Thursday, 2 May 2024
รวมไทยสร้างชาติ

‘โรม’ ฝากสื่อกระตุก ‘ประยุทธ์’ ก่อนเข้าที่ทำการพรรค รทสช. อย่าตีมึน ควรตอบสังคมปมที่ดิน ‘ส.ว.อุปกิต’ ให้ชัด!!

(27 ก.พ. 66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ขอให้สื่อมวลชนร่วมติดตามกรณีอื้อฉาวของ อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หลังจากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ที่ผ่านมา ได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง ส.ว. รายดังกล่าว กับ นักธุรกิจชาวเมียนมา ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ไปจนถึงขบวนการค้าอาวุธสงคราม แต่จนถึงวันนี้กลับยังไม่มีความชัดเจนจาก พล.อ. ประยุทธ์

ล่าสุด พล.อ. ประยุทธ์ จะเดินทางไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงขอฝากคำถามผ่านผู้สื่อข่าว ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ ต้องตอบให้ได้ว่าในเมื่ออุปกิต มีข้อครหาเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการฟอกเงิน พล.อ.ประยุทธ์ จะดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างไร

เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยมีคำตอบใดให้สังคม และใช้ความเงียบเพื่อเลี่ยงตอบปัญหา จนน่าสงสัยว่าเป็นความตั้งใจทำให้สังคมลืม เพื่อปกป้องอุปกิต ซึ่งเป็นเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบนที่ทำการปัจจุบันของพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ เพราะผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่

'บิ๊กตู่' ชูนโยบาย ‘บัตรลุงตู่’ ดูแล ปชช.เท่าเทียม-ทั่วถึง ยัน ทุกนโยบายมีที่มางบฯ ชัดเจน มั่นใจ ‘รทสช.’ ชนะเลือกตั้ง

(27 ก.พ. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ขอคะแนนชาวจังหวัดนครราชสีมาให้ลงคะแนนเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติทั้ง 16 เขต โดยย้ำถึงนโยบายการสร้างความเท่าเทียม และความเป็นธรรม ดูแลผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบาง ว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำถึงการเข้ามาดูแลประชาชนในทุกด้านโดยเฉพาะด้านปากท้อง

ซึ่งเรื่องดังกล่าว สอดคล้องกับนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติตามแคมเปญ ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ โดยเฉพาะนโยบาย ‘บัตรสวัสดิการพลัส’ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘บัตรลุงตู่’ เป็นการเพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย เป็นเงินจำนวน 1,000 บาทต่อเดือน และการปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เท่ากันทุกคน เป็น 1,000 บาทต่อเดือน จากเดิมที่ให้แบบขั้นบันไดตามช่วงอายุ นอกจากนี้ ยังขยายการดูแลให้ครอบคลุมถึงกลุ่มอาชีพอิสระ ให้ได้รับสวัสดิการสามารถเข้าระบบประกันสังคมถ้วนหน้า

‘พปชร.’ ไม่ติดใจ ‘บิ๊กตู่’ ตีกินนโยบาย ชี้!! ย้อนดู 8 ปีก็รู้...ว่าผลงานใคร

(27 ก.พ. 66) นายอุตตม สาวนายน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงนโยบายต่าง ๆ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ประกาศบนเวทีปราศรัยที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 25 ก.พ.66 ซึ่งพบว่า มีหลายนโยบายทับซ้อนกับของพรรคพลังประชารัฐ ว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ได้ซีเรียสในเรื่องนี้ โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ ซึ่งได้ประกาศชัดเจนก่อนหน้านี้ว่า อะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พรรคพลังประชารัฐยินดีให้การสนับสนุน ไม่ต้องการเอาชนะคะคานกันในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน ต่างก็รับทราบดีว่า นโยบายต่าง ๆ มีขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด ใครเป็นคนคิดริเริ่มและผลักดันจนเป็นรูปธรรม เพียงแต่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ทุกเรื่องจะต้องผ่านความเห็นชอบของ ครม. ซึ่งมีนายกฯ เป็นหัวหน้า ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะหิ้วเอานโยบายเหล่านั้น ติดตัวไปอยู่พรรคอื่นด้วย

