Thursday, 2 May 2024
รวมไทยสร้างชาติ

‘แรมโบ้’ โวยลั่น ปมป้ายหาเสียง รทสช. โซนอีสานถูกทำลาย ซัด!! ฝ่ายตรงข้าม ควรหาเสียงอย่างสร้างสรรค์

(10 เม.ย.66) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่าขณะนี้ป้ายผู้สมัคร ส.ส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ในหลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคอีสาน ได้ถูกผู้ไม่หวังดีใช้วิชามาร เล่นวิธีสกปรกทำลายป้ายหาเสียง เช่น ป้ายหาเสียงของ นายศิรวุฒิ ผิวหอม เขต 10 จ.อุบลราชธานี และนายจำรูญศักดิ์ จันทรมัย เขต 4 อุบลราชธานี ผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นการกระทำที่ไม่สร้างสรรค์ทางการเมืองแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายด้วย

"การใช้วิชามาร วิธีสกปรกดังกล่าว สะท้อนได้อย่างดีว่า กระแสของลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ หมายเลข 22 และผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขต กำลังดีวันดีคืน พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามเริ่มจะหวั่นไหว จึงใช้วิธีสกปรก ทั้งทำลายป้ายหาเสียง ทั้งใช้ทุกวิชามาร เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ผู้สมัครจากพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าถึงพี่น้องประชาชนได้" นายเสกสกล ระบุ

‘แรมโบ้’ นำทีม ‘ประธานหมู่บ้านเสื้อแดง 4 ภาค’ บุกอีสาน ชู “รทสช.เบอร์ 22” อ้อนชาวมหาสารคามหนุน ‘บิ๊กตู่’ อีกสมัย

‘แรมโบ้อีสาน’ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มอบอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง 4 ภาค และ ผรท. ลงพื้นที่หนักชูนโยบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ขณะที่ ‘อานนท์ แสนน่าน’ ขานรับวางแนวทางเข้าถึงทุกหมู่บ้าน หวังให้ ‘ลุงตู่อยู่ต่อ’ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย

(11 เม.ย. 66) ณ ศาลากลางบ้านหนองโดน ตำบลนาโพธิ์ อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม นายอานนท์ แสนน่าน ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง และ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง 4 ภาค ประกอบด้วย นายสมชัย แสงทอง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ, นางนิตยา นาโล หรือ ‘นักสู้ปอสี่’ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน, นายไวทิต ศิริสุวรรณ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคกลาง และ นายทวี ประหยัด อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคใต้ พร้อมด้วย นายสุพล หมื่นศรีพรม อดีตคอมมิวนิสต์ ‘สหายธวัชชัย’ ในฐานะประธานผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ได้ลงพื้นที่พบปะอดีตแกนนำเสื้อแดง และ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง เพื่อแจ้งผลการจับสลากของ ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ได้เบอร์ 22 เพื่อจะได้แจ้งให้แกนนำได้นำไปบอกต่อและกระจายข่าวให้สมาชิกทั้งประเทศได้รับทราบโดยทั่วกัน จากนั้นได้เดินทางไปพบปะแกนนำอดีตคนเสื้อแดงตามอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดมหาสารคาม ต่างพร้อมใจกันตะโกนลั่น “รวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 22”

นายอานนท์ แสนน่าน ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้รับมอบหมายจาก นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ ‘แรมโบ้อีสาน’ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ลงพื้นที่พบปะมวลชนอดีตคนเสื้อแดง อดีตสหาย ผกค. หรือ ‘ผรท.’ และ ประชาชน ทุกภาคของประเทศไทย เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องการที่จะเอานายกรัฐมนตรีคนที่ทุ่มเททำงาน เอานายกฯ คนที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ ‘ลุงตู่’ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ชัดเจนแล้วว่า “ทําแล้ว ทําอยู่ ทําต่อ” คืออะไร? เช่น…

