Thursday, 2 May 2024
รวมไทยสร้างชาติ

แก้กฎหมายไม่เป็นธรรม ‘พีระพันธุ์’ ปูพรมหาเสียง ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ ชู 5 นโยบายโดนใจ แก้ปัญหาปากท้องประชาชน

รทสช. คิกออฟแคมเปญหาเสียง ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ ชู 5 นโยบายโดนใจ เพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการพลัส  ตั้งกองทุนฉุกเฉินประชาชน คืนเงินสะสมชราภาพ ปลดหนี้ด้วยงาน  รื้อกฎหมายไม่เป็นธรรม เตรียมเปิดนโยบายชุดใหญ่ ต้นเมษายนนี้  
.
(11 มี.ค.66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยนโยบายหาเสียงภายใต้แคมเปญ ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ ตามยุทธศาสตร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคว่า นโยบายภายใตแคมเปญนี้ถือเป็นความตั้งใจของพรรคที่จะสานต่อโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งปรากฏผลชัดเจนว่าทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถช่วยให้ประชาชนคลายความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตไปได้ 
.
 
นายพีระพันธุ์ระบุว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะสานงาน “ทำต่อ” ตามยุทธศาสตร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ และพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนอีกหลายโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชนทุกกลุ่มทุกช่วงวัย เพราะความเดือดร้อนของประชาชนไม่สามารถรอได้  ทางพรรคจึงได้นำร่องหาเสียงด้วย 5 นโยบายโดนใจ ที่พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ลดภาระหนี้ สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิต และขจัดปัญหาอุปสรรคด้านกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ดังนี้ 
.
1. เพิ่มสิทธิ ‘บัตรสวัสดิการพลัส’ เป็น 1000 บาท/เดือน และ สิทธิเบิกฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน   
2. ตั้ง ‘กองทุนฉุกเฉินประชาชน’ วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท     
3. คืน 30% เงินสะสมชราภาพ ให้ผู้ประกันตน ตามมาตรา 33  
4. โครงการ ‘ปลดหนี้ด้วยงาน’   
5. รื้อกฎหมายที่รังแกประชาชน และเป็นอุปสรรคการทำกิน  
.
นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงนโยบายการเพิ่มสิทธิ ‘บัตรสวัสดิการพลัส’ ว่า นโยบายนี้เป็นโครงการ “ทำต่อ” จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอยู่แล้ว  โดยให้สิทธิเพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจัดสรรจากเงินงบประมาณที่รองรับโครงการนี้อยู่แล้ว  ขณะเดียวกัน ผู้ถือบัตรยังมีสิทธิกู้ฉุกเฉินในวงเงิน 10,000 บาทต่อคน โดยสามารถนำบัตรนี้ไปเป็นหลักประกันเงินกู้กับธนาคารออมสินซึ่งมีโครงการให้สินเชื่อรายย่อยในวงเงิน 10,000 บาทอยู่แล้ว
 .
“บัตรนี้มีความน่าเชื่อถือ เพราะรัฐบาลเป็นคนจ่ายเงิน สามารถใช้เป็นหลักประกันอะไรก็ได้  ขณะที่ทางธนาคารออมสินก็มีโครงการให้เงินกู้แก่ชาวบ้านรายย่อยในวงเงิน 10,000 บาทอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาแทบจะไม่ค่อยได้ปล่อยกู้ เพราะคนที่มาขอกู้ซึ่งเป็นชาวบ้านระดับฐานรากไม่ค่อยมีหลักประกัน  กลายเป็นว่ามีโครงการให้ มีวงเงินให้ แต่ปล่อยกู้ไม่ได้  ก็สามารถใช้บัตรนี้ซึ่งเป็นบัตรที่รัฐจ่ายเงินแน่นอนทุกเดือนอยู่แล้ว ไปเป็นหลักประกันเงินกู้ให้กับธนาคารออมสิน โดยสามารถหักคืนเงินกู้จากบัญชีของผู้กู้ได้เลย ทำให้บัตรใบเดียวสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง” นายพีระพันธุ์กล่าว 

รักทั้งคู่ ‘นิโรธ’ เลือกแล้ว!! ยื่นลาออก ‘พปชร.’ หันหา ‘บิ๊กตู่’ ชี้!! ‘พปชร.’ มีคนเก่งอยู่เยอะ ขอช่วย ‘รทสช.’

