Friday, 17 May 2024
รวมไทยสร้างชาติ

ย้อนวลีเด็ด ‘เลขาฯ ขิง’ ต่อกรณี ‘มาตรการอารักขาถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ’

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 67 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาทบทวนมาตรการอารักขาถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จว่า “ที่ตัดสินใจเสนอญัตติด่วนในวันนี้สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ซึ่งมีการเผยแพร่มีการรบกวนก่อกวนขบวนเสด็จ สร้างความสะเทือนใจให้กับคนไทย เพราะจากที่เห็นคลิปซึ่งมีการเผยแพร่ รู้สึกตกใจเนื่องจากขบวนเสด็จที่ใช้เป็นทางสัญจรเป็นขบวนที่สั้นมาก เห็นได้ชัดว่าการถวายความปลอดภัยในวันนั้นดำเนินการด้วยความระมัดระวังไม่ให้กระทบกับการจราจรของพี่น้องประชาชน และไม่ปรากฏว่ามีลักษณะการปิดถนนปิดกั้นการสัญจรของพี่น้องคนไทย มีการกัน เป็นจังหวะ เป็นช่วง เป็นตอน ให้การจราจรไหลไปตามปกติ แต่ปรากฏว่ามีรถคันหนึ่งของผู้ก่อเหตุ วิ่งมาด้วยความเร็วเจตนาชัดเจน โดยขบวนเสด็จผ่านไปแล้วยังพยายามวิ่งไล่ขบวนเสด็จ จนรถที่ปิดท้ายต้องมากันรถผู้ก่อเหตุออกไป และหลังจากนั้นปรากฏขึ้นอีกคลิปหนึ่งทำให้เห็นเจตนาของผู้ก่อเหตุในวันนั้นว่าคืออะไร”

นายเอกนัฏ กล่าวอีกว่า “หลังจากเห็นคลิปแล้ว เชื่อว่าความรู้สึกของตนเหมือนกับ สส. หลายคนในห้องนี้ และรู้สึกเช่นเดียวกับประชาชนหลายคน ซึ่งตนรู้สึกโกรธมากว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนี้ แต่มีประโยคหนึ่งที่แว่วทำให้ตนรู้สึกลดโทสะลงคือพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ท่านทรงตรัสไว้ว่า Thailand is the Land of compromise หรือประเทศไทย คือดินแดนแห่งการประนีประนอม ทำให้ดึงสติตนลดความโกรธลดลงมา เพราะความจริงแล้วพฤติกรรมแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับขบวนเสด็จ แค่มารยาททางสังคม เวลาเดินจะเข้าลิฟต์ยังต้องหลีกทางให้กันและกัน แม้กระทั่งบนถนนที่ใช้ก็มีมารยาทในการสัญจรการจราจรบนถนน สิ่งที่ตนคาดหวังหลังเกิดเหตุ คือเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างไรบ้าง แต่ปรากฏว่าเหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. รอมาเกือบสัปดาห์ปรากฏว่าท่าทียังไม่ชัดเจน จนกระทั่งวันที่ 10 ก.พ. ผู้ก่อเหตุยังเหิมเกริมไปทำโพลที่บีทีเอสสยาม จนเกิดการกระทบกระทั่งเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างประชาชนที่ไม่พอใจกับผู้ก่อเหตุ”

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า การเสนอญัตติครั้งนี้ไม่มีความตั้งใจที่จะมาพูดเพื่อซ้ำเติมความร้าวฉาน ความแตกแยกที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในความรู้สึกของทั้งสองฝั่ง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ควรเกิดขึ้นอีก และถ้าเราปล่อยปละละเลยในที่สุดสถานการณ์ตามที่เราได้เห็นวันที่ 10 ก.พ. เริ่มมีการประท้วงมีการปะทะกันในหมู่ประชาชน ถ้าเราไม่รีบบริหารจัดการจะบานปลายไปสู่ความแตกแยกความรุนแรงที่อาจจะปะทุ บานปลายถึงความขัดแย้งระดับประเทศ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยบังคับกฎหมายในทันที เพื่อความสงบเรียบร้อยเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายจึงเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งบังคับใช้กฎหมาย ไม่มีอะไรที่อยู่เหนือกฎหมาย การใช้สิทธิเสรีภาพมีกรอบชัดเจนว่าต้องไม่ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่น และต้องไม่กระทำความผิดกฎหมายตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายเอกนัฏ ยังเสนอให้ทบทวนระเบียบมาตรการต่าง ๆ รวมถึงแผนการถวายการอารักขาความปลอดภัยแก่ขบวนเสด็จ แม้ปัจจุบันกฎหมายที่ใช้ ถือว่ามีความทันสมัย ตามพ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย แต่ในความเห็นของตนเนื่องจากภารกิจนี้มีความสำคัญ และเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก จนทำให้ตนกังวลว่าหากเราไม่ทบทวนมาตรการเข้มงวดจะเป็นการปล่อยปละละเลยจนกระทั่งการกระทำในลักษณะแบบนี้เป็นแฟชั่น เป็นค่านิยมใหม่ที่เกิดขึ้น และไม่อยากจินตนาการเลย ถ้าหากปล่อยให้บานปลายมากไปกว่านี้ 

