Tuesday, 14 May 2024
เมียนมา

รมช. กลาโหม รับเมียนมาทะลักเข้าไทยอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวกว่า 2,000 คนแล้ว

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม กล่าวถึง กรณีที่ผู้หนีภัยจากการสู้รบในพื้นที่ชายแดนประเทศเมียนมา และได้เข้าไทยบริเวณชายแดนแม่สอด จังหวัดตากอย่างผิดกฎหมายหลังมีสงครามภายใน ว่าพยายามที่จะดูแลพี่น้องประชาชนอย่างดีที่สุดโดยให้ศูนย์บัญชาการชายแดนจังหวัดตาก และหน่วยทหารในพื้นที่ร่วมการสนับสนุนการดำเนินการ 

“นายก” ยืนยัน รับเมียนมา อพยพเข้าไทย ดูแล ตามหลักมนุษยธรรม  พร้อมส่งผู้แทนพิเศษเข้าพูดคุยดูแล พร้อมเจรจาหยุดยิง หากระเบิดตกฝั่งไทย แต่ไม่อพยพออกคนออกจากพื้นที่ 

ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงแนวชายแดนไทย-เมียนมา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ว่า วันนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ในพื้นที่ มีความรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งหลักๆเป็นการสู้รบกันระหว่าง ทหารเมียนมากับชนกลุ่มน้อย และได้มีการหารือกันทางการทหารในเรื่องนี้มาโดยตลอด ว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดการสู้รบกัน แต่ก็เป็นเรื่องภายในของเขา แต่ด้วยชายแดนไทยติดกับเมียนมา ไม่ว่าจะเป็นบริเวณ อำเภอแม่สอด หรือจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจุดสำคัญยังมีการสู้รบกันอยู่ แต่ในระหว่าง ที่เกิดสถานการณ์ ก็มีผู้ที่ได้รับผลกระทบอยู่ และ อพยพเข้าหาพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งเราได้มีการเตรียม ความพร้อมไว้ล่วงหน้านานแล้ว และดูแลตามหลักมนุษยธรรม ทั้งเรื่องยา การเจ็บไข้ อาหารการกิน และเมื่อการสู้รบเบาบางลงก็จะผลักดันบุคคลเหล่านั้นกลับสู่ประเทศ 

พล.อ.ประยุทธ กล่าวอีกว่า จะไม่มีการตั้งศูนย์อพยพในประเทศไทย ในขณะนี้จำนวนผู้อพยพอยู่ในประเทศไทยเหลืออยู่ประมาณ 90,000 คน การส่งกลับก็ต้องขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางด้วย โดยที่ผ่านมาเราได้มีการทะนอยส่งกลับไปบ้งแล้ว แต่ตอนนี้ยังมีปัญหาเกิดขึ้น เราจึงต้องตระหนักในเรื่องนี้ไว้ก่อน แต่ตนขอยืนยันว่า จะดูแลให้ดีที่สุด และส่งเสริมหลักมนุษยธรรมอาเซียน เพื่อให้ผู้แทนพิเศษสามารถเข้าไป ช่วยเหลือดูแลได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องความปลอดภัย ของประชาชนเมียนมา ประเทศเขาก็คือประเทศเขา ประเทศเราคือประเทศเรา แต่ต้องไม่ลืมว่าเรามีความใกล้ชิดกับเมียนมามาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะประชาชนเมียนมาที่เดือดร้อนจากสถานการณ์ภายในของเขา 

