น หรือจุดยืนที่เป็นปฏิปักษ์กับจีน

และยังแสดงความห่วงใยกับสถานการณ์การกวาดล้างกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลจีนในฮ่องกง และเกรงว่าจีนอาจพยายามที่จะใช้วิธีเดียวกันกับเขตปกครองไต้หวัน ซึ่งแน่นอนว่าสหรัฐฯ จะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น และพร้อมจะยืนข้างไต้หวันเพื่อรักษาสิทธิ์การปกครองตนเอง ตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย

>> แต่ยังย้ำเช่นเคยว่าจะไม่รับรองการเป็นประเทศเอกราชของไต้หวัน

สำหรับการแสดงความเห็นของนายเคิร์ท แคมเบล ในครั้งนี้ เป็นการพูดถึงประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวันเป็นครั้งแรกนับในยุคสมัยของรัฐบาลโจ ไบเดน ที่สานต่อนโยบายสงครามการค้า สหรัฐฯ-จีน ที่ดุเดือดขึ้นตั้งแต่สมัยของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งโจ ไบเดน จะมุ่งไปที่ประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองซินเจียง และการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงใหม่ในฮ่องกง เป็นวาระสำคัญ

แน่นอนว่าจากคำพูดของเคิร์ท แคมเบล ได้ส่งเสียงสะท้อนแรงไปถึงสถานะของไต้หวันอย่างมาก ที่คาดหวังมาตลอดให้สหรัฐฯ หนุนหลัง รับรองการมีเอกราชของไต้หวันในเวทีโลก เพราะดูเหมือนสุดท้ายสหรัฐฯ ก็มองไต้หวันเป็นเพียงหนึ่งในยุทธศาสตร์การเมือง ที่ใช้เพื่อกดดัน ยั่วยุจีน แต่จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการแยกดินแดน หรือเอกราชออกจากจีน ซึ่งอันที่จริงสหรัฐฯ เองก็ไม่เคยมีนโยบายสนับสนุนการประกาศเอกราชของไต้หวันมาตั้งแต่ต้นแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ ฝ่ายที่ต้องระมัดระวังในการรักษาสมดุลของขั้วอำนาจให้ดี ๆ น่าจะเป็น 'ไต้หวัน' ที่ตั้งอยู่บนทางแพร่งอันตรายที่สุดของสงครามระหว่างสหรัฐฯ - จีน

และคนที่ไว้ใจหวังพึ่งได้นั้น อาจไม่เคยมีอยู่จริงเลยก็เป็นได้...

อ้างอิง : Taiwan News / South China Morning Post

ผู้เขียน : ยีนส์ อรุณรัตน์ เปรมสิริอำไพ คอลัมนิสต์อิสระ นักแปล นักเล่าข่าว


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9