Friday, 17 May 2024
รวมไทยสร้างชาติ

‘รวมไทยสร้างชาติ’ หาเงินได้ - ใช้เงินเป็น

หารายได้เข้าประเทศ 4 ล้านล้านบาท ใน 2 ปีที่ผ่านมา
>> ทุนต่างชาติ ลงทุนผลิตรถยนต์ ไฟฟ้าในไทยกว่า 360,000 ล้านบาท
>> ส่งเสริมสมาร์ท อิเล็กทรอนิกส์กว่า 700,000 ล้ำนบาท
>> อุตสาหกรรมดิจิทัล 300,000 ล้านบาท
>> ชาวต่างชาติพำนักระยะยาวราว 5 แสนคน เกิดการใช้จ่าย 600,000 ล้านบาท
>> ซาอุดีอาระเบีย ลงทุนผลิตพลังงานไฮโดรเจนในไกย 600,000 ล้านบาท

ใช้เงินเป็น
>> ช่วยเหลือกลุ่มคนเปราะบาง บัตรสวัสดิการ พลัส จะเพิ่มเงินให้เดือนละ 1,000 บาท รวม 12,000 บาท/ปี
>> ให้กู้เงินฉุกเฉินจากธนาคารของรัฐได้ 10,000 บาท/คน
>> ทำโครงการคนละครึ่ง ใช้งบประมาณ 60,000 ล้านบาท
>> ทำโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฉพาะเมืองรอง 18,000 ล้านบาท

‘รัฐบาลลุงตู่’ ก่อหนี้ไม่สูญเปล่า

ที่ผ่านมา ‘รัฐบาลลุงตู่’ ก่อหนี้…แต่ไม่สูญเปล่า

กู้ 3 ล้านล้าน สร้างความเจริญ
>> ถนนจาก 4,000 กม. เป็นกว่า 10,000 กม.
>> รถไฟฟ้าสารพัดสี จากเดิมมีแค่ 2 สาย (บนดิน-ใต้ดิน)
>> รถไฟทางคู่ 8 เส้นทาง
>> พัฒนาขนส่งทางน้ำ
>> พัฒนาขนส่งทางอากาศ

รู้หรือไม่?
หนี้สาธารณะที่บางคนบอกว่า ‘เพิ่มสูงขึ้น’ นั้น ต้องดูว่าการเพิ่มขึ้นไม่ใช่การกู้มาแจก แต่กู้มาลงทุน นั่นเพราะที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้ลงทุนแบบนี้มานานมากแล้ว

โค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง ปราศรัยใหญ่ 12 พ.ค.นี้

โค้งสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ หลายพรรคปักธงสนาม ‘กรุงเทพฯ’ เป็นเวทีปราศรัยใหญ่ เวทีสุดท้าย THE STATES TIMES รวบรวมมาให้แล้วว่าพรรคไหน จัดที่ไหนกันบ้าง พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
 

ดร.หิมาลัย ลั่น!! อุดมการณ์ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ‘ปกป้องสถาบัน รับใช้ชาติ และประชาชน’

ไม่นามานี้ ‘ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ’ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตนายทหารชื่อดัง และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวว่า วันนี้ ผมในฐานะผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับมอบหมายให้มารับฟังข้อเรียกร้องของพวกท่าน เพื่อนำไปเรียนผู้ใหญ่ของพรรค ว่าพรรคมีข้อผิดพลาดอย่างไรในการดำเนินงานตามอุดมการณ์ของพรรค มีนโยบายเรื่องใดที่จะต้องนำไปแก้ไข

พรรคนี้เป็นพรรคเพื่ออุดมการณ์ทางการเมือง เราไม่ได้มีทุนทรัพย์มาก เงินบริจาคที่ได้มา จึงต้องใช้ในการทำกิจกรรมทางการเมืองของพรรคอย่างประหยัดและระมัดระวัง เราไม่สนับสนุนการซื้อสิทธิขายเสียง เราต้องการทำการเมืองอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม กระทำการหาเสียงด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ตามกติกาของ กกต. และรัฐธรรมนูญ ซึ่งการดำเนินงานตามนี้ ไม่จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมากแต่อย่างใด

พรรคการเมืองเป็นที่รวบรวมคนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเหมือนกัน ไม่ใช้สถาบันทางการเงินเพื่อสนับสนุนการลงทุนให้ผู้สมัคร ผู้ที่เสนอตัวเพื่อมารับใช้แบ่งเบาภาระของพ่อแม่พี่น้อง จึงควรเป็นผู้ที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน เพื่อไม่เป็นภาระแก่ผู้ใด ส่วนเรื่องปประมาณ ท่านก็ควรจะทราบว่าท่านมีงบฯ อยู่เท่าไร ซึ่งต้องเป็นไปตามกฎกติกาของ กกต. ก็ควรจะบริหารให้อยู่ในกรอบที่ตัวเองรับได้ และไม่เดือดร้อน

