Tuesday, 14 May 2024
เมียนมา

'มูเตลูไทย' ซอฟต์พาวเวอร์สุดโดนใจ 'ชาวเมียนมา-ชาวโลก' มาไทยทีไร 'ต้องแวะ-ต้องไหว้' กระจายรายได้ถ้วนหน้า

ในช่วงที่กระแสซอฟต์พาวเวอร์ไทยกำลังดังไปสู่สากลเอย่า เลยถือโอกาสมาเล่าหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ที่หลายคนอาจจะรู้อยู่แล้ว แต่อีกหลายคนคาดไม่ถึงว่า (เฮ้ย...จริงดิ) 

แต่วันนี้เอย่าขอแนะนำ มูเตลูซอฟท์พาวเวอร์ไทยในแบบที่คนเมียนมาเขาชอบมากันสักเล็กน้อย เพราะปกติเราต้องยอมรับว่าคนไทยไปเที่ยวเมียนมาปีๆ หนึ่งจำนวนไม่น้อย ส่วนหนึ่งที่อยากไปคือ ไปไหว้พระ เที่ยวเจดีย์ ขอพรเทพทันใจ รวมถึงการไปดูดวงในเมียนมา ที่แม้ว่าหมอดูอีทีจะจากไปแล้ว แต่ก็ยังมีหมอดูคนอื่นๆ อีกหลายคนที่เป็นหมอดูยอดนิยมในเมียนมา 

แต่วันนี้เราจะละเรื่องนี้ไว้ก่อน และมาดูกันบ้างว่ามูเตลูที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ไทยสุดนิยมของคนเมียนมานั้นคืออะไร? ซึ่งเริ่มแรกก็หนีไม่พ้น 'พระพรหมเอราวัณ' ตรงแยกราชประสงค์ที่ต้องยกให้เป็นอันดับ 1 เพราะไม่ว่าชาติไหนๆ หรือนับถือศาสนาใดๆ ต่างก็มากราบไหว้ขอพรให้สมหวัง

ต่อมาคือ 'พระแก้วมรกต' ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ที่สาธุชนชาวอาเซียนโดยเฉพาะเมียนมามีความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์มากจนมีชื่อในภาษาพม่าว่า 'เมียตพะยา' และคนเมียนมาส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวไทยก็อยากไปกราบสักการะเพื่อเป็นมงคลในชีวิตสักครั้ง

'กุมารทอง' เป็นหนึ่งในเครื่องลางของขลังที่มีความเชื่อในกลุ่มชาวจีนทั้ง จีนแผ่นดินใหญ่ จีนฮ่องกง รวมถึงจีนโพ้นทะเล โดยเชื่อว่าวิญญาณกุมารจะช่วยให้ธุรกิจของผู้บูชาร่ำรวยประสบความสำเร็จ

‘ครม.’ ไฟเขียว!! เร่งช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ‘เมียนมา’ หลังได้รับผลกระทบจากพายุ ‘ไซโคลนโมคา’

(16 พ.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาการดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมากรณีพายุไซโคลนโมคาอย่างเร่งด่วน

โดยเรื่องนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 66 พายุไซโคลนโมคา (Mocha) ซึ่งก่อตัวขึ้นในอ่าวเบงกอลได้เคลื่อนตัวเข้าพื้นที่ด้านตะวันตกของเมียนมาบริเวณรัฐยะไข่ทำให้เกิดพายุฝนตกหนัก น้ำท่วมเฉียบพลัน ดินโคลนถล่มและกระแสไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของชาวเมียนมาอย่างกว้างขวาง ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนก็ได้ออกแถลงการณ์จะสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมาจากเหตุภัยพิบัติครั้งนี้

