'สรวุฒิ เนื่องจำนงค์' มุ่งมั่นลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชน | The States Times Click on Clear EP.5
บทสัมภาษณ์ของ 'สรวุฒิ เนื่องจำนงค์' ส.ส. คะแนนเสียงอันดับ 1 แห่งเมืองชลบุรี รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ในวันที่การเมืองสอนให้รับมือกับความผิดหวัง มุ่งมั่นลงพื้นที่อย่างจริงจังเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
รายการ : 'สรวุฒิ เนื่องจำนงค์' มุ่งมั่นลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชน | The States Times Click on Clear EP.5
.
จุดเริ่มต้นสู่เส้นทางนักการเมือง
ส.ส.ต้นเล่าว่าจุดเริ่มต้นของนักการเมืองมาจากความฝันในวัยเด็กที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่อยากเป็นตำรวจ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ พอโตขึ้นมาหน่อยก็อยากจะเป็นทูต แต่เส้นทางการเมืองมาฉายชัดในช่วงเรียนจบปริญญาตรี เพราะอยากทำงานเพื่อสังคม จึงได้ไปศึกษาจากผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่าน มีการทาบทามจากผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองซึ่งตอนนั้นรู้จักกับคุณพ่อ โดยการลงสมัครครั้งแรกเป็นแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองหนึ่งมี 100 คน ตนอยู่ในอันดับที่ 50 เศษๆ ถือว่าอายุยังน้อยมากเพียง 20 กว่า ๆ
ส.ส.อันดับ 1 พื้นที่ชลบุรีกับการเผชิญความกดดันในการเลือกตั้งปี 62
การเป็นนักการเมืองของส.ส.ต้นที่ผ่านมานั้น ถือว่าอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดชลบุรีและได้รับการตอบรับคะแนนเสียงอันดับหนึ่งมาโดยตลอด การเลือกตั้งครั้งล่าสุดปี 62 ที่แสนดุเดือด การเผชิญหน้าความกดดันไม่ทำให้ส.ส.ต้นท้อ เพราะทุกครั้งทุกสมัยที่ลงเป็นผู้แทน ตนมั่นใจว่าช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ลงสมัครหาเสียง แต่ละคนมีมุมที่เสนอแนะประชาชนในส่วนที่เป็นประโยชน์กับชาวบ้าน ขึ้นอยู่กับชาวบ้านว่านโยบายใดที่โดนใจ การเห็นความสม่ำเสมอของผู้แทนเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งตนทำมาตลอด การหาเสียงเลือกตั้งจึงทำแบบสบาย ๆ
ในส่วนเรื่องราวการฟ้องร้องจากคนตระกูลเดียวกันนั้น เนื่องจากการแข่งขันในเขตนี้มีความดุเดือด ตนเป็นผู้แทนที่ได้รับเลือกมาโดยตลอด คนที่นามสกุลเดียวกันก็ลงสมัครในเขตนี้มากที่สุดถึง 4 คน รู้จักกันทั้งหมด และอยู่ในพรรคการเมืองหลักทั้งนั้น ถือว่าแต่ละคนก็มีมุมมองที่น่าสนใจ แต่สุดท้ายชาวบ้านได้เลือกแล้ว
จากประชาธิปัตย์สู่พลังประชารัฐ
จุดเริ่มต้นในการเข้ามาเป็นนักการเมืองของส.ส.ต้นนั้น ในตอนแรกมี ‘พรรคไทยรักไทย’ ทาบทามเข้ามาแต่ไม่ได้ไปร่วม หลังจากนั้นตัดสินใจมาอยู่กับ’พรรคประชาธิปัตย์’ ตั้งแต่ปี 2546 ก่อนจะย้ายมาอยู่ ‘พรรคพลังประชารัฐ’
โดยในช่วงที่มีการยุบสภาเนื่องจากวิกฤตทางการเมือง มีการรัฐประหารตั้งแต่ปี 57 จนถึงประมาณปี 62 5 ปีเต็ม ๆ ที่ประเทศไทยไม่มีสภา ขณะนั้นส.ส.ต้นอยู่ในช่วงวัยกลางคน กำลังจะอายุ 40 ตนรู้สึกว่าเราไม่มีความหวังกับประเทศ ประเทศวุ่นวายไปหมด คิดจะเลิกจากการเมือง จึงโทรไปพูดคุยกับผู้บริหารในพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่าครั้งหน้าอาจจะไม่สมัคร ความรู้สึกส่วนตัวคือเบื่อ รู้สึกว่าประเทศไทยถูกครอบงำด้วยระบบที่เรียกว่า วงจรอุบาทว์ พอมีการโกงกินขึ้นมา มีรัฐบาลถูกลบโดยเสียงเรียกร้องของประชาชน มีทหารเข้ามารักษาความสงบ กลับมาก็มีการคืนอำนาจให้กับรัฐบาลที่เลือกตั้ง วนเวียนกันอยู่แบบนี้ ประชาชนไม่เคยได้สิ่งที่ควรจะได้