นายอุตตม กล่าวต่อว่า อย่างนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็แค่ย้อนกลับไปดูว่า โครงการนี้เปิดให้ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนครั้งแรกในปี 2559 ซึ่งขณะนั้น คนที่เข้ามาคุมนโยบายเศรษฐกิจให้รัฐบาล คสช. คือ ท่านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ตั้งแต่กลางปี 2558 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้ท่านสมคิด กำกับดูแลหน่วยงานด้านเศรษฐกิจและที่เกี่ยวข้อง 9 หน่วยงาน คือ กระทรวงการคลัง, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงเกษตรฯ, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ, กระทรวงอุตสาหกรรม, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ขณะที่ผม และท่านสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ก็เข้าร่วม ครม.ไปเป็นรัฐมนตรีคุมกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ภายใต้การกำกับดูแลของนายสมคิด ซึ่งได้มีนโยบายต่าง ๆ ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เฉพาะแค่โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

นายอุตตม กล่าวอีกว่า เมื่อผมทำหน้าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผ่านการเลือกตั้งปี 2562 แล้ว ส.ส.ทุกคนของพรรคพร้อมใจกันเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็นนายกฯ ท่านสมคิด และพวกผมก็ยังร่วม ครม.คุมกระทรวงด้านเศรษฐกิจ เดินหน้าผลักดันนโยบายที่ริเริ่มเอาไว้อย่างต่อเนื่อง กระทั่งพวกผมลาออกจาก ครม.ในปี 2563 

“ย้อนดูไทม์ไลน์ช่วง 8 ปี ก็จะรู้ว่า ใครเป็นผู้ริเริ่มและผลักดันนโยบายเหล่านี้ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ถ้าพรรคไหนเห็นว่านโยบายของเราดี จะนำไปสานต่อ พรรคพลังประชารัฐและ พล.อ.ประวิตร ก็ยินดี ไม่ขัดข้องอะไร” นายอุตตม กล่าว

ขณะที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน แกนนำพรรค ให้ความเห็นว่า นโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นการริเริ่มของท่านสมคิด อดีตรองนายกรัฐมนตรี และพวกตน ตั้งแต่ช่วงรัฐบาล คสช.ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง จึงถือได้ว่าเป็นผลผลิตของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รวมถึง EEC

‘ธนกร’ ปัด ‘รทสช.’ อยู่เบื้องหลังพาชูวิทย์บุกทำเนียบ ชี้!! ที่ผ่านมา ก็วิจารณ์นายกฯ มาตลอด 1 ปี

(28 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้ายื่นหนังสือกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล หลายฝ่ายมองว่าเป็นเกมการเมือง ว่า ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค รทสช. ต้องมองว่าที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 1 ปี นายชูวิทย์ก็วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาโดยตลอด นายกฯ ก็ไม่เคยตอบโต้เลย ตนเองก็รู้จักกับนายชูวิทย์ เดินสวนกันไปมาหลายครั้ง ก็ไม่เคยโกรธ เพราะนายชูวิทย์ก็ทำหน้าที่ของเขา ดังนั้น ต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคด้วย ว่าพรรค รทสช.ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง หรือไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายชูวิทย์ ต่างคนต่างมีหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ติดใจตรงที่นายพีระพันธุ์ มารับหนังสือจากนายชูวิทย์ด้วยตัวเอง นายธนกร กล่าวว่า นายพีระพันธุ์มารับหนังสือในฐานะเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งความจริงไม่มีอะไร และหากย้อนดู หลายเรื่องที่นายชูวิทย์พูดก็มีประโยชน์ ซึ่งรัฐบาลก็ดำเนินการมาตลอด ตรงไหนที่ยังไม่ได้ทำ เราก็จะดำเนินการ

