Thursday, 2 May 2024
รวมไทยสร้างชาติ

‘ธนกร’ ขอบคุณ ‘สุริยะ’ แก้ปัญหาตั๋วเครื่องบินแพงช่วงเทศกาล เชื่อ!! หากคุมได้ทั้งปี จะช่วยหนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ

(11 เม.ย. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนและสะท้อนปัญหาราคาค่าตั๋วเครื่องบินแพงในช่วงเทศกาลไปยังนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และในคณะกรรมาธิการกิจการศาล องคร์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน สภาผู้แทนราษฎรหลายครั้ง  ล่าสุด นายสุริยะได้กำชับให้นโยบายกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการบิน โดยมีการตอบรับอย่างดีจาก 6 สายการบินคือ การบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย, บางกอกแอร์เวย์ส, ไทยไลอ้อนแอร์, นกแอร์ และไทยเวียตเจ็ท ได้เพิ่มเที่ยวบินในช่วงวันที่ 11-12 เมษายน และ 15-16 เมษายน รวม 104 เที่ยวบิน จำนวน 17,874 ที่นั่ง เพื่อสอดคล้องกับมติของคณะรัฐมนตรีที่กำหนดให้มีวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ปีนี้รวม 6 วัน และเพื่อแก้ไขปัญหาราคาบัตรโดยสารเครื่องบินแพงเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชนด้วย โดยจะทำการบินไปยังสนามบินหลักให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั้ง ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุย อุบลราชธานี อุดรธานี และขอนแก่น

นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้ทางกพท.ได้ดำเนินการสำรวจข้อมูลค่าโดยสารของวันที่ 12 เมษายน 2567 ซึ่งคาดว่าประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงสงกรานต์เป็นวันแรก ใน 3 เส้นทางยอดนิยม คือกรุงเทพฯ-ภูเก็ต กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-กระบี่ 

พบว่าเส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต โดยมีค่าโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 2,611 บาทต่อเที่ยว ส่วนกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ค่าโดยสารเฉลี่ยที่ 2,346 บาทต่อเที่ยว และกรุงเทพฯ-กระบี่ มีค่าโดยสารเฉลี่ยเท่ากับ 2,797 บาทต่อเที่ยว ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาค่าบัตรโดยสารในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ถือว่าราคาลดลง 3-14%  

นอกจากนี้ขอให้รมว.คมนาคมและกพท. ควบคุมกำกับดูแลเรื่องราคาบัตรโดยสารเครื่องบินในสายการบินที่เหลือ รวมถึงขยายมาตรการดังกล่าวออกไปในช่วงปกติที่ไม่ใช่เทศกาลด้วย เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวตลอดทั้งปีของรัฐบาลด้วย

“ขอขอบคุณท่านสุริยะ กระทรวงคมนาคม และกพท.รวมถึงขอบคุณผู้บริหารทั้ง 6 สายการบิน ที่ไม่ปล่อยผ่านความเดือดร้อนของประชาชนที่ร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก เรื่องค่าตั๋วเครื่องบินแพง โดยเฉพาะช่วงเทศกาล จนนำมาซึ่งการควบคุมและแก้ปัญหาดังกล่าวได้สำเร็จ โดยเห็นว่าควรขยายมาตรการนี้ไว้ตลอดทั้งปี เพื่อลดค่าใช้จ่ายการเดินทาง ทั้งยังเป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลเรื่องการท่องเที่ยวด้วย โดยเชื่อว่าในช่วงมหาสงกรานต์วันหยุดยาวครั้งนี้ จะเห็นการเดินทางของพี่น้องประชาชนและดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนเติบโตตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ได้อย่างแน่นอน” นายธนกร กล่าว

'พีระพันธุ์' ชี้!! 'ไม่มีดีลลับ-นายกฯ สำรอง-ปรับครม.' ส่วน 'ลุงตู่' ไม่ยุ่งการเมือง มุ่งทำงานเพื่อชาติ

(11 เม.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวเตรียมเป็นนายกรัฐมนตรีสำรองว่า ไม่มี พูดกันไปเอง คิดกันไปเอง ไม่มีดีลอะไร ไม่มีทั้งนั้น

เมื่อถามว่า รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วใช่หรือไม่? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ ลุงตู่ของพวกเราท่านทำภารกิจหลัก ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของประเทศถวายในหลวงในเรื่องงานต่าง ๆ อยู่แล้ว ท่านไม่ได้ยุ่งในเรื่องการเมือง"

เมื่อถามย้ำว่า กระแสข่าวที่ออกมาอาจเพราะเห็นว่านายพีระพันธุ์มีความใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จึงทำให้มีข่าวจะมาเป็นนายกฯ สำรอง? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "ไม่มีหรอก มาจากสื่อที่มั่วกันเอง"

เมื่อถามถึงกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังสงกรานต์ ในส่วนของ รทสช. จะมีการปรับเปลี่ยนอะไรหรือไม่? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "ยังไม่มีการพูดคุยกันเรื่องนี้เลย เพราะฉะนั้นอย่างที่ตนเคยพูดตลอด อะไรที่ยังไม่มีการพูดกันอย่างเป็นทางการถือว่ายังไม่มี"

