วันนี้ถูกยกให้เป็น ‘วันไทยอาสาป้องกันชาติ’ เป็นวันที่คนไทยรุ่นหลัง จะได้ร่วมรำลึกถึงเกียรติยศและความเด็ดเดี่ยวของ ‘ท้าวสุรนารีและนางสาวบุญเหลือ’ สองวีรสตรีที่ร่วมกันปกป้องอธิปไตยของชาติ ให้พ้นจากการรุกรานของข้าศึกศัตรู

ย้อนกลับไปเมื่อราวปี พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งนครเวียงจันทน์ ได้ยกกองทัพเข้าแผ่นดินไทย จนมาถึงเมืองนครราชสีมา เจ้าอนุวงศ์สามารถกวาดต้อนผู้คนมาเป็นเชลยขึ้นไปยังเวียงจันทน์มากมาย ซึ่งในจำนวนเชลยนั้น มีคุณหญิงโม และนางสาวบุญเหลือ รวมอยู่ด้วย

ในช่วงเวลาดังกล่าว คุณหญิงโม ร่วมกับ นางสาวบุญเหลือ และหลวงณรงค์สงคราม หัวหน้าชาวเมือง ได้สร้างวีรกรรม ณ ทุ่งสัมฤทธิ์ โดยได้ออกกลอุบายเลี้ยงสุราอาหารแก่ทหารลาว จนเมื่อเมามาย จึงแย่งอาวุธโจมตีเหล่าทหารลาวเป็นการตลบหลัง

ทางด้านนางสาวบุญเหลือ ที่ต้องต่อสู้กับ เพี้ยรามพิชัย ขณะที่กำลังเสียท่าและวิ่งหนี นางสาวบุญเหลือตรงเข้าไปคว้าฟืนในกองไฟ แล้วตัดสินใจวิ่งเข้าไปบริเวณกองเกวียนที่บรรทุกกระสุนดินดำ ชั่ววินาทีที่เพี้ยรามพิชัยจะถึงตัว นางสาวบุญเหลือก็เอาฟืนจุดเข้าไปที่ถุงดินปืน เกิดระเบิดกองใหญ่ ส่งผลให้เพี้ยรามพิชัย และทหารลาวมากมาย รวมทั้งตัวนางสาวบุญเหลือ เสียชีวิตในทันที

เรื่องเล่าแห่งความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวในวีรกรรมของนางสาวบุญเหลือ ถูกถ่ายทอดและอยู่ในความทรงจำของลูกหลานชาวนครราชสีมาตลอดมา ต่อมาทางราชการ จึงได้ถือเอาวันที่ 4 มีนาคมของทุกปี เป็นวันไทยอาสาป้องกันชาติ ทั้งนี้ถือเป็นการร่วมสดุดีคุณหญิงโม นางสาวบุญเหลือ ตลอดจนบรรพชนที่ได้ร่วมกันเสียสละชีวิต ปกป้องแผ่นดินของชาติในอดีต

โดยปัจจุบัน นอกจากอนุสาวรีย์ย่าโม ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์ของสามัญชนสตรีคนแรกของประเทศ ที่ตั้งอยู่ที่เมืองโคราชแล้ว ยังมีอนุสรณ์สถานนางสาวบุญเหลือ ที่ตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ด้วยเช่นกัน โดยวันนี้ของทุก ๆ ปี ประชาชนจะมาร่วมกันสักการะ วางพวงมาลา และเปลี่ยนผ้าตะเบงมานตามสีแห่งปี ให้กับเหล่าวีรสตรีผู้กล้า เพื่อเป็นการสดุดีในวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ที่ได้ทำเพื่อชาติบ้านเมือง


ที่มา: https://www.dailynews.co.th/regional/785630, https://th.wikipedia.org/wiki