‘นิโรธ’ เลือกแล้ว! ยื่นใบลาออก ทิ้งพปชร. ช่วย ‘บิ๊กตู่’ ที่รทสช. ยัน ยังรักทั้งคู่

(11 มี.ค.66) นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตัดสินใจที่จะย้ายพรรค ไปทำงานและช่วยงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เพื่อช่วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช. และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค รทสช. ในพื้นที่จ.นครสวรรค์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยพื้นที่ดังกล่าวพรรค รทสช.ต้องการกำลังเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งเพื่อให้ได้ สส.มากที่สุด โดยได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา และเตรียมเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช.ต่อไป
 

รวมพลคนบาดเจ็บ!! 'เจ๋ง ดอกจิก' รวมเสื้อแดงถูกเท ตั้ง 'กลุ่มรวมใจรักชาติ' ปลุกแดงทั่วไทย หนุน 'ประยุทธ์' หยุดแลนด์สไลด์

'เจ๋ง ดอกจิก' จับมือคนเสื้อแดงที่ถูกทอดทิ้งตั้ง 'กลุ่มรวมใจรักชาติ' เดินสายทั่วประเทศขอคะแนนเสียงหนุนพรรครวมไทยสร้างชาติดัน 'ประยุทธ์' นั่งนายกฯอีกสมัย ลั่นเป้าหมายหลักหยุดแลนด์สไลน์พรรคไทย ชี้หมดยุค 'สู้เพื่อเขาเราติดคุกถูกทอดทิ้ง'
.
(11 มี.ค.66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ 'เจ๋ง ดอกจิก' อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมกับ นายสมหวัง อัสราศี และอดีตแกนนำ นปช.หลายจังหวัดที่เคยเป็นคนเสื้อแดง ร่วมต่อสู้ด้วยกันมาในอดีตมาตั้งกลุ่มรวมใจรักชาติ มีตนเป็นประธานกลุ่มฯ จุดประสงค์ก็เพื่อไปรวบรวมติดตามค้นหาเชิญชวนจูงใจพี่น้องเสื้อแดงในทุกจังหวัดโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน 17 ที่ถูกทำร้ายถูกทอดทิ้งมาหนุนพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะยังมีคนเสื้อแดงจำนวนมากที่เคยร่วมทัพกันมาแต่ถูกกระทำแบบนี้ ตนติดคุกมา 4 รอบแต่ขาดการเหลียวแล หรือเขาเหลียวแลแต่ถูกอมกลางทางสู้เพื่อเขาแต่เราติดคุกสู้เพื่อเขาแต่เราขาดการเหลียวแลพอแล้ว
.
“กลุ่มรวมใจรักชาติจะร่วมมือกับคนเสื้อแดงทำประโยชน์เพื่อชาติ คนเสื้อแดงเหมือนเปรียบเสมือนหมาล่าเนื้อ ล่าเสร็จเขาก็เอาเนื้อไปแบ่งกันกิน ทอดทิ้งให้หมาเลียแผลตัวเองจากการต่อสู้ที่บาดเจ็บ พอเนื้อหมดก็ให้ออกไปล่าต่อ ขอโทษที่เปรียบเป็นหมาล่าเนื้อ แค่เพียงการเปรียบเปรยเท่านั้น เพราะคนเสื้อแดงถูกย่ำยีถูกทอดทิ้งมาตลอด ผมในนามประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ จะไปรวบรวมคนเสื้อแดงที่บาดเจ็บขาดการดูแลถูกทอดทิ้งไม่ให้เกียรติมาเป็นกลุ่มรวมใจรักชาติ เพื่อเชิญชวนให้มาสนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะเป็นพรรคที่ทำประโยชน์เพื่อประชาชนจริงๆ มีนโยบายดีๆออกมาดูแลประชาชนจำนวนมากและจับต้อง” นายยศวริศกล่าว
 

เสี่ยงถูกเท!! ‘ไพศาล’ ฟัน!! ถ้าไม่ยุบสภา รทสช. กระทบสุด ชี้!! หมดวันกำหนดสังกัดพรรค ‘รทสช.’ ยังมีไม่ถึง 15 คน

ฟันเปรี้ยง! ถ้าไม่ยุบสภา พรรคไหนกระทบมากสุด แคนดิเดตนายกฯ เสี่ยงถูกเท

(12 มี.ค.66) นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมายและอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นส่วนตัวทางการเมือง ผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol มีเนื้อหาดังนี้...
 