ดังนั้นจึงควรต้องมีการปรับปรุง ระเบียบ และแผนในการปฏิบัติที่ยังใช้ของเดิมตั้งแต่ปี 2548 ในขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งและบริบททางสังคมเปลี่ยนไปเยอะ ใน 10 ปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งนิยามของภัยคุกคามหรือความพยายามที่จะก่อกวนขบวนเสด็จหรือก่อเหตุให้เกิดอันตรายก็เปลี่ยนแปลงไป เพราะไม่สามารถจินตนาการว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นหากกฎหมายอัปเดตแล้วระเบียบแผนมาตรการจะต้องอัปเดตตามกฎหมายด้วย จะต้องมีความกระชับ มีความชัดเจน มีเจ้าภาพ มีขอบเขตพื้นที่ที่ชัดเจน ไม่อยากให้เกิดข้อถกเถียงในการปฏิบัติหน้าที่ว่า เหตุเกิดขึ้นแล้วเป็นของใคร เรื่องของการถวายความปลอดภัยการถวายพระเกียรติถือเป็นภารกิจสำคัญมาก ๆ ต้องมีความชัดเจนและสิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกซ้อม

"เห็นไหมครับก่อเหตุปุ๊บถ่ายคลิปทันทีแบบนี้เจ้าหน้าที่จะต้องมีการฝึกซ้อม แผนรองรับ อะไรที่ทำได้ อะไรที่ทำไม่ได้ อะไรที่ประชาชนผู้ก่อเหตุไม่สามารถทำได้ เมื่อเกิดเหตุสิ่งแรกที่จะต้องสื่อสารกับผู้ก่อเหตุคืออะไร เพราะประโยคนั้นเป็นประโยคที่สำคัญที่สุดถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการดำเนินการตามกฎหมายแล้ว แต่ผมไปดูคลิป ผมขอไม่วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่มากไปกว่านี้ เพราะเข้าใจว่าในส่วนของแผนมาตรการต่าง ๆ อาจจะลงไม่ชัดเจน ไม่มีการฝึกซ้อม ไม่มีคู่มือการปฏิบัติหน้าที่ แต่ผมหวังว่าหลังจากเหตุการณ์นี้จะไม่มีลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นอีก" นายเอกนัฏ กล่าว

นายเอกนัฏ กล่าวด้วยว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือการสื่อสารกับประชาชน เพราะต้องยอมรับว่าในภารกิจการถวายความปลอดภัย ไม่มีที่ไหนในโลกที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเลย แต่เชื่อว่า พี่น้องประชาชนเข้าใจ และถือว่าเป็นความปลอดภัยต่อสาธารณะด้วย”

"ขอส่งสัญญาณผ่านรัฐบาลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปรับปรุงสื่อสารถึงหน่วยงานต่าง ๆ เพราะกังวลว่าถ้าปล่อยผ่านละเลย และเราไม่เข้มงวดเหตุการณ์แบบนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่นำไปสู่ความวุ่นวาย เกิดการปะทะกันในหมู่ประชาชนเกิดความแตกแยก และขอย้ำว่าพวกเราอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขไม่อยากให้มีพฤติกรรมหรือค่านิยมแฟชั่นที่ออกมาบั่นทอนสถาบัน ที่เป็นสถาบันหลักของประเทศ จึงเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจขอเสนอเป็นญัตติด่วน เพื่อให้ สส. ได้พิจารณา ให้รัฐบาลเร่งดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บังคับใช้กฎหมายทบทวนระเบียบ แผน และมาตรการการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จให้เหมาะสม ทันสมัยมีการฝึกซ้อม และประชาสัมพันธ์กับประชาชน ถือเป็นความปลอดภัยให้สมพระเกียรติ เพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ" นายเอกนัฎ กล่าว

มัดรวม!! 6 บิ๊กโปรเจกต์ ‘รมช.อนุชา นาคาศัย’ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

‘อนุชา นาคาศัย’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ มุ่ง ‘สาน-สร้าง’ งานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้แนวคิด ‘ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้’ โดยมี 6 โปรเจกต์ใหญ่ ดังนี้ 

 📌ส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคคณิตศาสตร์ บนพื้นที่ต้นแบบจังหวัดสุโขทัย ให้คำแนะนำติดตาม ให้ความช่วยเหลือ ระยะที่ 1 ผ่านกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมือง

 📌วางนโยบายขับเคลื่อนงานองค์การสะพานปลา (อสป.) กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมอาชีพประมง และเร่งแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนในอาชีพ

📌สนับสนุนเกษตรกรให้ประกอบอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ นอกจากการเพาะปลูกพืชเพียงอย่างเดียว ตลอดจนการบริหารจัดการทรัพยากรดิน และพัฒนาแหล่งน้ำ

📌ส่งเสริมชาวนาด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในพื้นที่เขตชลประทานภาคกลาง เพื่อเพิ่มรายได้และปรับตัวจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

📌บริหารจัดการทรัพยากรดิน พัฒนาแหล่งน้ำ เช่น ธนาคารน้ำใต้ดิน เทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้าน
การเกษตรมาใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าผลตอบแทนต่อไร่ให้สูงขึ้น ผ่าน 'ชัยนาทโมเดล'

📌แถลงการณ์ "พลิกโฉมระบบเกษตร และอาหารของประเทศไทยให้ยั่งยืน ยืดหยุ่น และเป็นธรรม" ต่อสมัชชาองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชีย และแปซิฟิค ครั้งที่ 37 ณ กรุงโคลัมโบ สารารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา

‘อัครเดช’ ดักคอ ‘ฝ่ายค้าน’ อภิปรายทั่วไป ‘2 วันพอ-ขอสาระ’ มั่นใจ!! ‘รมต.รทสช.’ ทุกคน ไม่หวั่นถูกจี้ ผลงานชัด พร้อมชี้แจง

(8 มี.ค.67) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า การยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ของพรรคฝ่ายค้าน น่าจะยื่นเข้ามาวันที่ 3-4 เมษายน 2567 ที่จะถึงนี้ ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ ถ้าเป็นตามนี้ น่าจะใช้เวลาอภิปรายเพียงแค่ 2 วัน น่าจะเพียงพอ เนื่องจากรัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้ 6 เดือน และยังไม่สามารถใช้งบประมาณปี 2567 เลย เพราะยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภาฯ ในวาระ 2 - 3

ทั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดี ฝ่ายค้านจะได้ใช้เวทีของสภาฯ ชี้แนะและสอบถามการทำงานของรัฐบาล ทั้งการบริหารจัดการงบประมาณ และการบริหารประเทศ สิ่งสำคัญขอร้องให้ฝ่ายค้านนำเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์จริงๆ มาอภิปราย ไม่ต้องมาดรามากลางสภาฯ เพื่อเรียกร้องความเห็นใจ ชี้แนะได้แนะนำรัฐบาลได้ ในมุมมองของฝ่ายค้าน แต่ต้องไม่ดรามา ถึงจะเกิดประโยชน์กับประชาชน

เมื่อถามว่า ในส่วนของ รัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติอาจถูกอภิปรายด้วยกังวลหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า ไม่ได้กังวล เนื่องจากการทำงานของรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ ทุกท่านได้ทำงานอย่างเต็มที่และมีผลงาน อีกทั้งรัฐมนตรีทุกท่านของพรรค พร้อมที่จะชี้แจงหากมีการอภิปรายพาดพิงถึงกระทรวงที่รับผิดชอบ และจะได้ถือโอกาสชี้แจงผลงานที่ทำมาในช่วงเวลา 6 เดือนด้วย

เมื่อถามว่า กระทรวงพลังงานอาจจะตกเป็นเป้าหมายในการอภิปรายของฝ่ายค้านด้วย โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ไม่น่าเป็นห่วง รัฐมนตรีของพรรคทำงานอย่างเต็มที่ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในช่วงเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา สังคมก็รับรู้อยู่แล้ว มั่นใจว่าจะตอบข้อซักถามของฝ่ายค้านในสภาฯได้อย่างแน่นอน เพราะการอภิปรายครั้งนี้ เป็นการอภิปรายทั่วไป จึงจำเป็นต้องซักถามถึงข้อสงสัยต่างๆ ที่ยังไม่เข้าใจ

"ที่ผมบอกว่าให้ฝ่ายค้านได้อภิปรายในเนื้อหาสาระตรงประเด็นเท่านั้น อย่าเสียเวลาไปดรามาในสภา เนื่องจากเป็นห่วงว่า จะใช้เวลาของสภาฯ เสียเปล่า ที่มีข่าวว่าวิปฝ่ายค้านจะขอเวลาอภิปรายถึง 3 วัน คิดว่าเวลา 2 วันในการอภิปรายสอบถาม และรัฐบาลชี้แจงก็เพียงพอ จึงขอให้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ และมีค่ามากที่สุด อีกทั้งการขอเปิดอภิปรายครั้งนี้ ก็ไม่ใช่ญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอีกด้วย" โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าว

‘อดีตผู้ว่าอัศวิน-สส.รทสช.’ เตรียมลงพื้นที่คลองโอ่งอ่าง ถามหา “ชัชชาติ...สิ่งดีๆ คลองโอ่งอ่าง...หายไปไหน?”

(11 มี.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ แจ้งกำหนดการ ของอดีตผู้ว่า กทม.พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพคลองโอ่งอ่างในปัจจุบัน หลังมีการแชร์และพูดถึงกันในโซเชียลมีเดียที่ระบุว่าเปลี่ยนไปจากเดิม

โดยกำหนดการดังกล่าว แจ้งว่า สส. เกรียงยศ สุดลาภา สส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง จะลงพื้นที่คลองโอ่งอ่าง ถามหา “ชัชชาติ…สิ่งดีๆ คลองโอ่งอ่าง….หายไปไหน“

สืบเนื่องจาก นายเกรียงยศ สุดลาภา สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้หารือ ในสภาฯ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ถึงกรณีทำไม! กทม.จึงปล่อยทิ้งคลองโอ่งอ่าง ให้กลับสู่สภาพเดิม จนหมดคุณค่าความเป็น Landmark แห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร และเมินจัด ‘ถนนคนเดิน’ ทั้งที่สร้างรายได้ให้ประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่

โดยทั้ง 2 ท่าน จะลงพื้นที่ ในวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2567 ในเวลา 10.30 น. เดินสำรวจ และรับเรื่องร้องเรียน จากผู้ค้า และ เวลา 11.30 น. จะมีการสอบถามเพิ่มเติม

‘สส.อัครเดช’ ชม ‘พีระพันธุ์’ กล้าหาญบี้ผู้ค้าน้ำมันแจ้งต้นทุน ชี้!! ช่วยป้องกันค้ากำไรเกินควร-สร้างราคาเป็นธรรมให้ ปชช.

