คุณต้น รัฐพล ปั้นทองพันธุ์ | THE STUDY TIMES STORY EP.15

บทสัมภาษณ์ คุณต้น รัฐพล ปั้นทองพันธุ์ ได้รับทุนมูลนิธิ มหิธร กลีบ ไกรฤกษ์

ปริญญาโทกฎหมายธุรกิจ Cambridge University, สหราชอาณาจักร

ฝันเป็นจริงเพราะฝึกฝนภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง ได้ทุนเรียนต่อต่างประเทศ มหาวิทยาลัย TOP ของโลก

ปัจจุบันคุณต้นดำรงตำแหน่ง Vice President ดูแลด้านกฎหมายในบริษัทเอกชน เพิ่งเรียนจบกลับมาจากประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ซึ่งได้ไปเรียน Corporate Law เน้นที่กฎหมายบริษัท เกี่ยวกับธุรกิจและการค้าโดยตรง จาก University of Cambridge

กฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจ หรือ Corporate Law ถือว่าเป็นหัวใจ จากการไปเรียนมาทำให้คุณต้นทราบว่าทางอังกฤษสามารถพัฒนาและแก้ปัญหาทางธุรกิจได้ดีกว่าประเทศไทย

ย้อนกลับไป คุณต้นเรียนในโรงเรียนไทยมาโดยตลอด เรื่องของภาษาอังกฤษเรียกว่าไม่ได้เลย จากนั้นได้เรียนต่อเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเรียนควบนิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงไปด้วย ในชั้นปี 3 เป็นช่วงที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง ได้ไปเรียนที่สถาบันพัฒนาภาษา Fast English อยู่ 2 ปีครึ่ง ต้องปูพื้นใหม่ทั้งหมด หลังจากนั้นได้ไปฝึกงานที่ Law Firm 4 ปี กว่าจะคล่องในการใช้ภาษาอังกฤษ

คุณต้นเชื่อว่า หากไม่ได้เรียนอินเตอร์ การพัฒนาภาษาอังกฤษของนักเรียนไทยค่อนข้างลำบาก เพราะไม่ได้มีการรวมข้อมูลที่ต้องรู้จริง ๆ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษไว้ สิ่งนี้ถือเป็นจุดอ่อน

คุณต้นเริ่มจุดประกายเรื่องของภาษาอังกฤษช่วงปี 3 เพราะฝันอยากไปเรียนเมืองนอก การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณต้นทั้งหมดเรียกว่ามาจากการเรียนที่ Fast English บวกกับความตั้งใจท่องคำศัพท์ มีวินัยในตัวเอง สิ่งสำคัญคือการฝึกฝนด้วยตัวเองต่อ

ทุนมูลนิธิ มหิธร กลีบ ไกรฤกษ์

ก่อนที่จะได้ทุนมูลนิธิ มหิธร กลีบ ไกรฤกษ์ คุณต้นได้ทุนสหภาพยุโรปก่อน รวมทั้งยื่นสมัครที่ LSE ประเทศอังกฤษ แต่เนื่องจากทางเนติบัณฑิตเปิดรับสมัครสอบแข่งขันทุน โดยทุนนี้ไม่ได้กำหนดว่าต้องไปมหาวิทยาลัยไหน เพียงแต่กำหนดให้ไปมหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย หรือญี่ปุ่น ซึ่งคุณต้นเองได้ใบตอบรับจาก Cambridge พอดี เมื่อสอบแข่งขันผ่าน จึงแจ้งกับทางทุน ไปเรียนต่อได้เลย

จุดอ่อนของคนไทยที่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ คุณต้นมองว่า อยู่ที่ภาษาอังกฤษ ภาษาต้องได้ก่อน ใครจะไปเรียนไม่ต้องรีบ เตรียมตัวให้พร้อม ศึกษามหาวิทยาลัยดี ๆ จากมุมมองส่วนตัว คุณต้นคิดว่าที่ตนเองได้ ไม่ใช่เพราะความเรียนเก่ง แต่เพราะความหลากหลาย และมีประสบการณ์ทำงานที่เยอะพอสมควร รวมทั้งมีความก้าวหน้าในการทำงาน สิ่งนี้เป็นจุดที่นักเรียนมักจะมองข้าม