เมื่อถามอีกว่า ถ้ามีการปรับในส่วนของ รทสช. จะมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีหรือไม่? นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า "ยังไม่มี ยังไม่มีการคุยอะไรกันเลย เพราะยังไม่มีการพูดคุยกันในรัฐบาล ดังนั้น ในพรรคจึงยังไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้"

‘ประธาน กมธ.อุตฯ’ เร่งล่าตัวคนผิด กรณีขนย้ายกากแคดเมียม ลั่น!! ไม่ยอมให้เอาชีวิตของพี่น้องประชาชนเป็นตัวประกัน

เมื่อไม่นานมานี้ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า ในวันนี้ (17 เม.ย.) เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา กมธ.อุตสาหกรรมได้เชิญหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ 6 หน่วยงานหลักที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ดำเนินการกับกากแร่แคดเมียม มาประชุมที่สภาฯเพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการ โดยเฉพาะการขนย้ายกากแคดเมียม

เนื่องจากประชาชนกังวลใจว่า จะขนย้ายอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด การประชุมในวันพรุ่งนี้จะมีแผนงานที่ชัดเจนออกมาแจ้งให้ประชาชนทราบว่า หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐจะดำเนินการอย่างไรบ้าง

กมธ.ได้รับการร้องเรียนว่า กากแคดเมียมที่อายัดไว้ทำไมปล่อยทิ้งไว้ตามจุดต่าง ๆ ไม่หาตู้คอนเทนเนอร์มาบรรจุกากแคดเมียม กมธ.มีความห่วงใยในสถานการณ์ดังกล่าวจึงจะไปเร่งรัดให้เกิดความรวดเร็วยิ่งขึ้น ส่วนการขนย้ายจะเข้าไปดูรายละเอียดว่าขนย้ายอย่างไร โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงว่า ขนอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด เพราะประชาชนเป็นห่วงมาก และขอบอกประชาชนว่า ไม่ต้องเป็นห่วง กมธ.จะตรวจสอบการขนกากแคดเมียมของหน่วยงานภาครัฐอย่างเข้มข้นเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนมากที่สุด ตั้งแต่ต้นทาง ระหว่างทางจนถึงปลายทาง

นอกจากนี้ จะได้สอบถาม กระทรวงสาธารณสุข และกรมควบคุมมลพิษว่าได้ติดตามดำเนินการกรณีนี้ที่เป็นผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนและสิ่งแวดล้อมว่าได้ดำเนินการไปถึงไหนและมีผลการดำเนินการเป็นอย่างไรแล้วบ้าง

สำหรับ การสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด กมธ.จะติดตามสอบถามกับบก.ปทส.ว่า สอบสวนถึงไหนแล้ว การขนย้ายกากแคดเมียมเป็นหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนการสอบสวนดำเนินคดีเป็นหน้าที่ของบก.ปทส. ในเบื้องต้นยืนยันได้ว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐรับผลประโยชน์ในเรื่องนี้แน่นอนจึงสามารถขนย้ายกากแร่อันตรายจากจังหวัดตากมาเก็บไว้ที่จังหวัดสมุทรสาครแล้วกระจายไปยังจุดต่าง ๆ ทั้งชลบุรีและกรุงเทพมหานครได้ ทาง กมธ.อุตสาหกรรมมีข้อมูลเชิงลึกแล้ว

นายอัครเดช ขอยืนยันว่า จะติดตามตรวจสอบเอาคนทำความผิดที่รับผลประโยชน์และทำผิดกฎหมายมาลงโทษให้ได้กมธ.จะไม่ยอมให้เอาชีวิตของพี่น้องประชาชนเป็นตัวประกัน จะติดตามหน่วยงานเกี่ยวข้องให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว เพื่อให้ประชาชนสบายใจ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาไม่ได้เงียบ กมธ.ยังคงติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด แล้วจะรายงานผลให้ประชาชนทราบเป็นระยะ เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

ล่าสุด (17 เม.ย. 67) ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ที่ประชุมกมธ. ได้เชิญ 6 หน่วยงาน เพื่อพิจารณาแก้ปัญหากากแร่แคดเมียม โดยให้ทางกระทรวงอุตสาหกรรมมาบูรณาการหลักร่วมกับ 5 หน่วยงาน โดยนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม มาชี้แจง ซึ่งคงจะได้ทราบข้อเท็จจริง 

อย่างไรก็ตามได้รับทราบจากข่าวว่าจะมีการเริ่มเคลื่อนย้ายกากแร่แคดเมียมในวันที่ 7 พ.ค. ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าทำไมถึงช้า เพราะอะไร ดังนั้นตนจะได้สอบถามในที่ประชุมว่าจะเลื่อนการเคลื่อนย้ายให้เร็วกว่าวันที่ 7 พ.ค. ได้หรือไม่ รวมทั้งเรื่องการจัดการกากแร่แคดเมียมที่ตรวจพบทั้งที่จังหวัดสมุทรสาคร ชลบุรี และจ.ตาก จะดำเนินการอย่างไร