เมื่อวานนี้ (15 ม.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์กรณี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ออกประกาศให้ผู้ค้าน้ำมัน หรือโรงกลั่นน้ำมัน ต้องแจ้งข้อมูลต้นทุนน้ำมัน เพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควร ว่า ถือเป็นความกล้าหาญของนายพีระพันธุ์ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐมนตรีคนใดกล้าทำเช่นนี้มาก่อน

ทั้งนี้ การออกประกาศกระทรวงพลังงานให้ผู้ค้าน้ำมัน ตามมาตรา 7 ต้องแจ้งต้นทุนนำเข้าของราคาน้ำมันที่แท้จริง เพราะว่าโรงกลั่นที่นำเข้าน้ำมัน เป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ทั้งน้ำมันดิบ หรือน้ำมันที่กลั่นแล้ว จะต้องแจ้งต้นทุนการนำเข้า ส่วนค่าดำเนินการในการกลั่นก็ต้องไปแจ้งต้นทุนการกลั่นกับกรมสรรพากร ทำให้ภาครัฐรู้ต้นทุนที่แท้จริงของโรงกลั่น ทำให้ภาครัฐรู้ว่าโรงกลั่นมีกำไรหรือค่าการกลั่นที่แท้จริงเท่าไรกันแน่

นอกจากนั้น ประโยชน์ที่จะได้ตามมาคือ ทำให้การจ่ายเงินชดเชยของกองทุนน้ำมันสามารถรู้ต้นทุนที่แท้จริง ทำให้กองทุนน้ำมัน สามารถจ่ายเงินชดเชยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการขาดทุนของกองทุนน้ำมันได้ ตรงนี้ถือเป็นประโยชน์ ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชนอย่างมากที่นายพีระพันธุ์กล้าหาญทำเช่นนี้

"ที่ผ่านมาไม่มีรัฐมนตรีพลังงานคนไหนกล้าออกประกาศแบบนี้ อาจเป็นเพราะเกรงใจนายทุน แต่ รมว.พลังงานคนปัจจุบัน กล้าหาญที่จะทำ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากในการรักษาผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน ตรงนี้เป็นการตอกย้ำสิ่งที่นายพีระพันธุ์กำลังทำคือ ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ ตามนโยบายที่ประกาศไว้ เพื่อนำสิ่งที่ดีกว่ามาให้กับพี่น้องประชาชน และถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้จริง หลังจากนี้ก็จะมีการช่วยเหลือประชาชนทยอยออกมาเรื่อย ๆ ถือเป็นการปฏิวัติโครงสร้างราคาพลังงานครั้งใหญ่ของประเทศ" โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าว

‘รมว.พีระพันธุ์’ ชื่นชมการแสดง ‘ปราการเวลา The Theatre’ สร้างความตระหนักรู้ ‘ความเสียสละ-รักชาติ’ ของบรรพบุรุษไทย

(18 มี.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga’ ระบุว่า…

“เมื่อวาน (16 มี.ค. 67) ผมมีโอกาสไปชมการแสดง ‘ปราการเวลา The Theatre’ ที่จัดโดย อบจ. สมุทรปราการ ที่มีคุณนันทิดา แก้วบัวสาย เป็นนายกฯ ร่วมกับกองทัพเรือ นำแสดงโดยคุณนพพล โกมารชุน ศิลปินแห่งชาติ กับคุณแพนเค้ก เขมนิจ ร่วมกับนักแสดงทุกรุ่นวัยจำนวนมาก

“ผมรู้สึกดีใจและยินดีเป็นอย่างมากที่มีโอกาสไปชมการแสดงครั้งนี้เพราะทำให้เราได้ย้อนนึกไปถึงอดีตที่ทำให้เรามีปัจจุบันในวันนี้ว่าชาติไทยของเราต้องฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคและวิกฤติการณ์มาเพียงใดถึงมาเป็นไทยที่เป็นปึกแผ่น ประชาชนอยู่ดีกินดีในทุกวันนี้

“การแสดงนี้ ไม่เพียงน่าตื่นตาตื่นใจ สวยงามตระการตา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำให้เราได้เห็นถึงความรักชาติ ความเสียสละ และความสามัคคี ของบรรพบุรุษทั้งพลเรือนและทหาร ได้ตระหนักรู้ซาบซึ้งในพระปรีชาสามารถและพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ในยุคที่ทั่วทั้งภูมิภาคกำลังเผชิญหน้ากับการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกที่มีแสนยานุภาพทางอาวุธและวิทยาการเหนือกว่า ทำให้เราสูญเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงตามที่ฝรั่งเศสเรียกร้องรวมถึงเงินค่าปรับสูงจนต้องนำเงินถุงแดง (เงินพระคลังข้างที่) ออกมาใช้

“พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แม้จะทรงโทมนัสยิ่งแต่ทรงไม่ท้อถอย ทรงทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักษาเอกราชของสยามเอาไว้ นำไปสู่การปฏิรูปประเทศในทุกด้าน จนสยามสามารถดำรงความเป็นไทยมาได้ลงจนถึงทุกวันนี้โดยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของพวกฝรั่งชาติตะวันตกนักล่าอาณานิคม
เหล่านี้ทำให้เราต้องคิดให้มากขึ้นว่าปัจจุบันและอนาคตเราคนไทยจะต้องรักชาติ รักสถาบัน ต้องสามัคคี และเอาประโยชน์ชาตินำหน้าเพื่อคงความเป็นชาติไทยของเราให้คงอยู่ตลอดไป 

“ผมอยากให้มีกิจกรรมหรือการแสดงแบบนี้ให้คนรุ่นหลังเด็กรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ถึงอดีตและความเป็นมาของชาติให้มากขึ้น และขอชมเชยผู้จัดงานและนักแสดงทุกคน ขอให้กำลังใจและขอบคุณที่ร่วมกันทำกิจกรรมรักชาติแบบนี้ครับ

'รทสช.' จัดทัพ 18 สส. ถกงบประมาณปี 67 วาระ 2-3 กำชับ 'สส.-กมธ.งบประมาณฯ' ยึดประโยชน์ 'ชาติ-ปชช.'

เมื่อวานนี้ (18 มี.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เผยว่า พรรครวมไทยชาติได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วาระ 2 และ 3 ในวันที่ 20-22 มีนาคมนี้ ทั้งในส่วนของสส.ของพรรคที่ได้สงวนคำแปรญัตติไว้ และในส่วนของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่พรรคส่งไปเป็นกมธ. ทั้งสส.และกมธ.ที่เตรียมข้อมูลอภิปรายมี 18 คน

ทั้งนี้ กมธ.ของพรรคจะมีการชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงที่มีรัฐมนตรีของพรรคดูแลอยู่ ถึงเหตุผลในการพิจารณางบประมาณของแต่ละกระทรวงที่ไม่ได้ปรับลดงบประมาณลงว่า ประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ขณะที่สส.จะอภิปรายถึงเหตุผลในการสงวนคำแปรญัตติในการขอปรับลดงบประมาณโดยมีเป้าหมายที่ประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นตัวตั้ง ถือเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง สส. และกมธ.ที่พรรคได้ส่งไปทำงาน

'เอกนัฏ' ยัน!! กมธ.งบประมาณฯ พิจารณางบคลังอย่างดีแล้ว  ย้ำ!! งบที่ทุกกรมได้รับแม้จะน้อย แต่จะใช้อย่างมีประสิทธิภาพ 

เมื่อวานนี้ (20 มี.ค.67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ได้ชี้แจงข้อสงสัยของสมาชิกในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ วาระ 2 ในส่วนมาตรา 9 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังว่า กระทรวงการคลังมีภารกิจสำคัญมากโดยเฉพาะการจัดเก็บรายได้ให้ประเทศ ถ้ากระทรวงการคลังไม่สามารถทำงานตามเป้าหมายได้ เราคงไม่ต้องมีงบประมาณมาพิจารณากันในที่ประชุมแห่งนี้

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบงบประมาณที่กระทรวงการคลังได้รับกับกระทรวงอื่นถือว่าน้อยมากจำนวน 1.1 หมื่นกว่าล้าน ส่วนหนึ่งเป็นงบที่ตั้งโดยกรมธนารักษ์สำหรับจ่ายค่าเช่าตามมติครม.เกือบ 4 พันล้าน งบที่กรรมาธิการฯ ปรับลดเหลือเพียง 7 พันกว่าล้านเท่านั้น มีทั้งหมด 10 หน่วยงาน เฉลี่ยได้ว่าแต่ละหน่วยงานมีงบประมาณใช้น้อยมาก แต่มีภารกิจสำคัญ ต้องจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ตนได้ฟังคำชี้แจงของผู้บริหารกระทรวงการคลัง นอกจากเห็นใจแล้ว ตนการันตีกับทุกคนได้ว่า มั่นใจเข้าใจภารกิจในการทำงานของแต่ละกรมเป็นอย่างดี มีความมั่นใจว่าเป้าหมายในการจัดเก็บที่ตั้งไว้ และการปราบปรามการกระทำผิดสามารถลุล่วงได้อย่างดีแน่นอน

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในการพิจารณากรรมาธิการฯ อาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานมาช่วยกันกลั่นกรองงบประมาณที่เป็นส่วนเกินให้สามารถใช้ได้ทันในปี 2567 โดยหน่วยงานยืนยันไม่กระทบกับภารกิจและเป้าหมายของทุกหน่วยงาน เช่น กรมสรรพสามิตที่ทำภารกิจร่วมกับจเรตำรวจแห่งชาติได้ปรับลดอากาศยานไร้คนขับที่เติมน้ำมันออกไป ส่วนโดรนที่เหลืออยู่ใช้ระบบไฟฟ้า หน่วยงานยืนยันยังมีความสำคัญต่อภารกิจจึงต้องคงไว้ในงบส่วนนี้