“ทําแล้ว” นายกรัฐมนตรีหนึ่งเดียวในรอบ 30 ปี ที่รวมใจคนไทยฝ่าวิกฤติโลกได้ เปิดประเทศแล้ว ประคับประคองเศรษฐกิจให้ผ่านช่วงโควิด ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พักหนี้ครัวเรือน หนี้ SME ช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน จนเศรษฐกิจฟื้นตัวทันทีหลังโควิด สร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนน ระบบราง ท่าเรือ สนามบินทั่วประเทศ เปิดเส้นทางเชื่อมต่อภูมิภาคอาเซียนทุกรูปแบบ เช่น ถนน รถไฟ เปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุดิอาระเบียเป็นครั้งแรก ในรอบกว่า 30 ปี แก้ปัญหาหมักหมม ที่ทำให้สินค้าไทยโดนแบนโดยต่างประเทศ พลิกโฉมเศรษฐกิจไทยให้ทันสมัยด้วยโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี ทำประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยว อันดับต้นของโลก บัตรลุงตู่/คนละครึ่ง, เที่ยวด้วยกัน, ช็อปดีมีคืน หนี้ กยศ. ไม่มีผู้ค้ำ ดอกเบี้ย 1% ให้ชำระคืนตามความสามารถ (ตามรายได้) แก้หนี้ครู ดูแลราคาน้ำมัน ราคาไฟฟ้า ลดภาระค่าไฟ แก๊สหุงต้ม ผู้มีรายได้น้อย เพิ่มสวัสดิการข้าราชการ ลูกจ้างราชการเพิ่มขึ้น เพิ่มสวัสดิการบัตรสุขภาพ นําเงินจากประกันสังคม แบ่งเบาความลำบากช่วงโควิด สวัสดิการคนสูงวัย เบี้ยคนชรา บัตรสุขภาพ แม่ลางานเลี้ยงลูกได้ 6 เดือน เพิ่มค่าตอบแทนผู้บริหาร อบต. และสมาชิก อบต. เพิ่มค่าตอบแทนกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า “ทําอยู่” คือ เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ กลับสู่ภาวะปกติ เจรจาความร่วมมือ ไทย - ซาอุดีอาระเบีย 9 ด้าน เช่น ท่องเที่ยว, แรงงาน, อาฟหาร, การค้า, การลงทุน, เปิดเที่ยวบินตรง ไทย - ซาอุดีอาระเบีย เที่ยวแรกในรอบกว่า 30 ปี (ก.พ. 2565) ทำประเทศไทยเป็นประตูเชื่อมสู่โลกของภูมิภาคอาเซียนและจีนตอนใต้ ทั้งด้านการค้าขาย บริการ ท่องเที่ยวทั้งเชิงนิเวศน์และสุขภาพ เริ่มทยอยลดราคาน้ำมัน ราคาไฟฟ้าตามสถานการณ์พลังงานในตลาดโลก

ส่องนโยบายพรรคลุงตู่ กับ ‘สวัสดิการผู้สูงอายุ’ ฐานเสียงสำคัญที่ตัดสินเลือกตั้ง 66

ประเทศไทยกำลังจะมี ส.ว.เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  ไม่ใช่สมาชิกวุฒิสภา แต่เรากำลังพูดถึง ‘ผู้สูงวัย’ ซึ่งถ้าดูจากจำนวนประชากรผู้สูงอายุในไทย เมื่อสิ้นปี 2565 มีประมาณ 12.5 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 66 ล้านคน หมายความว่าวันนี้ ประเทศไทยเรามีผู้สูงอายุ 1 ใน 5 หรือ 20% ของคนทั้งประเทศ และจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าวัดตามเกณฑ์ของสหประชาชาติ ถือว่าประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ไปเรียบร้อยแล้ว

ดังนั้นการเตรียมความพร้อมเชิงระบบสำหรับรองรับสังคมที่จะมี ‘ผู้สูงอายุ’ มากขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญจำเป็น และไม่แปลกเลย ที่นโยบายหาเสียงในศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง จะมีนโยบายเอาใจผู้สูงวัยเป็นหนึ่งในจุดขายของแทบทุกพรรคการเมือง 

หากมองย้อนไปถึงการดูแลคุณภาพชีวิตของกลุ่มผู้สูงวัยของรัฐบาล ‘พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา’ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มีการจัดสวัสดิการ ‘เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ’ ที่ปัจจุบันจ่ายแบบขั้นบันได โดยในช่วงอายุ 60-69 ปี รับ 600 บาทต่อเดือน  และเพิ่มเป็นเดือนละ 700 บาท เมื่ออายุ 70-79 ปี  และ 800 บาทต่อเดือน เมื่ออายุ 80-89 ปี  ขณะที่กลุ่มอายุ 90 ปีขึ้นไปจะได้รับเดือนละ 1,000 บาท 

ขณะเดียวกัน ในมิติของระบบบริการสุขภาพ ก็มีมาตรการดูแลครบวงจรตั้งแต่การคัดกรอง ภาวะโภชนาการ การเคลื่อนไหวร่างกาย และสุขภาพช่องปาก รวมถึงระบบการชะลอความเสื่อม โดยจัดให้มีแพทย์ในระบบปฐมภูมิ ดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุตั้งแต่ที่บ้าน และการดูแลการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ สำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง โดยมีการจัดทำระบบดูแลผู้สูงอายุในระยะยาว มีการพัฒนาผู้ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน ครอบคลุมผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านและติดเตียงกว่า 500,000 คน

นอกจากนั้นแล้ว หลายกระทรวงยังดำเนินโครงการร่วมกัน ในการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุทั้งในด้านความรู้ ทักษะการประกอบอาชีพ เพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้ชีวิต และสร้างรายได้เพิ่มเติมในวัยเกษียณ
.