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ถ้ามีขนย้ายควรจะมีตู้คอนเทนเนอร์มาบรรจุเพื่อไม่ให้เกิดการฟุ้งกระจายระหว่างขนย้ายของแคดเมียมได้อย่างไร เพื่อจะได้ป้องกันปัญหา และผลกระทบที่จะเกิดกับพี่น้องประชาชนที่อาศัยบริเวณโดยรอบ ได้ดำเนินการไปอย่างไรแล้วบ้าง โดยจะมีการเสนอให้ซีลสองรอบ และใส่ไปในตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแล้วค่อยขนย้ายไป จ.ตาก โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นถ้าผู้ประกอบการไม่สามารถดำเนินการได้รัฐก็ต้องนำงบประมาณไปดำเนินการก่อน ส่วนขั้นตอนการฟ้องร้องค่าใช้จ่ายต้องให้รัฐไปฟ้องร้องกับผู้ประกอบการออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพราะหากจะรอให้ผู้ประกอบการพร้อม ตนคิดว่าไม่ทันและจะเป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชน 

เมื่อถามว่าทางกมธ.ได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนในพื้นที่อย่างไรบ้าง นายอัครเดช กล่าวว่า ในส่วนของกมธ.ได้มีการสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ยังไม่ได้ลงพื้นที่จริง แต่เรามีแผนที่จะลงไปติดตามการฝังกลบแคดเมียมที่ จ.ตาก ซึ่งเดิมวางไว้ประมาณต้นพ.ค. แต่เนื่องจากมีการเลื่อนการกำหนดการขนย้ายในวันที่ 7 พ.ค. ก็ต้องมาหารือในที่ประชุมกมธ.กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจริง ๆ แล้วจะสามารถขนย้ายได้เมื่อไหร่แน่ เพราะเดิมทราบจากรมว.อุตสาหกรรมการว่าจะเริ่มมีการขนย้ายประมาณวันที่ 17 เม.ย. จึงต้องสอบถามเหตุผลจากปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่มาชี้แจงว่าทำไมจึงเลื่อนเป็นวันที่ 7 พ.ค.

ต่อข้อถามว่ามองการทำงานของรมว.อุตสาหกรรม ซึ่งอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติด้วยกันอย่างไร นายอัครเดช กล่าวว่า ในส่วนของรมว.อุตสาหกรรมเป็นฝ่ายบริหารท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน ในฐานะที่เป็นรัฐบาล ส่วนตนในฐานะประธานกมธ.อุตสาหกรรมเราก็ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินเพราะเป็นอำนาจตามรัฐธรรมนูญเราก็ทำงานคู่ขนานกันไป ถึงแม้เราจะมาจากพรรคเดียวกัน แต่บทบาทหน้าที่ก็ต้องทำ เพื่อให้ประชาชนและประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งเรื่องนี้ทั้งตนและน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ก็ได้พูดคุยกันเป็นระยะอยู่แล้ว เพื่อหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งรัฐมนตรีก็ไม่ได้นิ่งเฉย และลงพื้นที่ติดตามปัญหาจนได้คืนกากแคดเมียมเกือบครบแล้ว 

เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ที่ทางกมธ.ระบุว่ามีข้อมูลเชิงลึกในเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐรับผลประโยชน์ว่าได้ข้อมูลมาทางไหน นายอัครเดช กล่าวว่า เราทราบเหตุการณ์นี้เพราะมีคนมาร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่รัฐรับผลประโยชน์ในเรื่องของการย้ายกากแร่แคดเมียม ซึ่งเป็นหน่วยงานภายที่ร้องมา ทางกมธ.จึงได้มีการตรวจสอบประมาณเดือนม.ค. เรายังไม่รู้ว่าเป็นกากแร่อะไร จนรับทราบเบื้องต้นว่าต้นทางอยู่ที่ จ.ตาก จนมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยกมธ.ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวช้องมาสอบ ซึ่งครั้งแรกเราพุ่งเป้าไปที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นพื้นที่เหมืองแร่สังกะสีเก่า แต่ได้ข้อมูลไม่ชัดเจน จนการประชุมนัดที่ 4 เราถึงทราบและแถลงข่าวให้รัฐบาลไปดำเนินการ และให้รปะชาชนเฝ้าระวัง 

“ถือเป็นโชคดีของคนไทยที่เราเจอเร็ว ไม่ใช่ว่าต้องให้พี่น้องประชาชนล้มป่วยก่อนเหมือนในต่างประเทศ แล้วเราค่อยมาสืบหากันว่าพี่น้องประชาชนล้มป่วย เสียชีวิตเพราะอะไร” นายอัครเดช กล่าว

เมื่อถามว่าเจ้าหน้ารัฐที่ถูกต้องเรียนเป็นระดับท้องที่ต้นทาง ปลายทาง หรือกำกับดูแลใบอนุญาต นายอัครเดช กล่าวว่า ในเอกสารที่มีการส่งมาร้องเรียนเบื้องต้นมีทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่มาจากระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนจะเป็นต้นทาง ปลายทาง หรือระดับไหนขอรอให้เกิดความชัดเจนอีกครั้ง ดังนั้นในที่ประชุมกมธ.ก็จะมีการติดตามการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ประกอบการต้นทาง ปลายทาง หรือส่วนที่จะเตรียมการส่งออก ละเมิดกฎหมายและผิดกฎหมายข้อไหน และหน่วยงานไหน จะดำเนินคดีอย่างไร