“เรื่องนี้อย่าไปคิดว่าพรรคไหนอยู่เบื้องหลัง และความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกับนายกรัฐมนตรี ก็ดีมาตลอด ไม่มีปัญหาอะไรกันเลย ให้เกียรติซึ่งกันและกันมาโดยตลอด เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน การวิพากษ์วิจารณ์ของนายชูวิทย์ เป็นสิ่งที่เขาสามารถทําได้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกผม” นายธนกร กล่าว

‘บิ๊กตู่’ ฉุน!! ถูกสื่อจี้ถามวันยุบสภาฯ ปัด ไม่ใช่ 21 มี.ค. โวย จะรีบร้อนอะไรนักหนา ประชดบอก “พรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

‘บิ๊กตู่’ หงุดหงิดหลังถูกซักถึงวันยุบสภา ปัด ไม่ใช่ 21 มี.ค. ประชดบอกพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ยัน คุยกับ ‘เสี่ยหนู’ ตอบทุกเรื่อง ปัด รทสช. อยู่เบื้องหลัง ‘ชูวิทย์’ ถล่มภูมิใจไทย หวานหยด ยังรักและเคารพ ‘บิ๊กป้อม’ เหมือนเดิม แต่เรื่องร่วมรัฐบาลคุยกันทีหลัง

(28 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีการพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยมาโดยตลอด คุยกันทุกเรื่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการคุยกันถึงกรณีที่มีการมองกันว่าที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองออกมา เคลื่อนไหวและ เปิดเผยข้อมูล ในลักษณะการโจมตีพรรคภูมิใจไทย เป็นการรับงานมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่ได้เกี่ยวหรอกไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม เพราะผมบอกแล้วว่าวันนี้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีผมจำเป็นต้องรักษาความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะรัฐบาลร่วมกันมาเกือบสี่ปีแล้ว ในส่วนของพรรคการเมืองผมก็ได้ให้นโยบายไปกับผักไปแล้วว่าจะไม่ไปก้าวล่วงใครทั้งสิ้น เราต้องเป็นสุภาพบุรุษทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกา ผมไม่ได้ไปก้าวล่วงใคร ใครจะว่าอย่างไรผมก็เฉย ๆ ของผม เพราะถือว่าเป็นเรื่องของการหาเสียงก็ว่ากันไป”

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วในส่วนของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีการพูดคุยกันแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็คุยกันตลอดเวลาละจ้ะ วันนี้ฉันก็คุยกันมาตั้งแต่เช้าแล้ว ก็ยังรักเคารพเขาเหมือนเดิมนั่นแหละ คราวนี้ใครจะพูดอะไรก็ว่ากันไป ใครเขียนใครจะเขียนก็เขียนกันไปเถอะ จะกี่ร้อยก็ว่ากันไปเถอะ”

เมื่อถามว่า หากอนาคตพรรครวมไทยสร้างชาติโดยเป็นการนำการจัดตั้งรัฐบาล พูดได้หรือไม่ว่าจะมีพรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตร เข้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็รอไว้ให้มันเลือกตั้งแล้วก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน เค้าไม่พูดกันตอนนี้หรอก เขาไว้พูดกันตอนที่เลือกตั้งเสร็จแล้ว ก็ยังไม่ขอพูดอะไรทั้งนั้น เรื่องของพรรคก็เป็นของส่วนพรรค ก็อยู่ที่ประชาชนจะเลือกตั้งมากน้อยก็ว่ากันมา แต่การจะร่วมรัฐบาลนั้นก็คุยกันทีหลังอยู่แล้ว ที่ผ่านมา ตนก็อยู่ในกระบวนการเหล่านี้อยู่แล้วทุกอย่าง พูดทีหลังทั้งหมดไม่ใช่มาพูดกันก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เคยพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ว่า จะไปร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย ภายหลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้ถามอะไรหรอก ก็เป็นสิทธิของท่าน แต่ท่านก็บอกว่าท่านไม่ได้พูดว่าจะไปจับมือกับใคร ท่านบอกกับผมอย่างนั้น ท่านบอกว่าไม่เคยไปให้สัญญาอะไรกับใครไว้ทั้งสิ้น”