กลับมาที่การเลือกตั้ง 2566 ที่กำลังจะมาถึง เราลองมาดูนโยบายแต่ละพรรคการเมือง ที่ต่างชูประเด็นหาเสียงด้วยการ เพิ่มสิทธิ สวัสดิการมากมาย หวังดึงคะแนนที่มีมากกว่า 12 ล้านเสียงจากกลุ่มผู้สูงวัย 

เริ่มจาก ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ของ ‘ลุงตู่’  ที่ประกาศ ‘ทำต่อ’ เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาทต่อเดือนเท่ากันทุกช่วงอายุ และยังมีนโยบายสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงวัย สร้างศูนย์สันทนาการผู้สูงอายุชุมชน และลดภาษีให้กับบริษัทเอกชนที่จ้างงานผู้สูงอายุ

ขณะที่ ‘พรรคเพื่อไทย’ ประกาศเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพ ‘30 บาทรักษาทุกโรค’ ดูแลกลุ่มเปราะบาง และผู้สูงอายุ ให้ใช้บริการโรงพยาบาลใกล้บ้าน ลดเวลารอพบแพทย์ และปรับปรุงการบริการให้ทันสมัย ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว 

ขยับมาที่ ‘พรรคประชาธิปัตย์’ ผลักดันนโยบายการออมเพื่อวัยเกษียณภาคบังคับ พร้อมขยายอายุเกษียณจาก 60 ปี เพื่อเติมเงินออมเลี้ยงดูตัวเอง รวมถึงจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุรับ 30,000 บาท ทุกหมู่บ้าน หนุนสุขภาวะและส่งเสริมอาชีพสร้างรายได้ให้กับผู้สูงอายุ

ส่วน ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ของ ‘ลุงป้อม’ จะเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันไดตามช่วงอายุ โดยอายุ 60 ปีขึ้นไปรับเบี้ย 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปีขึ้นไป รับเบี้ย 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป รับเบี้ย 5,000 บาทต่อเดือน และขยายอายุเกษียณเป็น 63 ปี พร้อมสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อผู้สูงอายุ สร้างงาน 1 ล้านตำแหน่งให้ผู้สูงอายุ และทำอาคารรองรับผู้สูงอายุ

ขณะที่ ‘พรรคก้าวไกล’ นำเสนอนโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 3,000 บาท ภายในปี 2570  สร้างระบบดูแลผู้ป่วยติดเตียง สมทบเงินเข้ากองทุนดูแลผู้สูงอายุ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการดูแลผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียงโดยมีการจ้างผู้ดูแลเฉลี่ย 1 คน ต่อผู้ป่วย 2 คน

'เปลวสีเงิน' เปิดสตูบ้านหลังใหม่ สัมภาษณ์ 'นายกฯ' พูดคุยสิ่งที่ 'ทำแล้ว-ทำอยู่-ทำต่อ' ในรายการ The Exclusive Talk

(11 เม.ย.66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้เกียรติร่วมเปิดสำนักงานใหม่ไทยโพสต์ ที่ซอยประชาชื่น 46 ถนนประชาชื่น แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ เมื่อ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมสนทนากับ ‘เปลว สีเงิน’ ผู้ก่อตั้งไทยโพสต์ และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ในรายการ The Exclusive Talk ทีวีไทยโพสต์ โดยในบทสนทนามีเนื้อหาบางส่วนดังนี้

เปลว สีเงิน - นายกฯ ไปหลายพื้นที่ที่คนต้องการให้ไปเยอะๆ แต่ภาคอีสานก็มีคนคิดถึงนะ

พล.อ.ประยุทธ์ : ก่อนหน้านี้ เราก็ไปในฐานะหัวหน้ารัฐบาลมีโครงการต่างๆก็ไปตรวจเยี่ยมทุกวันนี้ก็ต้องระวังนิดนึง ถ้าไปในฐานะนายกฯ คงไม่ได้แล้ว แต่ไปในนามของการเลือกตั้งไปได้  แต่ก็ต้องไปอย่างง่ายๆที่สุด

เปลว สีเงิน : เห็นส่ง คุณพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค เป็นแนวหน้าออกรายการดีเบต

พล.อ.ประยุทธ์ : ตอนนี้ก็มีคนออกมาพูดกันเยอะ สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือจะทำอย่างไรให้คนเข้าใจได้ โดยไม่มีความขัดแย้ง ไม่ใช่ เกลียดชังกัน สิ่งที่พูดอาจจะคิดดี หลักการอาจจะคิดว่าทำได้ แต่จริงๆ แล้วทำไม่ได้ และเป็นปัญหากับคนอื่นด้วย นี่คือประเด็นสำคัญก็ต้องระมัดระวังและคิดให้ถี่ถ้วน 

วันนี้รัฐบาลก็พยายามที่จะทำให้เรามีรายได้มากขึ้นในภาพของประเทศ เพื่อเอาเงินและรายได้เหล่านี้มาพัฒนาประเทศ และประชาชนให้ครบถ้วนมากบ้างน้อยบ้าง แต่ถ้าให้อันใดอันหนึ่งที่มากเกินไป จะส่งผลกระทบใหญ่ต่องบประมาณ อีกทั้งระบบเราเสียหายหมด ต่างประเทศดูเราอยู่ ซึ่งวันนี้เขาก็ชื่นชมประเทศไทย สามารถจัดระบบการเงินการคลัง เป็นที่น่าเชื่อถือเชื่อมั่นให้ความไว้วางใจ ค่าเงินบาทยังมีราคาเงินเฟ้อก็ลดลง ของเรายังอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยแล้ว เป็นตัวอย่างในการประชุมระหว่างประเทศ ก็ต้องช่วยกันรักษาสิ่งเหล่านี้ต่อไป