พรรค รทสช.บริหารตามอุดมการณ์ทางการเมือง ด้วยความศรัทธาจากประชาชนและผู้สนับสนุน พรรคไม่มีกิจกรรมอื่นใดที่จะไปเรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มทุนต่าง ๆ ได้ ประชาชนจึงมั่นใจได้ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ สามารถบริหารประเทศรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนโดย ปราศจากการแทรกแซงจากกลุ่มอิทธิพลใด ๆ ก่อนที่ท่านจะเสนอตัวเข้ามาสมัครจึงควรจะศึกษาแนวทางและอุดมการณ์ของพรรคให้ดีเสียก่อน ผู้ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคนี้ เป็นผู้มีชื่อเสียงเรื่องความชื่อสัตย์สุจริต อะไรที่ผิด ๆ ทางผู้ใหญ่ของพรรคไม่ทำแน่นอน ดังนี้นเราจึงไม่ได้มีเงินมากมายอย่างที่พวกท่านคิด

ต้องขอโทษผู้สมัครทุกท่านที่มาในวันนี้ด้วย ที่การคาดหวังของท่านในบางสิ่งบางอย่างที่อยู่นอกกติกาของ กกต. ทางพรรคไม่สามารถสนองตอบได้ รวมไทยสร้างชาติ ต้องการทำการเมืองที่ โปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อมุ่งสู่อุดมการณ์ทางการเมืองของพรรค ตามอุดมคติที่ว่า "รวมไทยสร้างชาติ ปกป้องสถาบัน รับใช้ชาติและประชาชน"

‘บิ๊กตู่’ ชวนคนไทยออกไปใช้สิทธิ 14 พ.ค. เลือกกา ‘รทสช.’ สานต่อ แก้ปัญหา คลายทุกข์ให้ ปชช.

(11 พ.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ออกมาเชิญชวนพี่น้องชาวไทยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง 14 พ.ค. นี้ โดยระบุว่า…

“สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ผมขอเชิญชวนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 2566 นี้ อย่างพร้อมเพรียงกัน และอย่าลืมบัตรสีม่วง เลือกผู้สมัครส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 400 เขต และบัตรสีเขียวเลือก ‘ลุงตู่’ หมายเลข 22 เพื่อให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้าไปทำงานต่อ เพราะเรายังมีงานที่ต้องสานต่อ ทำต่อ อยู่ต่อ อีกมาก ตามที่ตั้งใจไว้ว่าเราจะทำไว้ ทำอยู่ ผมมั่นใจในนโยบายของพรรคจะสามารถแก้ปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน อย่าลืมนะครับ วันที่ 14 เลือก 2 ใบนะครับ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

'ดร.หิมาลัย' ลั่น!! รทสช. พร้อมป้อง ‘ชาติ ศาสน์ กษัตริย์’ หวังคนรุ่นใหม่ไม่ลืม 'รากเหง้าความเป็นไทย'

เปิดใจ ‘ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ’ ยืนยัน ‘บิ๊กตู่’ เหมาะนั่งนายกฯ ต่อ ย้ำ!! รทสช. ยึดมั่นสถาบัน ไม่แตะ ม.112 ลั่น!! พร้อมปกป้อง ‘ชาติ ศาสน์ กษัตริย์’ หวังคนรุ่นใหม่ไม่ลืม 'รากเหง้าความเป็นไทย'

เมื่อวันที่ 11 พ.ค.66 ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์เปิดใจในรายการ 'ถลกข่าว ถลกคน' EP 9 ถึงการเข้าร่วมทำการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า...