เมื่อถามว่าการขนย้ายไปฝังกลบที่จ.ตาก มีความเสี่ยงระหว่างขนย้าย รวมทั้งผลกระทบกับพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงจะดำเนินการอย่างไร นายอัครเดช กล่าวว่า ในอีไอเอผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมระบุชัดเจนที่เป็นส่วนหนึ่งที่อนุญาตคือ จ.ตาก ประกอบการทำเหมืองแร่ และถลุงแร่สังกะสี และกากแร่แคดเมียม ซึ่งในใบอนุญาตมีอีไอเอ ที่ระบุไว้ว่าจะต้องมีการฝังกลบที่จ.ตาก ฉะนั้นเมื่อมีการละเมิดอีไอเอ เอาออกมานอกพื้นที่ ซึ่งขั้นตอนเจ้าหน้าที่รัฐได้มีคำสั่งทางปกครองไปแล้วว่าให้ขนกลับไปเก็บที่เดิมภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นมาตรการทางกฎหมาย ฉะนั้นต้องขนกลับไปเก็บที่เดิมก่อน 

ส่วนอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร จะย้ายที่ฝังกลบหรือจะดำเนินการอย่างไรกับกากแร่แคดเมียม ซึ่งวันนี้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจก็ต้องไปทำอีไอเอเพิ่ม และต้องศึกษากฎหมายด้วยว่าอนุญาตให้ทำอย่างไร และต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่านักวิชาการหรือใครอยากให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้มันทำไม่ได้ เพราะต้องปฏิบัติตามกฎหมายก่อน และถ้าไม่เปิดช่องให้ในอนาคตมีความจำเป็นต้องดำเนินการ เราในฐานะ สส. ที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งมีหน้าที่แก้กฎหมายเราก็พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็น เพื่อแก้กฎหมายดังกล่าวเพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด 

ต่อข้อถามว่ามีข้อมูลทุนจีนเทาเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ ประธานกมธ.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในการข่าวทราบว่าผู้ประกอบการต่างประเทศที่เป็นคนจีน เตรียมส่งออก และมีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว มีความเชื่อมโยงกันหมดในตัวละคร ตั้งแต่ต้นทางที่จ.สมุทรสาคร ก็เป็นคนจีน จะมีการขนย้ายไปที่อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และเตรียมส่งออกก็เป็นคนจีน เจ้าของโรงงานที่ไปตรวจพบกากแร่แคดเมืยม ที่ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และเป็นผู้ประกอบการคนจีนที่กมธ.อุตสาหกรรมเคยทำเรื่องนี้ พบว่าโรงงานทำผิดกฎหมายและให้เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ไปจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว 

จะเห็นได้ว่าตัวละครที่เป็นคนจีนมีทั้งหมด 3 ตัวละคร ตัวละครสุดท้ายต้นทางที่จ.สมุทรสาครที่เป็นโรงหลอม ก็มีผู้ประกอบการคนจีนที่สวมสิทธิ์หลบเลี่ยงภาษี ซึ่งเป็นเรื่องที่กมธ.กำลังจะสอบว่าจริง ๆ แล้วมีการกระทำความผิดตามที่ประกอบการโรงหลอมคนไทยร้องเรียนมาหรือไม่ จึงจะเห็นได้ว่ามีทั้งหมด 4 ตัวละครที่เป็นคนจีน ซึ่งเชื่อมโยงกันหมดเป็นเครือข่าย 

“ผมจึงเรียกร้องให้นายกฯ หยิบยกเรื่องนี้มาเป็นวาระแห่งชาติในการดำเนินการกับนักลงทุนจีนสีเทาทางด้านอุตสาหกรรมที่ละเมิดกฎหมาย เพราะ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ทุนจีนก็กระทำความผิดซ้ำซาก ทำให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องชาวชลบุรีอย่างต่อเนื่องรุนแรง ซึ่งทางกมธ.เคยสอบสวนและให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินคดีมาแล้ว” นายอัครเดช กล่าว

เมื่อถามถึงผลตรวจปัสสาวะประชาชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จะต้องสอบหรือไม่ว่าแคดเมียมได้มีการรั่วไหลออกไปแล้วหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า ที่ จ.สมุทรสาครได้รับทราบจากจังหวัดว่ามีการตรวจพบคนในโรงงานมีค่าแคดเมียมเกิน ส่วนนอกโรงงานก็มีค่าแคดเมียมเกินเหมือนกัน ในที่ประชุมกมธ. วันนี้จะได้รับทราบจากจังหวัดสมุทรสาครอย่างเป็นทางการว่าค่าแคดเมียมเกินไปเท่าไหร่และจะดำเนินอย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่รัฐจะต้องไปดูแล และผู้ประกอบการที่กระทำความผิดจะต้องรับผิดชอบด้วย และอีกส่วนที่สำคัญคือสารที่ตกค้างไม่ว่าในดิน อากาศ น้ำ จะดำเนินการตรวจสอบอย่างไรให้ประชาชนมีความอุ่นใจ เพราะ จ.สมุทรสาคร เป็นแหล่งอุตสาหกรรม จะต้องทำอย่างไรให้ประชาชนเกิดความปลอดภัย

'อัครเดช' เผย!! 4 รัฐมนตรี รทสช. ทำงานทุ่มเท มีผลงานต่อเนื่อง ยัน!! นายกฯ ไม่มีสัญญาณปรับครม. แต่ถ้ามีโปรดรอฟังจากพรรค

