อุทัยธานี - จัดงานเกษตรอินทรีย์ฯ ปี 2 ชูไฮไลต์ “กัญชาพืชเศรษฐกิจใหม่” ครั้งแรก เพื่อเกษตรกรและนักท่องเที่ยว
จังหวัดอุทัยธานี โดยสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุทัยธานี เทศบาลเมืองอุทัยธานี และภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ร่วมกันจัดงาน “เกษตรอินทรีย์ วิถีอุทัย ปี 2… เกษตรปลอดภัย คือความภูมิใจของเรา” ระหว่างวันที่ 9 -10 เมษายนนี้ ณ ตรอกโรงยา อ.เมือง จ.อุทัยธานี พร้อมกระตุ้นและขับเคลื่อน “เกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของจังหวัดให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งประชาชนในจังหวัด และนักท่องเที่ยว รวมทั้งชูไฮไลต์ “กัญชาพืชเศรษฐกิจใหม่” ผ่านนิทรรศการ และเสวนาเกี่ยวกับกัญชาในทุกมิติ เพื่อมุ่งให้ความรู้แก่เกษตรกร รวมทั้งผู้ที่สนใจการปลูกกัญชาทางการแพทย์ ตลอดจนการนำเปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน ใบ และราก ไปใช้ เพื่อให้นโยบาย "กัญชาเสรี" ถูกนำไปใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งนับเป็นมิติใหม่ที่ประเทศไทยได้เริ่มเปิดกว้างในเรื่องกัญชาโดยมีหน่วยงานของรัฐกำกับ
สำหรับไฮไลต์ในครั้งนี้ คือนิทรรศการ “เกษตรอินทรีย์ วิถีอุทัย” และ “กัญชาพืชเศรษฐกิจใหม่ที่เกษตรกรไทยต้องรู้” ครั้งแรกของจังหวัดอุทัยธานี โดยจะขนต้นกัญชาที่ปลูกได้จริงในจังหวัดอุทัยธานีมาจัดแสดง พร้อมฟังเสวนา “กัญชาทางเลือกใหม่ของเกษตรกรไทยจริงหรือ” โดยเกษตรกรผู้ปลูกกัญชา หน่วยงานภาครัฐ และกูรูด้านกัญชาที่จะมาร่วมพูดคุย และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในทุกมิติเกี่ยวกับการปลูกกัญชาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี กล่าวว่า แม้จังหวัดอุทัยธานีจะเป็นจังหวัดเล็ก ๆ แต่เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและความโดดเด่นด้านการเกษตร และการท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์และมีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย โดยเฉพาะภาคการเกษตรที่ถือว่ามีความสำคัญกับจังหวัดอุทัยธานีเป็นอย่างมาก เห็นได้จากทิศทางหรือนโยบายการพัฒนา รวมถึงการขับเคลื่อนด้านการเกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตรมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตภาคการเกษตร สร้างมูลค่าเพิ่มภายใต้ “เกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์” ควบคู่กับพัฒนานวัตกรรมอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตรและสิ่งเหลือใช้จากภาคเกษตรให้มีความหลากหลาย สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งเป็นเทรนด์ที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
“ปีที่แล้วเราจัดงานเกษตรอินทรีย์วิถีอุทัยขึ้นเป็นครั้งแรก นับว่าได้รับการตอบรับและประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดงาน ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้รณรงค์ ส่งเสริมเกษตรกร ให้หันมาผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย โดยลด ละ เลิก การใช้สารเคมี ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และพยายามส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาใช้องค์ความรู้ใหม่ ๆ จากธรรมชาติ และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม เรายังพยายามผลักดันให้เกษตรกรพัฒนาการผลิตไปสู่ “เกษตรอินทรีย์” ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมสูงสุด ตามนโยบายภาครัฐ ตลอดจนพยายามเชื่อมโยงเรื่องเกษตรกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ที่สำคัญในขณะนี้มีกระแสพืชเศรษฐกิจใหม่อย่าง “กัญชา” เข้ามา ซึ่งกัญชาทางการแพทย์จะต้องปลูกแบบอินทรีย์เท่านั้น ทำให้เกษตรกรในจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งมีองค์ความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์เป็นอย่างดีอยู่แล้ว สามารถต่อยอดไปปลูกพืชกัญชาซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ได้ง่ายขึ้น และคาดว่ากัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่สร้างรายได้แก่ประชาชนในจังหวัดในอนาคต”
สำหรับงาน “เกษตรอินทรีย์ วิถีอุทัยปี 2” นอกจากความรู้ด้านการเกษตรแล้ว ผู้เข้าชมงานยังสามารถเลือกซื้อสินค้าเกษตรคุณภาพจากกลุ่มเครือข่ายเกษตรอินทรีย์วิถีอุทัย ที่จะนำสินค้าเกษตรปลอดภัย สินค้าเกษตรอินทรีย์ และสินค้าเกษตรแปรรูปที่ขึ้นชื่อของจังหวัด ผลผลิตสด ๆ จากไร่มาให้นักท่องเที่ยวเลือกช้อป เลือกชิมอย่างจุใจในที่เดียว อาทิเช่น พืชผักสวนครัวพื้นบ้าน และผักสลัด, ข้าวอินทรีย์ และเห็ดอินทรีย์, ผลไม้ ได้แก่ ส้มโอ มะม่วง, ผลิตภัณฑ์จากปลาแรด GI จากแม่น้ำสะแกกรัง เช่น ปลาแรดทอดกระเทียม ปลาแรดแดดเดียว แหนมปลาแรด ไส้กรอกปลาแรด ปลาแรดหยอง ซาลาเปาไส้ปลาแรด, ข้าวเกรียบปลาแรด น้ำพริกปลาแรด ทอดมันปลาแรด ห่อหมกปลาแรด, ไข่ไก่ นมพาสเจอร์ไรซ์
พลาดไม่ได้กับเมนูสุดฮอตจากวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัยเกษตรปลอดภัย และเครือข่ายเกษตรกรกลุ่มต่างๆ เช่น ยำผักกูดกัญชา ข้าวไข่เจียวกัญชา ขนมจีนกัญชา ก๋วยเตี๋ยวกัญชา ผัดกะเพราหมูป่า ชวนชิมน้ำชากัญ ขนมปังเฮฮา สังขยาหัวเราะ จมูกข้าวยิ้ม ขนมกงกัญ และคุ้กกี้สมายด์ ฯลฯ พร้อมไฮไลต์เด็ด การสาธิตเมนูสร้างสรรค์จากกัญชา มาให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองชิม อาทิ เมนูแรดอารมณ์ดี และเตี๋ยวรักกัญ (ชา) กิจกรรมแข่งขันกินข้าวเหนียวมะม่วง รวมทั้งกิจกรรมการแสดงดนตรี การแสดงทางวัฒนธรรม ภายใต้มาตรการวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) รองรับสถานการณ์โควิด – 19 อย่างเคร่งครัด