‘บิ๊กตู่’ กั๊กตอบชื่อหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ 'รทสช.' แต่ย้ำ!! พรรคเน้นทำงานร่วมกัน เพื่อประโยชน์ส่วนรวม

(1 มี.ค. 66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมกิจกรรมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รสทช.ว่า เป็นบรรยากาศแห่งมิตรไมตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทาและนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มีโอกาสพบปะสมาชิกหลายคนหลายภาคและเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาสวมเสื้อให้ ถือเป็นเกียรติให้กันและกัน

ตนมีความเชื่อมั่นในบรรดาสมาชิกของพรรคที่มีหลากหลาย หลายกลุ่ม หลายวัย เพราะเราต้องการเดินหน้าทำงานให้คนทุกช่วงวัย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่มีปัญหาต่าง ๆ เราต้องทำให้ทุกคนได้ประโยชน์สูงสุดจากการทำงานในอนาคต ขอขอบคุณบรรดาสมาชิก ส.ส. และขอบคุณหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค และผู้ใหญ่ทุกคนที่ทำให้มีวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ตนมีความสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้งแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หัวหน้าพรรค และ เลขาธิการพรรคบอกแล้วว่ามีความพร้อม ทันเวลาอย่างแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนดของ กกต. พรรครวมไทยสร้างชาติ ส่งให้ครบ

ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งเป้าได้ ส.ส.อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าตั้งเป้า แล้วไม่ได้ตามเป้าแล้วจะไปตั้งทำไม เพราะเราเชื่อมั่นว่าจะได้กว่าเป้า ส่วนเป้าที่วางไว้จะเป็นเท่าไหร่นั้นจะยังไม่บอก ทุกคนต่างหวังเช่นนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าการจะเป็นรัฐบาลได้ ส.ส. จำนวน 250 เสียงขึ้นไป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลกติกาก็คือจะต้องได้คะแนนเสียงสูง และต้องมีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เสียงมากเสียงน้อยก็จะต้องขึ้นอยู่กับบทบาทการพูดคุยต่อไป ว่าเป็นรัฐบาลกันอย่างไร เพราะครั้งที่แล้วก็เป็นแบบนี้ตนก็ผ่านมาแล้ว

‘บิ๊กตู่' ย้อนสื่อ 'เศรษฐา' เป็นใคร? ลั่น!! ประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ ของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง

(1 มี.ค. 66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมกิจกรรมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รสทช.ว่า เป็นบรรยากาศแห่งมิตรไมตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค ได้มีโอกาสพบปะสมาชิกหลายคนหลายภาคและเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาสวมเสื้อให้ ถือเป็นเกียรติให้กันและกัน ตนมีความเชื่อมั่นในบรรดาสมาชิกของพรรคที่มีหลากหลาย หลายกลุ่ม หลายวัย เพราะเราต้องการเดินหน้าทำงานให้คนทุกช่วงวัย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่มีปัญหาต่าง ๆ เราต้องทำให้ทุกคนได้ประโยชน์สูงสุดจากการทำงานในอนาคต ขอขอบคุณบรรดาสมาชิก ส.ส.และขอบคุณหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค และผู้ใหญ่ทุกคนที่ทำให้มีวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ตนมีความสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้งแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคบอกแล้วว่ามีความพร้อม ทันเวลาอย่างแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และ กกต.พรรครวมไทยสร้างชาติส่งให้ครบ

ถอนหงอกรุ่นใหญ่!! 'ชัยชนะ' อัด'ไตรรงค์' ปมเงินล็อบบี้ เพื่อนั่ง ‘กก.บห.’ ลั่น! “ให้ร้ายบ้านเก่าเพื่อเอาใจบ้านใหม่”

