Tuesday, 20 May 2025
WEEKEND NEWS

พรรคก้าวไกล จัดประชุมสมาชิก “ก้าวไกล NEXT” รายงานผลรับฟังความเห็นทั่วประเทศ พร้อมผลักดันพรรคเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลง

พรรคก้าวไกล จัดกิจกรรม “ก้าวไกล NEXT” ซึ่งเป็นแคมเปญรับฟังความเห็นจากประชาชน สมาชิกพรรค และผู้สนับสนุนของพรรค ที่ได้มีการเดินสายจัดเวทีขึ้นตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมทั้งช่องทางออนไลน์มาตลอดช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาจนมาถึงวันนี้ ซึ่งเป็นรอบการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในส่วนของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

โดยกิจกรรมหลักของวันนี้ เริ่มต้นขึ้นด้วยการรายงานผลการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนที่ผ่านมาในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ ขึ้นมานำเสนอ โดยมี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ขึ้นมานำเสนอภาพรวมของผลการรับฟังความคิดเห็นที่ผ่านมา

พิธา ระบุว่าตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา พรรคได้รับข้อเสนอในช่องทางออนไลน์มามากกว่า 400 ข้อเสนอ, ได้สร้างบทสนทนามากกว่า 5,700 ครั้ง, มีผู้มีส่วนร่วมในการโหวตกว่า 6,000 ครั้ง และมีการเข้าถึงเว็บไซต์กว่า 10,000 ครั้ง และยังมีการเปิดเวทีในพื้นที่กว่า 27 เวที ในทุกภาคทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากโจทย์เรื่องการสื่อสาร การทำงานพื้นที่ และตัวผู้สมัครแล้ว สิ่งที่ได้รับการเสนอเข้ามามากที่สุดคือเรื่องของนโยบาย มากกว่าเรื่องอื่นเป็นเท่าตัวถึง 204 เรื่อง ตามมาด้วยข้อเสนอแนะเรื่องการสื่อสาร และการทำงานพื้นที่ ตามลำดับ

ข้อเสนอเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพลังของประชาชนที่พร้อมจะสร้างสรรค์ประเทศที่มีอนาคต มีความหวัง ที่คนไทยเท่าเทียมกันและประเทศไทยเท่าทันโลก พรรคก้าวไกลยังมีโจทย์ที่ต้องช่วยกันปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างผู้แทนราษฎรที่มีอุดมการณ์เพื่อความเปลี่ยนแปลง และสามารถทำงานพื้นที่ได้อย่างสมดุล, การสื่อสารท่ามกลางพฤติกรรมการรับสื่อที่เปลี่ยนไป, การทำนโยบายที่ไม่ใช่เพียงแค่การเสนอให้ประชาชนเลือก แต่เป็นการเปิดพื้นที่ให้ทุกคนเข้ามาเสนอและลงมือทำ ภายใต้อุดมการณ์พรรคและความเป็นจริงทางวิชาการ

“เราจะทำให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ไม่ใช่แค่ของ ส.ส. หรือแกนนำพรรคที่เป็น ส.ส. แต่เป็นพรรคที่ประชาชนทุกคนร่วมกันสร้าง เราทำงานเพื่อหวังสร้างการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เพื่อลาภ ยศ ตำแหน่ง แต่เพื่อขับเคลื่อนสังคมเราก้าวไปข้างหน้า นี่คือ DNA ของพรรคก้าวไกล เราเชื่อว่าประเทศไทยจะดีขึ้นกว่านี้ได้ และความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นจริงได้ ถ้าเราทุกคนมาร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยกัน” พิธา กล่าว

"สมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคม" เปิดโครงการสร้างจิตอาสาสื่อ เฝ้าระวังป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในชุมชน

วันอาทิตย์ ที่ 28 สิงหาคม 2565 ณ ศูนย์ช่วยเหลือสังคมชุมชนบ้านคู่คลองเขตตลิ่งชัน บริเวณตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ได้รับเกียรติจาก "นายสมหวัง ชัยประกายวรรณ์" ผู้อำนวยการเขตตลิ่งชัน เป็นประธานเปิดโครงการฯ และได้กล่าวให้กำลังใจกับผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่จะร่วมมือร่วมใจกันเดูแล สอดส่อง รักษาความสงบสุขของสังคมให้มีความน่าอยู่และปลอดภัย ทั้งนี้ยังมี พ.อ.พิพัฒน์ จงวัฒนาไพศาล(รองผู้บัญชาการโรงเรียนกิจการพลเรือนทหารบก) ท่านผู้นำชุมชน / สภาองค์กรชุมชนเขตตลิ่งชัน / ผู้แทนมูลนิธิร่วมกตัญญู / ผู้แทนสมาคมวิทยากล / ผู้แทนสมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทย / ผู้แทนเครือข่ายต่าง ๆ และผู้เข้าร่วมเป็นเกียรติในการจัดกิจกรรม 