ทอ. ยันเครื่องบินเมียนมา ยังไม่ได้ล้ำแดนไทย เผยเขตเฝ้าระวัง 50 ไมล์ไม่ได้ตายตัวขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ เมียนมาร์-ไทย เป็นมิตรที่ดี /แจงดราม่าใช้เครื่องบินโปรยน้ำดับฝุ่นพีเอ็ม ยันพิจารณาทางเทคนิค อยุ่ในขั้นเตรียมพร้อมหากรัฐบาลสั่ง 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี  โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีที่การสู้รบบริเวณชายแดนเมียนมาร์ได้รับสัญญาณหรือการแจ้งเตือนการลุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทยหรือไม่ว่า  ขณะนี้ยังไม่ได้พบว่ามีเครื่องบิน หรือ อากาศยานที่มีเจตนารมณ์หรือเป้าหมายเข้ามาในประเทศไทย ยังคงประสานงานกับหน่วยป้องกันเฝ้าระวังในพื้นที่ตามปกติ  ยืนยันว่า รายงานล่าสุดก็ยังไม่มีบินล้ำเข้ามาในประเทศไทย ทั้งนี้ ภารกิจทอ.มีภาระหน้าที่ในการตรวจระบบเฝ้าระวังภัยทางอากาศ ป้องกันภัยคุกคามทั้งหมดของปะเทศ มีสถานีเรด้าร์รายงาน11 แห่งทั่วประเทศ ในด้านตะวันตกนั้น ทอ.มีระบบเฝ้าตรวจ เฝ้าระวัง ค้นหาพิสูจน์ และดำเนินการตามกระบวนการตลอด 24 ชม.

“ระบบป้องกันภัยทางอากาศของประเทศไทย มีความพร้อม และเราเห็นภาพที่ต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งการให้ข้อมูลในลักษณะที่เป็นภาพ ไม่สามารถให้ได้ เพราะจะเกิดผลกระทบทั้งสองฝ่าย จะเป็นการชี้เป้าไปในทางที่ไม่เกิดประโยชน์กับไทย เขาไม่มีเจตนาลุกล้ำเข้ามา  และเป็นเรื่องภายในประเทศเพื่อนของเรา เขาเป็นมิตรที่ดีกับเรา ทั้งนี้ได้มีการประสานงานกันตลอด ตัวเลขเขตเฝ้าระวังเข้มข้น50ไมล์นั้นก็ไม่ได้เป็นกฎตายตัว เป็นเรื่องลักษณะทางภูมิประเทศ การเฝ้าระวังทางอากาศต้องดูเจตนาว่าเราตั้งใจที่จะพุ่งเข้ามาสู่เป้าหมายอะไรหรือไม่อย่างไร เราก็พิสูจน์ฝ่าย หากเครื่องบินนั้นมีการส่งแผนการบินที่ชัดเจนเราก็เฝ้าระวังและเฝ้าดูไม่ให้กระทบต่อแนวชายแดยของไทย เขาก็ปฏิบัติภารกิจในแนวชายแดนของเขา”พล.อ.ต.ประภาส กล่าว 

‘ไป่ ทาคน’ นายแบบดังเมียนมา ไม่รอด!! ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี ฐานประท้วงรัฐบาล

ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี ‘ไป่ ทาคน’ นายแบบและนักแสดงชื่อดังชาวเมียนมา ฐานอารยะขัดขืนหยุดงานประท้วงรัฐบาล

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นายแบบและนักแสดงชื่อดังชาวเมียนมา ไป่ ทาคน วัย 24 ปี หลังจากถูกทหารจับกุม ตามแผนการปราบปรามศิลปินและดาราที่ออกมาแสดงพลังต่อต้านรัฐประหาร ล่าสุด ถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปีในเรือนจำอินเส่ง

โดยไป่ ทาคน ถูกฟ้องตามมาตรา 505 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยมาตรา 505 (ก) เป็นความผิดในฐานอารยะขัดขืนโดยการหยุดงานประท้วง เข้าร่วม สนับสนุน หรือกดดันให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหยุดงานประท้วง ซึ่งมีโทษสูงสุดคือติดคุก 3 ปี เป็นสาเหตุให้ไป่ ทาคน ถูกพิพากษาจำคุกหลายเดือนต่อมาในเรือนจำอินเส่ง

สหรัฐฯ ลั่น! เหตุรุนแรงต่อโรฮิงญาโดยกองทัพเมียนมา เทียบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์-ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

จากการรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ รัฐบาลไบเดนได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าความรุนแรงที่ก่อขึ้นต่อชนกลุ่มน้อยโรฮิงญาโดยกองทัพเมียนมามีความร้ายแรงเท่ากับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะประกาศการตัดสินใจในวันจันทร์นี้ที่พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวกับรอยเตอร์ ซึ่งปัจจุบันมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับชะตากรรมของชาวโรฮิงญา เป็นเวลาเกือบ 14 เดือนหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งและให้คำมั่นที่จะดำเนินการทบทวนความรุนแรงต่อชาวโรฮิงญาอีกครั้ง

กองกำลังติดอาวุธของเมียนมาเริ่มปฏิบัติการทางทหารในปี 2560 ซึ่งบังคับชาวโรฮิงญามุสลิมอย่างน้อย 730,000 คนจากบ้านเรือนของพวกเขาและเข้าไปลี้ภัยในบังกลาเทศ ซึ่งพวกเขาเล่าถึงการสังหาร การข่มขืนหมู่ และการลอบวางเพลิง ในปี 2564 กองทัพเมียนมาเข้ายึดอำนาจในการทำรัฐประหาร

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และสำนักงานกฎหมายภายนอกรัฐบาลได้รวบรวมหลักฐานเพื่อพยายามยืนยันถึงความร้ายแรงของเหตุทารุณดังกล่าวโดยเร็ว แต่แล้ว ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสมัยโดนัลด์ ทรัมป์กลับปฏิเสธที่จะตัดสินใจกระทำการใดๆ

บลิงเคนสั่งด้วยตัวเองให้มี "การวิเคราะห์ทางกฎหมายและข้อเท็จจริง" การวิเคราะห์สรุปได้ว่ากองทัพเมียนมากำลังก่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และรัฐบาลวอชิงตันเชื่อว่าการตัดสินใจประณามกองทัพเมียนมาอย่างเป็นทางการจะเพิ่มแรงกดดันจากนานาชาติในการให้รัฐบาลเผด็จการทหารรับผิดชอบ

"มันจะทำให้พวกเขา (กองทัพเมียนมา) ยากที่จะล่วงละเมิดต่อไป" เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศกล่าว

'ธนาธร' เผย ถ้าได้เป็นนายกฯ จะไม่ทอดทิ้งเพื่อนบ้าน ลั่น!! มีผู้ลำบากอีกมากที่ต้องการความช่วยเหลือ

13 เม.ย. 65 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาว่า สงกรานต์ปีนี้ ผมได้ใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัว ทำให้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงอีกหลายหมื่นหลายแสนครอบครัวที่ต้องพลัดพรากจากกันด้วยภัยสงคราม

หลายเดือนที่ผ่านมา ผมดีใจที่เห็นพี่น้องประชาชนคนไทยจำนวนมากออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสงครามยูเครนอย่างเปิดเผย

คนจำนวนมากชื่นชมกับความพยายามของคนยูเครนที่จะปกป้องอธิปไตย บ้านเกิดและครอบครัวของพวกเขา ยืนหยัดต่อสู้กับผู้รุกราน

ประชาชนผู้ไม่เกี่ยวข้องกับความอหังการของมหาอำนาจคนใด ตายเกลื่อนถนน นักแสดงลุกขึ้นมาจับปืน ประชาชนกลายเป็นนักรบ พ่อแม่พาลูกทิ้งบ้าน หนีตายอพยพไปประเทศอื่น ตึกรามบ้านช่องกลายเป็นซากปรักหักพัง ทั้งหมดนี้เป็นภาพที่เราเห็นจากยูเครน

จนวันนี้ มีคนยูเครนมากกว่า 4 ล้านคนอพยพทิ้งบ้านตัวเองเพื่อเอาตัวรอดจากสงครามไปแล้ว

มันเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ผมอยากชี้ให้เห็นว่า ยังมีสงคราม และผู้ได้รับผลกระทบจากสงคราม อยู่ใกล้เรามากกว่ายูเครนมากนัก

เพียงแค่ข้ามชายแดน

ที่ริมแม่น้ำเมยและริมแม่น้ำสาละวิน มีผู้หนีตายจากสงครามกลางเมืองเมียนมาอยู่หลายหมื่นคน

พวกเขาเหล่านี้ คือกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามอย่างบ้าคลั่งที่มีต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา

นับตั้งแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ประชาชนหลายล้านคนลุกขึ้นมาต่อต้านเผด็จการด้วยความหวังถึงสังคมประชาธิปไตย สังคมที่ดีกว่า

พวกเขาถูกปราบปราม พวกเขาถูกเข่นฆ่าอย่างเลือดเย็น

ประชาชนจำนวนมากลุกขึ้นจับอาวุธร่วมกับกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์

รัฐบาลทหารปราบปรามกลุ่มต่อต้านอย่างหนักด้วยอาวุธสงคราม และด้วยการโจมตีทางอากาศ ประชาชนจำนวนมากบ้านแตกสาแหรกขาด จำต้องทิ้งบ้านเกิด หาที่ปลอดภัยซุกหัวนอน

รัฐบาลโปแลนด์ เพื่อนบ้านยูเครนเปิดประเทศต้อนรับผู้อพยพ ประชาชนชาวโปแลนด์ช่วยกันหาอาหารและเสื้อผ้าสนับสนุนประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลโปแลนด์ให้ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนเข้าถึงการแพทย์ การศึกษา และหางานได้ในโปแลนด์

เมื่อผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาหาที่ปลอดภัยซุกหัวนอน หวังพึ่งฝั่งไทย สิ่งที่รัฐบาลเราทำกลับเป็นการผลักไสไล่ส่งพวกเขาออกไป ด้วยข้ออ้างโควิด และข้ออ้างว่าผู้ลี้ภัยสมัครใจกลับเอง ทั้งที่องค์กรระหว่างประเทศ และองค์กรการกุศลหลายหน่วยงานที่ผมพูดคุยด้วย ให้ข้อมูลตรงกันว่าชาวพม่าที่พยายามหลบภัยสงครามข้ามแดนมาฝั่งไทย ถูกเจ้าหน้าที่ทหารกดดันให้กลับไปฝั่งพม่าทั้งหมด หรืออย่างดีที่สุดก็ค้างคืนกันบนเกาะกลางแม่น้ำหรือริมตลิ่ง ชิดพรมแดนไทย

ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ เข้าไม่ถึงน้ำประปา ห้องน้ำสะอาด หมอพยาบาล และหยูกยา เด็กๆ ไม่ได้รับการศึกษา อยู่อาศัยในเพิงพักที่สร้างตามมีตามเกิดริมฝั่งน้ำ ไม่รู้ชะตากรรมว่าเมื่อไหร่สงครามจะสงบ เมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สมาชิกในครอบครัวของเขาที่ถูกฆ่าตายจะได้รับความเป็นธรรม

ฤดูฝนกำลังจะมา ผมนึกไม่ออกว่าพวกเขาจะอยู่กินหลับนอนกันอย่างไร

ในโลกของเผด็จการ ชีวิตประชาชนคนธรรมดาราคาถูกเสมอ ประวัติศาสตร์ของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกรียงไกรของผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีคนธรรมดาอยู่ในนั้น

'บิ๊กตู่' แจง!! เครื่องบินรบเมียนมาตีวงล้ำน่านฟ้าไทย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ย้ำ!! สัมพันธ์ 2 ประเทศดีเหมือนเดิม

‘บิ๊กตู่’ เผยเคลียร์เมียนมาแล้ว ชี้!! เครื่องบินรบตีวงเลี้ยวล้ำน่านฟ้าไทย ยันไม่ใช่เรื่องใหญ่ความสัมพันธ์ดีอยู่แล้ว ขอมั่นใจสมรรถนะป้องกันอธิปไตยได้

(1 ก.ค. 65) ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดตัวงาน 'สูงวัยใจสมาร์ต' ถึงกรณีกองทัพอากาศตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บินล้ำแดนบริเวณ อ.พบพระ จ.ตาก โจมตีกองกำลังชนกลุ่มน้อยบริเวณแนวชายแดนและบินล้ำแดนเข้ามายังพื้นที่ประเทศไทย ว่า ได้มีการประสานไปยังเมียนมาแล้ว ซึ่งเขายอมรับแล้วว่ารุกล้ำ พร้อมมีการขอโทษมาแล้วและระบุว่าไม่ได้ตั้งใจจะมีปัญหา แต่เขาต้องตีวงเลี้ยวจึงล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทยเล็กน้อย ขณะที่เครื่องบินของเราก็ได้ทำการขึ้นบินเผื่อผลักดัน ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามมาตรฐาน

'อดีตนักสร้างสารคดี' สอนพวกเสี้ยม อย่าชักศึกเข้าบ้าน บางเหตุเป็น 'สิ่งปกติ' ยัน!! 'ไทย-เมียนมา' เพื่อนกันกว่าที่คิด

แม้จะมีความพยายามสร้างรอยร้าวให้เกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่าง 'ไทย-เมียนมา' จากกรณีเครื่องบินรบเมียนมาตีวงเลี้ยวล้ำน่านฟ้าไทย แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่เหตุสุดวิสัย ที่พูดคุยกันด้วยความเข้าใจ ก็จบ

เพราะสุดท้ายแล้ว โดยพื้นเพของคนทั้ง 2 ฝั่งประเทศ ที่เราอาจจะเรียกว่า 'คนระดับล่าง' นั้น เขามีน้ำใจต่อกันแบบที่คนไม่รู้ ก็อาจจะพูดให้เกิดความกังวลใจในภาพใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กในชื่อ 'อัครวุฒิ จันทร์ขจร' ได้โพสต์ข้อความที่ช่วยขยายความสัมพันธ์อันดีของคน 2 ชาติที่สะท้อนจากเรื่องจริง มาถ่ายทอดจนเห็นเป็นภาพชัดว่า 'ไทย-เมียนมา' ต่างกันแค่ลำธารกั้น แต่เป็นเพื่อนกันเมื่อได้พบเจอและพูดคุย ว่า...

เรื่องของเพื่อนประเทศ...

ในสมัยที่ผมทำสารคดีทุ่งใหญ่แถบบ้าน 'ทิไล่ป้า' มันเป็นเขตติดกับพม่าแค่ 'ลำธารกั้น'

ผมก็เดินถ่ายไปของผม​ เพราะธรรมชาติสวยดี​ แต่พอมารู้ตัว​ 'มีทหารพม่า 3 คนเดินเข้ามา' พูดภาษาไทยชัดมาก

>> ทหารพม่า: คุณมาทำอะไร​ 
>> ผมบอก: มาสร้างโรงเรียนทิไล่ป้า
>> ทหารพม่า: อ๋อ!! ลูกชายผม 2 คนก็เรียนที่นั่น​

เรานั่งคุยกัน​ ผมมีช็อกโกแลตไป 5-6 ชิ้น​ ก็แบ่งกันกินเพราะเห็นว่าเค้าน่าจะไม่เคยกิน​ คุยกันถามสารทุกข์สุขดิบ​ จนสุดท้ายผมขอตัวกลับ​...เดินต่อ​ 

>> ทหารพม่าบอก: พี่โอมครับ...แผ่นดินไทยไปทางโน้นครับ​ นี่เขตพม่าครับ
>> ผม: อ้าว​นี่พี่ล้ำแดนมาพม่ารึนี่
>> ทหารพม่า: ไม่เป็นไรครับ​ เราพม่าไทยก็เหมือนเพื่อนกัน​ และยิ่งมาสร้างโรงเรียนให้ลูกผมได้เรียน...ยิ่งอยากต้อนรับครับ

นี่คือ...น้ำใจระดับล่างของประเทศเพื่อนบ้าน...ถ้าเค้ามีความคิดเป็นอย่างฝ่ายค้านบางคนของไทย​ ป่านนี้ผมคงตายเป็นผีเฝ้าป่าไปแล้ว​  

แต่นี่...มันเป็นเรื่องของเพื่อนบ้านรั้วติดกัน​ และผมก็เคยคุยกับพี่ๆ นักบินฮ.ชายแดน​ เค้าบอก​บางทีเราก็ตีวงเข้าพื้นที่กันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา​ ไม่ว่า​ทางน้ำ​ ทางบก​ ทางอากาศ​ ถ้าเค้าไม่ตั้งใจเข้ามาถล่มเรา เรื่องเมื่อวานนี้ (30 มิ.ย.) มัน 'คือปกติ' มีแต่ไอ้พวกที่ชอบชักศึกเข้าบ้านนี่แหละที่มันคิดแบบไม่ดี...

