ถอดรหัส​ 'วันทอง'​ รอยต่อ​ ​'ความสำเร็จ'​ ของช่องวัน ขึ้นแท่น “นัมเบอร์วัน” ละครหลังข่าว

ปรากฏการณ์ละครเรื่อง “วันทอง” ของช่อง ONE31 ที่จบไปเมื่อช่วง 20 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้วงการละครหลังข่าวกลับมาคึกคักอีกครั้ง กับการทำเรตติ้งตอนจบด้วยการทะยานขึ้นเป็นที่ 1 ด้วยตัวเลข 7.767 (ทั่วประเทศ)  และ 9.280 (กรุงเทพฯ) ประสบความสำเร็จที่วัดออกมาได้จากเรตติ้งในยุคที่ช่องไหนก็ต้องการ และเป็นเรตติ้งละครหลังข่าวของช่องวันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งช่องมา ส่งผลให้ช่องวันขยับเรตติ้งแซงช่อง Mono 29 มาเป็นที่ 3 ประจำสัปดาห์ของวันที่ 19-25 เมษายน 2564 เพราะละครเย็นของช่องวันก็มีเรตติ้งแรงดีไม่มีตกเช่นกัน กับละครเรื่องดงพญาเย็น นอกจากเรตติ้งทางทีวี ในตอนจบของวันทอง โลกออนไลน์ก็ร้อนแรงด้วยการติดเทรนด์ Twitter ที่ 1 ประเทศไทย และที่ 3 เทรนด์โลก, เทรนด์ Youtube อันดับ 1 ฉากประหารวันทอง, เทรนด์ Google อันดับ 1 คำค้นหา วันทองตอนจบ รวมไปถึง TikTok ที่มียอดวิวรวม 500 ล้านวิว 

การได้มาของเรตติ้งและการถูกพูดถึงในโลกออนไลน์อย่างถล่มทลาย คงไม่ใช่ความบังเอิญอย่างแน่นอน หากย้อนดูตั้งแต่การโปรโมทก่อนที่ละครจะออกอากาศ ทั้งโลโก้ช่องวันที่ทำเฉพาะกิจให้สอดคล้องกับละคร รวมถึงเพลงประกอบละคร “เพลงสองใจ” ที่ได้นักร้องคุณภาพอย่าง ดา เอ็นโดรฟิน มาถ่ายทอดความรู้สึกของวันทองให้คนดูได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น กับท่อนติดหูอย่าง “ใครจะอยากเป็นคนไม่ดี ผิดที่ใจไม่จำว่ามันไม่ควรรักใคร” ปล่อยออกมาให้คนฟังได้ฟังก่อนละครจะออกอากาศเกือบครึ่งเดือน และความสำเร็จของเพลงนี้ ส่งผลให้เพลงสองใจใน Youtube ทะลุ 100 ล้านวิวเพียงแค่ 41 วัน กลายเป็นเพลงไทยสากลที่ทำยอดวิวทะลุร้อยล้านวิวได้เร็วที่สุด แม้ว่าละครจะจบไปแล้ว เพลงสองใจยังได้รับความนิยมทั้งการเปิดในวิทยุ และการฟังผ่านทาง Music Streaming ซึ่งตัวเลข 200 ล้านวิวไม่น่าไกลสำหรับเพลงนี้ 

อีกหนึ่งกลยุทธ์ของช่องวันคือ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 10-12 เมษายน 2564 ที่ช่องวัน ได้นำละครเรื่อง วันทอง มาฉายแบบมาราธอน ซึ่งช่องวันเคยทำแบบนี้กับละครหลาย ๆ เรื่องมาแล้ว ทำให้คนที่อาจจะไม่ได้ติดตามดูมาตั้งแต่ตอนแรก ได้ดูย้อนหลังไปพร้อมกันก่อนที่จะเข้าสู่ตอนจบ 2 ตอนสุดท้าย ซึ่งก่อนที่จะฉายตอนจบ ด้วยสโลแกน “อย่าไว้ใจช่องวัน” ทำให้เกิดการถกเถียงในในโลกออนไลน์ ว่าจะจบอย่างไร จะโดนใจคนดูหรือไม่ คนดูน่าจะได้คำตอบแล้วว่า ช่องวันไว้ใจได้หรือไม่ (ฮ่า ๆ ๆ) แต่นี่คือกลวิธีในการนำเสนอที่ทีมทำละคร พยายามทำให้คนดูได้ลุ้นและติดตามจนกระทั่ง Break สุดท้ายของละครจริง ๆ

ความสำเร็จในครั้งนี้ นอกจากกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่กล่าวไป ความสนุกของละครเรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับทีมผลิตทั้งหมด ตั้งแต่ ผู้กำกับละคร ทีมนักแสดงที่แสดงได้ดีทุกบทบาท ทั้งนักแสดงหลักและนักแสดงสมทบ และทีมเขียนบท กับการนำเสนอตีความของวันทองแบบใหม่ ได้อย่างสนุก ครบรส สอดแทรกแง่คิด และคุยในประเด็นที่ประชากรโลกกำลังคุยกัน สิ่งที่พลเมืองโลกสนใจ เช่น เรื่องความเสมอภาค, สิทธิเสรีภาพ, Women Empowerment และแง่คิดเรื่องการใช้ชีวิตในครอบครัว นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จละครไทย ที่ก้าวข้ามผ่านการนำเสนอและกล้าตีความแบบใหม่ ๆ ในการพยายามสื่อสารกับคนดูในครั้งนี้ ความสำเร็จจะสะท้อนออกมาเองจากกระแสตอบรับของคนดู โดยเฉพาะการพูดถึงในโลกออนไลน์ กับเนื้อหาในช่วงตอนสุดท้ายของละคร ที่มีการนำคำพูดของตัวละครมาถกกันต่อในหลายประเด็น เป็นการดูละครในยุคใหม่ ที่มีการ Interactive ผ่านสื่อออนไลน์ได้อย่างทันท่วงที ... และสุดท้าย ละครเรื่องนี้ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ วรรณคดีสุดคลาสสิกของไทย ที่ถูกเล่าได้อย่างสนุกสนาน สอดแทรกวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของไทยในอดีต ในแบบที่เราพยายามผลักดันความเป็นไทย วัฒนธรรมไทย หรือ Soft Power ไทยของเรา ซึ่งนี่น่าจะเป็นกรณีศึกษาได้ว่าละคร หรือสื่อบันเทิงไทยของเรา ควรทำยังไงให้ความเป็นไทย ถูกสื่อสารออกมาได้อย่างสนุกและไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดความเป็นไทยแบบพร่ำเพรื่อ 


ข้อมูลอ้างอิง
https://www.tvdigitalwatch.com/rating-19-25-apr64/
https://www.thaipost.net/main/detail/97877
ขอบคุณรูปภาพจาก  IG : @one31thailand