ในช่วงรอยต่อการเปลี่ยนผ่านนี้เองได้มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านและพรรคการเมืองอยากให้ไปช่วย สิ่งหนึ่งที่่ส.ส.ต้นถามทุกท่าน ทุกพรรค คือ มีนโยบายอย่างไรที่จะทำเพื่อประชาชน ตนจะมีบทบาทอะไรในสังคม และจะทำหน้าที่ส.ส.ที่ดีได้อย่างไร สุดท้ายมาตรงใจกับพรรคพลังประชารัฐ ผ่านการชักชวนของท่านสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ บทบาทและการทำงาน
หลังจากที่เข้ามาในพรรคพลังประชารัฐนั้นคุณต้นได้รับโอกาสที่หลากหลาย ทั้งเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐสามสมัย เป็นสมาชิกพรรคหมายเลข 007 เป็นกรรการตั้งแต่ชุดแรก จนกระทั่งชุดสามได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค ซึ่งถือว่าเป็นบทบาทที่สำคัญ และยังได้ทำงานหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นในการบริการต่าง ๆ เป็นประธานอนุกรรมการตรวจสอบเงินกู้โควิด 1.9 ล้านล้านบาท
ในส่วนของบทบาทการเป็นประธานอนุกรรมการวิสามัญพิจารณาติดตามและตรวจสอบการใช้เงินตามพระราชกำหนด 3 ฉบับในการแก้ปัญหาโควิดนั้น ส.ส.ต้น ได้แยกออกเป็น 3 ส่วน ส่วนหนึ่งคือการเยียวยา เช่น โครงการเราไม่ทิ้งกัน ซึ่งได้จ่ายเงินให้ประชาชนโดยตรงเป็นจำนวน 5,000 บาท 3 เดือน โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนที่ถือบัตรประชารัฐอยู่ 14.5 ล้านคน และโครงการคนละครึ่ง อีกส่วนหนึ่งที่กำลังดำเนินการคือเรื่อง 3500 บาท 2 เดือน
ปัจจุบันรัฐบาลไทยเป็นรัฐบาลที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมากที่สุด เป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากที่สุดในโลก โดยก้อนแรกนำไปใช้ในการเยียวยาแล้วส่วนหนึ่ง อีกส่วนได้จัดสรรไว้ใช้ในการป้องกัน ระมัดระวังเรื่องภัยพิบัติทางโควิด ส่วนใหญ่จะใช้กับเรื่องวัคซีน ซึ่งมีการเตรียมเงินไว้หลายหมื่นล้านบาท ส่วนที่ 3 เป็นเรื่องการเสริมสร้างเศรษฐกิจ เนื่องจากพิษโควิดทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีปัญหา ภาคท่องเที่ยวภาคส่งออกต้องหยุดชะงัก สิ่งที่ต้องฟื้นฟูคือให้ประชาชนมีกำลังซื้อ
ส.ส.ต้น กับบทบาทตัวเชื่อมผู้แทนรุ่นใหม่
สำหรับผู้แทนรุ่นใหม่ ที่ปรับบทบาทมาจากท้องถิ่น หรือมาจากภาคส่วนต่าง ๆ ในอันดับแรกส.ส.ต้นได้มีการติดอาวุธให้ไปทำงาน เช่น แนะวิธีการตั้งกระทู้ วิธีการหารือ วิธีการสอบถามพี่น้องประชาชน กลไกการดูแลความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนผ่านช่องทางต่าง ๆ คอยถ่ายทอดประสบการณ์ เป็นการหลอมรวมระหว่างผู้ที่มีประสบการณ์ในพรรคและผู้แทนรุ่นใหม่
การเมืองของคนรุ่นใหม่
ส.ส.ต้นมองว่า สิ่งสำคัญเกี่ยวกับการเมืองของคนรุ่นใหม่คือการเปิดใจยอมรับทั้งสองฝ่าย ต้องมีการรับฟังกัน แนวคิดหรือความคิดของทุกคนมีค่าเสมอ แต่บางทีเราเร่งรัดเร่งร้อนสิ่งที่เป็นอุดมคติมาให้สังคม อาจจะมีปัญหาเรื่องโครงสร้าง สิ่งนี้สำคัญต้องระมัดระวัง เพราะบางทีสิ่งที่ทุกคนต้องการ สิ่งที่ทุกคนอยากจะได้ไม่ได้มาแค่ข้ามคืน ต้องมีการเรียนรู้จากสิ่งที่ถูกและสิ่งที่ผิด เสียงของคนรุ่นใหม่น่ารับฟัง ต้องมีการพูดคุยกัน ในขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่ก็ต้องรับฟังภาคส่วนอื่น