(17 เม.ย. 67) ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของ รทสช. ว่า เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนได้คุยกับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค รทสช.ยืนยันว่าการปรับ ครม. ยังไม่มีการติดต่อมาจากนายกรัฐมนตรี ส่วนในอนาคต เป็นเรื่องที่นายกฯ กับหัวหน้าพรรคฯ จะคุยกัน และทางพรรคยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร หากมีความคืบหน้าก็จะแถลงให้ประชาชนได้รับทราบ  

เมื่อถามว่า มองการทำงานของ 4 รัฐมนตรี ของรทสช.เป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่? นายอัครเดช กล่าวว่า "การทำงานของทั้ง 4 รัฐมนตรีในโควตาของรวมไทยสร้างชาติทุกท่าน ทำงานด้วยความทุ่มเท ตนสัมผัสได้ อย่างนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคฯ ที่เป็นรองนายกฯ และรมว.พลังงาน ก็มุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะแก้ปัญหาพลังงาน รวมถึงโครงสร้าง ทั้งไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซ โดยทำอย่างเป็นระบบ และปฏิรูปเพื่อสร้างความยั่งยืน เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับพี่น้องประชาชน...

"ส่วนน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ก็ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหาแคดเมียม ทันที ส่วนรัฐมนตรีช่วยอีกสองคน ทั้งนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง และนายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ ก็ตั้งใจทำงาน และมีผลงานต่อเนื่อง ดังนั้นการปรับครม.ผู้ใหญ่ก็ต้องคุยกัน"

เมื่อถามถึงความกังวลกรณี ของนายพีระพันธุ์ ที่พบปัญหาราคาพลังงาน อาจถูกหยิบยกเป็นเหตุผลให้นายกฯ พิจารณาปรับครม.ได้? โฆษก รทสช. กล่าวว่า "เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ ซึ่งเกิดจากปัญหาสงคราม นายพีระพันธุ์ก็พยายามทำอยู่สุดความสามารถ เพื่อตรึงราคาน้ำมัน จึงอยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจ เนื่องจากเรานำเข้าจากต่างประเทศ ปัจจัยราคาน้ำมันดิบ เราไม่สามารถกำหนดได้ แต่สิ่งสำคัญ คือการตรึงราคาขายปลีก เชื่อมั่นในความมุ่งมั่นของนายพีระพันธุ์ในการตรึงราคาน้ำมัน ส่วนสุดท้ายจะตรึงได้ถึงเมื่อไหร่ ก็อยู่ที่สถานการณ์ และอยากสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ว่านายพีระพันธุ์ เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ปฏิรูปโครงสร้างเชื้อเพลิง อย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่ระยะสั้น เราเป็นห่วง เพราะมีเหตุการณ์ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่คิดว่าท่านให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด เพื่อให้คลายความกังวลตรงนี้"

ต่อข้อถามถึงกระแสข่าวพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ว่าอาจถูกปรับ 2 คน แล้วดึง นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค รทสช. และนายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรค รทสช. เข้ามาแทน? นายอัครเดช กล่าวว่า "ข่าวก็คือข่าว แต่ถ้าเป็นจริง ก็ต้องฟังจากหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือตนในฐานะโฆษกพรรค ที่ได้รับมอบหมาย แต่ข่าวที่ออกมาคิดว่าไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล และพรรคฯ ด้วย ยืนยันว่าเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ตอนคุยกันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอให้สบายใจได้พรรครทสช.ไม่มีปัญหาการปรับครม."
เมื่อถามว่า ในอนาคตจะมีชื่อนายอัครเดช ติดโผล ครม.หรือไม่? นายอัครเดช กล่าวว่า "ตนเป็นประธานกมธ.อุตสาหกรรม ก็โอเคแล้ว ตนก็ทำงานเต็มที่ ส่วนในอนาคตเป็นเรื่องที่ประชาชนตัดสินใจ"

‘เกรียงยศ-รทสช.’ ทวงสัญญา กทม.บูมคลองโอ่งอ่าง รับปากเร่งจัดกิจกรรมช่วยชาวชุมชน แต่สุดท้ายเงียบ

เมื่อไม่นานมานี้ นายเกรียงยศ สุดลาภา สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนออกมาตั้งกระทู้ถามในสภาผู้แทนราษฎรเรียกร้องให้กรุงเทพมหานครได้เข้ามาพัฒนาคลองโอ่งอ่าง เพื่อคืนความเป็นแลนด์มาร์กใจกลางกรุงเทพมหานครให้กลับมาเหมือนเดิม เนื่องจากที่ผ่านมาถูกปล่อยให้ทิ้งร้างไม่ได้รับการเหลียวแล ล่าสุดก็ยังไม่เห็นสัญญาณจาก กทม. ว่าจะเข้ามาดำเนินการอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนที่รับปากกับประชาชนและผู้ประกอบการไว้ว่า ใน 2 เดือน 4 เดือนและ 6 เดือนจะมีโครงการต่าง ๆ ออกมา

นายเกรียงยศ กล่าวว่า เห็นนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นำอดีต สก.ลงพื้นที่คลองโอ่งอ่าง ก็ดีใจ ที่หลายฝ่ายออกมาร่วมมือผลักดันการพัฒนาคลองโอ่งอ่างให้กลับมาเหมือนเดิมตามความต้องการของชุมชน ชาวบ้านและผู้ค้า ทีมงานพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงพื้นที่หลายรอบเพื่อไปดูว่า มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่หลังจากได้ตั้งกระทู้ถามในสภาฯ 