'ชัยชนะ' ซัด 'ไตรรงค์' ตบะแตกเข้าทำนอง 'ให้ร้ายบ้านเก่าเพื่อเอาใจบ้านใหม่' ชี้ต้องยอมออกหน้า ปมเงินล็อบบี้ 500,000 บาท เพื่อตำแหน่ง กก.บห. แทนเจ้าของเรื่อง เพราะอาศัยความมีหลักการและเครดิตที่สูง ชี้คนที่เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจง ยันอุดมการณ์ ปชป. ยังเข้มแข็งอยู่ตลอดไป แต่บางคนเท่านั้นที่อ่อนไหวไม่มั่นคงกับอุดมการณ์ของพรรคฯ

2 มี.ค. 2566 - นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ระบุถึงอดีตที่ผ่านมามีคนในปชป. เสนอเงิน 500,000 บาท ให้แก่ น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อให้ช่วยล็อบบี้คนในกลุ่มของ น.ส.วชิราภรณ์ โหวตเป็นดำรงกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ว่า นึกไม่ถึงนายไตรรงค์ ที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นนักการเมืองคุณภาพคนหนึ่งในวงการการเมือง จะทำตัวเข้าทำนอง 'ให้ร้ายบ้านเก่าเพื่อเอาใจบ้านใหม่' เพราะที่ผ่านมา หลังจากนายไตรรงค์ ได้ย้ายไปสังกัด รทสช. แล้ว ก็ไม่ได้มีการพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด แต่เมื่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า มีพรรคการเมืองที่ไม่ได้เติบโตด้วยตนเอง แต่อาศัยตกปลาในบ่อเพื่อน ปรากฏว่า นายไตรรงค์ ออกอาการตบะแตก และแสดงพฤติกรรมไม่ต่างจากบางคนที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และไปสังกัดพรรคใหม่ คือการวาดภาพให้พรรคเดิมออกมาเลวร้าย เพื่อหวังให้ประชาชนสงสาร และตัดสินใจเลือกกลับเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง

กรณีที่นายไตรรงค์ กล่าวอ้างว่า ในการเลือกกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ มีการใช้เงินให้ได้ดำรงตำแหน่งฯ โดยกล่าวอ้างคำบอกเล่าของ น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ บุตรสาวของนายชุมพล กาญจนะ ว่าอยู่ๆ มีคนเอาเงินมาให้ 500,000 บาท บอกให้ช่วยเจรจากับคนในกลุ่มอีก 3 คน เพื่อให้ยกมือสนับสนุนนั้น ตนสงสัยว่า ทำไมนายไตรรงค์ ถึงเพิ่งออกมาพูด ทั้งๆ ที่เวลาล่วงเลยมานานแล้ว ดังนั้น ตนขอชี้แจงว่า ยืนยันไม่มีใครเสนอให้เงินบุตรสาวนายชุมพล กาญจนะ ถึง 500,000 บาท ซึ่งหากไตรรงค์และ น.ส.วชิราภรณ์ มีข้อเท็จจริงก็ขอให้ยืนยันมา

ที่ผ่านๆมา นายไตรรงค์ ก็เป็นคนพูดจามีหลักการ และหลายๆคน ก็ยกย่องว่าเป็นนักการเมืองน้ำดี แต่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ นายไตรรงค์ อาจจะพูดจาแบบไม่ทันได้ยั้งคิด จึงทำให้เกิดผลกระทบลามไปจนถึงพรรคที่ท่านสังกัดอยู่ในเวลานี้ รวมทั้งหากไม่มีหลักฐานตามที่กล่าวอ้างแล้ว นายไตรรงค์ก็ทราบดีว่า คนที่ถูกพาดพิงก็มีสิทธิที่จะปกป้องตัวเองตามกฎหมายเช่นเดียวกัน

