Flexible Classroom หรือห้องเรียนดิ้นได้ เป็นห้องเรียนอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับเด็ก โดยที่เด็กจะไม่ได้เพียงแค่ความรู้ แต่ได้ฝึกทักษะที่จำเป็นต่าง ๆ จากการทดลองทำจริง

เมื่อพูดถึง ‘ห้องเรียน’ คุณผู้อ่านนึกถึงห้องแบบไหนคะ ?

คุณนึกถึงห้องสี่เหลี่ยม มีกระดานดำใหญ่ ๆ ติดอยู่บนผนังหน้าห้อง มีชุดโต๊ะนักเรียนและเก้าอี้เรียงกันเป็นแถวเป็นแนวยาวไปจนถึงท้ายห้องหรือเปล่า

นั่นคือรูปแบบห้องเรียนที่พวกเราคุ้นเคยกันดีมาช้านาน แต่ถ้าหากห้องเรียนไม่จำเป็นต้องเป็นห้องที่มีเพียงโต๊ะ เก้าอี้ และกระดาน คุณอยากให้ห้องเรียนเป็นแบบไหน

พวกเราส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 20 ปีนั่งเรียนในโรงเรียน บางคนอาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ นับว่ากินเวลาของชีวิตคนเราไปไม่น้อยเลยทีเดียว จึงอยากชวนคุณผู้อ่านคิดต่ออีกค่ะว่า เมื่อเราต้องลงทุนลงเวลาไปกับการเรียนหนังสือในห้องเรียนขนาดนี้แล้ว วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการเรียนคืออะไร? ทำไมเราต้องเรียน?

แน่นอนว่า คุณพ่อคุณแม่ทุกคนอยากให้ลูกเรามีชีวิตที่ดี มีความสุขและประสบความสำเร็จ และเชื่อว่าการมีผลการเรียนที่ดีจะนำพาลูกเราไปสู่เป้าหมายนั้นได้ และแล้วโลกก็เริ่มเปลี่ยนแปลงรวดเร็วกว่าเดิมมากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มมีอาชีพบางอาชีพหายไป มีอาชีพแปลกใหม่เกิดขึ้นมา แบบแผนการเรียนที่เคยดีนั้นอาจจะปรับเปลี่ยนตามไม่ทัน แต่ใช่ว่าโรงเรียนจะไม่จำเป็น ถึงอย่างไรเด็กก็ต้องไปโรงเรียน เป็นเหตุให้มีห้องเรียนรูปแบบใหม่เกิดขึ้นเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในอนาคต

ปัจจุบันผู้ปกครองหลายคนเริ่มสนใจทำ Home School ให้ลูกกันมากขึ้น ซึ่ง Home School ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของรูปแบบการเรียนที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะผู้ปกครองสามารถออกแบบห้องเรียนได้อย่างเฉพาะเจาะจงกับตัวลูกและยังยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ง่ายด้วย นอกจากนั้น ยังมีห้องเรียนแบบ Flexible Classroom หรือห้องเรียนดิ้นได้เกิดขึ้น เป็นห้องเรียนอีกรูปแบบหนึ่งที่ส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับเด็ก โดยที่เด็กจะไม่ได้เพียงแค่ความรู้ แต่ได้ฝึกทักษะที่จำเป็นต่าง ๆ จากการทดลองทำจริง

Flexible Classroom บรรลุวัตถุประสงค์ด้วยห้องเรียนดิ้นได้

หัวใจของห้องเรียนดิ้นได้ คือ ยึดบรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนเป็นหลัก เน้นปฏิบัติ ทำงานเป็นทีม ต่อยอดและเติบโตจากผลลัพธ์ มากกว่าการจัดอับดับหรือให้เกรดเฉลี่ย เด็กที่เรียนในห้องเรียนดิ้นได้ จะเริ่มต้นจากผลลัพธ์ก่อนว่าเราจะเรียนสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร การทำเช่นนี้ทำให้เด็ก ๆ เข้าใจว่าเค้าจะเรียนไปเพื่ออะไร เด็กจะอยากลงมือทำและผลลัพธ์นั้นจะต้องเป็นสิ่งที่เด็กต้องการ นักเรียนจะได้เรียนจากกระบวนการนำไปสู่ผลลัพธ์ โดยที่นักเรียนหาวิธีด้วยตัวของเค้าเอง

เช่น หากน้องอยากเรียนเรื่องการเป็นผู้ประกอบการ ห้องเรียนดิ้นได้จะทำการสร้างสถานการณ์ผู้ประกอบการจริงให้กับนักเรียน และน้อง ๆ จะได้กำไรจริงขาดทุนจริง ถ้าน้องขาดทุน น้องจะได้เรียนรู้ต่อไปอีกว่าขาดทุนตรงไหน ต้องแก้อย่างไร โดยมีครูที่เป็น Innovative Educator เป็นผู้ดูแลตลอดกระบวนการ

ทั้งนี้ ห้องเรียนแบบดิ้นได้จะสามารถให้ประโยชน์แก่ลูกได้ดีที่สุด ก็ต่อเมื่อคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองต้องเชื่อมั่นว่าลูกเราทำได้ พ่อแม่ต้องหลุดออกจากความคิดว่าเค้ายังเด็กและปล่อยให้เด็กได้ลงมือทำด้วยตนเอง

เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่และลูกทุกคนค่ะ


สามารถย้อนไปฟังการ LIVE หัวข้อที่น่าสนใจเหล่านี้เพิ่มเติมได้ที่ เพจดีต่อลูก

หัวข้อ Flexible Classroom for 21st Century ห้องเรียนดิ้นได้ในศตวรรษที่ 21

Link : https://www.facebook.com/299800753872915/videos/202930958185615

เขียนและเรียบเรียงเรื่องโดย: พิมพ์นารา สุวรรณไตรย์