ต่อมาในวันที่ 12 พ.ค. 66 สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทยได้ส่งหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศของไทย แจ้งว่าทางการเมียนมาได้เตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลนดังกล่าว และขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยในการสนับสนุนที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้พิจารณาแล้วว่าพายุไซโคลนที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงใกล้เคียงกับระดับซูเปอร์ไต้ฝุ่นที่รุนแรงมากกว่าพายุไซโคลนนาร์กีสที่เคยเกิดขึ้นกับเมียนมาในปี 2551 และมีโอกาสที่จะสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินชาวเมียนมาอย่างกว้างขวางและเฉียบพลัน ดังนั้น การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างทันท่วงทีจึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนอย่างยิ่ง

ในส่วนของงบประมาณที่จะใช้สำหรับให้การช่วยเหลือนั้น ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะเป็นการใช้จ่ายจากงบประมาณของส่วนราชการซึ่งได้รับการจัดสรรไว้อยู่แล้ว จึงไม่ถือเป็นการกระทำอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อ ครม. ชุดต่อไปตามมาตร 169 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 

"เชียงราย"ฉก.ทัพเจ้าตาก จัดกิจกรรมโครงการหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน ไทย - เมียนมา"

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 เวลา 09.00 นาฬิกา พลตรี ศุภฤกษ์ สถาพรผล ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พร้อมด้วย พันเอก ณฑี ทิมเสน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก, นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่อำเภอแม่สาย เข้าร่วมกิจกรรมโครงการหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน ไทย - เมียนมา ซึ่งจัดโดย หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ร่วมกับอำเภอแม่สาย และหน่วยงานในพื้นที่

โดยโครงการฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่ และราษฎรของทั้งสองประเทศ ร่วมกันแก้ปัญหาภัยคุกคามความมั่นคงในเรื่องยาเสพติด การค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามชาติ แรงงานผิดกฎหมาย สร้างชุมชนให้เข้มแข็ง มีความเชื่อมโยงทางด้านชาติพันธุ์ ชนเผ่า และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ระหว่างกัน อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรให้ดีขึ้นอีกด้วย

โดยวันนี้ได้จัดกิจกรรม ในคู่หมู่บ้านระหว่าง บ้านป่าแดง ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย กับ บ้านดินดำ เมืองพง จังหวัดท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ จุดผ่อนปรนการค้า ท่าดินดำ บ้านป่าแดงฯ

กิจกรรมที่จัดขึ้น ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการของส่วนราชการ, กิจกรรมตลาดวิถีชุมชนภูมิปัญญาท้องถิ่น, การแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน, กิจกรรมปล่อยปลา, การแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ และการให้บริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ โดยบรรยากาศของกิจกรรม ผู้เข้าร่วมกิจกรรมของทั้ง 2 ประเทศ มีความสุขสนุกสนาน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พร้อมจะให้ความร่วมมือกันในทุก ๆ ด้าน

สันติ วงศ์สุนันท์/ผู้สื่อข่าวเชียงราย

‘ไทย’ ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ ‘เมียนมา’ หลังพายุไซโคลน ‘โมคา’ เข้าถล่มรัฐยะไข่ เสียหายหนัก

เมื่อไม่นานมานี้ ที่ประชุม ครม. อนุมัติหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาการ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมา กรณีพายุไซโคลน ‘โมคา’ (Mocha) ซึ่งก่อตัวขึ้นในอ่างเบงกอลได้เคลื่อนตัวเข้าพื้นที่ด้านตะวันตกของเมียนมา บริเวณรัฐยะไข่ เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดพายุฝนตกหนัก น้ำท่วมเฉียบพลัน ดินโคลนถล่มและกระแสไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของชาวเมียนมาอย่างกว้างขวาง

ต่อมาในวันที่ 12 พ.ค. 66 สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ได้ส่งหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศของไทย แจ้งว่าทางการเมียนมาได้เตรียมความพร้อม ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าว และขอรับการสนับสนุนจากไทยในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน 

ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ได้พิจารณาแล้วว่า พายุไซโคลนที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงใกล้เคียงกับระดับซูเปอร์ไต้ฝุ่นที่รุนแรงมากกว่าพายุไซโคลนนาร์กีส ที่เคยเกิดขึ้นกับเมียนมาในปี 2551 และมีโอกาสที่จะสร้างความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินชาวเมียนมาอย่างกว้างขวางและเฉียบพลัน ดังนั้น การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างทันท่วงที จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนอย่างยิ่ง

ส่วนงบประมาณที่จะใช้สำหรับให้การช่วยเหลือนั้น จะใช้จ่ายจากงบประมาณของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รับการจัดสรรไว้อยู่แล้ว จึงไม่มีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อ ครม. ชุดต่อไป

สะเทือน ‘เมียนมา’ ไม่มีผู้บาดเจ็บ - เสียชีวิต  จุดศูนย์กลางห่างจากเมืองพยาโบน ราว 112 กิโลเมตร

ย่างกุ้ง, 19 มิ.ย. (ซินหัว) — วันจันทร์ (19 มิ.ย.) สำนักอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาของเมียนมา รายงานการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 ตามมาตราแมกนิจูด ตอนประมาณ 08.10 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งมีศูนย์กลางห่างจากเมืองพยาโบน ภูมิภาคอิรวดีทางตอนใต้ของประเทศไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 70 ไมล์ (ราว 112 กิโลเมตร)

ยินเมียวมินทวย รองผู้อำนวยการแผนกแผ่นดินไหวของสำนักฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ก้นทะเล และไม่มีแนวโน้มจะเกิดสึนามิ โดยสึนามิจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อขนาดของแผ่นดินไหวอยู่ที่ 6.5 ตามมาตราแมกนิจูดขึ้นไป

ยินเสริมว่าปัจจุบันไม่มีรายงานยอดผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รวมถึงความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว ขณะประชาชนในบางเมืองของภูมิภาคย่างกุ้งรายงานว่ารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย

อนึ่ง สำนักฯ ระบุว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้มีความลึก 10 กิโลเมตร อยู่ที่ลองจิจูด 96.33 องศาตะวันออก และละติจูด 15.5 องศาเหนือ

‘เมียนมา’ จับชาวสวิสพร้อมพวก 13 คน ฐานสร้างภาพยนตร์ดูหมิ่นพุทธศาสนา

(20 ส.ค. 66) หนังสือพิมพ์เมียนมา อาลินน์ สื่อเมียนมารายงานว่า ดิดิเยร์ นุสเบาเมอร์ วัย 52 ปีพลเมืองสวิส ถูกทางการจับกุม เนื่องจากสร้างภาพยนตร์ที่ดูหมิ่นพุทธศาสนา โดยนุสเบาเมอร์ถูกจับกุม พร้อมกับชาวเมียนมา 13 คน ซึ่งรวมถึงเด็กหญิงวัย 12 ปี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ไม่มีรายละเอียดว่าพวกเขาถูกควบคุมตัวไว้ที่ใด

รายงานข่าวระบุว่า นุสเบาเมอร์ได้เขียนบท ถ่ายทำ และตัดต่อภาพยนตร์เรื่อง ‘Don’t Expect Anything’ ซึ่งมีความยาว 75 นาที โพสต์บนยูทูบ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม และยังมีคลิปสั้นเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียทั้งติ๊กต็อกและเฟซบุ๊ก ซึ่งเรียกเสียงตำหนิจากกลุ่มชาวพุทธชาตินิยมในเมียนมา

หนังสือพิมพ์เมียนมา อาลินน์รายงานว่า แม้ผู้แสดงหลักในภาพยนตร์ดังกล่าวจะเป็นชาวพุทธ แต่พวกเขาก็ประพฤติตนไม่เหมาะสม ทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีและศีลธรรมของพระผ่านท่าทางและบทสนทนา

ทั้งนี้ การดูหมิ่นพุทธศาสนาถือเป็นความผิดที่มีโทษตามกฎหมายในเมียนมา ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ขณะที่ลัทธิชาตินิยมทางศาสนาได้เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยชาวเมียนมาราว 90% นับถือศาสนาพุทธ

