Saturday, 18 May 2024
รวมไทยสร้างชาติ

‘เสี่ยเฮ้ง’ ยัน!! เคียงข้าง ‘บิ๊กตู่’ อยู่แล้ว ชี้!! ต้องตอบแทนผู้มีพระคุณ-ผู้ให้โอกาส

(23 ส.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แสดงความยินดีกับว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ด้วยความจริงใจ ส่วนเรื่องโผ ครม.นั้น ตนเองไม่ได้พูดคุยกับนายกฯ และตนจะได้ตำแหน่งอะไรหรือไม่นั้น ยืนยันว่ายังไม่คิดอะไรทั้งสิ้น

เมื่อถามถึงบทบาทของตัวนายสุชาติ ในพรรคจะเป็นอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า ยังไม่มองถึงขณะนั้น คงต้องดูกันทีละเรื่อง แต่สิ่งที่เห็นเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา พรรค รทสช. โหวตนายกฯ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และภายในพรรคถือว่ามีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และยังยืนหยัดที่จะทำพรรคการเมืองให้เป็นที่พึ่งพาของประชาชน

เมื่อถามว่า ณ วันนี้ยังอยู่กับพรรค รทสช.ใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ก็ต้องอยู่ อยู่แล้ว เราทำงานมาด้วยกันและเราสร้างบ้านมาด้วยกัน ส่วนที่เคยบอกว่าใจเป๋นั้น เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อสร้างพรรคให้แข็งแรงขึ้น และใหญ่ขึ้น 

เมื่อถามย้ำว่า พร้อมจะร่วมหัวจมท้ายกับพรรค รทสช.ใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า วันนี้มติพรรคเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก็ไม่มีใครแตกความสามัคคี 

เมื่อถามถึงสัดส่วน 4 เก้าอี้รัฐมนตรีของพรรค รทสช. นายสุชาติ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลยว่าพรรคได้อะไร ตรงไหน เพียงแต่ต้องการให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้

เมื่อถามอีกว่า หากประกาศรายชื่อบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีในส่วนของพรรคแล้ว ไม่มีชื่อของท่าน จะทำให้ผิดหวังจนต้องออกจากพรรคหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เราต้องยอมรับและต้องเคารพกติกา เราไม่ได้ยึดติดตรงนี้เราแค่คิดว่าจะทำงานเพื่อให้ประเทศชาติบ้านเมืองเดินไปด้วยกันได้ และมีอุดมการณ์เดียวกัน

เมื่อถามย้ำว่า การพิจารณาเก้าอี้รัฐมนตรีภายในพรรคจะพิจารณาอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นนี้ ต้องรอดูความชัดเจนว่าเมื่อขั้นตอนการเลือกนายกฯ จบแล้วขั้นตอนต่อไป ในเรื่องต่าง ๆ ก็คงต้องรอให้จบก่อนแล้วค่อยคิดถึงแนวทางของพรรคว่าจะเป็นไปในแนวทางแบบไหนอย่างไร รวมถึงโครงสร้างและมติของพรรคว่าจะเป็นอย่างไร

จากนั้น นายสุชาติ หัวเราะพร้อมระบุว่า “แหม! จะอำลาอะไรกัน ผมก็อยู่กับนายกฯ อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเราจะจบกันตรงนี้ แล้วจะไปไหน ท่านมีบุญคุณกับเรา เราก็ต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณกันอยู่แล้ว เรารู้ว่าใครคือคนที่ให้โอกาสเราในห้วงเวลาที่ผ่านมา” ภายหลังผู้สื่อข่าวสอบถามว่าได้อำลานายกฯ หรือไม่

ว่าที่ รมว.อุตสาหกรรม ภายใต้ครม. 'เศรษฐา1' ดีกรี เคมีอุตสาหกรรม  ประสบการณ์ สส. 4 สมัย เข้าใจภาคอุตสาหกรรม