เปลว สีเงิน : เดี๋ยวนี้ก็มีการแจกโน่นแจกนี่ซึ่งเกินความเป็นจริง แต่บางทีก็ขาดเรื่องการชี้แจง
.
พล.อ.ประยุทธ์ : สิ่งที่ผมพยายามจะพูดออกไปและสื่อสารออกไปเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นหัวหน้ารัฐบาลเพื่อให้บ้านเมืองปลอดภัย คือหน่วยงาน กระทรวง ครม. เขาต้องเอาสิ่งที่ผมพูดไปช่วยกันพูด แต่ปรากฏว่าก็น้อยไปหน่อยไม่ค่อยพูดกัน ข้าราชการบางทีก็ไม่กล้าพูด

ส่วนของผมหน้าที่นายกรัฐมนตรีก็เป็นอีกบทบาทหนึ่งในเชิงบริหาร การที่ผมเยี่ยมเยียนประชาชน หรือมาเยี่ยมก็ตามส่วนหนึ่งผมอาจไปเยี่ยม ส่วนหนึ่งอาจจะยังไม่ได้ไป ส่วนหนึ่งอาจไปแล้วหลายครั้ง

แต่สิ่งที่ผมไปที่เยี่ยมเยียนนั้น ก็ด้วยผลงานของผม ถนนหนทาง น้ำ การจัดที่ทำกินต่างๆ ผมไปหมดแล้วทุกพื้นที่ บางอันอาจจะอยู่ในระดับเริ่มต้น จะตกจากตรงกลางบ้าง บางอันอยู่ในระดับสำเร็จแล้วแต่ทั้งหมดผมไปเยี่ยมเขาด้วยแผนงานโครงการของผมไม่เคยแยกแยะ ไม่เคยว่าพื้นที่นี้เป็นของใคร จังหวัดของใคร สีอะไร ไม่ได้สนใจ ผมสนใจแต่เพียงว่าประชาชนของประเทศเรามีทุกภาคทุกจังหวัด 

ไปดูได้เลยว่างบประมาณแต่ละปีทุกจังหวัดทุกกลุ่มจังหวัดได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ ทุกภาคมากขึ้นไหม ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้มีผู้แทนอยู่ตรงนั้นนี่คือผมมองประชาชน ตรงนี้อยากฝากความเข้าใจด้วยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาได้เพราะบ้านเมืองสงบ ถ้าบ้านเมืองไม่สงบยังเป็นแบบเดิม จะทำอะไรไม่ได้ และวันนี้จะจับต้องอะไรไม่ได้เลย แต่นี่ตั้งเยอะที่จับต้องได้ หลายคนก็บิดเบือนว่าทำเหมือนมองไม่เห็น แล้วเอาที่ยังไม่เสร็จมาโจมตี ผมก็อธิบายต่อไปก็ต้องช่วยกัน ก็ไม่บ่น บ่นไม่ได้อยู่แล้ว ที่พูด ไม่ได้บ่น แต่เป็นการอธิบาย คือคนบางทีก็ไม่ชอบฟังแต่ชอบว่า

การจะให้อะไร ถ้าผมให้ได้ก็ดีละซิ ให้อะไรต้องคำนึงถึงว่า เรามีงบประมาณเท่าไหร่ หาได้เท่าไหร่ วันนี้เรามีเท่านี้แล้วเราจ่ายเท่านี้ แต่กลุ่มโน้นกลุ่มนี้บริหารลงทุนต่างๆมันก็สมดุลกัน ชดเชยบ้าง  ลงทุนต่างๆบ้าง ธุรกิจบ้าง แต่ถ้าทำอะไรเกินจากนี้ และยังไม่มีทางขายของมาเพิ่ม  ผมบอกได้เลยล้มทั้งประเทศ การจะกู้เงินมาแจกเฉยๆ มันทำไม่ได้ หลักการของโลกในการกู้เงินมาต้องทำให้เกิดมูลค่า เกิดรายได้หรือกู้มาในสถานการณ์พิเศษ เช่นสถานการณ์โรคอุบัติใหม่

สิ่งต่างๆเหล่านี้ทุกคนต้องเข้าใจร่วมกันถ้าทุกคนอยากได้ แต่ไม่ช่วยกัน มันไปไม่ได้สักคน นี้หลักการของผม ไม่ใช่ไม่อยากให้ ไม่ใช่ไม่เห็นใจ ไม่ใช่ไม่เห็นถึงความยากลำบาก แต่ต้องไปดูว่าความยากลำบากของแต่ละกลุ่มอยู่ตรงไหนและเราต้องไปแก้ตรงไหน อย่างไรวันนี้ถึงมีมาตรการเรื่องการบริหารหนี้ครัวเรือน ทำอย่างไรจะลดลง แต่รัฐบาลทำอย่างเดียวมันไม่พอ ทุกคนต้องร่วมมือกับมาตรการของรัฐด้วย ถ้าสมมุติมีหนี้แล้วเอาเงินไปแจก โอเคหมดหนี้แล้วมันจะเกิดหนี้ใหม่หรือไม่  ถ้าเราไม่สร้างความเข้มแข็ง ไม่สร้างการเรียนรู้ให้เขาแล้วเขาจะหาเงินเองได้อย่างไร