จับตา ครม.จะให้ยุบสภาหรือไม่?

1.รัฐธรรมนูญบัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจอธิปไตย "โดยทางคณะรัฐมนตรี" ดังนั้นในการตราพระราชกฤษฎีกา คณะรัฐมนตรี จึงต้องมีมติให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อขอรับพระบรมราชโองการให้ทรงตราพระราชกฤษฎีกา 

2.การเสนอร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภา ต้อง "ระบุเหตุที่เสนอยุบสภา" ตามรัฐธรรมนูญมาตรา103

เหตุที่จะขอเสนอยุบสภา ต้องเป็นเหตุขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารกับสภาผู้แทนราษฎร จะไปอ้างเหตุอื่นเช่น ตกปลาในอ่างไม่ทัน หรือ กกต. กำหนดการเลือกตั้งไม่ถูกใจ หรือศาลตัดสินให้รัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้ เพราะไม่ใช่เหตุตามรัฐธรรมนูญมาตรา103
 

‘บุญยอด สุขถิ่นไทย’ ลา ‘ปชป.’ ย้ายเข้า ‘รทสช.’ ทิ้งท้าย ‘ชาติ-ปชช.’ อยู่เหนือผลประโยชน์พรรค

(14 มี.ค.66) นายบุญยอด สุขถิ่นไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่าได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีรายละเอียดว่า “กราบขอบพระคุณ บนถนนการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ ตลอด 15 ปีกว่าที่ผ่านมากราบขอบพระคุณ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ที่เป็นผู้เปิดทางเข้าพรรคฯ กราบขอบพระคุณท่านหัวหน้า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดห้องรับแขกคุย 10 นาที ก็รับเป็นสมาชิกพรรค ปชป. 24 กันยายน 2550

ผมได้รับโอกาสลงสมัคร ส.ส. 3 ครั้ง ได้เป็น ส.ส. 2 สมัย (2550-2556) และได้เป็นคณะทำงาน รมว.จุติ ไกรฤกษ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เกือบ 4 ปี (2562-2566)

กราบขอบพระคุณ ท่านชวน หลีกภัย ท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน ท่านเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ท่านสุเทพ เทือกสุบรรณ ท่านหัวหน้าจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าฯองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าฯ ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ท่านพนิช วิกิตเศรษฐ์ และพี่ๆ น้องๆ ชาว ปชป. ทั้งในสภา และนอกสภา ที่ร่วมต่อสู้ทางการเมืองทั้งเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล อย่างเข้มแข็ง

ผมไม่เคยลืมการหาเสียงตั้งแต่วันแรก ที่ร่วมกัน “บุญยอด-อรรถวิชช์-สกลธี/ทีมพญาไท จตุจักร หลักสี่ บางซื่อ” ที่พี่น้องได้ร่วมส่งนักการเมืองรุ่นใหม่ทั้ง 3 คนเข้าสภา จะไม่ลืมบุญคุณของทุกท่าน ทุกคะแนนที่เคยสนับสนุน เพราะเรายังมีภารกิจร่วมกันอีกต่อไป ระบอบการเมืองเลวร้ายยังไม่จบ เราจะอยู่เฉยได้อย่างไร?

ผลประโยชน์พรรค อยู่เหนือผลประโยชน์ส่วนตน ผลประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชน อยู่เหนือประโยชน์พรรค!!! บุญยอด สุขถิ่นไทย อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ 14 มีนาคม 2566
 

‘เจ๋ง ดอกจิก’ ปลื้ม!! ‘รทสช.’ มาแรง หลัง ปชช.พอใจนโยบาย ฉะ ‘เพื่อไทย’ อย่าหลอกใช้คนเสื้อแดงเพื่อหวังแลนด์สไลด์

(14 มี.ค. 66) นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ ‘เจ๋ง ดอกจิก’ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ เปิดเผย ว่า ได้ลงพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดแพร่ เพื่อช่วยว่าที่ผู้สมัครพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หาเสียง ได้รับการต้อนรับจากประชาชนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะที่จังหวัดอุตรดิตถ์ มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เป็นอดีตแกนนำคนเสื้อแดงที่เคยนำมวลชนมาต่อสู้ในช่วงปี 53, 54 และ 57 พรรครวมไทยสร้างชาติเห็นความสำคัญ ให้ความไว้วางใจเลือกให้ลงในเขต 1 อุตรดิตถ์ แกนนำเสื้อแดงคนนี้เป็น 1 ในคนที่ถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับการเหลียวแลเช่นเดียวกับคนเสื้อแดงในจังหวัดอุตรดิตถ์อีกหลายคน

นายยศวริศ กล่าวว่า แม้จะต้องแข่งกับพรรคการเมืองใหญ่ที่เป็นอดีต ส.ส. แต่ประชาชนเขาก็อยากได้คนใหม่ ประกอบกับนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติจับต้องได้ ประชาชนพอใจกับนโยบายพรรค พร้อมที่จะสนับสนุน ตนได้ไปอธิบายนโยบายของพรรคให้ประชาชนได้เข้าใจมากขึ้น เช่น การเพิ่มเงินในบัตรประชารัฐ 300 เป็น 1,000 บาท การเพิ่มเงินเดือนให้ อสม. 2,000 บาท รวมทั้งเบี้ยยังชีพอายุ 60 ปีขึ้นไป มาได้เป็น 1,000 บาท พร้อมแนะนำตัวผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติทุกเวที

นายยศวริศ กล่าวว่า การลงพื้นที่ของตนเน้นนำเสนอนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ ประชาชนก็เข้าใจ แต่ก็ยังมีคนที่คลั่งไคล้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยมาด่าตนว่าขายอุดมการณ์ ทำให้ทัวร์มาลงบ้าง แต่ต้องเข้าใจว่า ส.ส.เสื้อแดงในพรรคเพื่อไทยมีมากที่เข้าใจคนเสื้อแดง แต่คนประเภท เฮีย เจ๊ หรือเศรษฐีที่เข้าไปอยู่ ไม่ได้จริงใจกับคนเสื้อแดง แถมรังเกียจคนเสื้อแดง หาว่าเป็นคนชั้นล่าง เป็นไพร่สกปรก คนเหล่านี้ไม่เคยให้เกียรติคนเสื้อแดง ไปหาก็ไม่ให้การต้อนรับ

“ที่ผมพูดแบบนี้ เพราะพรรคการเมืองนี้จบด้วยวอร์รูมประชุมกันในห้องแอร์ ส.ส.ไม่มีปากมีเสียง คนเสื้อแดงก็จะถูกหลอกมาใช้งานอีกครั้งช่วงเลือกตั้ง หลังเลือกตั้งเสร็จก็คงถูกทิ้ง เพราะการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ตัดสินใจคนในห้องแอร์ คนพวกนี้รังเกียจคนเสื้อแดง ขยะแขยงคนเสื้อแดง ถึงเวลาจะใช้งาน ทำทีเอ็นดูคนเสื้อแดงเหลือเกิน ดูจากการปราศรัย มาพบกับคนเสื้อแดง ดูแววตาก็รู้ว่าไม่จริงใจ ยกเว้น นส.ส.เสื้อแดง คนกลุ่มนี้ยังจริงใจอยู่ การเลือกตั้งครั้งนี้ คนเสื้อแดงก็คงถูกหลอกใช้ ถูกหลอกแลนด์สไลด์เหมือนเดิม นี่คือแผนเอาคนเสื้อแดงมาหลอกคนเสื้อแดงด้วยกัน แต่สุดท้ายการตัดสินใจทุกเรื่องอยู่ที่ เจ๊ จ. เจ๊ ด. เฮียนั่น เฮียนี่” นายยศวริศ กล่าว

เปิดเบื้องลึก 'ส.ส.เป้า สิงห์โตทอง' จับมือ 'รทสช.' สู้กลุ่ม 'สนธยา' เพราะคำพูดแมนๆ จากผู้ชายแมนๆ ที่ชื่อ 'สุชาติ ชมกลิ่น'

ดุเดือดแน่นอนกับสนามเลือกตั้งเมืองชลหนนี้ เมื่อ 'ส.ส.เป้า' นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง อดีตส.ส.ชลบุรี ได้แต่งองค์ทรงเครื่องมาเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ เขตพื้นที่ อ.บ้านบึง อ.บ่อทอง อ.หนองใหญ่ ตามคำชวนของนายสุชาติ ชมกลิ่น

การร่วมกับ รทสช. ของ ส.ส.เป้า นั้นมีความน่าสนใจ โดยเจ้าตัวได้เปิดใจถึงเบื้องลึกในการย้ายออกจากพรรคเพื่อไทย, พรรคก้าวไกล ไปทำงานการเมืองร่วมกับ 'กลุ่มบ้านใหม่' ของ 'รมต.เฮ้ง' นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ลงสู้ศึกเลือกตั้งสนามส.ส.ชลบุรี ว่า...