เมื่อวานนี้ (29 ส.ค. 66) จากกรณีการจัดสรรตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี ที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ที่มีชื่อนักการเมืองหลายคนร่วมเป็น 1 ใน 35 รัฐมนตรี ที่จะเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศต่อจากนี้

โดยหนึ่งในรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีที่น่าสนใจคือ ‘พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ สส.นครศรีธรรมราช พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เป็นผู้ซึ่งถูกคาดว่าจะเป็น ว่าที่ รมว.อุตสาหกรรม ในโควตารัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ

ทั้งนี้ น.ส.พิมพ์ภัทรา เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2522 เป็นบุตรสาวของ นายมาโนชญ์ วิชัยกุล กับนางสำรวย วิชัยกุล เข้ารับการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช และโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเคมีอุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดย น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สมรสกับนิติรักษ์ ดาวลอย มีบุตร 2 คน

>> เส้นทางการเมือง

โดย น.ส.พิมพ์ภัทรา เข้าสู่งานการเมืองโดยการลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.นครศรีธรรมราช แทน นายมาโนชญ์ วิชัยกุล ซึ่งวางมือทางการเมือง ในการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไปปี 2550 และได้รับเลือกตั้งเป็น สส.สมัยแรก ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์

ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งและได้รับเลือกเป็น สส.อีกสมัย กระทั่งในปี 2562 ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกเป็น สส.สมัยที่ 3

หลังจากนั้นในช่วงต้นปี 2566 น.ส.พิมพ์ภัทรา ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ต่อมาได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ และได้รับการเลือกตั้ง เป็น สส.นครศรีธรรมราช พรรครวมไทยสร้างชาติ

>> เครื่องราชอิสริยาภรณ์

พ.ศ. 2563 –  เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
พ.ศ. 2556 –  เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)

‘รทสช.’ หนุน ‘ยกเลิกเกณฑ์ทหาร’ เปลี่ยนเป็น ‘สมัครด้วยใจ’ ชี้!! ต้องมีสวัสดิการที่ดี เพื่อจูงใจสมัครทหารเกณฑ์มากขึ้น

(4 ก.ย. 66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการปรับลดการเกณฑ์ทหาร ว่า ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่พรรครวมไทยสร้างชาติสนับสนุนให้มีการปรับลดการเกณฑ์ทหาร ไปจนถึงการยกเลิกการเกณฑ์ทหารไปเลยในอนาคต ซึ่งเมื่อปรับลดการเกณฑ์ทหารแล้ว ต้องปรับเพิ่มสวัสดิการของทหารเกณฑ์ ให้มีสวัสดิการที่ดีขึ้น เพื่อจูงใจให้คนเข้ามาสมัครเป็นทหารเกณฑ์ให้มากขึ้น

นายอัครเดช กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติเห็นด้วยกับนโยบายของนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ ในเรื่องการเกณฑ์ทหาร และเพิ่มประสิทธิภาพกองทัพ คือลดขนาดกองทัพให้กะทัดรัด แต่มีความคล่องตัวในการทำงาน ต้องเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานของกองทัพ นโยบายนี้ขอสนับสนุนให้ทำได้เลย ถ้ากองทัพมีความพร้อม ถ้าเป็นไปได้ว่าที่ผบ.เหล่าทัพควรนำไปปฏิบัติได้ทันที หรืออย่างช้าในปีหน้าจะเป็นเรื่องดี

นายอัครเดช กล่าวว่า ถ้ากองทัพมีความพร้อมควรเริ่มดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในทันที พรรครวมไทยสร้างชาติก็อยากให้นโยบายนี้เกิดผลเร็วที่สุด ถ้าปีหน้าสามารถเปิดรับสมัครทหารเกณฑ์ด้วยความสมัครใจถ้าทำได้ 100 % ก็ควรจะทำทันที แต่ถ้ายังไม่พร้อมอย่างช้านโยบายนี้ก็ควรจะเกิดผลในทางปฏิบัติได้ในปีถัดไปเป็นอย่างช้า

