นพ.ชลน่าน ส.ส.เพื่อไทย ร้องกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง กรณีไทยขายข้าวให้จีน ส่งผลให้ผู้ปลูกข้าว โรงสีไม่ได้รับความเป็นธรรม เร่งให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.เพื่อไทย จ.น่าน เปิดเผยถึงกรณีปัญหาการค้าข้าวระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีนส่อถึงความไม่โปร่งใส และไม่เป็นธรรมว่า จากกรณีที่พรรคเพื่อไทยได้แถลงข่าว เกี่ยวกับโครงการจัดซื้อข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ ซึ่งเป็นการซื้อ-ขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน ไม่ได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ซึ่งได้มีประเด็นร้อนแรงขึ้นมาอีก เนื่องมาจากได้มีหนังสือจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา แจ้งให้สมาชิกดำเนินการเกี่ยวกับการส่งออกข้าวในช่วงเดือนมิถุนายน และเดือนกรกฎาคม โดยจะมีการรวบรวมข้าวและส่งข้าวไปยังประเทศจีนจำนวน 20,000 ตัน ซึ่งเป็นสัญญาต่อเนื่องครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 จากการที่จะต้องส่งข้าวไปยังประเทศจีน 2 ล้านตัน และได้มีการส่งข้าวไปแล้ว 1.7 ล้านตัน
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ภายหลังจากได้มีการแถลงข่าวและได้มีการนำเสนอต่อสาธารณะไปแล้ว ปรากฏว่าประเด็นการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างรัฐต่อรัฐ เป็นการดำเนินการโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้มอบให้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ โดยไม่ผ่านขบวนการตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ในเรื่องนี้ได้สอบถามไปยังกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พร้อมทั้งชี้แจงว่าการซื้อ-ขายข้าวในครั้งนี้เหมือนกับเป็นการผูกขาด ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยแต่เพียงผู้เดียว ทำไมไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ซึ่งได้รับคำตอบจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า วิธีการซื้อขายข้าวได้ทำมานานแล้วและถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ
"จากการค้าขายข้าวกันมานาน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 แล้ว เหมือนกับประเทศไทยซื้อรถไฟจีน และประเทศจีนก็ซื้อข้าวประเทศไทย แต่เมื่อ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ออกมาบังคับใช้ ควรที่จะมีการบังคับใช้ ส่วนที่ทำมานานอดีตก็ว่ากันไปตามกฎหมายเก่า เมื่อมีการซื้อ-ขายข้าวหลังจากที่กฎหมายออกมาแล้วก็ควรดำเนินการตามกฎหมายใหม่ ซึ่งในจุดนี้ไม่มีคำตอบใดๆ ที่ชัดเจน" นพ.ชลน่านกล่าวและว่า เมื่อมีการค้าขายระหว่างประเทศกันแล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้องควรได้รับผลประโยชน์ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะชาวนา โรงสีข้าว ไม่ใช่เฉพาะสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเท่านั้น
นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีประเด็นการจัดเก็บค่าดำเนินการส่งออกข้าวตันละ 150 บาท ของสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกับผู้ประกอบการ ได้มีการนำเงินจำนวนดังกล่าวไปจ่ายส่วนใดบ้าง และโปร่งใสหรือไม่ รวมทั้งความต่างของราคาข้าวที่ซื้อมาและส่งออกไปขายซึ่งต่างกันมาก และผลประโยชน์ไปตกกับผู้ใด ซึ่งในเรื่องนี้ตนจะนำปัญหาดังกล่าวส่งให้กรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณาข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความธรรมกับทุกฝ่าย
ทางด้าน นายมานะ โลหะวณิชย์ ประธานกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า ภายหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง และจะเสนอให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป
โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9