เจ๊แดง บอกว่าถ้าจะลงเล่นการเมืองในนามพรรคเพื่อไทย จ.ชลบุรี เป้า ต้องไปขอกับท่านสนธยา ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เพราะเรา (กลุ่มก้าวหน้า) เพิ่งแข่งกับเขาในสนาม อบจ.ชลบุรี และสนามเมืองพัทยา และคนอย่างผมต้องไปขอสนธยา เพื่อจะมาลง ส.ส.ชลบุรี เขต 3 ผมคิดว่าแล้วว่ามันเสียศักดิ์ศรี ก็กลับมานั่งคุยกันอยู่ที่สมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเกษตรชลบุรี บอกกับคนในสมาคมฟังว่าตระกูล 'สิงห์โตทอง' คงจะไม่มีการได้ลงเลือกตั้งแล้ว เราอยู่สายประชาธิปไตยมานาน สายก้าวไกล ก็ปฏิเสธ สายเพื่อไทยก็ปฏิเสธ

ก็เลยมาคุยกันว่าการเลือกตั้งชลบุรีคงไม่มีตระกูล 'สิงห์โตทอง' ลงแข่งขัน แต่พอดีคนในกลุ่มที่คุยกัน เขาเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกับ รมต.เฮ้ง นายสุชาติ ชมกลิ่น สมัยเรียนชลชาย เขาก็เลยโทรศัพท์ไปหา รมต.เฮ้ง บอกว่างวดนี้พี่เป้าเขาไม่ลงเลือกตั้ง พรรคก้าวไกล ก็ไม่เอา พรรคเพื่อไทยก็ไม่เอา แต่ที่ไม่เอา เพราะเขาต้องให้ผมไปขอ ผมก็ไม่ขอ เพราะผมถือว่าต้องลดตระกูล ลดตัวเองไปขอ ผมก็ไม่เอา หลังจากนั้น รมต.เฮ้ง เขาก็ส่งญาติผม ซึ่งเป็นอดีตนายพลตำรวจในชลบุรี ก็ได้คุยกันหลังจากนั้นเขาก็ให้ผมคุยกับ รมต.เฮ้ง ก็คุยกัน รมต.เฮ้งบอกว่า “พี่เป้า ลุงซุ้ย (ดร.ดรงค์ สิงห์โตทอง พ่อผม) เป็น ส.ส.ชลบุรี มา 4 สมัย ทำการเมืองให้กับชลบุรี ในเรื่องสายเกษตร ทุกครั้งที่มีการอภิปรายในสภาฯ คำพูดเรื่องแรกก็จะพูดเรื่องอ้อยเรื่องมันอย่างเดียว ลุงซุ้ย ก็ทำเรื่องนี้มาตลอด ไม่อยากจะให้เสียเรื่องตรงนี้ไปเพราะมันกระทบต่ออาชีพเกษตรกรที่ปลูกอ้อย ปลูกมัน ปลูกปาล์ม

เหตุจำเป็น 'สมศักดิ์-สุริยะ' เคลื่อนซบ 'เพื่อไทย' ฟาก 'จุติ' ก็ปันใจ ทิ้ง 'ปชป.' จอดป้าย 'รทสช.'

ชัดเจน!! ไม่เหนือความคาดหมาย เมื่อ ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ และ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ สองเสือกลุ่ม 'สามมิตร' อำลาพรรคพลังประชารัฐไปซบพรรคเพื่อไทย

ไม่เพียง 'สมศักดิ์-สุริยะ' หากแต่ยังมี 'เดอะต้น' สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 'มือขวาสุริยะ' ที่ลาออกตามไปด้วย...กลายเป็น 3 ส. แน่นอนว่า เลือกตั้งหนนี้ ส.สรวุฒิ นั้น ก็ไม่มีปัญหา เพราะลง ส.ส.เขตบ้านบึง (ชลบุรี)

แต่ ส.สมศักดิ์ กับ ส.สุริยะ ล่ะ? คำตอบชัดเจนอยู่แล้ว ว่าต้องลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ เป็นที่รู้ๆ กันว่าจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ทั้งหมด 100 ที่นั่งนั้น ประมาณกันว่าถ้าพรรคไหนได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์มา 1 ล้านเสียง จะแปลงได้เป็น 3 เก้าอี้ ส.ส. 