นายอัครเดช กล่าวว่า เท่าที่ดูการพบกันของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และว่าที่ผู้นำเหล่าทัพของนายเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ที่ว่าที่ผบ.เหล่าทัพจะได้ทำงานสนองนโยบายของรัฐบาล ฝ่ายการเมืองให้เกียรติกองทัพ ขณะที่กองทัพก็ให้เกียรติรัฐบาล ถือเป็นนิมิตรใหม่ที่ดีในการทำงานร่วมกันในอนาคตว่าจะราบรื่น ในเมื่อรัฐบาลและกองทัพเดินหน้าทำงานไปด้วยกัน ยึดถือประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็น 

‘คุณหญิงหน่อย’ ปูดเบื้องหลังดีล พท. - รทสช. ลงตัว เหตุทั้ง 2 พรรคมีนายทุนคนเดียวกันเป็นสะพานเชื่อม

‘คุณหญิงหน่อย’ เผยเบื้องหลังดีลร่วมจัดตั้งรัฐบาลระหว่าง ‘เพื่อไทย - รวมไทยสร้างชาติ’ ลงตัวง่าย เหตุเพราะทั้ง 2 พรรคมีนายทุนคนเดียวกัน ที่สำคัญหวังส่งคนคุมบางกระทรวง

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์กับ จอมขวัญ หลาวเพชร ถึงประเด็นที่พรรครวมไทยสร้างชาติ กลับมามีความใกล้ชิดและเจรจาได้ลงตัวกับเพื่อไทย แทนที่พรรคพลังประชารัฐในการจัดตั้งรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาว่า ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น มาจากนายทุน หรือ ผู้สนับสนุนของพรรครวมไทยสร้างชาติ มีความสัมพันธ์ที่ดี หรือว่าเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยด้วย เป็นสะพานเชื่อมให้ทั้ง 2 พรรคสามารถเจรจากันได้อย่างลงตัว

ทั้งนี้ หากจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ผู้สนับสนุนของ 2 พรรค ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น เป็นบุคคลเดียวกัน และที่สำคัญ ยังมีเป้าหมายที่จะส่งคนเข้าไปนั่งในบางกระทรวง ยิ่งทำให้เกิดพลังในการเจรจาเพิ่มมากขึ้น

'ศาสตรา' ชี้!! ท่องเที่ยวไทย 8 เดือนแรก โกย นทท.18 ล้านแล้ว แนะ!! จากนี้รัฐต้องเกาให้ถูกที่คัน อย่าเดินผิดทาง เป้าหมายไม่หลุด

(12 ก.ย. 66) นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘นายศาสตรา ศรีปาน - Sarttra Sripan’ ถึงสภาพการท่องเที่ยวไทย 8 เดือนแรกของปี 2566 ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาทะลุ 18 ล้านคนแล้ว โดยระบุว่า…

#ท่องเที่ยวไทยลุงตู่ทำไว้8เดือนแรก18ล้านคนจะทะลุเป้าแล้ว เมื่อวานผมได้ฟังนายกฯ ได้แถลงนโยบายเรื่องการท่องเที่ยว เนื่องจากมีเวลาที่จำกัดผมจึงไม่ได้อภิปราย 

ผมจึงขอเพิ่มเติมดังนี้

ด่านยังมีปัญหาเรื่องการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว และประชาชนคนไทย ยังมีการเรียกเก็บส่วยเข้าออก ? 

ค่าเหยียบแผ่นดินที่สามารถ นำเม็ดเงินมหาศาลเข้าประเทศได้ เป็นค่าประกันรักษา บำรุงธรรมชาติ รวมถึงนำมาใช้เพื่อซ่อมแซ่ม สร้างสถานที่ท่องเที่ยวใน จ.สงขลา และทั่วประเทศ (ดูแลการท่องเที่ยวไทยด้วยตัวเอง) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งตัดสินใจ