นายเอกนัฏ กล่าวว่า งบของกรมศุลกากรได้มีการปรับลดด่านที่ไม่สามารถทำได้ในปี 2567 รวมถึงกรมธนารักษ์ตั้งงบประมาณมากว่า 4 พันล้าน ก็เป็นงบจ่ายค่าเช่าแทนหน่วยงานราชการทั้งหมดที่มีการเช่าพื้นที่ในศูนย์ราชการ มีการปรับลดงบซื้อเครื่องปั๊มลมสำหรับผลิตเหรียญกษาปณ์ ส่วนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร.ก็ปรับลดค่าจ้างที่ปรึกษาที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันไปในปี 2567 ออกไปทุกคนช่วยกันเต็มที่ แต่ตนยืนยันว่างบประมาณที่เหลืออยู่มีความจำเป็นมากกับการต้องลงทุนกับระบบของกระทรวงการคลัง งบส่วนมากเป็นการบำรุงรักษาระบบไอที เครื่องคอมพิวเตอร์ งบส่วนมากถูกจัดสรรไปซื้อคอมพิวเตอร์แทนเครื่องเก่า สำหรับกรมสรรพากรและกรมสรรพสามิต ตนขำอยู่ในใจแต่หัวเราะไม่ออก เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ปกติแล้ว 7-8 ปี เปลี่ยนครั้งหนึ่ง แต่สำหรับ 2 กรมนี้ใช้งานเกิน 10 ปีจนเป็นตู้ปลา จนลือกันว่าเป็นเป็นพิพิธภัณฑ์

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ขอบเขตอำนาจของกรรมาธิการฯมีข้อจำกัด เช่น เรื่องการชำระค่าเช่า 3,976 ล้านของกรมธนารักษ์เป็นไปตามมติครม. ในส่วนของการบริหารจัดการมีประสิทธิภาพคุ้มค่าหรือไม่ อยู่นอกอำนาจของกรรมธิการฯ พิจารณา ถ้าเห็นว่าการปฏิบัติงานโครงการดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพหรือมีปัญหาสามารถไปยื่นเรื่องต่อกรรมาธิการฯ สามัญคณะอื่นๆตรวจสอบ เพื่อให้ทบทวนได้ กรณีของสแตมป์ในกรมสรรพสามิต งบประมาณปี 2567 ล่าช้า มีการจัดสรรงบประมาณให้ใช้พรางก่อนแล้ว 134 ล้านบาทเต็มจำนวน ถ้าจะไปปรับลดจะมีปัญหา แต่ว่าข้อสังเกตของเพื่อนสมาชิกสามารถส่งไปยังกรมสรรพสามิตได้ ถ้ามีเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะช่วยทำให้การจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นทางผู้บริหารไม่ขัดข้องที่จะดำเนินการ

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในส่วนของกรมบัญชีกลาง กรรมาธิการฯพิจารณาในส่วนของงบประมาณเท่านั้น งบส่วนใหญ่ที่ให้กรมบัญชีกลางมีความสำคัญกับการพัฒนาระบบการจัดซื้อจัดจ้างให้ทันสมัย ระบบบล็อกเชนที่ถูกพัฒนาขึ้นมาและใช้ในการจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ช่วยทำให้การจัดซื้อจัดจ้างมีความโปร่งใส ทำให้ได้รับการยอมรับจากกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจากองค์กรระหว่างประเทศ เราก็อยากจะสนับสนุนให้ทำมากกว่านี้ แต่ในส่วนการพิจารณาเงื่อนไข หลักเกณฑ์ต่างๆ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของกรรมาธิการฯ แต่ก็มีข้อสังเกตไปถึงหน่วยงานหลายเรื่อง เช่น การจัดซื้อจัดจ้างของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นที่กรรมาธิการฯ มีความกังวลมากว่า จะไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในปี 2567 ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ เพราะมีความล่าช้าจากเรื่องร้องเรียน หรือ กระบวนการประมูลมีปัญหา ทั้งเรื่องคุณภาพ การฟันราคา การทิ้งงาน สิ่งเหล่านี้เป็นข้อสังเกตที่เราส่งให้หน่วยงานทั้งหมด

“ทั้งหมดเป็นข้อสังเกตที่เราควรตั้งไว้ แล้วเก็บไว้ใช้เป็นประโยชน์ในการพิจารณางบประมาณในปีถัดไป ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่มีงบผูกพันโดยมติครม. โครงการที่มีงบผูกพันมาอย่างต่อเนื่องในปีก่อนๆ หรือข้อสังเกตที่สำคัญเป็นการเฉพาะสำหรับปีงบประมาณปี 2567 ที่มีการใช้งบปี 2566 ไปพลางก่อน ส่วนไหนที่เราปรับลดได้โดยไม่กระทบกับภารกิจสำคัญของหน่วยงานเราใช้วิธีการทำความร่วมมือกับทุกหน่วยงานเข้ามายืนยันหมด ส่วนไหนที่ซ้ำซ้อนหรือบางส่วนก็เลื่อนออกไปเพื่อตั้งงบประมาณดำเนินการในปี 2568 -2569 อย่างไรก็ตามขอยืนยันต่อเพื่อนสมาชิกว่ากรรมาธิการฯได้พิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงการคลังอย่างดีแล้วจึงขอยืนตามมติของกรรมาธิการฯ” นายเอกนัฏ กล่าว

'วิทยา' จี้!! 'ก.ทรัพย์ฯ' ฟื้นโรงเรียนป่าไม้แพร่ หลังถูกปิดมาร่วม 30 ปี หวังผลิตบุคลากรที่มีจิตวิญญาณพิทักษ์รักษาป่าไม้อย่างแท้จริง