วันนี้ทำอย่างไรให้เด็กที่กำลังโตรู้จักว่าจะดำเนินชีวิตไปได้อย่างไร ถ้าเราทำให้เขาว่าต่อไปนี้สบายไม่ต้องทำอะไรก็ได้เงินให้แล้วผมถามว่าโตไปเขาจะทำอย่างไรในวันหน้า เขาก็คาดหวังว่าเดี๋ยวก็มีเงินมาให้อีก เพราะฉะนั้น สิ่งที่คนในยุคกลางๆ ที่จะเป็นผู้ใหญ่ในเรื่องความพยายามจะหายไปหมด ต้องถามว่าประเทศจะไปได้หรือไม่และจะเป็นอย่างไร นั่นก็อีกส่วนหนึ่งมันเป็นความเป็นธรรมที่เราต้องดูแลผู้มีรายได้น้อยตามสมควร ตามงบประมาณที่มีอยู่ซึ่งเขาทำอยู่แล้ว

อีกอันคือเรื่องความเท่าเทียมในเรื่องของโอกาส แต่ต้องให้เขามีอาชีพ มีรายได้ที่มีเงินเพียงพอรวมถึงเรื่องดิจิตอลต่างๆที่จะทำขึ้นมาต้องพูดสิ่งเหล่านี้ให้มันเชื่อมโยงว่าเราจะทำอย่างไรกับประเทศของเรา ผมเห็นพี่เขียนอะไรมาก็โอเคนะ ที่ชวนชี้นำทำความเข้าใจ วิเคราะห์ได้

เราต้องแก้ปัญหาวันนี้มีอะไรบ้าง ที่เก่าๆมาก็เก็บมาแก้ไขปัญหาและพร้อมจะทำที่วันนี้ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้น และก็ต้องทำวันหน้าไปเพื่ออนาคต ไม่ใช่มาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเดียว นี่ตอนผมคุยกับหัวหน้าพรรคมาตลอด นโยบายของเรา "ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ" มันจบที่ไหน นี่คืออดีตปัจจุบันและอนาคตของประเทศไทยสามคำของผมต้องตีความหมายให้เข้าใจตรงกัน

ตอนนี้สื่อก็เยอะไปหมดอย่างที่ทำเนียบฯก็เยอะผมก็รักเขา แต่คำถามเขาบางทีมันถามให้ผมปวดหัว บางทีผมก็หงุดหงิดก็ขอโทษแล้วกัน ไม่ได้เกลียดชังกันอยู่แล้วถึงเวลาก็รักกันเหมือนเดิม สื่อกับผมอยู่กันมา 8 ปี เขาบอกถ้าเป็นตรงนี้ต้องไม่โมโหใคร ผมก็มนุษย์เหมือนกัน ถ้าผมไม่ทำเลย แล้วด่าผม ผมไม่ว่า นี่ผมทำแต่ท่านก็ไม่ฟัง แต่รู้ก็เป็นเรื่องของพวกเราที่คิดอย่างไรก็ได้

ผมไปต่างประเทศทุกครั้งจะเอาหนังสือพิมพ์ต่างประเทศมาดู ไม่เห็นมันวุ่นวายมากมายเท่าบ้านเรา เขาใหญ่กว่าเราตั้งเยอะแข่งหน้าหนังสือพิมพ์เขามีความเจริญของบ้านเมือง ส่วนข้างในหนังสือพิมพ์มีนี่มีโน่น เขาไม่มีตีกันซักหน้าไม่มีฆ่ากันซักคนยกเว้นแต่เรื่องสงคราม อะไรต่างๆเค้าขึ้นเพราะเป็นเรื่องสำคัญแต่เรื่องภายในประเทศเขาอาจจะมีดีกว่าของเรา หรืออาจจะแย่กว่าของเราแต่เขาไม่ออกในหนังสือพิมพ์

จับตายุทธการล้ม 'ชลน่าน' รวมไทยสร้างชาติจ่อคอหอย ฟากบ้านใหญ่ชลบุรี แอบหวั่น!! มาดามเบียร์ถูกคว่ำ

'เล็ก เลียบด่วน' พบกับท่านสัปดาห์ละ3ครั้ง...เลียบการเมือง วิเคราะห์การเมืองเบื้องลึก...แต่จากนี้ไปจำเพาะวันศุกร์สุดสัปดาห์ ท่านบก.กระซิบบอกให้ช่วยเลาะขอบสนามเลือกตั้งแบบว่า หยิบกอสซิป หรือไฮไลต์เลือกตั้งที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังบ้าง...ก็จะขอดำเนินการตั้งแต่บัดนาว...