ดังนั้นถ้าพรรค พปชร.ของลุงป้อมได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 3 ล้านเสียง ก็เท่ากับว่าจะได้ปาร์ตี้ลิสต์เพียง 10 คนเท่านั้น...

‘ศรัณย์วุฒิ’ ชัดเจน!! ย้ายซบ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ยก 3 จุดเด่น ‘บิ๊กตู่’ มั่นใจ!! นั่งนายกฯ อีกสมัย

(16 มี.ค. 66) ที่รัฐสภา นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อชาติ แถลงว่า วันนี้เป็นการตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญของตน ที่เตรียมจะย้ายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งสมัยตนอยู่พรรคเพื่อไทย (พท.) ก็ไปด้วยกันไม่ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ให้ตนอภิปราย และไม่ให้แตะต้อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตนจึงแตกหักกับพรรคเพื่อไทย เมื่อไปอยู่กับพรรคเพื่อชาติก็แตกหัก และอยู่ด้วยกันไม่ได้ จากนั้นตนไปอยู่กับพรรคเสรีรวมไทยของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ก็มีความคิดเห็นไม่ตรงกันบางอย่างที่ต้องสงวนเอาไว้ รวมถึงที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เคยประกาศว่าสามารถร่วมงานกับ พล.อ.ประวิตร ได้ ก็ทำให้ตนอึดอัดใจ

นายศรัณย์วุฒิ กล่าวต่อว่า ตนสู้เต็มร้อย ตนถูกฟ้องหลายคดีและไม่มีใครช่วยตน ตนเป็นนักรบผู้ต้องการประชาธิปไตยตัวจริง จึงอยู่พรรคไหนไม่ได้ เพราะพรรคที่มีอยู่ก็เป็นประชาธิปไตยจอมปลอม หลอกลวงประชาชน คนไทยทั้งแผ่นดินต้องหูตาสว่าง อย่าให้ใครมาหลอกเรา ตนจึงเลือกได้ 2 ทางคือ ด้วยความสามารถและการต่อสู้เพื่อประชาชน วันนี้จึงไม่สนใจขั้วประชาธิปไตยจอมปลอมที่ผสมพันธุ์กันไปหมดแล้ว และทำพรรคเพื่อบริษัทหนึ่งตระกูลหนึ่ง ตนหมายถึงพรรคไหนคนก็รู้ ส่วนอีกพรรคหนึ่งก็สุดโต่งจนประชาชนหวั่นไหวกันหมด อีกทางเลือกหนึ่งคือการทำงานกับพรรคที่ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน

นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า พรรคการเมืองปัจจุบันคือพวกประชาธิปไตยจอมปลอม และหลอกลวงประชาชน โดยใช้ประชาธิปไตยบังหน้า แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีจุดเด่น 3 ข้อ คือ 1. เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับพวกประชาธิปไตยปล้นชาติ 2. มีความจงรักภักดี และ3. ประชาชนรากหญ้าได้รับประโยชน์มากมายจากรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อเปรียบเทียบรัฐบาลอื่นๆ ที่ผ่านมาพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้รับอะไรเลยมิหนำซ้ำชาวบ้านยังบอกกับตนว่าชื่นชอบพล.อ.ประยุทธ์ เพราะได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และแม่ค้าก็บอกว่าชอบโครงการคนละครึ่ง

‘ศิรินันท์ รทสช.’ ชูนโยบาย ‘ทักษะแห่งโลกอนาคต’ สร้างทักษะ-โอกาสให้คนทำงาน ก้าวสู่ตลาดแรงงานโลก