ก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตนก็ลงไปคุยกับผู้ประกอบการในพื้นที่ ทว่าก็ยังไม่เห็นว่ากทม.ทำอะไรเหมือนที่รับปากไว้ พวกเขายังรออยู่ว่า จะมีการจัดกิจกรรมจริงหรือไม่ ขนาดเทศกาลสงกรานต์ กทม. ยังไม่จัดงานสงกรานต์ที่คลองโอ่งอ่างทั้งที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ

“ผมขอเรียกร้องให้คนที่ลงมาช่วยพัฒนาคลองโอ่งอ่าง ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง อย่าลงมาเฉพาะช่วงมีเทศกาลหรือทำแบบฉาบฉวยหวังหาเสียง หรือเพียงแค่เกาะกระแสไปวัน ๆ ไม่ว่าใครจะลงมาช่วย ถือเป็นเรื่องดีทั้งหมด เพราะชาวบ้านและผู้ประกอบการได้ประโยชน์ หรือ กทม.จะมาร่วมกันทำ ผมก็ยินดีผมพร้อมจะไปคุยด้วย แต่เวลานี้ผู้ประกอบการและชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า ยังไม่มีสัญญาณอะไรเลย มีแต่เพียงคำบอกเล่า ไม่เห็น กทม.ขยับ ผมก็จะจะติดตามแต่เรื่องนี้ต่อไปว่าสัญญาที่ให้ไว้กับชาวชุมชนและผู้ค้าจะดำเนินการเมื่อไร” นายเกรียงยศกล่าว

ทั้งนี้ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “ได้ยินข่าวว่าทางกทม.ได้จัดงานตลาดนัดคนเดินหลายแห่ง ที่ดัง ๆ คือ ย่านดินแดง จึงอยากถามว่า ‘ดินแดง’ อัตลักษณ์ของพื้นที่คืออะไร ผู้ค้าที่มาค้าขายก็มาจากข้างนอกทั้งหมด แทบไม่มีคนในพื้นที่ การจัดลักษณะนี้คนในพื้นที่ไม่ได้ประโยชน์และไม่ได้โชว์อัตลักษณ์ทำไมถึงจัดได้ แต่คลองโอ่งอ่างถือเป็นแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันทั่วโลก แต่ไม่มีการจัดกิจกรรม อยากถามว่าผิดฝาผิดตัวหรือไม่”

'นายกฯ' ชื่นชม!! แผนงานแก้ปัญหาจราจรจาก 'รทสช.ภูเก็ต' บูรณาการทุกภาคส่วน เกิดผลเป็นรูปธรรม 'ระยะสั้น-ยาว'

'เอกนัฏ-พิชชารัตน์' ลงพื้นที่ร่วมคณะนายกฯ ติดตามโครงการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่ จ.ภูเก็ต มีเป้าหมายจะยกระดับทั้งเกาะสมุย และภูเก็ตให้เป็นเกาะระดับโลก

(19 เม.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ และนางนวลจันทร์ สามารถ คุ้มบ้าน อดีตผู้สมัคร สส.ภูเก็ต เขต 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ทำงานผลักดันเรียกร้องให้มีการปรับปรุงแก้ไขปัญหาจราจรในภูเก็ตมาโดยตลอด 

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังได้ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจติดตามรายงานสรุปโครงการก่อสร้างสะพานยกระดับ ทางหลวงหมายเลข 4027 (ทางเลี่ยงเมือง) ตอนบ้านเมืองใหม่ - แยกเข้าสนามบิน ระหว่าง กม.18+850 - กม.20+800 อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยกล่าวชื่นชมและกล่าวขอบคุณผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ และทุกคนที่มีส่วนร่วมในการทำงาน มีการทำแผนงานเกิดผลเป็นรูปธรรม ถือเป็นแผนงานที่เหนือความคาดหมาย เป็นการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการทั้งภาครัฐส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ตามความคาดหวังของประชาชนทั้งแผนระยะสั้นและแผนระยะยาว เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรให้พี่น้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

‘กวิน ชาตะวนิช’ ร่วมประชุมใหญ่ รับฟังแนวทาง ‘รทสช.’ พร้อมขอบคุณผู้ใหญ่ ที่ให้เกียรติ-โอกาสในครั้งนี้

(22 เม.ย.67) นายกวิน ชาตะวนิช ประธานกลุ่มศรีสุริโยไท SST PROTECT TEAM อดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร โพสต์คลิปวิดีโอผ่านช่องติ๊กต็อก @Kawin5987 หลังตนได้มีโอกาสไปร่วมประชุมใหญ่ เพื่อรับฟังแนวทางและนโยบายของ พรรครวมไทยสร้างชาติ 

นอกจากนี้ นายกวิน ชาตะวนิช ยังได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า…

“วันนี้ผมได้รับเกียรติจากท่านผู้อำนวยการและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ท่านพันเอกเฟื่องวิชุช์ อนิรุทธเทวา ให้มาร่วมสังเกตการณ์งานประชุมสามัญใหญ่ครั้งแรกประจำปี 2567 และร่วมรับฟังแนวทางรวมถึงนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติครับ

ขอขอบคุณ ผู้พันแซมที่ให้เกียรติและให้โอกาสกระผมเป็นอย่างมากครับ

งานการเมืองเป็นงานที่ผมไม่ได้ตั้งใจทำแต่แรกครับ แต่ผมกลับชื่นชอบ ด้วยว่างานนี้ต้องมีใจรักเสียสละและความตั้งใจจริง ๆ หลังจากที่ผมได้ลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคและสมาชิกพรรคไทยภักดีมาก็ไม่รู้ว่าจะต้องเดินต่อบนเส้นทางการเมืองอย่างไร

จนมาวันนี้ผมได้รับความอนุเคราะห์อุปถัมภ์และได้รับโอกาสเป็นอย่างสูงจากท่านผู้พันแซม พันเอกเฟื่องวิชุช์ อนิรุทธเทวาครับ ท่านได้เรียกให้ผมเข้ามา ผมจึงได้รีบเดินทางมาเพื่อสังเกตการณ์และศึกษาดูแนวทางนโยบายของทางพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของผมต่อไปครับ”

กมธ.อุตฯ หวั่น!! พฤติกรรมลอกเลียนเผาทำลายกากอุตสาหกรรม จี้!! ‘ก.อุตฯ’ เคลียร์ระบบจัดเก็บกาก-ตรวจสอบใหม่ทั้งประเทศ

(23 เม.ย.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บกากอุตสาหกรรมที่จังหวัดระยองว่า ไฟไหม้ลักษณะนี้ถือเป็นปัญหาที่ซ้ำซากมาก สร้างผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าเป็นอุบัติเหตุจริง กรมโรงงานอุตสาหกรรมต้องหามาตรการป้องกันให้ได้ผล แต่ที่ผ่านมามักจะมีการเผาทำลายหลักฐานกากอุตสาหกรรม แต่การดูแลควบคุมทำไม่ได้ปล่อยให้เกิดเหตุลักษณะนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ

นายอัครเดช กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแล จะต้องเข้าไปตรวจสอบและป้องกันการก่อเหตุให้ได้ผล ที่ผ่านมากลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ทั้งที่จังหวัดราชบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนกระทั่งมาเกิดที่จังหวัดระยอง ถ้ากระทรวงอุตสาหกรรม ไม่เข้ามาดำเนินการอย่างจริงจัง จะเกิดการเผาทำลายหลักฐานเช่นนี้ขึ้นอีก เหตุการณ์ไฟไหม้โรงเก็บกากอุตสาหกรรมในหลายจังหวัดมีหลักฐานชัดเจน แต่ก็ไม่มีการชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบว่า การดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการไปถึงไหน มีการร้องทุกข์กล่าวโทษกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) บ้างหรือไม่

“ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาระดับชาติ กระทรวงอุตสาหกรรม ต้องจัดการปัญหานี้ใหม่อย่างเป็นรูปธรรมและจริงจัง ต้องมีการสังคายนาระบบการจัดเก็บกากอุตสาหกรรมใหม่ทั่วประเทศ เพราะเหตุไฟไหม้ที่ผ่านมาส่วนมากเกิดจากการเผาทำลายหลักฐาน ในเมื่อกำจัดกากอุตสาหกรรมไม่ได้และใช้งบประมาณดำเนินการมากก็เลยใช้วิธีเผาทำลายโดยความตั้งใจ ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม จนกลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบเกิดขึ้นซ้ำซาก ดังนั้นกรณีนี้และหลายกรณีที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสอบสวนอย่างจริงจังว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือจงใจเผาทำลาย ถ้าพบการเผาทำลาย ต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีกเนื่องจากส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่งกมธ.อุตสาหกรรมเคยตั้งคำถามไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีแต่ยังเกิดเหตุซ้ำซากขึ้นอีก ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐจะต้องดำเนินการอย่างจริงจังเสียทีนิ่งเฉยไม่ได้อีกแล้ว” ประธานกมธ.อุตสาหกรรมกล่าว

นายอัครเดช กล่าวย้ำว่า กมธ.คงจะต้องเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาติดตามเหตุไฟไหม้โรงงานเก็บกากอุตสาหกรรมอีกครั้ง ทั้งที่ จังหวัดราชบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดระยองว่า ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว และทำไมถึงปล่อยให้เกิดเหตุขึ้นซ้ำซาก ถ้ากระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง ก็จะกลายเป็นแฟชั่นเผาเพื่อทำลายหลักฐาน

'รทสช.' เห็นด้วยกับแนวทางแก้ไข รธน.ของรัฐบาลทุกประการ เพราะมั่นคงในการแก้ไข โดยไม่แตะต้องหมวด 1 หมวด 2

(24 เม.ย.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการ เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญและเห็นควรจัดให้มีการออกเสียงประชามติ จำนวน 3 ครั้ง รวมถึงควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 เพื่อให้กฎหมายดังกล่าวสามารถเป็นเครื่องมือทางประชาธิปไตยที่จะช่วยส่งเสริมประชาชนแสดงเจตจำนงในเรื่องต่าง ๆ ได้โดยตรงว่า พรรค รทสช.เห็นด้วยกับแนวทางของ ครม.ทุกประการ