“วิทยา แก้วภราดัย” จี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯฟื้นโรงเรียนป่าไม้แพร่ขึ้นมาใหม่ หลังถูกปิดมาร่วม30 ปี เพื่อผลิตบุคลากรที่มีจิตวิญญาณพิทักษ์รักษาป่าไม้อย่างแท้จริง

(21 มี.ค. 67) นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปรายระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระที่ 2 เรียงตามรายมาตรา ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยนายวิทยาอภิปรายถึงเหตุผลที่ได้แปรญัตติ ตัดงบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไว้ 5% ว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ตั้งมากว่า 20 ปี ในสายตาประชาชนมองกระทรวงนี้เขานึกถึงอะไร มีเพื่อนสมาชิกอภิปรายถึงช้าง และปริมาณช้างที่ล้นป่า บางคนนึกถึงสิ่งแวดล้อมธรรมชาติของโลกที่เริ่มสูญเสียความสมดุล

ทั้งนี้ พระเอกจริง ๆ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ก็คือกรมป่าไม้เดิมเป็นกรมป่าไม้ที่ดูป่าทุกประเภทในประเทศไทย เป็นกรมที่ใหญ่มาก วันที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ มีหน้าที่ในการพิทักษ์รักษาสิ่งแวดล้อมโลกด้วยการสร้างป่าให้มากที่สุด เราก็ได้ยินทะเลาะกันบ่อย เรื่องเขตป่าอุทยาน เขตป่าสงวน เขตที่จะเป็นสปก. ทะเลาะกันข้ามกระทรวง วันที่กรมป่าไม้ยุบมาอยู่ในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กรมป่าไม้กลายเป็นกรมเล็ก ๆ ที่ดูแลป่าสงวน กรมอุทยานแห่งชาติก็เติบโตขึ้นมาดูแลเกือบทุกอย่าง กรมอุทยานชายฝั่งดูแลป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งก็ดูแลทรัพยากรในทะเล แต่เราได้สร้างบุคลากรที่จะพิทักษ์ป่าจริง ๆ หรือไม่

นายวิทยา กล่าวว่า มีข้าราชการกี่คนในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ที่เรียนรู้เรื่องป่าไม้จริง ๆ มีกี่คนที่ออกไปดับไฟป่ากับเพื่อน ๆ มีหัวหน้าอุทยานแห่งชาติกี่คนที่ผ่านหลักสูตรป่าไม้อย่างแท้จริง โรงเรียนป่าไม้ของประเทศไทยปิดไปร่วม 30 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2536 โรงเรียนป่าไม้ตั้งมาในปี 2480 รักษาความเป็นโรงเรียนป่าไม้ ผลิตนักเรียนป่าไม้ส่งไปพิทักษ์ป่าทั่วประเทศ แต่วันนี้โรงเรียนป่าไม้ปิดไป กรรมาธิการฯเคยถามกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯคิดจะฟื้นโรงเรียนป่าไม้ขึ้นมาบ้างหรือไม่ วันนี้เรามีนักเรียนวนศาสตร์เพียงพอหรือไม่

“วันนี้มีพนักงานป่าไม้ที่ไปดับไฟป่าอยู่ทั้งหมดเป็นลูกจ้าง ไม่ได้จบหลักสูตรการป่าไม้ ไม่ได้สวมวิญญาณคนพิทักษ์ป่าอย่างแท้จริง เป็นลูกจ้างในระบบราชการทํางานกินเบี้ยเลี้ยงไปตลอด แต่เรากลับทิ้งโรงเรียนป่าไม้แพร่ให้ล้างมา 30 กว่าปี ผมไปเยี่ยมโรงเรียนป่าไม้แพร่เมื่อ 3- 4เดือนที่แล้ว พื้นที่ยังอยู่เรียบร้อย มีป่าสําหรับโรงเรียนป่าไม้ฝึกนักเรียนอยู่ 4-5 พันไร่อยู่ในจังหวัดแพร่ โรงเรียนป่าไม้แพร่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ขอถามกรรมาธิการฯ เคยถามกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติหรือไม่ว่า อยากสร้างนักวิชาการป่าไม้ หรือ จะสร้างนักปฏิบัติการป่าไม้” นายวิทยากล่าว

สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า อีก 2 ปีข้างหน้า คนที่จบหลักสูตรป่าไม้แพร่ทั้งหมดกําลังจะหมดไปจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ตนเคยพูดหลายครั้งทั้งในกรรมาธิการงบประมาณ เคยอภิปรายในสภาฯ ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง แต่ไม่เคยได้รับการสนองตอบ จึงขอถามกรรมาธิการฯ ว่า เคยไปทวงถามโรงเรียนป่าไม้แพร่เพื่อมาพิทักษ์ป่ากันหรือไม่ ถ้ามีโอกาสรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้ฟัง ควรกลับไปดูแลได้แล้ว ใช้งบประมาณคงไม่มาก บุคลากรก็พร้อมในการที่จะสร้างโรงเรียนป่าไม้แพร่ขึ้นมา

'เอกนัฏ' สวนนักแซะงบพลังงาน ยัน!! กมธ.งบฯ ทำงานหนักใต้กรอบเวลาจำกัด โต้!! ฝ่ายค้านอย่าโบ้ยทุกปัญหาให้เหมือนเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ หรือ 'ยุคลุงตู่'