"ที่ผ่านมา ผมก็ทราบว่า บางคนที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไป ก็พยายามสร้างภาพให้ประชาชนดูว่า ที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไป เพราะตัวเองถูกรังแกบ้าง ไม่ได้รับโอกาสบ้าง รวมทั้งแกล้งทำเป็นหลงลืมเพื่อจะได้พูดจาตอบโต้พรรคที่เคยจากมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เองก็ได้แก้ปัญหาโดยการเปิดตัวคนใหม่ ให้มาเป็นผู้สมัครของพรรคฯ อย่างต่อเนื่อง เปรียบเสมือนการเพาะพันธุ์ปลาตัวใหม่ โดยเสริมวัคซีนเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาจับปลาในบ่อไปได้อีก รวมทั้งพยายามที่จะไม่โต้ตอบกับคนที่พูดจาในลักษณะนี้

อย่ารังแกกันเลย!! ‘ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. รทสช.’ โอด ป้ายหาเสียงถูกกรีด-ทำลาย ลั่น!! ไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร ขอให้แข่งกันที่นโยบาย

ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หญิงรวมไทยสร้างชาติ ช้ำ ถูกมือมืดทำลายป้ายแนะนำตัว แจ้งความถึง 2 สน.แต่ไม่มีความคืบหน้า โอดไม่เคยเป็นศัตรูกับใครอย่ารังแกกันเลย วอนแข่งกันด้วยนโยบาย

(8 มี.ค.66) น.ส.อรัญญา มณีแจ่ม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ป้ายแนะนำตัวที่นำไปติดตั้งไว้ในหลายจุดของเขตจตุจักรถูกมือมืดทำลายเสียหายหลายจุด บางป้ายก็ถูกพรรคการเมืองคู่แข่งนำป้ายไปติดตั้งทับ ตนเองเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ขอร้องอย่ารังแกเลย ต้องการเข้ามาสู่สนามการเมืองต้องการเข้ามาขายความคิดของคนรุ่นใหม่เพื่อนำไปพัฒนาประเทศ ซึ่งตนเองไม่มีความขัดแย้งกับใครลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงอย่างเดียว

น.ส.อรัญญายอมรับว่า ตกใจอยู่เหมือนกัน ที่ถูกทำลายป้ายแนะนำตัว ขอฝากถึงพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามอย่าทำแบบนี้ อยากให้เล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ นำเสนอนโยบายขาวความคิดให้ประชาชนเลือกดีกว่า เคยไปแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร และ สน.บางซื่อ แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าหรือจับมือใครดมได้ ตำรวจก็ไม่ได้แจ้งความคืบหน้าในคดีหรือจับผู้กระทำความผิด ส่วนตัวไม่เคยมีศัตรูกับใคร จึงไม่คิดว่าเขาทำลายป้ายด้วยเหตุผลทางการเมือง เท่าที่คุยกับว่าที่ผู้สมัครคนอื่นเขตอื่นยังไม่เคยมีใครพูดว่าป้ายถูกทำลายเหมือนเขตจตุจักร ส่วนใหญ่พูดว่า เสียงตอบรับพรรครวมไทยสร้างชาติในพื้นที่ดีวันดีคืน

ไม่กลัวแลนด์สไลด์ 'เสธ.หิ' ตีปี๊บ!! กระแส 'บิ๊กตู่' มาเต็ม  มั่น!! 'รทสช.' ปักธงภาคเหนือได้แน่ 

(10 มี.ค.66) นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ พื้นที่ภาคเหนือ กล่าวถึงความคืบหน้าการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขต พรรครวมไทยสร้างชาติในพื้นที่ภาคเหนือว่า ถึงตอนนี้การเตรียมงานของพรรคไปได้ดี จากเดิมตอนแรกคิดว่าจะไปได้ยาก แต่เมื่อได้เข้าไปสัมผัสกับประชาชนพบว่ากระแสตอบรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในพื้นที่ภาคเหนือดีมาก เพียงแต่ว่าความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือเขาอาจไม่ค่อยแสดงออก เพราะเขาอาจเกรงว่าหากแสดงออกแล้วจะมีความขัดแย้งใดๆ ตามมา แต่เมื่อเราได้เข้าไปสัมผัส เห็นชัดว่า กระแสตอบรับของพรรครวมไทยสร้างชาติในภาคเหนือถือว่าดี