(17 มี.ค.66) น.ส.ศิรินันท์ ศิริพานิช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการเข้าร่วมงาน ‘CODING ERA Next Wave of Thailand’s Education หรือ ยุคโค้ดดิ้ง คลื่นลูกใหม่แห่งการศึกษาไทย’ ว่า จากการที่ตนคร่ำหวอดในวงการการศึกษามากกว่า 10 ปี ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการเด็ก สตรี เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสของพรรค และเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ได้เตรียมผลักดันนโยบายด้าน Future Skill หรือทักษะแห่งอนาคต ให้เกิดขึ้นจริง เพื่อเตรียมความพร้อม สร้างทักษะการทำงาน และอาชีพแห่งโลกอนาคต พร้อมสร้างบุคลากรที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลก นำมาซึ่งรายได้ที่ดี และคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน 

ดังนั้นจึงทำให้มองย้อนไปว่า ตลาดงาน ต้องการใครไปทํางาน และงานอะไรที่ตอนนี้เป็นที่ต้องการ จนสร้างรายได้ที่สูงขึ้น โดยเห็นว่างานด้าน Coding, Robotic, รถพลังงานไฟฟ้า (EV) ล้วนแต่เป็นงานที่ตลาดโลกต้องการในปัจจุบัน จึงต้องพัฒนาทักษะ Future Skill ให้คนไทยอย่างเร่งด่วน ให้มีทักษะด้านอาชีพที่ตลาดโลกต้องการ เมื่อมีความต้องการสูง ก็จะทำให้ได้รับค่าตอบแทนที่สูงด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องเร่งสร้างและพัฒนาทักษะดังกล่าวให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

น.ส.ศิรินันท์ กล่าวว่า แนวทางการสร้าง Future Skill สามารถทำได้ 3 แนวทาง คือ 

1. เพิ่ม Future Skill ในหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียน ประสานกระทรวงศึกษาธิการเดินหน้าเพิ่มหลักสูตร ชุดความรู้ Future Skill และทักษะต่าง ๆ ซึ่งหลักสูตรพวกนี้ทำให้เยาวชน หรือคนที่เรียนสามารถนํามาต่อยอดหารายได้ในระหว่างที่เรียนไปพร้อม ๆ กันได้ 

2. Re-Skill ให้กับพนักงานบริษัท รวมถึงนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่และยังไม่มีงานทำ ได้เพิ่มทักษะใหม่ๆ และความเชี่ยวชาญให้กับตัวเองตามที่ตลาดโลกต้องการ โดยใช้หลักการประสานมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมถึง ภาค เอกชนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญมาร่วมพัฒนาหลักสูตรกับทางรัฐบาล เพื่อให้ได้หลักสูตรการ Re-Skill ที่เหมาะสมและทำได้จริง 

3. ตั้ง ‘สถาบันส่งเสริมทักษะแห่งโลกอนาคต’ รัฐบาลสามารถตั้งสถาบันแห่งการฝึกทักษะแห่งโลกอนาคต ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการจัดทําหลักสูตร เพื่อให้เยาวชน และประชาชน สามารถเข้าเรียนได้ โดยทางสถาบันยังเป็นตัวกลางในการประสานกับผู้ประกอบการ เพื่อรับรองว่าหลังจากจบหลักสูตรจะมีงานรองรับทันที รวมทั้งยังสามารถส่งออกแรงงานในทักษะที่ตลาดงานต้องการอีกด้วย ก็จะช่วยขับเคลื่อนภาคธุรกิจระดับมหภาคต่อไป 

“นอกจากนี้ในฐานะนักการเมืองสตรี เราควรเน้นเพิ่มทักษะด้านดิจิทัล (digital literacy) ในกลุ่มสตรีด้วยค่ะ เพราะผู้หญิงมีบทบาทและหน้าที่ที่สำคัญ คือ บทบาทของความเป็น ‘แม่’ มีความใกล้ชิดกับลูก ถ้าเราส่งเสริมทักษะด้านดิจิทัลในกลุ่มผู้หญิงให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง คุณแม่ทุกท่านก็สามารถใช้ทักษะนี้สร้างอาชีพในขณะที่ต้องหยุดทำงานเพื่อเลี้ยงลูก และขณะเดียวกันก็สามารถสอนทักษะเหล่านี้ให้กับลูกๆ ในช่วงเวลาที่อยู่ที่บ้านได้ด้วยค่ะ ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับความเท่าเทียมของเยาวชนหญิงและชาย ซึ่งนักเรียนทุกคนสามารถเข้าถึงทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงแล้ว แต่ยังขาดความรู้ด้านดิจิทัลสำหรับการต่อยอดสู่โลกอนาคตค” น.ส.ศิรินันท์ กล่าว 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top