Soft power ผมรู้สึกว่ารัฐให้ความสนใจมากแต่ยังเดินผิดทาง การทำงานยังไม่มีกึ๋นเท่าไหร่ โฆษณาแบบ direct sale ไม่ใช่การสอดแทรก ซึมซับ แทรกซึม ซึ่งถ้านำเอาไอเดียความสามารถในคนของเราที่เก่งด้านนี้จริง ๆ ที่เป็นสายครีเอทีฟ ทำหนัง ละคร ทำเพลง บวกงบประมาณจากรัฐลงไปมากกว่านี้ สามารถทำให้การท่องเที่ยวไทยไปไกล

Visa ฟรี ในประเทศที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เห็นด้วย แต่ต้องระวังผลกระทบที่ตามมา ด้านความมั่นคง คุณเศรษฐาต้องป้องกัน ทุนจีน ที่มาทำการท่องเที่ยวในไทยที่เราเรียก ‘ทัวว์ศูนย์เหรียญ’ รอยรั่วของการท่องเที่ยวไทย เงินไม่ตกถึงมือชาวบ้าน

ควรมี Visa ตามเทรนด์ เช่น workation visa 2 ปี คนมาทำงานด้วยพักผ่อนด้วย กรุงเทพคือเป้าหมายอันดับ 1 ของโลก แต่ visa ไม่อำนวยให้นักท่องเที่ยวอยากมา

ควรมี T visa (อันนี้ผมไปดูของเกาหลีมา ใช้ชื่อ K visa) เป็นวีซ่าที่ ให้คนสนใจมาเรียนรู้วัฒนธรรม เกาหลี 2 ปี เช่นเต้น k pop เรียนร้องเพลง เพิ่มยอดนักท่องเที่ยว ของเราก็มวยไทยไง production เราก็สุดเบอร์ แต่ราคาถูกมาก ถ้าดึงทั้งฝั่ง Southeast Asia เข้ามาที่นี่ประเทศไทย จะเกิดเงินหมุนเวียนมหาศาล

‘Sharing economy’ เช่น grab ผู้มีอำนาจควรฟันธงได้แล้ว

Home stay หรือ โรงแรมขนาดเล็ก ควรให้โอกาส Airbnb ควรผลักดัน หรือไม่? เพราะเงินเข้ากระเป๋าชาวบ้านโดยตรง

สร้างสนามบินอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้การท่องเที่ยวดีขึ้น อย่างเต็มประสิทธิภาพ ต้องทำทั้งระบบร้อยเรียงกัน หันมาดูคนตัวเล็ก ผับ บาร์ สถานบันเทิง ความปลอดภัย

ให้ความสำคัญจริง ทำให้จริง เกาให้ถูกที่คันครับ ตั้งเป้าหมายให้ไกลกว่านี้เพื่อเอาเงินเข้าประเทศปากท้องเศรษฐกิจไทยดีขึ้น ที่ตั้งเป้าไว้ 20-25 ล้านคนยังไงก็เกินเป้า #เพราะที่ลุงตู่ทำไว้8เดือนแรกปีนี้ก็18ล้านคนเข้าไปแล้ว

'มือเศรษฐกิจจุลภาค' ชี้!! จ่ายเงินสองรอบ ผลดีผู้กู้ ช่วยให้ลดเงินต้นและดอกเบี้ยได้อย่างรวดเร็ว

(14 ก.ย. 66) นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ มือเศรษฐกิจจุลภาค อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Ta Plus Sirikulpisut' ระบุว่า...

ความเห็นของคุณ ศิริกัญญา แสดงให้เห็นว่าท่านไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจการเงินจริง ๆ

การจ่ายเงินเดือน สองรอบในหนึ่งเดือน ถ้าหากทำได้จะเพิ่มสภาพคล่องให้ ผู้รับเงินเดือน และหากผู้มีเงินกู้ ให้ตัดส่งยอดเพิ่มในกลางเดือน โดยหารสองจากที่เคยส่งเดือนละครั้งเป็นเดือนละสองครั้ง จะส่งผลให้ลดเงินต้นและดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว

ขอให้กระทรวงการคลังทำให้ครบวงจร จะช่วยลดภาระได้มากครับ

‘อัครเดช’ ย้ำ ‘มาตรการลดไฟฟ้า-น้ำมัน’ รทสช.ทำตามที่ได้หาเสียงไว้ วอนภาคเอกชนช่วยลดราคาสินค้า หลังต้นทุนในการขนส่งลดลง

(14 ก.ย.66) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนลดค่าไฟฟ้า-น้ำมัน ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศนโยบายในการหาเสียงว่า จะลดค่าครองชีพประชาชน เมื่อได้เข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ในฐานะรมว.พลังงาน ได้เสนอนโยบายลดราคาเชื้อเพลิงและค่าไฟฟ้า ได้รับความเห็นชอบจากครม. ทางพรรครวมไทยสร้างชาติต้องขอบคุณครม.ที่ได้อนุมัติมาตรการที่นายพีระพันธุ์เสนอเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน

นายอัครเดช กล่าวว่า จากนี้ไปก็ขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ รวมถึงภาคเอกชนทุกภาคส่วนได้ช่วยกันลดราคาสินค้าให้กับพี่น้องประชาชนด้วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เมื่อราคาน้ำมันดีเซลลดลงซึ่งถือเป็นต้นทุนในการขนส่ง ก็จะทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคลดลงด้วย กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงภาคเอกชนก็ต้องช่วยกันสนับสนุนการลดราคาสินค้าให้กับประชาชนด้วยเช่นกัน

“ทั้งนี้ มาตรการลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และลดไฟฟ้าคงไม่ใช่มาตรการเดียวที่จะทำ หลังจากนี้กระทรวงพลังงานยังมีมาตรการอื่น ๆ ทยอยออกมาเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนให้ได้ทุกกลุ่ม ตามที่นายพีระพันธุ์ได้ประกาศไว้ เช่น การช่วยเหลือเกษตรกร การช่วยเหลือกลุ่มแท็กซี่ และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง นายพีระพันธุ์เพิ่งทำงานวันแรกหลังจากนี้จะทยอยมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ขอให้ประชาชน ติดตามมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลจะทยอยประกาศออกมา” โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าว

โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงเสียงวิจารณ์ต่อมาตรการดังกล่าวว่า รัฐบาลนี้มาจากประชาชน ผ่านการเลือกตั้งให้เข้ามาบริหารประเทศอะไรที่ได้หาเสียงไว้ก็ถือเป็นความรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน เมื่อแต่ละพรรคการเมืองได้เข้าไปบริหารในแต่ละกระทรวง ก็จะนำนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ไปขับเคลื่อน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ตระหนักดีว่า เราต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้สัญญากับประชาชนเอาไว้

“การที่ฝ่ายค้านได้วิจารณ์นโยบายดังกล่าวก็เข้าใจ แต่ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลเมื่อเข้ามาบริหารประเทศก็ต้องใช้เงินงบประมาณในการแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือประชาชน แม้แต่พรรคฝ่ายค้านที่วิจารณ์ ถ้าเข้ามาเป็นรัฐบาลถ้าจะช่วยเหลือประชาชนก็ต้องใช้งบประมาณของแผ่นดิน แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การใช้งบประมาณช่วยเหลือประชาชนต้องเกิดความโปร่งใสไร้การรั่วไหลของเงินงบประมาณ จะประชานิยมหรือไม่ประชานิยมไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือ ต้องไม่มีทุจริตคอร์รัปชัน และเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์กับประชาชนสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องยึดหลักเอาไว้” นายอัครเดชกล่าว

'ธนกร' ชี้!! ไม่ถึง 2 เดือน 4 รมต.รทสช. 'ทำงานหนัก-ผลงานเพียบ' หลัง 'พักหนี้เกษตรกร-ลดค่าไฟ-น้ำมัน' ช่วยบรรเทาทุกข์คนไทยต่อเนื่อง

