ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ออกคำสั่งให้ฝรั่งเศสเข้าสู่ล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นรอบที่ 3 และเผยว่าโรงเรียนต่าง ๆ ต้องปิดการเรียนการสอนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ในขณะที่เขาพยายามรับมือกับการแพร่ระบาดระลอก 3 ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

จนถึงตอนนี้ สถานการณ์โรคระบาดใน ฝรั่งเศส พบจำนวนผู้เสียชีวิตขยับเข้าใกล้ 100,000 คน ตามห้องไอซียูตามภูมิภาคต่าง ๆ ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด ขณะที่การแจกจ่ายวัคซีนก็ล่าช้ากว่าที่วางแผนไว้ ทำให้ มาครง ถูกบีบให้ต้องละทิ้งเป้าหมายเดิมที่หวังเปิดประเทศต่อไปเพื่อปกป้องเศรษฐกิจ

“เราจะสูญเสียการควบคุม หากเราไม่ดำเนินการในตอนนี้” ประธานาธิบดีมาครงแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ

คำแถลงของเขามีเป้าหมายเดินมาตรการจำกัดความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่บังคับใช้ในกรุงปารีส และบางแคว้นทางภาคเหนือ รวมทางใต้ของประเทศ มาราว ๆ 1 สัปดาห์ และเวลานี้ก็จะถูกขยายบังคับใช้ทั่วประเทศอีกเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ (3 เม.ย.) เป็นต้นไป

ประธานาธิบดีมาครง วัย 43 ปี พยายามหลีกเลี่ยงล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นรอบที่ 3 นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2021 โดยเสี่ยงเดิมพันว่าหากเขาสามารถนำพาฝรั่งเศสหลุดพ้นจากโรคระบาดใหญ่แบบไม่ต้องล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง จะช่วยเปิดโอกาสให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากการดำดิ่งอย่างหนักเมื่อปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ทางเลือกของอดีตนายธนาคารเพื่อการลงทุนรายนี้แคบลง เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่เชื้อได้ง่ายกว่าเดิม ทั่วฝรั่งเศสและพื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรป

ทั้งนี้ในส่วนของการเรียนการสอน มาครงบอกด้วยว่าโรงเรียนต่างๆ จะปิดการเรียนการสอนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังสุดสัปดาห์นี้ กลับลำคำสัญญาที่เคยประกาศว่าจะปกป้องการศึกษาจากโรคระบาดใหญ่ โดยหากผ่านพ้นสุดสัปดาห์นี้ไป เด็กนักเรียนจะต้องเข้าสู่การเรียนทางไกลเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และหลังจากนั้นสถาบันการศึกษาจะปิดเทอมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งปีนี้โรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศจะปิดเร็วกว่ากำหนด

จากนั้นนักเรียนระดับอนุบาลและประถมจะกลับเข้าสู่ชั้นเรียน แต่นักเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจะยังคงต้องเรียนทางไกลต่ออีก 1 สัปดาห์ “นี่คือทางออกที่ดีที่สุดเพื่อชะลอไวรัส” มาครงกล่าว พร้อมระบุว่าฝรั่งเศสประสบความสำเร็จที่สามารถคงการเปิดการเรียนการสอนระหว่างโรคระบาดใหญ่ได้นานกว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายชาติ

สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันของฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นเท่าตัวนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เฉลี่ยแล้วเกือบ 40,000 คนต่อวัน ส่วนจำนวนคนไข้โควิด-19 ที่ต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียูทะลุ 5,000 คนแล้ว เกินกว่าระดับสูงสุดครั้งที่ประเทศแห่งนี้เข้าสู่ล็อกดาวน์เป็นเวลา 6 สัปดาห์เมื่อช่วงปลายปีก่อน เป็นที่เรียบร้อย

มาครง ระบุว่าจะมีการเพิ่มเตียงคนไข้ในห้องอีซียูเป็น 10,000 เตียง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

คำสั่งล็อกดาวน์รอบใหม่เสี่ยงชะลออัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศส หลังจากปีที่แล้วดำดิ่งอย่างหนัก โดยมาตรการดังกล่าวจะบังคับปิดธุรกิจต่าง ๆ กว่า 150,000 แห่งเป็นการชั่วคราว ก่อความเสียหายคิดเป็นมูลค่าราว ๆ 11,000 ล้านยูโรต่อเดือน จากการประเมินของกระทรวงการคลัง

มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ของฝรั่งเศสตอกย้ำถึงความเสียหายมหาศาลที่ต้องชดใช้ อันสืบเนื่องจากการแจกจ่ายวัคซีนต่อต้านโควิด-19 ที่ล่าช้าของสหภาพยุโรป

ประธานาธิบดีมาครงระบุว่า จำเป็นต้องเร่งมือโครงการวัคซีนให้เร็วขึ้น หลังจากประสบปัญหาติดขัดเกี่ยวกับระเบียบราชการและอุปทานขาดแคลน โดยจนถึงตอนนี้หลังผ่านไป 3 เดือน ฝรั่งเศสเพิ่งฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนไปได้เพียงแค่ 12% เท่านั้น

ฉะนั้นความพยายามเดินหน้าโครงการจึงต้องทำให้เร็วขึ้น โดยมาครงบอกว่าประชาชนในช่วงวัย 60 ปีเศษ ๆ จะมีสิทธิ์เข้ารับการฉีดวัคซีนตั้งแต่กลางเดือนเมษายนเป็นต้นไป และในอีก 1 เดือนหลังจากนั้นจะเป็นคิวของกลุ่มคนในวัย 50 ปีเศษ ๆ พร้อมเน้นย้ำว่ายังคงวางเป้าหมายฉีคซีนแก่ประชากรวัยผู้ใหญ่ให้ได้ 30 ล้านคนในช่วงกลางเดือนมิถุนายน

มาครง กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า มาตรการล็อกดาวน์เดือนเมษายน และการยกระดับความรวดเร็วของโครงการฉีดวัคซีนจะเปิดทางให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาเปิดอย่างช้าๆ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป โดยเริ่มจากพิพิธภัณฑ์และที่นั่งกลางแจ้งของบาร์และร้านอาหารต่าง ๆ ภายใต้กฎระเบียบอันเข้มงวด

.

ที่มา: https://mgronline.com/around/detail/9640000030936


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