บทเรียนการเป็นนักการเมือง
บทเรียนจากการเป็นนักการเมืองมาอย่างยาวนาน ส.ส.ต้นเผยว่าสิ่งแรกคือนักการเมืองสอนให้รู้จักรับมือกับความผิดหวัง ต้องแยกแยะปัญหาของพี่น้องประชาชน ว่ามันมีระดับของเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ เรื่องที่เป็นปัญหาระยะสั้น เรื่องที่เป็นปัญหาระยะยาว ต้องจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่จะทำ ในนามที่เป็นผู้แทน การเป็นส.ส.ไม่ได้หมายความว่าจะทำทุกอย่างได้ตามประสงค์ บางส่วนมาไม่ตรงเวลาก็ต้องผลักดันให้เต็มที่
สิ่งที่เป็นปัญหาหลักตอนนี้
ส.ส.ต้นมองว่าเรื่องที่เป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดขณะนี้ คือ บ่อนการพนันและแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ในเรื่องบ่อนการพนัน ตนเชื่อว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมที่เป็นต้นน้ำของประเทศทั้งหมด อย่างเช่น ตำรวจ เนื่องจากตำรวจประเทศไทยน่าสงสารมาก เพราะเงินเดือนน้อย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาจะต้องทำก็คือพยายามไปเรียกเงินหรือเรียกส่วยจากอาชญากรรมที่มีน้ำหนักเบา เช่น หวย การพนัน หรือแม้กระทั่งโสเภณี เพื่อไปป้องกันอาชญากรรมที่มีขนาดใหญ่และมีผลกระทบต่อสังคม เช่น ฆ่ากันตาย ยาเสพติด
เห็นได้ว่าตำรวจต้องไปที่เกิดเหตุออกเงินจ่ายค่าน้ำมันเอง ปืนก็ต้องซื้อเอง ค่าใช้จ่ายในการไปหาพยานก็ต้องทำเอง หลวงไม่ได้มีงบให้ เชื่อว่าทุกโรงพักต้องมีส่วย จึงถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องยอมรับเรื่องนี้ หากจำเป็นต้องมีบ่อนการพนันก็ควรให้เอาระบบพวกนี้ขึ้นมาสู่บนดิน ขึ้นทะเบียนรายได้ให้รัฐ และจัดระบบสวัสดิการให้ถูกต้องกับคนที่มีหน้าที่ป้องกัน เอาชีวิตไปเสี่ยงอันตราย ทำให้ทุกอย่างถูกต้องโปร่งใส ประเทศจะน่าอยู่ขึ้นเรื่อย ๆ
อีกเรื่องหนึ่งคือแรงงานต่างด้าว ส.ส.ต้นมองว่าแรงงานต่างด้าวอยู่คู่กับประเทศไทย 2-3 ล้านคนอย่างต่ำ ถ้ามีการจัดให้ถูกกฎหมาย มีการลงทะเบียนให้ถูกต้อง เมื่อเกิดอะไรขึ้นก็ตามตัวง่าย เกิดโรคระบาดขึ้นก็รู้เลยว่าทำงานที่ไหน รายได้ส่วนนี้ก็เข้ารัฐ นำไปทำนุบำรุงชีวิตพี่น้องโดยรวม ไม่เข้ากระเป๋าเฉพาะคนบางคน
‘ส.ส.ต้น’ ในฐานะผู้แทนราษฎร จ.ชลบุรี การเตรียมพร้อมของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ส.ส.ต้นเล่าว่า ชาวชลบุรีส่วนใหญ่ตื่นตัวและอยากได้โครงการนี้ พื้นที่บางส่วนเป็นพื้นที่สีเขียวที่มีการทำเกษตรกรรมและมีการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ นับตั้งแต่ยุคพลเอกเปรม เราไม่มีสิ่งใหม่ ๆ เสนอชาวโลกเลย EEC จะเป็นหัวขบวนที่จะทำให้มีอุตสาหกรรมใหม่ ดึงดูดการลงทุนระดับโลกอีกครั้งหนึ่ง เชื่อว่าชาวชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง มีความพร้อม ทุกอย่างจะมีการเริ่มต้น และเมื่อมีการเริ่มต้นที่ดี ความเจริญจะกระจายไปที่อื่น ๆ
นักการเมืองเพื่อคนในบ้านเกิดเมืองนอน กับสิ่งที่ชลบุรียังขาด
สุดท้ายนี้ส.ส.ต้นเผยว่าสิ่งที่ชลบุรียังเป็นปัญหา คือเรื่องความเหลื่อมล้ำที่บางส่วนชาวบ้านตอบรับ บางส่วนชาวบ้านปฏิเสธ ปัญหาความรับผิดชอบของผู้ประกอบการที่ไม่รับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน