Tuesday, 14 May 2024
เมียนมา

TOPIC 19 : นักล่าอาณานิคมฉวยโอกาส? จุดกระแสเครื่องบินเมียนมาโฉบเข้าน่านฟ้าไทย ก่อสงครามกับ ‘จีน - รัสเซีย - เกาหลีเหนือ’

นักล่าอาณานิคมฉวยโอกาส? จุดกระแสเครื่องบินเมียนมาโฉบเข้าน่านฟ้าไทย ก่อสงครามกับ ‘จีน - รัสเซีย - เกาหลีเหนือ’

Click on Clear Original
โดย ปริม THE STATES TIMES (กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา)

'รัสเซีย-เมียนมา' ความสัมพันธ์แบบ 'มหามิตร' แม้เวลาเปลี่ยน 'เพื่อนหมี' ยังเคียงข้างเสมอ

หลังจากที่เกิดการรัฐประหารในเมียนมา ก็เริ่มมีชื่อหลายประเทศที่เข้ามาสนับสนุนรัฐบาลทหารของเมียนมา และประเทศหนึ่งที่ในอดีตแทบจะไม่มีใครพูดถึงเลย แต่แท้จริงมีความสัมพันธ์กับกองทัพเมียนมาอย่างแน่นแฟ้น นั่นก็คือ รัสเซีย

ความแน่นแฟ้นนี้สามารถย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่พม่ายังตกอยู่ใต้อาณานิคมของอังกฤษ และช่วงหนึ่งที่มีการลุกฮือขึ้นต่อต้านอังกฤษจากผู้นำที่ชื่อ 'นายพลอองซาน' จนถึงช่วงที่ได้รับเอกราชจากอังกกฤษนั้น นายพลอองซาน ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งพม่า ถึงกับถูกจารึกไว้ในงานเขียนของ โจเซฟ ซิลเวอร์สตีน ที่เขียนไว้ใน 'มรดกทางการเมืองของอองซาน' ว่า...

"นายพลอองซาน หนี้สินทางปัญญาต่อ โจเซฟ สตาลิน ผู้นำโซเวียต และผู้นำคอมมิวนิสต์คนอื่นๆ ได้ผลักดันให้เขาสามารถปลดแอกพม่าจากอังกฤษและนำพาพม่ามาเป็นประเทศสังคมนิยมในที่สุด ซึ่งในระหว่างการต่อสู้กับจักรวรรดิอังกฤษนั้น ทางโซเวียตให้ทั้งการสนับสนุนทางศีลธรรมและความช่วยเหลือทางการเงินแก่กลุ่มนักปฏิวัติชาวพม่าที่กำลังต่อสู้กับการล่าอาณานิคมของอังกฤษด้วย"

แม้ภายหลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย รัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ก็ยังดำเนินนโยบายกับทางเมียนมา ว่าไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศและยังยับยั้งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อช่วยเมียนมาอีกด้วย

ความสัมพันธ์ระหว่างเมียนมา กับรัสเซียยิ่งแนบแน่นมากขึ้นเมื่อรัสเซียได้มีส่วนร่วมในโครงการพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ และได้กลายเป็นซัพพลายเออร์ด้านการป้องกันรายใหญ่ให้แก่กองทัพเมียนมา 

‘พิธา’ ร้อง ‘รัฐ-ยูเอ็น’ กดดันเผด็จการทหาร หลังตัดสินประหารนักเคลื่อนไหวในเมียนมา

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงการณ์กรณีการประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา ระบุว่า…

ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผมรู้สึกตกใจและเศร้าเสียใจอย่างยิ่งต่อการกระทำอันโหดร้ายของศาลทหารของเผด็จการทหารเมียนมาในการประหารชีวิตผู้นำ NLD และนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย เช่น พโย เซยา จ่อ และ ก่อ หมิ่น ยู ผมขอร่วมกับประชาคมโลกในการประณามการกระทำนี้อย่างรุนแรงที่สุด

สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยและเป็นธรรมโดยตุลาการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายอันชอบธรรม เป็นอิสระ และเป็นกลาง เป็นหนึ่งในหลักการอันล่วงละเมิดมิได้ที่บัญญัติไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หรือ ICCPR การทำลายสิทธิดังกล่าวถือเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามจิตสำนึกร่วมที่ดีของประชาคมโลก

เผด็จการทหารเมียนมาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในการปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยุติความรุนแรงต่อพลเรือนโดยทันที ดังนั้นผมขอสนับสนุนให้อาเซียนทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ให้กับเมียนมา พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยส่งสัญญาณที่เข้มแข็งและชัดเจนต่อเผด็จการทหารเมียนมาว่า การเข่นฆ่าผู้คนอย่างไร้เหตุผลเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และเรียกร้องให้คืนอำนาจกลับคืนสู่ประชาชนโดยเร็วผ่านการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม เนื่องจากเมียนมาที่เป็นประชาธิปไตยและมั่งคั่ง เป็นประโยชน์ไม่เพียงต่อประเทศไทยแต่ต่อประชาคมโลกในภาพรวมด้วย

'วงในเมียนมา' ฉะ!! 'พิธา' จุ้นเรื่องเพื่อนบ้าน ย้อน!! หรือเห็นด้วย 'ยิงพระ-วางระเบิดใต้'

จากกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงการณ์กรณีการประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา ระบุว่า รู้สึกเศร้าเสียใจอย่างยิ่งต่อการกระทำอันโหดร้ายของศาลทหารเมียนมา ในการประหารชีวิตผู้นำ NLD และนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ขอร่วมกับประชาคมโลกในการประณามการกระทำนี้อย่างรุนแรงที่สุด และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยแสดงท่าทีชัดเจนไม่เห็นด้วยในการกระทำของประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เพจเฟซบุ๊ก LOOK Myanmar ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า...

เพิ่งรู้ว่าพิธา ถือสัญชาติเมียนมาด้วย ไปยุ่งอะไรกับเรื่องในบ้านเขา เอางี้นะ ถามว่า PDF (กองกำลังพิทักษ์ประชาชน : People's Defense Force) มีเป็นร้อยเป็นพัน ทำไมประหาร 4 คน? ทำไม Paing Takhon สุดหล่อถึงไม่โดนประหารไปด้วย? ทั้งที่ก็เคยเป็น PDF ระดับออกโรงแถวหน้า

ก็เพราะว่า...

1. 4 คนนี้เป็น PDF ระดับแกนนำในการจัดหาท่อน้ำเลี้ยงจากต่างประเทศ

2. ทั้ง 4 คนถูกจับพร้อมหลักฐานที่พบในที่ถูกจับ

ถามว่าคุณพิธาเห็นด้วยกับการยิงพระ วางระเบิดโรงพยาบาล ฆ่าคนในร้านน้ำชา วางระเบิดตามสถานที่ราชการในเมืองใหญ่ ๆ และล่าสุดคือวางระเบิดที่จอดรถสำนักงานของธุรกิจคนไทยในย่างกุ้งใช่หรือไม่

ขอถามกลับว่าที่ภาคใต้ของไทยโจรใต้ก็ได้กระทำการไม่ต่างกับกลุ่ม PDF กระทำการในเมียนมา ปัจจุบันนี้ คุณพิธาเห็นด้วยกับการกระทำของโจรใต้อย่างนั้นหรือ

'ดร.ปริญญา' จี้!! รบ.ไทยกดดันพม่ายุติประหาร หากไม่ทำ เท่ากับหนุนหลังการกระทำเช่นนี้

'ดร.ปริญญา' ซัดรัฐบาลเมียนมาป่าเถื่อนประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยจำนวน 4 คน เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ จี้รัฐบาลประยุทธ์หยุดคบหาให้กดดันคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วหาไม่แล้วอาจถือได้ว่าหนุนหลังการกระทำเช่นนี้

(27 ก.ค. 65) ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า…

การประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยจำนวน 4 คนคือ Kyaw Min Yu, Phyo Zeya Thaw, Hla Myo Aung และ Aung Thura Zaw นับเป็นความป่าเถื่อนเลวร้ายที่สุดอีกครั้งที่รัฐบาลทหารเมียนมาได้กระทำต่อประชาชนของตนเอง

สงครามแย่งชิงมวลชน ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ คือภารกิจสำคัญของผู้มีอำนาจทุกยุคทุกสมัย หากต้องการให้มวลชนอยู่ภายใต้การปกครอง และตัวเองสามารถครองอำนาจไปได้ตลอด แม้กระทั่งผู้นำอย่าง ฮิตเลอร์ ก็ยังให้ความสำคัญกับการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อแย่งชิงมวลชนมาเป็นฝ่ายตัวเอง 

สมัยฮิตเลอร์ครองอำนาจ เขาได้มือขวาคู่ใจคนหนึ่ง ซึ่งต่อมาคือรัฐมนตรีกระทรวงโฆษณาการ นายโยเซฟ เกิบเบิลส์ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการปลุกระดม การโฆษณาชวนเชื่อ และสร้างข่าวเท็จจำนวนมาก หรือที่เรียกว่า Fake News โดยนปัจจุบัน เขามีลักษณะเด่นคล้ายฮิตเลอร์ คือ เป็นนักพูดตัวยง เป็นนักแสดงบนเวที และเป็นนักเล่าเรื่องผู้ยอดเยี่ยม

ฮิตเลอร์ และมือขวาของเขาได้ร่วมกันสร้างหลักการง่ายๆ จนเป็นพื้นฐานสำคัญของการทำโฆษณาชวนเชื่อแพร่หลายทั่วไปจนถึงปัจจุบัน ภายใต้หลักการง่ายๆ 7 วิธี ซึ่ง 7 วิธีนี้ ทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่ในปัจจุบัน

'การใช้สื่อเป็นเครื่องมือ' ภายหลังพรรคนาซีได้รุ่งเรืองอำนาจในปี ค.ศ. 1933 ฮิตเลอร์และเกิบเบิลส์ ได้เข้าควบคุมหนังสือพิมพ์ทั้งหมดในเยอรมนี เพื่อกำหนดข่าวให้อยู่ทิศทางเดียวกัน ไม่รวมถึงวิทยุกระจายเสียงที่อยู่ภายใต้รัฐบาลอยู่แล้ว และพวกเขาได้สร้างนักพูด นักปลุกระดมมวลชนหลายพันคนที่มีฝีปากจัดจ้าน ออกตระเวนไปพูดทั่วประเทศ ส่งเนื้อหาเพื่อทำให้ประชาชนชื่นชอบฮิตเลอร์ พรรคนาซี และความชอบธรรมในการรุกรานประเทศอื่นๆ

...'โกหกจนเป็นเรื่องจริง' !!

โยเซฟ เกิบเบิลส์ เคยกล่าวว่า “ยิ่งโกหกคำโตมากเท่าไร โกหกบ่อยๆ คนจะยิ่งเชื่อมากขึ้น” และ “การหลอกประชาชนจำนวนมากด้วยการพูดโกหกเรื่องใหญ่ๆ ง่ายยิ่งกว่าการโกหกเรื่องเล็กๆ”

“การตั้งฉายา” ตั้งฉายาฝ่ายตรงกันข้ามให้ชั่วร้ายเลวทรามหรือดูแย่ เพื่อให้คนหมู่มากรู้สึกรังเกียจและสร้างความเกลียดชังให้มากขึ้น

“พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก” เป็นการย้ำข้อความเดิมๆ ไปเรื่อยๆ ซ้ำๆจนคนฟังหรือผู้รับสารค่อยๆ ซึมและเชื่อไปเองในที่สุด ไม่ต่างจากการที่ค่ายเพลง เปิดเพลงที่ตั้งใจจะให้ฮิทติดอันดับทางสถานีวิทยุ เปิดไปเรื่อยๆ จนคนฟังชินหู แล้วเริ่มรู้สึกว่าเพลงเพราะ

“ฝ่ายธรรมะ ฝ่ายอธรรม” ฮิตเลอร์พยายามสร้างภาพว่า ตัวเองเป็นสัตบุรุษ เป็นเสมือนพระเยซู ผู้ทรงคุณธรรม มีศีลธรรมอันดีงาม มาช่วยเหลือ ปกป้องชาวเยอรมันและป้ายสีว่าผู้ร้ายคนชั่วคือพวกยิว ที่เป็นพ่อค้าขูดรีด เอาเปรียบชาวอารยันมานาน และพวกคอมมิวนิสต์ที่มีความคิดชั่วร้ายในการปกครองประเทศ แม้กระทั่งก่อนการบุกประเทศเพื่อนบ้าน อย่างประเทศเชคโกสโลวาเกียหรือโปแลนด์ ก็มีการปลุกระดมให้คนเยอรมันเข้าใจผิดว่า ชนชาติเหล่านั้นเป็นคนชั่ว ข่มเหงรังแกคนเยอรมันและชนกลุ่มน้อยในประเทศนั้นๆ ทางรัฐบาลนาซีเลยต้องประกาศสงคราม

“แบ่งแยกผู้คนเป็นฝ่ายต่างๆ ชัดเจน” เมื่อทำทั้ง 6 วิธีด้านบนไปแล้วก็ถึงเวลาในการที่จะบีบให้คนต้องเลือกข้างและด้วยเหตุผลทางจิตวิทยาคงไม่มีใครที่อยากจะเลือกข้างเป็นผู้ร้ายและนั่นคือความสำเร็จของโมเดลโฆษณาชวนเชื่อของฮิตเลอร์

คนไทยอาจทะเลาะกันเองได้ แต่การต่างประเทศไม่ควรจะถูกเอามาเป็นเครื่องมือในการทะเลาะกัน เพราะต้องเลือกสิ่งเดียว คือ การรักษาผลประโยชน์ที่ดีที่สุดแก่ประเทศไทยเป็นหลัก

คนไทยอาจทะเลาะกันเองได้ แต่การต่างประเทศไม่ควรจะถูกเอามาเป็นเครื่องมือในการทะเลาะกัน เพราะต้องเลือกสิ่งเดียว คือ การรักษาผลประโยชน์ที่ดีที่สุดแก่ประเทศไทยเป็นหลัก

นางพรพิมล กาญจนลักษณ์ 
ที่ปรึกษารมว.ต่างประเทศ และผู้แทนพิเศษของรมว.ต่างประเทศด้านเมียนมา

ไม่นานมานี้ นางพรพิมล กาญจนลักษณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศด้านเมียนมา ได้ตอบข้อสงสัยหลายประเด็นเกี่ยวกะบบทบาทของไทยกับเมียนมาที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีการประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวในเมียนมา รวมถึงการนำเรื่องเมียนมา มาโยงกับการเมืองไทย ดังนี้...

>> การประหารชีวิตที่เพิ่งเกิดขึ้นในเมียนมา 

พรพิมล "เรามีความกังวลมากมาก การที่เขาเลือกจะประหารมันบอกอะไรหลายอย่าง ซึ่งประเทศไทยไม่ต้องการจะให้เกิดขึ้น การตัดเมียนมาออกไปการปฏิสัมพันธ์กับนานาชาติโดยสิ้นเชิง ทำให้การตัดสินใจทุกอย่างอยู่ในมือของเขาทั้งหมด ไม่ว่าอาเซียนหรือใครก็จะไม่มีอิทธิพลต่อความคิดหรือการกระทำของเขาทั้งนั้น และการที่เรามีปฏิสัมพันธ์ (engage) กับเขา ไม่ได้หมายความว่าเราให้การรับรองความถูกต้องชอบธรรมตามกฎหมาย (legitimacy) แต่เราต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเขา เพราะไม่มีการเจรจาสงบศึกใด ๆ ที่จะทำได้โดยไม่มีปฏิสัมพันธ์กับทุกภาคส่วน (stakeholders) ที่เกี่ยวข้อง

'ครูบาบุญชุ่ม' แสดงธรรมครั้งแรกหลังออกจากถ้ำ ศิษยานุศิษย์นั่งฟังธรรมร่วมแสนคน

หลังจากที่ ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร อรญฺญวาสีภิกขุ พระเกจิดังแห่งล้านนา ออกจากถ้ำหลวงเมืองแก็ด รัฐฉาน ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังจากอยู่ในถ้ำครบ 3 ปี 3 เดือน 3 วัน นับตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2562

เมียนมาส่งตัวครูแดนกลับไทยแล้ว ให้การบอกไปเขตว้าแดงไม่ได้ถูกหลอก

เวลา 09.30 น. วันที่ (9 ส.ค. 65) พ.อ.สุทธิ์เขตต์ ศรีนิลทิน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง มอบหมายให้ พ.อ.ทรงภพ ชาญเดช รอง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง เดินทางมาที่ สะพานมิตรภาพไทยเมียนมาแห่งที่ 2 อำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย เพื่อรับมอบตัว นายระม้าย โมริพันธ์  หรือ "แดนนี่ "หรือ "ครูแดน"  อายุ 40 ปี ชาว อ.ภูพาน จ.สกลนคร ผู้กำกับละครและครูสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับดารานักแสดง จากทางการเมียนมา 

หลังจากก่อนหน้านี้ได้ถูกคุมขังอยู่ในคุกเมืองโต๋น ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นเขตปกครองของรัฐว้า โดยเจ้าหน้าที่รัฐว้าได่นำตัวมาส่งให้เจ้าหน้าที่ทหารเมียนมาที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ตรงกันข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. 65 ที่ผ่านมา โดยทางเจ้าหน้าที่เมียนมาได้สอบปากคำครูแดนแล้วเสร็จแล้วโดยใช้เวลาประมาณ 1 วัน จากนั้นได้ติดต่อมายังฝั่งไทยผ่านกลไกลชายแดนทางคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่น หรือทีบีซ๊ เพื่อขอส่งมอบตัวครูแดนกลับสู่ประเทศไทยแล้ว โดยจะใช้ช่องทางตรงจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2

'เมียนมา' เจอพิษเศรษฐกิจ อาหารขาดแคลน-ราคาพุ่ง ชาวเมียนมาหลายร้อยชีวิต ต้องต่อคิวรับของบริจาค

เอเอฟพี - ท่ามกลางสายฝนโปรายปรายในฤดูมรสุม ชาวพม่าหลายร้อยชีวิตกำลังต่อแถวซื้อน้ำมันพืชราคาถูกที่รัฐอุดหนุนในนครย่างกุ้ง ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของพม่า หนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่ประสบปัญหาขาดแคลนในประเทศ

เศรษฐกิจของพม่าตกต่ำลงหลังการรัฐประหารของกองทัพเมื่อปีก่อน และยังถูกซ้ำเติมจากความพยายามของรัฐบาลทหารที่จะยึดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ตลอดจนกฎเกณฑ์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ในการกำกับธุรกิจและการนำเข้า

มาตรฐานการครองชีพกำลังได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากต้องดิ้นรนเพื่อให้ผ่านพ้นและพึ่งพาการอุดหนุนจากรัฐ หรือการกุศลเพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้

“ผู้คนไม่สามารถใช้จ่ายรายได้ของพวกเขาไปกับอาหารได้มากนักเนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น” ขิ่น ขิ่น ธัน แม่บ้านวัย 55 ปี กล่าว ขณะรอเติมน้ำมันลงในขวดพลาสติกที่สมาคมท้องถิ่นนำออกขาย

ราคาตลาดสำหรับน้ำมันพืชราว 1.6 กิโลกรัม พุ่งเป็น 9,000 จ๊าต จาก 5,000 จ๊าต ขิ่น ขิ่น ธัน ระบุ

“ถ้ามีคนทำงานเพียงคนเดียว ครอบครัวจะไม่มีเงินเหลือพอสำหรับค่าอาหาร” ขิ่น ขิ่น ธัน กล่าว

ในเดือน ก.ค. ธนาคารโลกกล่าวว่า ราว 40% ของประชากรอาศัยอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนแห่งชาติ

ราคาข้าวก็ทะยานขึ้นเช่นกันโดยเป็นผลจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นและจากการที่ทหารและนักสู้ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเปลี่ยนพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเป็นสนามรบ

แม้แต่หนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไลท์ออฟเมียนมาร์ที่รัฐให้การสนับสนุนก็รายงานข่าวเกี่ยวกับราคาข้าว ไข่ ผัก ค่าเดินทาง และค่าเช่าที่เพิ่มสูงขึ้นเกือบทุกวัน

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดีเซล 1 ลิตร พุ่งขึ้นประมาณ 6 เซนต์ในชั่วข้ามคืน ไปแตะระดับสูงสุงที่ 2,440 จ๊าตต่อลิตร (1.15 ดอลลาร์) ตามการรายงานของสื่อของรัฐ จากในวันก่อนหน้าการรัฐประหารเมื่อปีที่ผ่านมา ลูกค้าในย่างกุ้งจ่ายเงินเพียง 695 จ๊าต ที่ปั๊มน้ำมัน

ในสัปดาห์นี้ รัฐบาลทหารได้ประกาศว่าได้จัดตั้งคณะกรรมการจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากรัสเซีย แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าการจัดซื้อนั้นจะเริ่มเมื่อใดหรืออย่างไร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top