สำหรับคนที่จะสอบทุนมูลนิธิ มหิธร กลีบ ไกรฤกษ์ ต้องมีคุณสมบัติ คือ จบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ สอบเนผ่าน และมีอายุไม่เกิน 35 ปี โดยทุนนี้ไม่ได้เปิดทุกปี แต่ 4 ปีเปิดครั้ง ต้องสอบแข่งขัน เขียน Essay ภาษาอังกฤษสามข้อ รอบสุดท้ายสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ ข้อดีของทุนนี้คือเป็นทุนฟรี ไม่มีภาระผูกพัน สำหรับคนที่จะได้ทุนนี้ คุณต้นมองว่า ต้องรู้จักขายตัวเองให้เป็น ก่อนที่จะไปขายของให้คนอื่น ต้องรู้ว่าตัวเองมีจุดแข็ง จุดอ่อนอะไร ทุกอย่างต้องวางแผนล่วงหน้า สำหรับสายกฎหมาย การทำงานเป็นอีกสิ่งที่ทำให้โตขึ้นและเข้าใจ  

ตอนสัมภาษณ์ คุณต้นเล่าว่า เจอคำถามที่ไม่ใช่คำถามกฎหมายมากนัก เช่น เรื่องอาเซียน คำตอบจึงเป็นสหสาขาวิชา เด็กจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์อาจจะยังตอบคำถามได้ไม่ค่อยดี 

Cambridge University
คุณต้นมีความประทับใจในการไปเรียนที่ Cambridge University มาก เนื่องจากอากาศดี สภาพแวดล้อมเหมือนโรงเรียนประจำ มีแยกออกเป็นบ้านเหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์ มีกิจกรรมในบ้าน ทั้งกีฬา ดนตรี บอร์ดเกม เป็นมหาวิทยาลัยแห่งการศึกษา ที่แท้จริง มีสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการเรียนรู้ 

ในเรื่องการใช้ชีวิตคุณต้นไม่มีปัญหา ช่วงสองอาทิตย์แรก อาจจะมีเรื่องของความเกร็งในการใช้ภาษาอยู่บ้าง เพราะไม่ชินสำเนียงคนอังกฤษ ทำให้ฟังไม่ค่อยออก แต่เมื่อผ่านไปทุกอย่างก็ลงตัว ส่วนการเข้าหาอาจารย์ไม่มีปัญหา เพราะอาจารย์พูดช้าและมีความเข้าใจนักเรียนต่างชาติ

ข้อแตกต่างการศึกษาไทยและอังกฤษ
คุณต้นมองว่า ระบบการศึกษาไทยต้องรื้อใหม่ หัวใจของการไปเรียนอาจารย์ต้องเก่ง ในการเรียนเรื่องหนึ่งไม่ได้มีเพียงศาสตร์เดียว แต่มีปัญหาหลากหลายประเด็น ต้องนำมาประยุกต์กันเพื่อแก้ปัญหาให้ได้ แต่ของไทยยังเรียนศาสตร์เดียว นี่คือข้อแตกต่าง อีกสิ่งคือระบบการยอมรับฟังความเห็นต่าง และสุดท้ายคือเรื่องของฮาร์ดแวร์ที่ยังมีปัญหา เช่น จะให้เรียนออนไลน์แต่ไม่มี WiFi เพราะฉะนั้นต้องมีการรื้อทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

สุดท้ายนี้ คุณต้นฝากถึงคนที่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศหรืออยากพัฒนาตนเองไว้ว่า ถ้ามีความฝัน เก็บความฝันไว้ในใจ อย่าเอาความฝันนั้นออกไปที่อื่น ถ้าคุณไม่ล้มเลิก ยังไงวันหนึ่งคุณก็สำเร็จในสิ่งที่คุณตั้งใจแน่นอน


.

.