ประเดิมเริ่มแรกขอโฟกัสไปที่ภาพรวมเลือกตั้ง..นาทีนี้พรรคเพื่อไทยเร่งทำผลสำรวจด้วยตัวเอง พร้อมๆ กับแสวงหาผลสำรวจสำนักต่างๆ กันจ้าละหวั่นเพราะอยากรู้ว่า หลังยิงปืนใหญ่นโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทออกมา...บวกลบคูณหารแล้วขาดทุนหรือกำไร...คะแนนพุ่งหรือพัง...คิดใหญ่ทำเป็นยังขลังหรือไม่...เพราะดูเหมือนแรงต้านจะมีมากเหลือเกิน..

พรรคเพื่อไทยอีกซักข่าว...ข่าวนี้ถ้าเป็นไปได้จริงก็ถือว่าเป็นการล้มช้างกันเลยทีเดียว...นั่นคือมีการปิดกันให้แซ่ดว่า พรรครวมไทยสร้างชาติหมายมั่นปั้นมือที่จะปลุกปั้นให้ 'พิชิต โมกศรี' ผู้สมัครส.ส.น่านเขต 2 ของพรรคเข้าวิน...เบียดส.ส.5 สมัยอย่างนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ให้ตกเหวการเมืองสอบตกเป็นสมัยแรกให้ได้...ซึ่งหากดูโปรไฟล์ของอดีตปลัดเทศบาลเมืองแพร่อย่างพิชิต โมกศรี ก็ไม่ธรรมดา เคยลงสมัคร นายกอบจ.น่าน เมื่อปี 2563 มาแล้ว ได้ลำดับสอง แพ้ไปเพียง 2 หมื่นกว่าคะแนน...

เลือกตั้งหนนี้ ทั้ง 'แม่เลี้ยงติ๊ก' ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู, เสธ.หิ-ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ...ขุนพลภาคเหนือของพรรคลุงตู่ แว่บไปเมืองน่านถี่ยิบ...ลุ้นระทึกยิ่งกว่าลงสมัครเองเลยทีเดียว...

ครับ...ถ้าล้มหมอชลน่านได้จริงก็เป็นเรื่องใหญ่ เพราะหมอชลน่านเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นส.ส.เขตแบบชนะขาดมาแทบทุกครั้ง รอบนี้เป็นหัวหน้าพรรคคนเดียวที่ลง ส.ส.เขต ไม่ยอมลงปาร์ตี้ลิสต์ โดยให้เหตุผลว่าหากให้คนอื่นลงมีโอกาสแพ้...และจะทำให้พรรคเสียที่นั่ง ตัวเองจะรู้สึกผิด...อะไรประมาณนั้น...อย่างไรก็ตามหลายคนก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าความที่เป็นหัวหน้าพรรค ต้องเดินทางไปปราศรัยช่วยลูกพรรคทั่วประเทศ อาจทำให้หมอชลน่านเกิดอาการ 'ห่วงหน้าพะวงหลัง'...ดีไม่ดีอาจพลาดท่าเสียเก้าอี้ได้เหมือนกัน...

แว่บไปดูแนวรบด้านตะวันออกกันหน่อย...วันก่อนโน้นดีเบตที่ชลบุรีเดือดพล่าน...เมื่อ 'เสี่ยเฮ้ง' สุชาติ ชมกลิ่น  แม่ทัพพรรค รทสช.ลุกขึ้นชี้หน้า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  แห่งค่ายก้าวไกล...ซึ่งอันที่จริงคู่ชิงเก้าอี้เมืองชล 10 ที่นั่งนั้นไม่ใช่พรรคก้าวไกลที่อาจจะรักษาเก้าอี้ไว้ได้ซัก 1 ที่นั่ง คือ จรัส คุ้มไข่น้ำ...แต่สนามนี้ปีนี้มวยคู่หลักคือ 'บ้านใหญ่' นำโดย แป๊ะ-สนธยา คุณปลื้ม กับ 'บ้านใหม่' นำโดย 'เสี่ยเฮ้ง' สุชาติ ชมกลิ่น ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้สูสีดู๋ดี๋ระดับที่อาจจะต้องแบ่งครึ่งกัน....

‘ดร.จุ๊บ’ ผู้สมัคร ส.ส.กาญจน์ เผย ยิ่งใกล้เลือกตั้ง กระแส ‘บิ๊กตู่’ ยิ่งแรง เชื่อ!! คนเมืองกาญจน์ พร้อมใจกาบัตรหนุน ‘รทสช.’ ทั้งเขต-พรรค

(15 เม.ย. 66) ดร.วรสุดา สุขารมณ์ หรือ ‘ดร.จุ๊บ’ ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เขต 1 เบอร์ 5 ให้สัมภาษณ์ว่า การลงพื้นที่หาเสียงพบปะพี่น้องประชาชน ชาวตำบลหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี เราทำมาอย่างต่อเนื่อง และตนเดินทางเข้าพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านมานานกว่า 10 ปี จึงไม้รู้สึกเคลียดเมื่อต้องลงพื้นที่ช่วงเลือกตั้ง เมื่อตนอาสามาทำงานการเมืองให้มีความสร้างสรรค์ เราจึงต้องเข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด

วันนี้โจทย์คือ ประชาชนที่จะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อเลือกเรา เราต้องเข้าให้ถึงประชาชน ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเราเป็นคนของประชาชนให้ได้มากที่สุด เมื่อเราได้รับความไว้วางใจ ประชาชนก็จะมอบคะแนนเสียงให้กับเรา

ดังนั้น อยากจะฝากไปถึงพี่น้องประชาชนเขต 1 ทุกท่าน ช่วยสนับสนุน ตนเอง ผู้สมัคร ส.ส. กาญจนบุรี รทสช. เขต 1 เบอร์ 5 ที่ผ่านมา ตัวเองไม่เคยทอดทิ้งพี่น้องประชาชนชาวเขต 1 ทำอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลานานหลายปีแล้ว

“จุ๊บจึงอยากจะให้พี่น้องประชาชนมองเห็นคุณค่าทางจิตใจและจุดยืนของจุ๊บ ที่จุ๊บเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรีอย่างจริงจัง” ดร.จุ๊บ กล่าว

‘ดร.หิมาลัย’ เตือนสติคนรุ่นใหม่ การสร้างคนต้องมาก่อนสิ่งอื่น ชี้ อย่ามัวแต่ห่วงเรื่องสร้าง ‘กําแพง’ จนลืมสร้าง ‘คนเฝ้ากําแพง’

เมื่อวันที่ (14 เม.ย. 66) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความ เปรียบเปรยการรุกรานจากศัตรูของเมืองจีนในอดีต กับสถานการณ์ในประเทศไทย ณ ขณะนี้ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ’ โดยระบุว่า…

ภายในร้อยปีแรก..หลังการสร้างกําแพงนั้น.. เมืองจีน...กลับถูกรุกรานถึงสามครั้ง!...

ในแต่ละครั้ง..กองทัพบกของศัตรู..ไม่มีความจําเป็น..ที่จะต้องทะลวงกําแพง..หรือปืนมันเลย..แม้แต่น้อย..!

แต่ทว่า.. ในทุกครั้ง...พวกเขาใช้วิธีติดสินบน..ยามเฝ้าประตู..แล้วเข้าทางประตูนั่นแหละ…

‘หมอเปรม’ คืนสังเวียน ชู ‘บัตรลุงตู่’ เรียกคะแนนนิยมท้องถิ่น ไล่เบียด ‘สจ.แม็ค’ ภูมิใจไทย หวังชิง ส.ส.เขต 11 จ.ขอนแก่น

(15 เม.ย. 66) นับว่าเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีความคึกคัก มีสีสัน และมีความสูสีมากที่สุดสนามหนึ่ง สำหรับเขต 11 จังหวัดขอนแก่น ที่มีผู้สมัคร ส.ส.ลงแข่งขัน หมายมั่นปั้นมือจะปักธงให้ได้ เนื่องจากเป็นการชิงแชมป์ว่าง

แชมป์เก่าเขตนี้ คือ นายบัลลังก์ อรรณพพร จากพรรคเพื่อไทย ที่ตอนนี้หันไปสวมเสื้อพลังประชารัฐ ลงอีกเขตของขอนแก่น กลับถิ่นเกิดอำเภอหนองสองห้อง แว่วว่าเป็นปัญหาภายในบ้าน เมื่อนายพงศกร อรรณพพร พี่ใหญ่ในครอบครัวที่เคยถูกวางเป็นขุนพลพรรคสร้างไทย จำใจทิ้งคุณหญิงหน่อย หันกลับคืนมาซบนายใหญ่ดูไบ เลือดข้นคนจางอย่างว่า เลยเอาลูกชายคือ นายพชรกร อรรณพพร ลงแทนน้องชาย คือนายบัลลังก์ ในเขตนี้

ชาวบ้านในพื้นที่แม้จะมีคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนโยบายแจกหัวละหมื่น แต่ยังกล้ำกลืนกับคนตระกูลอรรณพพร กระแสจึงออกมาว่า บัตรบัญชีรายชื่อ เพื่อไทยยังมาที่ 1 โดยมีก้าวไกลสอดแทรกในหมู่คนรุ่นใหม่ แต่ตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต จะหันไปเลือกตัวบุคคล เลยเปิดโอกาสให้กับ ‘หมอเปรมศักดิ์’ ผู้สมัครจากพรรครวมไทยสร้างชาติของลุงตู่ กับ ‘สจ.แม็ค’ จากพรรคภูมิใจไทย โดยมีฮีโร่มวยโอลิมปิกอย่าง นายสมรักษ์ เป็นตัวสร้างสีสันบรรยากาศ

สจ.แม็ค องอาจ ฉัตรชัยพลรัตน์ เข้าที่ 2 เที่ยวก่อน แพ้กระแสให้พรรคเพื่อไทย ยังปักหลักกับพรรคภูมิใจไทย ด้วยหมายมั่นปั้นมือ แต่กระแสช่วงนี้โดนอิทธิฤทธิ์ของนายชูวิทย์ เอฟเฟกต์ต้านกัญชาเสรี ทำเอาแทบจะไม่อยากขึ้นโลโก้พรรคที่ฉุดแต้ม