(28 ต.ค.66) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า กว่า 1 เดือนในการทำงานของรัฐบาล หลังได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 นั้น รัฐมนตรีทั้ง 4 ท่านของพรรครวมไทยสร้างชาติ นำโดยนายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงาน ก็ได้เร่งเครื่องทุ่มเททำงานหนัก ผลักดันนโยบายต่าง ๆ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลได้หาเสียงไว้ออกมาเป็นรูปธรรมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ทันที ทั้งนโยบายการพักหนี้เกษตรกรเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินที่สะสมมาต่อเนื่องในช่วงโควิด รวมถึงการลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ทั้งดีเซลและเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 และเตรียมลดราคาน้ำมันชนิดอื่นเพิ่มเติมอีก และมีอีกหลายนโยบายที่จะออกมาต่อเนื่อง 

เมื่อถามว่า บางมาตรการที่ออกมา เป็นการช่วยแค่ในระยะสั้น 3 เดือน จะแก้ปัญหาทำให้ยั่งยืนได้อย่างไร โดยเฉพาะเรื่องราคาพลังงาน นายธนกร กล่าวว่า เรื่องราคาน้ำมันและพลังงานนั้นต้องมีทั้งระยะสั้นระยะกลางและระยะยาวซึ่งผลที่จะเกิดความยั่งยืนต้องแก้ในระยะยาวที่โครงสร้าง ซึ่งรองนายกฯ และรัฐมนตรีพลังงาน ได้ศึกษาและหาแนวทางแก้ไขอย่างต่อเนื่องให้ตรงจุด ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่มีองค์ประกอบหลายปัจจัย จึงต้องใช้เวลาในการแก้ รวมถึง อาจจะต้องออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เข้ามาบังคับใช้ด้วย  

“ถือเป็นการทำงานที่แข่งกับเวลา แข่งกับปัญหา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน รัฐบาลและรัฐมนตรี เพิ่งปฏิบัติหน้าที่หลังแถลงนโยบายต่อสภา ผ่านมาแค่เดือนกว่าๆ เท่านั้น แต่เห็นมาตรการและการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมหลายอย่าง ส่วนในระยะยาวการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ต้องใช้เวลา ประกอบกับการแก้กฎหมายควบคู่ไปด้วย แต่ยืนยันว่า รัฐมนตรีของรวมไทยสร้างชาติ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ได้หาเสียงอะไรไว้ เราพร้อมเร่งเครื่องเต็มสูบทำงานหนักอย่างเต็มที่ เพื่อจะขับเคลื่อนมาตรการออกมาช่วยประชาชนให้เร็วที่สุด” นายธนกร กล่าว

'เนเน่-รทสช.' น้อมรับผิด!! พร้อมแจงเหตุไม่ลุกขึ้นป้อง 'ลุงตู่' หลังมี สส.ปากไม่ดี 'ขยี้-แซะ' แล้ว 'รองอ๋อง' ปล่อยไหล

(1 พ.ย. 66) นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวขอโทษ FC ลุงตู่ หลังปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูก สส.พรรคหนึ่งหยิบยกขึ้นมาขยี้กลางสภาและลามต่อไปให้โลกออนไลน์กระหน่ำซ้ำ ว่า...

ในฐานะรองโฆษกพรรคฯ เนเน่ #ขอโทษFC ทุกคนแทนพรรค ในการทำหน้าที่บกพร่องของพรรคค่ะ ในการประชุมทีมวันนี้ เนเน่แชร์ความรู้สึกของทุกคนที่เนเน่รวบรวมมาให้ทีมได้ฟัง 

ข้อมูลที่ได้รับมาจากพี่ ๆ สส. คือจังหวะที่เกิดเหตุขึ้นนั้น สส.รทสช. ไปประชุม กรรมาธิการทั้งหมด และประธานสภา ณ ขณะนั้นเป็นคนที่เคยอยู่ในพรรคเดียวกับผู้อภิปราย 

ด้วย 2 เหตุดังกล่าว จึงไม่มีการห้ามปรามใด ๆ เกิดขึ้นเลย รทสช. ไม่มีโอกาสประท้วง และประธานก็ไม่ทำหน้าที่ปราม

อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถใช้เหตุนี้เป็นข้ออ้างได้...เราจะเรียนรู้และพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้นค่ะ 

'โฆษกรวมไทยสร้างชาติ' วอน!! ต่อไปหากเลือก สส.ต้องดูภูมิหลังดีๆ อย่าดูที่พรรคอย่างเดียว รับ!! สส.คุกคามทางเพศกระทบภาพรวม

(3 พ.ย.66) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงพฤติกรรมของสส.พรรคก้าวไกล คุกคามทางเพศว่า ตนไม่อยากไปก้าวล่วงถึงการจัดการภายในพรรคก้าวไกล กรณีที่จะดำเนินการกับสส.ที่คุกคามทางเพศอย่างไร เพราะแต่ละพรรคมีวิธีการบริหารจัดการแตกต่างกันไป แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ จะเป็นเครื่องบ่งชี้ในอนาคต เพื่อให้ประชาชนต้องตระหนักถึงการเลือกผู้แทนเข้ามาทำหน้าที่เป็นสส.ในสภาฯ ไม่ใช่เลือกจากพรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูคุณสมบัติ และผลงานของแต่ละบุคคลที่ลงสมัครด้วย

นายอัครเดช กล่าวว่า ในอนาคตตนอยากให้ประชาชนได้พิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่อาสามาเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย ว่ามีภูมิหลังอย่างไร ทั้งวุฒิการศึกษา ประวัติในการทำงาน ความรู้ความสามารถ ประวัติการมีคดีและพฤติกรรมส่วนตัวมีความด่างพร้อยหรือไม่ 

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาประชาชน อาจจะเลือกสส.จากพรรคการเมืองที่สังกัด โดยไม่ได้ดูคุณสมบัติส่วนตัวของคนที่แต่ละพรรคเสนอให้เลือก  ดังนั้นเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นอุทาหรณ์ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า จะต้องพิจารณา โดยดูหลายองค์ประกอบ มาเป็นส่วนในการตัดสินใจ ไม่ใช่ดูจากพรรคที่สังกัดอย่างเดียว

“พรรคการเมืองต้องให้เกียรติประชาชน ควรส่งคนที่มีคุณสมบัติพร้อมให้ประชาชนเลือกด้วย ไม่ใช่ส่งคนที่ไม่เคยผ่านการทำงานเพื่อส่วนรวมมาเลย หรือมีพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงการทำผิดกฎหมายแล้วมาให้พี่น้องประชาชนเลือก เหมือนที่เคยมีบางพรรคการเมืองกล่าวไว้ ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ได้รับเลือกตั้ง เหตุการณ์ สส.คุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อยากให้พี่น้องประชาชนใช้เป็นอุทาหรณ์ในการเลือกสส.ครั้งต่อไป ต้องดูภูมิหลัง และประวัติของคนที่แต่ละพรรคส่งมาให้เลือกด้วย” นายอัครเดชกล่าว

โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวยอมรับว่า เหตุการณ์สส.คุกคามทางเพศในครั้งนี้หลีกเลี่ยงผลกระทบที่มีต่อนักการเมืองโดยรวมไม่ได้ แต่ตนอยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่า พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล ทุกวงการมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่ถ้าใครเป็นคนไม่ดี อยากให้ประชาชนได้จดจำ เพื่อเป็นบทเรียนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าพรรคไหนส่งคนที่มีประวัติไม่ดีมาก็อย่าไปเลือก แต่ละพรรคต้องกรองมาก่อน ประชาชนก็ต้องกรองอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้ได้นักการเมืองที่มีคุณภาพมาเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะสส.มีความสำคัญเข้าไปใช้อำนาจทางนิติบัญญัติและบริหาร ถ้าเลือกคนไม่ดีเข้ามาก็จะได้ผู้แทนราษฎรและรัฐบาลที่ไม่ดีเข้ามาด้วย ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top