โดย "นายธวัชชัย กิตติรัตนวิวัฒน์" นายกสมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคม ได้กล่าวรายรายงาน และชี้แจงวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรม “โครงการสร้างจิตอาสาสื่อ เฝ้าระวังป้องกันและแก้ไข ปัญหาความรุนแรงในชุมชน”ภายใต้ยุทธศาสตร์แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ ๒๐ ปี ระยะที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๖๑ - ๒๕๖๕) ในยุทธศาสตร์ที่ ๑ ประเด็นยุทธศาสตร์ด้านที่ 1 มหานครปลอดภัย มิติที่ ๑.๒ ปลอด อาชญากรรมและยาเสพติด ระบุว่า "กรุงเทพมหานครเป็นเมืองปลอดอาชญากรรมปลอดยาเสพติด มีขีดความสามารถในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การรักษาความ สงบเรียบร้อยการควบคุมอาชญากรรมยาเสพติด” ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาอาชญากรรม และปัญหายา เสพติด ยังคงเป็นปัญหาหลักในสังคมไทย ซ้ายังส่งผลกระทบไปถึงการดารงชีวิตของประชาชนใน ทุกระดับ โดยเฉพาะในระดับครอบครัว จะพบเห็นตามข่าว สื่อทีวีทุกช่อง หรือตามสื่อโซเชียล พบว่า ปัญหาที่เกิดจากยาเสพติด ส่งผลต่อพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความรุนแรงในครอบครัวและ สังคม ทั้งทางตรงและทางอ้อม คือ ผู้เสพเกิดอาการคุ้มคลั่งประสาทหลอน ทาร้ายร่างกาย ทุบตี ทารุณกรรมบุคคลในครอบครัว กระทั่งก่ออาชญากรรม ทาให้สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

ดร.ไตรรงค์ ชี้ในประเทศเสรีประชาธิปไตยประชาชนที่เป็นอารยะต้องมีมากกว่าประชาชนที่เป็นอนารยะ(ป่าเถื่อน) การพิจารณาของศาลทุกขั้นตอน ต้องปราศจากความกดดันใดๆ

28 ส.ค.2565-ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเรื่อง “ใครกันแน่ที่เถื่อน” ระบุว่า เมื่อตอนนายโจไบเดน (Joe Biden) ได้รับเลือกตั้งด้วยเสียงส่วนใหญ่ (Electoral Vote) ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายของสหรัฐอเมริกา  รัฐสภาจะต้องรับรองผลการเลือกตั้งดังกล่าวเสียก่อน โจ ไบเดน จึงจะสามารถเข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ได้  แต่ผู้แพ้เลือกตั้งคือ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้ปลุกระดมกล่าวหาว่าเขาถูกโกงการเลือกตั้งทั้ง ๆ ที่คณะกรรมการเลือกตั้งและศาลได้พิจารณาวินิจฉัยแล้วว่า “ไม่มีการโกง” แต่ด้วยคำโกหกดังกล่าวของนายทรัมป์ได้ปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุนตัวเขาได้ก่อม็อบเดินขบวนเข้าไปยึดอาคารรัฐสภา เพื่อขัดขวางการรับรองผลการเลือกตั้ง (เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564) จึงเกิดมีการทำลายข้าวของในรัฐสภา ทำร้ายเจ้าหน้าที่และตำรวจสภาฯจนเกิดการยิงกันตายไปหลายศพและถูกจับกุมไปดำเนินคดีกันเป็นจำนวนมาก

การกระทำของ #ม็อบคนเถื่อน เหล่านั้นได้ทำลายชื่อเสียงและเกียรติภูมิของสหรัฐอเมริกาในฐานะผู้นำการปกครองในระบอบประชาธิปไตยไปทั่วโลก เพราะเป็นการเปิดเผยให้เห็นว่า มีคนอเมริกันจำนวนไม่น้อยที่ยังมีจิตใจป่าเถื่อนไม่มีความเป็นอารยะ กล่าวคือพร้อมจะใช้ความรุนแรงกับทุกฝ่ายโดยไม่ยำเกรงและเคารพกฎหมาย เพียงเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ แม้ว่าสิ่งนั้นจะสวนทางกับความต้องการส่วนใหญ่ของประชาชนในประเทศก็ตาม จึงเรียกได้เต็มปากว่าพวกนี้เป็นพวกบูชาระบบ “อนาธิปไตย” ไม่ใช่บูชาระบบ “ประชาธิปไตย” ตามอารยธรรมที่พวกเขาใช้ประกาศกันในการหาเสียงระหว่างการเลือกตั้ง (ซึ่งมันสะท้อนออกมาในรูปของนโยบายต่างประเทศและนโยบายกลาโหมตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปัจจุบัน)

มีอยู่หลายครั้งในหลายๆ ประเทศที่เมื่อศาลสถิตยุติธรรม หรือศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำพิพากษา ที่ไม่ตรงกับผลประโยชน์ที่พวกตนต้องการ ผู้ถูกศาลลงโทษ (ส่วนใหญ่เป็นนักการเมือง) ก็จะแหกปากตำหนิติเตียนศาลฯว่าเป็นผู้ที่มิได้มาจากการเลือกตั้งเหมือนพวกตน มีความชอบธรรมอะไรจึงมาพิพากษาลงโทษพวกตนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ถ้าหยุดคิดเสียสักหน่อยก็ควรจะได้สติกันว่าการเลือกตั้งนั้นเป็นเพียงการบ่งบอกถึงความชอบหรือไม่ชอบของประชาชน แต่จะนำผลการเลือกตั้งนั้นมาใช้กับกระบวนการยุติธรรมย่อมไม่ได้ เพราะการพิจารณาของทุกศาลทุกแบบล้วนอาศัยหลักกฎหมายที่ประกอบด้วยทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงไม่มีอะไรเกี่ยวกับความชอบหรือไม่ชอบของประชาชน ถ้าศาลฯลงโทษผู้ใดก็โปรดเชื่อเถอะว่าศาลได้ใช้ดุลยพินิจด้วยความรอบคอบตามหลักข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง เพราะมีหลักกฎหมายที่ใช้กันทั่วโลกมาเป็นพันปีแล้วอยู่ข้อหนึ่งก็คือ “บุคคลจะไม่ต้องรับโทษถ้าไม่มีกฎหมายกำหนดเอาไว้”

ในประเทศเสรีประชาธิปไตยประชาชนที่เป็นอารยะต้องมีมากกว่าประชาชนที่เป็นอนารยะ(ป่าเถื่อน) ประเทศทั้งหลายถึงสามารถเดินหน้าไปได้ด้วยความราบรื่น โดยอาศัยคนส่วนใหญ่ยังยึดหลักนิติธรรมเป็นใหญ่เอาไว้ด้วยความมั่นคง การพิจารณาของศาลทุกขั้นตอน (ของทุกๆศาล) ต้องปราศจากความกดดันใดๆ ของทุกๆ ฝ่ายทั้งจากนักการเมือง พรรคการเมือง และกลุ่มม็อบทุกชนิด

รัฐบาลปลื้มส่งออกมันสำปะหลังครึ่งปีแรกกว่า 6.7 ล้านตัน รวมมูลค่ากว่า 8.2 หมื่นล้านบาท ลุ้นยอดทั้งปีทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 15 ปี ด้วยมูลค่าส่งออก 1.3 แสนล้านบาท

28 ส.ค. 2565 – นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลชื่นชมผลสำเร็จ ตามที่ผลการส่งออกมันสำปะหลังไทยในช่วงครึ่งปีแรก 2565 มีจำนวนกว่า 6.7 ล้านตัน รวมมูลค่า 8.2 หมื่นล้านบาท พร้อมกำชับทุกฝ่ายร่วมพิจารณามาตรการเพิ่มการส่งออกให้บรรลุเป้าหมาย 1.3 แสนล้านบาท
.
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งดำเนินมาตรการประกันราคาผลผลิต และรายได้เกษตรกรมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแสวงหาตลาดแก่ผู้ประกอบการค้ามันสำปะหลังทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รายงานการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ได้แก่ มันเส้น มันอัดเม็ด แป้งดิบ แป้งแปรรูป และอื่น ๆ (กากมัน และสาคู) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 นี้ มีอัตราการส่งออกแล้วกว่า 6.7 ล้านตัน รวมมูลค่ากว่า 8.2 หมื่นล้านบาท โดยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ถือว่ามีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 35.16% ทั้งนี้ เกิดจากปัจจัยด้านสงครามที่ส่งผลต่อวัตถุดิบทางการเกษตรและอาหารทั่วโลก โรงงานอาหารสัตว์ฟื้นตัวจากผลกระทบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF) และโดยเฉพาะความต้องการมันเส้นเพื่อผลิตแอลกอฮอล์ของจีนสูง ทำให้ตลาดมันสำปะหลังไทยขยายตัว
.

โซเชียลฯ แห่วิจารณ์หลังพบรถฉุกเฉิน ต้องสียเวลาอ้อมไปรับผู้ป่วย หลังเจอการปิดถนนจัดงานขึ้นบ้านใหม่ พร้อมตั้งคำถามทำได้หรือ ผิดกฎหมายหรือไม่

วันนี้ (28 ส.ค.) เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 3 ได้โพสต์ภาพรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลนาโยง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ซึ่งขณะกำลังเดินทางไปรับผู้ป่วย ได้เจอเหตุที่ทำใหรถฉุกเฉินต้องล่าช้าในการไปีรับผู้ป่วย เนื่องจากการปิดถนน เพื่อใช้เป็นที่กางเต็นท์กลางถนน สำหรับวางโต๊ะจีน ในงานขึ้นบ้านใหม่ ซึ่งทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนที่ไม่ทราบการปิดถนน ต้องกลับรถและใช้เส้นทางอื่นแทน

โดยระบุข้อความว่า "เอ็นดูรถฉุกเฉินเจอเซอร์ไพรส์ปิดถนนจัดงานขึ้นบ้านใหม่ เสียเวลาอ้อมไปรับผู้ป่วยไหมนะ เส้นนาข้าวเสีย-กระช่อง ใครจะลัด/ใช้เส้นนี้ เลี่ยงหน่อยนะครับ ความเดือดร้อนกำลังปะทุครับ

ก.ล.ต.ลงดาบ สั่งปรับหมอบุญ 2.3 ล้าน พ่วงห้ามเป็นผู้บริหารบริษัท 42 เดือน ด้าน THG ตั้ง ‘จารุวรรณ วนาสิน’ ภรรยาหมอบุญ นั่งประธานบอร์ดแทน มีผลตั้งแต่ 27 ส.ค. 65

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.65 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับนายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG กรณีเผยแพร่ข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดเกี่ยวกับผลการดำเนินงานหรือข้อมูลอื่นใดของ THG ในลักษณะมีผลกระทบต่อราคาหรือการตัดสินใจลงทุนในหุ้น THG โดยให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินรวมจำนวน 2,348,834 บาท

โดยสืบเนื่องจากปรากฏข่าวการให้ข้อมูลของนายแพทย์บุญ วนาสิน ตามสื่อหลายแหล่งว่า THG จะลงนามในสัญญาซื้อขายและนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 ชนิด mRNA ยี่ห้อไฟเซอร์ โดยจะรับมอบวัคซีนล็อตแรก 5 ล้านโดส ภายในเดือนก.ค.64

และได้มีผู้ขอให้ ก.ล.ต.ตรวจสอบการให้ข่าวที่อาจไม่เป็นไปตามกฎหมายในกรณีดังกล่าว รวมทั้ง ก.ล.ต.ได้รับการแจ้งเหตุสงสัยจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า นายแพทย์บุญอาจบอกกล่าวหรือเผยแพร่ข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญที่อาจทำให้มีผลกระทบต่อราคาหรือการตัดสินใจลงทุนในหุ้น THG อันอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 240 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ)

จากการตรวจสอบพบว่า วันที่ 12 ก.ค.64 ถึงวันที่ 4 ส.ค.64 นายแพทย์บุญซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจของ THG ได้บอกกล่าวหรือเผยแพร่ข้อความต่อสื่อหลายแห่ง ทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ที่ประชาชนสามารถรับข่าวสารได้ในวงกว้างว่า THG จะลงนามในสัญญาซื้อขายเพื่อนำเข้าวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ชนิด mRNA ยี่ห้อไฟเซอร์er และจะรับมอบวัคซีนดังกล่าวจำนวน 5 ล้านโดสแรก ภายในเดือนก.ค.64

แต่ไม่ปรากฏว่า THG ได้มีการลงนามในสัญญานำเข้าวัคซีนภายในเดือนดังกล่าวจริง และช่วงต้นเดือนส.ค.64 นายแพทย์บุญยังคงยืนยันการนำเข้าวัคซีนดังกล่าวได้ภายในเดือนส.ค.64 แต่ต่อมานายแพทย์บุญได้ยอมรับผ่านทางสื่อว่า ไม่สามารถนำเข้าวัคซีนดังกล่าวตามที่เคยให้ข่าวไว้ได้แล้ว

ข้อความที่นายแพทย์บุญเผยแพร่ดังกล่าวอาจทำให้ประชาชนและผู้ลงทุนเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการดำเนินงานหรือข้อมูลอื่นใดของ THG ที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาหรือต่อการตัดสินใจลงทุนใน THG การกระทำของนายแพทย์บุญเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 240 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 วรรคสอง และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ

‘ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ’ ส.ส.เพื่อไทย เตือนเครือข่ายฝาก ส.ต.ท.หญิงโหด รับราชการตำรวจ เข้าข่ายผิด ม.157 เตรียมชงข้อมูล ‘เสรีพิศุทธ์’ กมธ.ป.ป.ช.เรียกสอบต่อ

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 28 ส.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคพท.ในฐานะคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงการเดินหน้าตรวจสอบกรณีทุจริตในแวดวงราชการกรณี ส.ต.ท.หญิงทำร้ายร่างกายทหารหญิงว่า จากการที่ตนได้ตั้งกระทู้ถามนายกฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีการเข้าเป็นตำรวจของ ส.ต.ท.หญิง และการกระทำที่อาจเป็นการเข้าข่ายค้ามนุษย์ แม้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ได้ออกมาชี้แจงในสภาฯ แทน แต่ข้อมูลทั้งหมดล้วนไร้จุดหมายปลายทาง การตอบคำถามของ พล.อ.ชัยชาญอาจเกิดจากการที่ท่านไม่ทราบ หรือไม่อยากตอบก็เป็นได้ แต่ส่วนตัวมองว่า พล.อ.ชัยชาญหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามมากกว่า และแม้มีการตั้งกรรมการเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้ยึดถือสำนวนการสอบสวนเดิมเป็นหลัก อาจทำให้สังคมมองว่าเป็นการตัดตอน ผลักภาระให้หน่วยงานอื่น 
.
ทั้งที่ความผิดในบางประเด็นมีหลักฐานชัดแจ้งเป็นที่ประจักษ์และเต็มไปด้วยข้อสงสัย เช่น 1.กระบวนการรับบุคคลเข้ารับราชการตำรวจ ทำอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ เป็นไปด้วยเส้นสนกลในหรือไม่ 2.ส.ต.ท.หญิงมีชื่อไปปฏิบัติงานที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งมีสิทธิประโยชน์ช่วยเหลือจากการปฏิบัติมากมาย เช่น เบี้ยเลี้ยง เบี้ยเสี่ยงภัยและอายุราชการที่ทวีคูณ เท่าที่ทราบข้อมูลในเบื้องต้น มีการสร้างขบวนการขึ้นมาเพื่อสร้างการเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานให้ ส.ต.ท.หญิง

‘ชัยวุฒิ’ เผย ‘บิ๊กตู่’ กำชับ รัฐมนตรีทุกคนทำงานสนับสนุน ‘บิ๊กป้อม’ ยันรักษาการ มีอำนาจเต็ม รัฐบาลทำงานต่อเนื่องไม่มีสะดุด ขอประชาชนอย่ากังวล

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในช่วงการรักษาการ ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่าขอให้ประชาชนเชื่อมั่น การทำงานของรัฐบาลในช่วงนี้แม้ พลเอกประวิตร จะรักษาการแทน แต่ก็มีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดินตามกฎหมาย ดังนั้น การดำเนินโครงการต่างๆยังเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่มีการสะดุด และไม่มีเรื่องใดต้องกังวล เพราะที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ กับ พลเอกประวิตร ก็ทำงานร่วมกันมาตลอด 

และปัจจุบัน ทั้ง 3 ป. ก็ปรึกษาหารือการทำงานกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้พลเอกประยุทธ์ จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นการชั่วคราวก็ตาม แต่ก็ยังมีบทบาทการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งสามารถให้ความเห็นในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองต่างๆ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่ากังวล นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ เองยังฝากให้รัฐมนตรีทุกคนช่วยสนับสนุนการทำงาน ของพลเอกประวิตร และยังมั่นใจว่าพลเอกประวิตร สามารถทำงานได้ไม่มีปัญหา 

บังกลาเทศกำลังชั่งใจต่อข้อเสนอนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงราคาถูกจากรัสเซีย แม้มีความกังวลว่ามันอาจผลักให้พวกเขากลายเป็นศัตรูกับตะวันตก หลังทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงเรื่อย ๆ 

ที่ผ่านมา บังกลาเทศซื้อน้ำมันจากบรรดาประเทศในตะวันออกกลางเป็นส่วนใหญ่ ภายใต้สัญญาระยะยาวมากมายระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เวลานี้ราคาน้ำมันซื้อขายกันที่ราว ๆ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงกำลังก่อหายนะแก่บังกลาเทศ ดังนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่บังกลาเทศจึงมองว่าเงื่อนไขต่างๆ ของรัสเซียจึงน่าสนใจไม่น้อย

Russneft บริษัทน้ำมันรัสเซีย เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ว่าจะเปิดทางให้บังกลาเทศซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงกลั่นในราคา 59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในนั้นรวมถึงค่าขนส่ง นอกจากนี้ รัสเซียยังเสนอจัดหาน้ำมันดิบป้อนแก่บังกลาเทศด้วย แต่ทางบังกลาเทศไม่มีศักยภาพด้านการกลั่น

ตัวอย่างน้ำมันเชื้อเพลิงรัสเซียจะถูกส่งถึงท่าเรือจิตตะกอง ของบังกลาเทศ ในสัปดาห์นี้ และทางสำนักงานปิโตรเลียมแห่งชาติบังกลาเทศ (Bangladesh Petroleum Corporation หรือ BPC) จะเข้าตรวจสอบคุณภาพเชื้อเพลิงเป็นลำดับต่อไป

ความร่วมมือระหว่างบังกลาเทศกับรัสเซียอาจรวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ด้วย โดยเมื่อวันพุธ (24 ส.ค.) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำบังกลาเทศ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า มีการพูดคุยกันในเรื่องข้าวสาลีกับปุ๋ยรัสเซีย พร้อมเผยว่าการหารือเกี่ยวกับข้าวสาลี 300,000 ตันและปุ๋ย 100,000 ตัน อยู่ในขั้นที่มีความคืบหน้า

นายกรัฐมนตรีดิเนช กุนาวาร์เดนา ได้ออกคำสั่งระหว่างประชุมร่วมกับสภาเศรษฐกิจระดับสูงของรัฐบาลเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ให้บรรดาเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจทบทวนแนวโน้มของการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงรัสเซีย

"สืบเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประชาชนกำลังทุกข์ทรมานเพราะว่าราคาน้ำมันโลกที่เพิ่มสูงขึ้น มันกำลังกลายเป็นปัญหา" นายกรัฐมนตรีกล่าว "ในสถานการณ์ปัจจุบัน อินเดีย และประเทศอื่นๆ กำลังซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ดังนั้น เราจำเป็นต้องดูว่าเราสามารถซื้อได้หรือไม่ และต้องหาทางออกสำหรับเรื่องนี้"

รัฐบาล ยัน เดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน คืบ ก่อสร้างระยะที่ 1 (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) พรฎ.เวนคืนที่ดิน มีผลบังคับตั้งแต่ 27 ส.ค. 65

เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีโครงการความร่วมมือกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ – หนองคาย และการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย สปป.ลาว และจีน ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างงานโยธาของโครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ -นครราชสีมา ระยะทาง 250.77 กม. กระทรวงคมนาคมได้รายงานถึงความคืบหน้าว่าโครงการดำเนินการไปตามแผนงาน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับการเตรียมพื้นที่ก่อสร้างนั้น เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2565 ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เพื่อเนินการก่อสร้างตามโครงการฯ ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. 2565 เป็นต้นไป มีกำหนดระยะเวลา 4 ปี  โดยมีสาระสำคัญให้เจ้าหน้าที่เริ่มต้นเข้าสำรวจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืน ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่ในการเวนคืน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกา เป็นกฎหมายอีกหนึ่งฉบับที่แสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการขับเคลื่อนความต่อเนื่องของโครงการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top