นุสเบาเมอร์ ไม่ใช่ชาวต่างชาติคนแรกที่ถูกควบคุมตัวในเมียนมาในข้อหาดูหมิ่นพุทธศาสนา ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม 2558 พลเมืองนิวซีแลนด์คนหนึ่ง ถูกจับพร้อมชาวเมียนมา 2 คน และถูกตัดสินจำคุก 2 ปีครึ่ง และใช้แรงงานหนักฐานดูหมิ่นพุทธศาสนาในโฆษณาออนไลน์

ขณะที่ในเดือนตุลาคม 2559 นักท่องเที่ยวชาวเนเธอร์แลนด์ถูกจำคุกเป็นเวลา 3 เดือน และให้ทำงานหนักจากข้อหาหมิ่นศาสนาพุทธ หลังถอดปลั๊กลำโพงที่พระสงฆ์ใช้ในการเทศน์ช่วงดึกในเมืองมัณฑะเลย์ โดยเขาถูกเนรเทศหลังรับโทษแล้ว และในปีเดียวกัน นักท่องเที่ยวสเปนถูกเนรเทศออกจากเมียนมาหลังพบว่ามีรอยสักรูปพระพุทธเจ้าที่ขาของเขา

‘ตงตง กฤษกร’ ถูกหามส่งโรงพยาบาล แอดมิทด่วนที่เมียนมา หลังป่วยเป็น ‘ไข้หวัดใหญ่’ แฟนคลับ-คนบันเทิงแห่ให้กำลังใจ

ทำเอาแฟนๆ เป็นห่วงมาก หลังจากพระเอกหนุ่ม ‘ตงตง กฤษกร’ หรือ ‘ตงตง เดอะสตาร์’ เผยภาพตัวเองขณะแอดมิทพร้อมเขียนแคปชันว่า “Influenza”

ในภาพนั้น เป็นภาพขณะ ตงตง นอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาล โดยมีเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงและแฟนคลับต่างเข้ามาให้กำลังใจ และขอให้เจ้าตัวหายไวๆ จำนวนมาก

ล่าสุด ทางวันบันเทิง แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมรายงานว่า ตงตงไปเที่ยวที่ประเทศเมียนมา และป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่จนต้องแอดมิทด่วนโดยคุณหมอให้รอดูอาการ

คาดว่าน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ เพื่อกลับมารักษาตัวต่อที่ประเทศไทย

'เมียนมา' เล็ง!! เสนอวีซ่าท่องเที่ยว 1 ปี ให้ 'ชาวจีน-อินเดีย' เที่ยวได้ทุกแห่ง เว้นพื้นที่ต้องห้าม หวังดึงเม็ดเงินกลับมา

(16 ก.ย.66) หนังสือพิมพ์ Global New Light of Myanmar ของทางการเมียนมารายงานว่า เร็วๆ นี้รัฐบาลจะประกาศโครงการนำร่องหนึ่งปีให้วีซ่าท่องเที่ยวขอได้ ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (visa on arrival) แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดียสามารถท่องเที่ยวในเมียนมาได้ทุกที่ยกเว้นพื้นที่ต้องห้ามด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เทียบกับปัจจุบันที่นักท่องเที่ยวจีนและอินเดียต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวออนไลน์หรือไปที่สถานทูตเมียนมา

ทั้งนี้ หากมองรัฐบาลทหารเมียนมาที่ยังคงจัดการฝ่ายต่อต้านการรัฐประหารเมื่อปี 2564 โดยยอมรับว่า ยังควบคุมพื้นที่ไม่ได้ทั้งหมดนั้น ทำให้หลายประเทศ อาทิ สหรัฐฯ และออสเตรเลีย จึงแนะนำไม่ให้คนของตนมาเมียนมา เนื่องจากความขัดแย้งยังมีอยู่

ต่างจากจีนและอินเดียซึ่งมีพรมแดนติดกับเมียนมา อีกทั้งยังมีสัมพันธ์กับเหล่านายพลนับตั้งแต่ก่อรัฐประหาร

ไม่เพียงเท่านั้น กระทรวงการท่องเที่ยวเมียนมากำลังทำงานเพื่อดึงดูดนักเดินทางจากรัสเซีย พันธมิตรหลักและประเทศผู้จัดหาอาวุธอีกรายด้วย

ไม่กี่วันก่อนสายการบินแห่งชาติเมียนมาเริ่มบนตรงไปยังเมืองโนโวซีบีสค์ของรัสเซีย รัฐบาลทหารเผยว่ากำลังจะอนุญาตให้ใช้บัตร Mir ของรัสเซียชำระเงินได้โดยตรง

เมียนมา หลังจากกองทัพปกครองประเทศมาหลายสิบปี จนกระทั่งเมียนมาได้เปิดประเทศเมื่อปี 2554 และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม แต่พอเจอช่วงโควิดระบาดก็ต้องปิดประเทศ ซ้ำยังตามด้วยการรัฐประหาร และปราบปรามฝ่ายต่อต้าน จนทำให้นักท่องเที่ยวหายไป

ขณะเดียวกันเศรษฐกิจเมียนมาตกต่ำอย่างหนัก ค่าเงินจ๊าดดิ่งมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลายเมืองหลักประสบปัญหาไฟฟ้าดับ เอทีเอ็มและเคาน์เตอร์แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศหายาก

มาตรการนี้ จึงน่าจะเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลทหารเมียนมาคงต้องเร่งทำ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติและเม็ดเงินกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะ 'ชาวจีน-อินเดีย' ถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ 

‘เมียนมา’ ประกาศใช้กฎอัยการศึก 8 เมือง หลังสถานการณ์สู้รบในรัฐฉานดุเดือด

(13 พ.ย.66) สภาบริหารแห่งรัฐของเมียนมา (SAC) ประกาศใช้กฎอัยการศึกใน 8 เมืองของรัฐฉาน ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมียนมา หลังสถานการณ์สู้รบระหว่างกลุ่มพันธมิตรภราดรภาพกับกองทัพเมียนมายังคงดำเนินไปอย่างดุเดือดในบางพื้นที่

ทั้งนี้ SAC เผยแพร่แถลงการณ์เมื่อคืนวันอาทิตย์ (12 พ.ย.) ว่า เมืองทั้ง 8 แห่งที่ประกาศใช้กฎอัยการศึก จะประกอบด้วย กุนโหลง (Kunlong), โก้ดขาย (Kutkai), หมู่เจ้ (Muse), ล่าเสี้ยว (Lashio), แสนหวี (Theinni), เล้าก์ก่าย (Laukkaing) และกอนเกียน (Konkyan)

และแถลงการณ์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคง หลักนิติธรรม และเสถียรภาพของภูมิภาค

‘วราวุธ’ เร่งประสาน 'กต.-สตช.' ช่วยคนไทยในเล่าก์ก่าย เผย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนยืนยันตัวเลขผู้ได้รับผลกระทบ

(14 พ.ย.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการช่วยเหลือคนไทย 162 คนในเมืองเล่าก์ก่าย ประเทศเมียนมา นายวราวุธ กล่าวว่า ในขณะที่ทางกระทรวง พม. ได้ประสานงานทั้งกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการยืนยันจำนวนตัวเลขของผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด และทางกระทรวง พม. เองได้มอบค่าเดินทาง และค่าเยียวยาให้กับผู้ไร้ที่พึ่งพิง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูในมิติอื่นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้ามนุษย์ และประเด็นเรื่องความมั่นคง ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศและ สตช. จะมีการประชุมร่วมกับกระทรวง พม. ในการหาแนวทางการช่วยเหลือคนไทยทั้งหมดที่อยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top