เมื่อวานนี้ (21 มี.ค. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ชี้แจงข้อสงสัยของสมาชิกในการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ วาระ 2 ในส่วนของกระทรวงพลังงานว่า การแปรญัตติของเพื่อนสมาชิกอย่าง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ที่ขอปรับลดงบประมาณ 3% ก็ตรงกับที่กรรมาธิการฯ ขอปรับลดลงประมาณ 3% เพียงแต่ในการพิจารณาในสภาฯ วาระ 2 ไม่ได้เห็นรายละเอียดในการสงวนคำแปรญัตติ นอกจากยอดตัวเปอร์เซ็นต์คือ 3% ถ้าเราเห็นรายละเอียดเหล่านี้ก่อน การทำหน้าที่ของกรรมาธิการฯ คงจะมีประสิทธิภาพมากกว่านี้

ทั้งนี้ ในส่วนของกรรมาธิการฯ ไม่ได้มีเส้นแบ่งระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน เราทำหน้าที่ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ประชุมกันหามรุ่งหามค่ำตั้งแต่เวลา 09.00 น. จนถึงเย็นทุกวัน มีเวลา 2 สัปดาห์ที่จะไล่สอบซักถามหน่วยงานแทนเพื่อนสมาชิก เพื่อรักษาผลประโยชน์งบประมาณของประเทศชาติ

สำหรับ ข้อสงสัยของสมาชิก ตนขอย้ำว่า กรรมาธิการฯ ไม่ได้มาทำหน้าที่แทนรัฐมนตรี หรือรัฐบาล ที่ น.ส.ศิริกัญญา ซักถามเกี่ยวกับเรื่องของแผนปฏิบัติการพลังงานในส่วนค่าจ้างที่ปรึกษา แต่เราได้รับคำชี้แจงจากหน่วยงานที่อนุกรรมาธิการเรียกหน่วยงานมาชี้แจง ได้แจ้งว่า ตัวของแผนจะประกาศใช้ ประมาณเดือนกันยายนปี 2567 ฉะนั้นในส่วนของตัวโครงการจ้างที่ปรึกษาสำหรับการประเมินติดตามก๊าซเรือนกระจก จึงมีความจำเป็นต้องอนุมัติงบประมาณแล้วก็ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อไปประกอบในแผนให้ประกาศใช้ทันภายในเดือนกันยายนปี 2567

นายเอกนัฏ ชี้แจงว่า กระทรวงพลังงานได้งบประมาณน้อยมาก หากเทียบกับกระทรวงอื่น น่าจะน้อยที่สุดด้วย เพราะไม่ใช่กระทรวงที่มีภารกิจไปจัดซื้อจัดจ้างหรือไปก่อสร้าง แต่เป็นกระทรวงที่ทำหน้าที่กำกับดูแล ต้องออกนโยบาย ตรวจดูกฎเกณฑ์ทำงานร่วมกับเอกชน ทำงานร่วมกับองค์กรต่าง ๆ เพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ให้ประชาชนมีพลังงานใช้ในราคาถูก และมีคุณภาพเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ฉะนั้นข้อสังเกตจากสมาชิก ก็เป็นข้อสังเกตในลักษณะเดียวกันกับอนุกรรมาธิการฯ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสถานีชาร์จไฟฟ้า หรือนโยบายการสนับสนุนรถอีวีรถไฟฟ้า

“นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.พลังงาน ทราบดีถึงความสำคัญของการทำงานของกระทรวงพลังงาน แล้วก็ไม่ติดยึดว่า เป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณน้อยที่สุด แต่เนื่องจากภารกิจหลักเป็นการกำกับดูแล ถ้าจะสร้างผลงานสร้างความเปลี่ยนแปลง มันต้องมีการรื้อกฎเกณฑ์กติกาหรือระบบเดิม ซึ่งท่านก็ทำมาตลอดแก้กฎระเบียบ กฎกติกาให้เหมาะสมทันสมัยในการแก้ปัญหา” นายเอกนัฏ กล่าว

นายเอกนัฏ กล่าวย้ำว่า การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่การไปบอกว่าปัญหาทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดนี้ หรือจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มันก็คงไม่ยุติธรรมกับทั้งรัฐบาลชุดนี้แล้วก็รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เช่น การตกลงให้สัมปทานบนพื้นที่อ่าวไทย ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และไม่ได้เกิดขึ้นในยุคนี้

ส่วนหนึ่งก็เป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ ที่ทำให้ประเทศไทยมีแหล่งพลังงาน แหล่งน้ำมัน แหล่งก๊าซธรรมชาติ ที่ผลิตขึ้นเองในประเทศ แต่ส่วนที่เป็นปัญหาข้อพิพาทเมื่อเกิดขึ้นในรัฐบาลยุคไหน ตนเชื่อว่าก็อยู่ในใจของนายกรัฐมนตรีทุกคน แล้วก็อยู่ในใจพวกเรา ที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติให้มากที่สุด ไม่ใช่ไปดำเนินการตามองค์กรระหว่างประเทศ หรือบริษัทต่างชาติ อย่างเช่น เชฟรอน

“ผมขอยืนยันว่า ในระยะเวลาที่จำกัด กรรมาธิการฯทุกคนทำงานหนัก ได้ตัดสินใจแทนเพื่อนสมาชิกทุกคนอย่างรอบคอบ” นายเอกนัฏ กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top