ครับ​ ผมเข้าใจเรื่องพวกนี้นะ...บางทีชายแดนลาว​ เขมร​ ผมก็เจอ​ อย่างเช่นปี 2535 ที่บ้าน 'ไทยนิยม' ศรีสะเกษ​มั้ง บ้านเกิดพี่บัวขาวน่ะ...ผมก็ไปทำสารคดี...ขับรถข้ามทุ่งไป​ มันเลี้ยวแยะยุคนั้น...เลยเข้าเขมร​ เค้าก็ออกมาบอกทางว่าไปทางนั้นทางนี้...ทั้งๆ ที่ตอนนั้นประเทศเค้ายังรบกัน​ 

'ทูตนอกแถว' ชี้!! รัฐฯ เมียนมาไม่ใช่ 'เพื่อน' แต่เป็น 'พ่อ' ของรัฐฯ ไทย หลังเหตุรุกล้ำน่านฟ้า

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม นายรัศม์ ชาลีจันทร์ เจ้าของเพจทูตนอกแถว และอดีตเอกอัครราชทูตไทยใน​หลายประเทศ เขียนบทความวิจารณ์ กรณีท่าทีของกองทัพไทยต่อเหตุการณ์ความมั่นคงชายแดน โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์ชี้แจงของนายกรัฐมนตรีไทย โดยระบุว่า

แบบนี้ไม่ใช่เพื่อนแล้ว แต่คือพ่อครับ

พอเห็นผู้บริหารรัฐบาลออกมาแถเรื่องเครื่องบินรบพม่าที่รุกล้ำดินแดนไทยอย่างโจ่งแจ้ง ว่าไม่เป็นไร เรื่องเล็ก เขาแค่มาตีวงตั้งหลักเฉยๆ อย่าไปทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูดเรื่องนี้ต่ออีก

ก็ไม่รู้ว่าใครแนะนำให้พูดแบบนั้น เพราะคำพูดที่ออกมานั้นมันเท่ากับเป็นการยอมรับโดยปริยายว่าทางการไทยได้ยินยอม รู้เห็นเป็นใจ ให้ทหารพม่าใช้ดินแดนและอธิปไตยของไทยเพื่อเป็นฐานเข้าโจมตีชนกลุ่มน้อยในพม่านั่นเอง

ก่อนหน้านี้ทางโฆษก ทอ.ก็ได้แถลงเองว่าได้ติดตามตลอดและเห็นในจอเรดาร์แล้วว่าบินวนอยู่ ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าบริเวณดังกล่าวนั้นกำลังมีการสู้รบ ถ้ายังปล่อยให้เครื่องบินรบทหารพม่าเข้ามาในเขตไทยได้อีก และให้เขามีเวลาพอเหลือเฟือที่จะบินอ้อมตีโค้งกลับลำสบายๆ ก่อนที่จะค่อยส่งเครื่องบินของเราขึ้นไป (ซึ่งป่านนั้นเขาก็บินไปลิบแล้ว)

‘ดอน’ เผย เมียนมาเสียใจ กรณีเครื่องบินรบรุกล้ำไทย รับปากไม่บินล้ำน่านฟ้าไทยอีก พร้อมทำหนังสือชี้แจง

(5 ก.ค.65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือทวิภาคีกับ นายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเมียนมา ระหว่างร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ (4 ก.ค.) ที่ผ่านมา ว่า... 

ได้มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีเครื่องบินของเมียนมาที่บินลุกล้ำน่านฟ้าไทย ซึ่งฝ่ายเมียนมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และไม่ได้เกิดขึ้นโดยเจตนาถือเป็นอุบัติเหตุ โดยฝ่ายเมียนมาแจ้งว่าจะทำหนังสือมาถึงฝ่ายไทย
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top