นายอัครเดช กล่าวอีกว่า การออกเสียงประชามติ 3 ครั้งแม้จะถูกติติงว่า จะใช้งบประมาณจำนวนมากก็ตาม แต่มีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามเนื่องจากการทำประชามติรอบแรกศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้แล้วต้องทำ ตามที่มีผู้เคยยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งคำวินัยของศาลรัฐธรรมนูญจะผูกพันทุกองค์กร ส่วนครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 เป็นการทำประชามติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ดังนั้นการทำ 3 ครั้งเป็นการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและรัฐธรรมนูญ

“พรรครวมไทยสร้างชาติขอย้ำจุดยืนเดิมที่มั่นคงให้ไว้ตั้งแต่เข้าร่วมรัฐบาล หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเด็ดขาด พรรคได้ยืนหยัดในจุดยืนนี้มาโดยตลอดและจะยืนหยัดต่อไป ส่วนเนื้อหาอื่นจะแก้ไขอะไรบ้างก็ต้องเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเช่นเดียวกัน” โฆษกพรรค รทสช.ย้ำ

'เช็ค-สุทธิพงษ์' ทึ่ง!! กรณีทุกข์ 'นุจรีย์' ถูก 'พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ' ช่วย สะท้อน!! การเมืองแบบสุภาพบุรุษ-ไม่ขุดคู่แข่ง-ทำงานตาม DNA 'ลุงตู่'

(25 เม.ย. 67) นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ หรือพี่เช็ค อดีตผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ชื่อดังจากรายการคนค้นคน หนึ่งในผู้ร่วมโครงการ ‘อาสามาด้วยใจ’ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suthipong Thamawuit' ที่ทำให้ตัวเขาเข้าใจคำว่า 'สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง' มากขึ้น โดยระบุว่า...

ได้ฟังอาจารย์พีหรือพี่ตุ๋ย (พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน) พูดถึงกรณีการช่วยเหลือ 'นุจรีย์' ในงานประชุมใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติ มีประเด็นที่ผมคิดว่าน่าสนใจ (ติดตามคลิป 'นุจรีย์ ร้องขอความเป็นธรรม' ได้ที่นี่ >> https://youtu.be/-y-qpFrsZqc?si=Ito14ExcUxzx0LMI)

…………………………………………………..

1.ก่อนตัดสินใจมาหาพี่ตุ๋ย เธอบากหน้าไปมาแล้วหลายที่ โดยเฉพาะพรรคที่เธอบูชา 

- ผลที่ได้รับคือ คำสัญญาที่ว่างเปล่า

2.บังเอิญเธอไถติ๊กต็อกไปเจอคลิปหาเสียงที่มีข้อความ 'สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง' ทำให้ตัดสินใจมาหาพี่ตุ๋ย

- เหมือนการเปิดทางของพระเจ้า

3.แต่พี่ตุ๋ยขอให้ตัดเนื้อหาที่พาดพิงคนอื่นออก เพราะไม่ใช้การโจมตีคนอื่นในการเล่นการเมือง

- ได้ฟังแล้วยิ่งนับถือ

4.ในสังคมที่เต็มไปด้วยการเรียกรับ และอาศัยเส้นสาย คนไร้เส้นอย่างนุจรีย์ นึกให้ตายก็นึกไม่ออก ว่าจะไปวิ่งเต้นหาใครได้

- กลายเป็นว่า ที่พึ่ง (เส้น) ของนุจรีย์ คือ เส้นก๋วยจั๊บ

5.คำสัญญาหรือการหาเสียงของนักการเมืองที่มีความจริงใจ ทำให้ประชาชนอย่างนุจรีย์มีที่พึ่ง

- ช่วยด้วยเมตตาธรรม ไม่เรียกรับผลประโยชน์ แต่พร้อมรับผล (คะแนนเสียง) จากการรับผิดชอบคำพูด (ในการหาเสียง)

6.ช่วยโดยการขอความร่วมมือจากกลไกราชการหลายหน่วยงาน ประสานความร่วมมือ 

- ให้กลไกได้ (ช่วยกัน) ทำงาน ไม่สั่ง ไม่ป๋า ไม่ข้ามหน้าข้ามตา 

7.ไม่คิดว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่คือ เจตนาที่จะสื่อความหมาย ให้ทั้งสมาชิกพรรคและประชาชนที่จะเป็นผู้สนับสนุนพรรคในวันข้างหน้าเห็นว่า พรรคนี้ จริงใจที่จะ 'สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง' ตามที่พูดไว้

- ไม่ว่าจะในหรือนอกสภา

8.ไม่ทำ IO ไม่สร้างเฟกนิวส์ ไม่ล้างสมอง ไม่สร้างความแตกแยก แต่ใช้ความจริงใจ 

- ในการสร้าง (ให้เกิด) แนวร่วม ขบวนการด้อมลุงตุ๋ย ทั่วทุกภูมิภาค ทุกสาขาอาชีพ เพื่อมาช่วยกัน

9.ผมเป็นสมาชิกพรรคกรีน แต่โดนลุงตุ๋ยตกเรียบร้อยแล้ว

- นายหัวอย่าน้อยใจ ยังไงก็เขียวทั้งตัวและหัวใจ

***ใครที่อยากรู้ว่า 'นุจรีย์ ร้องขอความเป็นธรรม' เรื่องอะไร และช่วยได้จริงแค่ไหน ติดตามรับชมคลิปนี้ได้ที่นี่ >> https://youtu.be/-y-qpFrsZqc?si=Ito14ExcUxzx0LMI 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top