‘จิ๊บ ศศิกานต์’ อัด นโยบายแจกเงินดิจิทัลของ ‘เพื่อไทย’ ชี้!! รูปแบบ-ที่มาของงบไม่ชัดเจน สะท้อนความเลื่อนลอย

(15 เม.ย. 66) ยังคงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ อย่างกว้างขวางสำหรับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้แก่ประชาชน อายุ 16 ปีขึ้นไปในระยะเวลา 6 เดือน ภายใต้จำนวนงบประมาณมหาศาลถึง 54 หมื่นล้านบาท ด้วยความวิตกกังวลของหลายฝ่าย ว่าการใช้เงินจำนวนมากและแจกจ่ายแบบเหวี่ยงแหเช่นนี้ จะส่งผลกระทบต่อวินัยการเงิน การคลังและระบบเศรษฐกิจของประเทศ แต่ในขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย ก็ยังคงยืนยันถึงความมั่นใจและประโยชน์ที่จะได้จากการทำโครงการนี้

ล่าสุด น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ หรือ ‘จิ๊บ’ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางแค ภาษีเจริญ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า เท่าที่ติดตามการชี้แจงจากแกนนำของพรรคเพื่อไทยหลายคน รวมถึงนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ก็เห็นว่านโยบายดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนในหลายประเด็น เช่น รูปแบบของเงินที่จะออกให้ประชาชนคนละ 1 หมื่นบาทนั้น จะเป็นรูปแบบอะไร มีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด อย่างตอนแรกบอกว่าจะแจกเป็นเหรียญดิจิทัล ต่อมาก็บอกจ่ายเป็นคูปองแทน ซึ่งเรื่องนี้ก็อยากจะเรียกร้องให้พูดให้ชัด ๆ เสียที อย่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนคนฟังสับสน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อยากจะย้ำเตือนความจำให้นายเศรษฐารับทราบว่า ที่ผ่านมาทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกระทรวงการคลัง ได้ออกมาประกาศชัดเจนตั้งแต่ปีที่แล้ว ถึงประเด็นการใช้จ่าย ชำระสินค้าผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล ว่าไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ให้บริการเกี่ยวกับการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้า

เพราะมีความกังวลจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เช่น อาจเกิดความเสี่ยงจากการสูญมูลค่าที่เกิดจากความผันผวนของราคา ความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ ความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หรือการถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฟอกเงิน ฯลฯ จึงอยากจะถามถึงนายเศรษฐาว่าได้ทราบเรื่องเหล่านี้หรือไม่

น.ส.ศศิกานต์ ยังเผยอีกว่า เมื่อไม่นานมานี้ทางเพื่อไทย ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไม่ใช่คริปโตเคอร์เรนซี ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ แต่เป็น ‘เหรียญ (คูปอง)’

คำถามก็คือ ไม่ว่าจะแจกในรูปแบบอะไรก็ตาม ก็ต้องมีจำนวนเงินงบประมาณจริง ๆ พร้อมจะแจกจ่าย ซึ่งเป็นจำนวนเงินกว่า ห้าแสนสี่หมื่นล้านบาท ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์ของนายเศรษฐา ได้อธิบายว่า ส่วนหนึ่งนำมาจากเงินภาษีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สองแสนหกหมื่นล้าน

อีกส่วนหนึ่งที่เหลือ นายเศรษฐา ใช้คำว่า “คาดว่า” จะนำมาจากภาษีของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ที่จะเกิดการหมุนเวียนหลายรอบ

‘ธนกร-เมืองคอน’ ลุยหาเสียงนครศรีฯ เปิดศูนย์เลือกตั้ง รทสช. เผย เรตติ้งภาคใต้ ‘ลุงตู่’ มาแรง จนมีพรรคอื่นแอบอ้าง-เกาะกระแส

เมื่อวันที่ (15 เม.ย. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค เดินทางมาเป็นประธานเปิดศูนย์ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคทั้ง 10 เขต เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

โดยนายธนกร กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติเรามุ่งเน้นทำงานการเมือง เพื่อประชาชน เรามีภารกิจที่จะเข้ามาสานต่อนโยบายที่ดี เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ ความยากจน สร้างเศรษฐกิจปากท้องที่ดีให้ประชาชน โดยเฉพาะภาคใต้เราได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อนุมัติงบประมาณพัฒนาจังหวัดภาคใต้ วงเงินกว่า 250,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตามนโยบาย ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ และแคมเปญใหม่ที่ออกมา ‘หาเงินได้ ใช้เงินเป็น’ ของจริงยิ่งกว่า 10,000 บาท ถ้าดูคลิปแล้วประชาชนจะเข้าใจนโยบายของพรรคเรายิ่งขึ้น นโยบายพรรคจะช่วยกลุ่มเป้าหมายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัสเพิ่มเงินเป็น 1,000 บาท, กู้ฉุกเฉิน 10,000 บาท, เบี้ยผู้สูงอายุ 1,000 บาททุกช่วงวัย, ค่าตอบแทน อสม. 2,000 บาท, กองทุนฉุกเฉินประชาชน 30,000 ล้านบาท


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top