เอาเป็นว่า รวมไทยสร้างชาติ น่าจะเป็นพรรคการเมืองที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของพรรคการเมืองที่อยู่ในใจคนภาคเหนือ โดยหากไม่ได้เข้าไปสัมผัส จะไม่รู้สิ่งนี้เลยเพราะด้วยสื่อและกระแสต่างๆ ที่ออกมา เหมือนกับว่าเป็นของบางพรรคการเมืองที่ยึดครองภาคเหนือ แต่พอเข้าไปสัมผัสจริงๆ พบเลยว่ามีแฟนคลับลุงตู่เยอะมาก เราคิดว่าตรงนี้ได้ผล ส่วนที่ว่าจะได้ส.ส.เขต กี่ที่นั่ง บอกเลยมั่นใจว่า ได้มา ก็ฮือฮาแล้วกัน เพราะเราไปสัมผัสพื้นที่มาแล้ว ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่มีบางพรรคบางพวกพยายามสร้างภาพ

“ดังนั้น จะได้ ส.ส.แค่ไหน ก็อยู่ที่ประชาชนจะให้โอกาสเราแค่ไหน แต่เท่าที่ผมไปสัมผัสประชาชนมา ผมว่า ที่ใครเคยดูถูกพรรครวมไทยสร้างชาติไว้ทางภาคเหนือ ผมว่าได้นั่งร้องไห้กันบ้าง หลังผลเลือกตั้งออกมา ผมตอบแบบนี้ก็แล้วกัน แต่จะให้เราไปพูด คงไม่ได้ เพราะผมเคารพสิทธิประชาชน แต่จากการลงพื้นที่ทำให้ผมเชื่อว่าคนที่รักพลเอกประยุทธ์ในภาคเหนือมีอยู่เยอะ คนที่เข้าใจพรรครวมไทยสร้างชาติมีอยู่มาก ผมจึงมั่นใจว่าจำนวน ส.ส.เขต ที่เราตั้งเป้าไว้ เราจะได้ไม่ต่ำกว่าเป้าแน่นอน” เสธ.หิ ระบุ

เมื่อถามว่าในภาคเหนือ รวมไทยสร้างชาติจะสู้กับกระแสแลนด์สไลด์ กระแสนายทักษิณ ชินวัตร กระแสอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร อย่างไร นายหิมาลัย กล่าวว่า “ต้องบอกว่า ท่านทักษิณก็มีสไตล์การบริหารงานในแบบของท่าน คุณอุ๊งอิ๊งก็มีสไตล์ในการบริหารงานต่างๆ รวมถึงความคิดต่างๆ ผมคิดว่าเราก็ดูถูกใครไม่ได้ ขณะเดียวกัน เราก็ไม่ดูถูกตัวเราเองด้วยเหมือนกัน ผมไม่รู้จักกระแสแลนด์สไลด์ รู้จักแต่ว่าประชาชนจะเลือกใคร วันนี้หากเราฟังสื่อแต่ว่าแลนด์สไลด์ แล้วทุกพรรคการเมือง ก็กลัวแลนด์สไลด์ ก็ไม่ต้องลงสมัครกัน ก็เหลือพรรคเดียวดีไหม ก็ยกให้ท่านทักษิณ ยกให้เพื่อไทยไปพรรคเดียวเลยดีไหม หากเรากลัวแลนด์สไดล์ เพราะฉะนั้น อย่างที่นายกรัฐมนตรีเคยบอกไว้ จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะฉะนั้นถ้ามีคนศรัทธาแม้แต่หนึ่งคน เราก็ต้องต่อสู้”
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top