ตอนนี้ตนเองได้เดินหน้าร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเต็มตัว เพราะต้องการสนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีโอกาสทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนต่อไป

ทั้งนี้ ดร.หิมาลัย ยืนยันว่า สาเหตุที่ตัดสินใจออกมาจากการทำงานให้กับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อมาสนับสนุนพลเอกประยุทธ์นั้น ไม่มีความขัดแย้งกับทาง พปชร.ใด ๆ ทั้งสิ้น และยังคงให้ความเคารพนับถือพลเอกประวิตรเช่นเดิม เพราะแม้แต่ตัวท่านพลเอกประยุทธ์เอง ก็ยังเคารพรักพลเอกประวิตรไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าทั้ง 2 ท่าน ไม่เคยกล่าวถึงกันในแง่ไม่ดีเลย และในการหาเสียงนั้น ทางพลเอกประยุทธ์จะกำชับทุกคนห้ามกล่าวโจมตีพลเอกประวิตรอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าทั้ง 2 ท่านไม่มีความขัดแย้งกันโดยส่วนตัว

แต่ทว่า ในทางการเมืองนั้น อุดมการณ์และแนวคิดการทำงานอาจจะแตกต่างกัน ทำให้พลเอกประยุทธ์แยกออกมาทำการเมือง เดินหน้าต่อเพื่อประชาชนอย่างเต็มตัว เพราะยังมีหลายส่วนที่ท่านเห็นว่า จะต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน และการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ

ดร.หิมาลัย กล่าวต่ออีกว่า จากการที่ได้ทำงานกับพลเอกประยุทธ์ในช่วงที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าท่านเป็นคนที่ตั้งใจและทุ่มเททำงานจริง ที่สำคัญมีความโปร่งใส ดูได้จากตลอด 8 ปีที่พลเอกประยุทธ์ นั่งตำแหน่งนายกฯ ประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้าอย่างมาก และที่สำคัญเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ 

"ผมขอยกตัวอย่าง การฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย ที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ทำได้สำเร็จในรอบกว่า 30 ปี ซึ่งประเทศไทยได้รับประโยชน์มหาศาล จากทั้งในแง่การส่งออกสินค้า แรงงาน และการลงทุนด้านปิโตรเคมี นอกจากนี้ ในด้านโครงสร้างพื้นมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนด้านระบบรางที่เชื่อมโยงทั้งในไทยและเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีเป้าหมายสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาคอาเซียน ตอนนี้วางระบบรางไปแล้วนับพันกิโลเมตร และขยายถนนอีกนับหมื่นกิโลเมตร" 

ดร.หิมาลัย เผยอีกว่า แม้กระทั่งในช่วงที่ทั่วโลกเผชิญกับโรคโควิด-19 ซึ่งถือเป็นวิกฤตโรคระบาดใหม่ที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน หลายประเทศตื่นตระหนก แม้กระทั่งประเทศที่ได้ชื่อว่ามีความเจริญก้าวหน้าในทุก ๆ ด้าน ยังประสบกับระบบสาธารณสุขล่มสลาย ประชาชนล้มตายจำนวนมาก แต่ภายใต้วิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำของพลเอกประยุทธ์ ได้มีคำสั่งตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ขึ้นมารับมือทันที โดยให้อาจารย์หมอมาเป็นผู้นำในการแก้ปัญหา เพราะท่านรู้ว่า เรื่องนี้ท่านสู้หมอไม่ได้ ดังนั้นจึงให้ผู้มีความรู้นำแก้ปัญหา ส่วนตัวท่านและรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนทำตามคำแนะนำ ทำให้ประเทศไทยสามารถฝ่าวิกฤตมาได้และฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านระบบสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ จนทั่วโลกให้การยกย่อง

ส่วนวิสัยทัศน์ในด้านการบริหารความมั่นคงนั้น จะเห็นว่าประเทศไทยอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ชาติมหาอำนาจให้ความสำคัญ คนที่บอกว่า ประเทศไทยล้าหลังไป 8 ปี ห่วยแตก เศรษฐกิจไม่ดี ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ชาติมหาอำนาจคงไม่มองเราเป็นประเทศยุทธศาสตร์ และคนที่สามารถสร้างสมดุลให้กับมหาอำนาจทุกฝ่าย ก็คือ พลเอกประยุทธ์ นั่นเอง

ขณะที่หลายฝ่ายพยายามกล่าวหาว่า พลเอกประยุทธ์ เสพติดอำนาจนั้น ดร.หิมาลัย กล่าวว่า หากพลเอกประยุทธ์เป็นคนเสพติดอำนาจ วันนี้คงจะยังร่วมงานกับพรรคเดิม ไม่จำเป็นต้องมาทำการเมืองกับพรรคใหม่อย่างรวมไทยสร้างชาติ เพราะตรงนั้นมีฐานเสียงอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะท่านคิดว่า ยังสามารถทำงาน พัฒนาประเทศต่อไป โดยเฉพาะในส่วนที่ได้เริ่มทำมาแล้วแต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ส่วนจะได้กลับมาทำต่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับเสียงของประชาชนที่จะเป็นผู้ตัดสินในวันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ซึ่งผลจะออกมาอย่างไร ท่านก็พร้อมจะยอมรับ เพราะอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย

นอกจากนี้ ในประเด็นเรื่องความมั่นคง ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พรรครวมไทยสร้างชาติให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการปกป้องสถาบันหลักของประเทศ ทั้งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

"อย่างที่รับทราบกันว่า ขณะนี้มีคนบางกลุ่มพยายามโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่รู้หรือไม่ประเทศไทยที่ดำรงอยู่จนเท่าทุกวันนี้ เพราะบรรพบุรุษใช้เลือดเนื้อรักษาเอาไว้ตลอดมา และอย่าได้ลืมเลือนประวัติศาสตร์ ว่าครั้งหนึ่งเราเกือบตกเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติ แต่ด้วย 'เงินถุงแดง' ที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 3 สะสมไว้ ช่วยให้ไทยรอดพ้นมาได้จนเท่าทุกวันนี้" ดร.หิมาลัย กล่าวและว่า...

“ฝากถึงน้อง ๆ ที่มีแนวคิดอยากเปลี่ยนแปลง อยากถามว่า บ้านของเรามีเสาหลักอยู่ วันดีคืนดีมาบอกว่า อันนี้ไม่ดีจะเอาออก หากเอาเสาหลักออกไปแล้ว จะมีอะไรมาทดแทนค้ำยันบ้านไม่ให้พังทลายลงหรือเปล่า

อย่างไรก็ตาม ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ คงไม่สามารถไปห้ามความคิดของใครได้ ทุกอย่างเป็นไปตามบริบทและพลวัตรของสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่พรรคฯ จะยึดมั่นในอุดมการณ์ในการปกป้องสถาบันหลักของชาติเป็นสำคัญเช่นเดิม ในขณะเดียวกัน ก็พร้อมที่จะรับฟังความเห็นต่าง และสร้างความเข้าใจ โดยไม่ปิดกั้นความคิดเห็นหากไม่ไปละเมิดกฎหมายบ้านเมือง เพราะยึดหลักในการให้เกียรติซึ่งกันและกัน สังคมจึงจะไม่แตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย

แต่ถึงกระนั้น พรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันว่า ไม่มีแนวคิดที่จะแตะต้องหรือแก้กฎหมายมาตรา 112 อย่างแน่นอน เพราะถือเป็นกฎหมายที่อยู่ในหมวดความมั่นคง เพื่อปกป้ององค์พระประมุขของชาติ และทางพรรคฯขอย้ำว่า กฎหมายนี้ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเลย ไม่มีผลต่อการดำรงชีวิตของสุจริตชน เพราะฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะไปแก้ไขใด ๆ ทั้งสิ้น

เมื่อถามถึงเงื่อนไขการร่วมรัฐบาลหลังการเลือกตั้งนั้น ดร.หิมาลัย เผยว่า "พรรครวมไทยสร้างชาติสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ถ้าพรรคการเมืองใดก็ตาม สนับสนุนการปกครองระบอบนี้ ทาง รทชส. ก็พร้อมทำงานร่วมรัฐบาลกันได้"

เมื่อถามถึงนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ที่หลายพรรคหยิบยกขึ้นมาหาเสียงเลือกตั้ง ดร.หิมาลัย ให้ความเห็นว่า "ที่ผ่านมานโยบายของกองทัพ ได้มีการปรับลดการเกณฑ์ทหารลงมา และเพิ่มสัดส่วนพลทหารอาสาสมัครมากขึ้น เพื่อปรับให้เข้ากับบริบทสังคมแต่อย่างไรก็ดี อยากจะฝากพรรคการเมืองที่มีนโยบายลดการเกณฑ์ทหาร ให้ดูบริบทประเทศรอบข้างของไทยว่าเป็นอย่างไร เชื่อมั่นได้หรือไม่ว่าวันข้างหน้าจะไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ และหากศึกษาอย่างละเอียด จะพบว่า ศักยภาพทางทหารของประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่และกำลังพลของกองทัพ"

“เราไม่สามารถรับรู้ได้ว่าในอนาคตจะเกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ ดูตัวอย่างประเทศที่กำลังรบกันอยู่ขณะนี้ก็ได้ ประเทศหนึ่งไม่พูดกล่าว แต่อีกประเทศที่มีผู้นำพูดเก่งออกทีวี ออกโซเชียลทุกวัน แต่ประเทศได้รับความบอบช้ำอย่างหนักแทบจะล่มสลาย เพราะฉะนั้น อยากฝากถึงพรรคการเมืองที่มองว่า ทหารไม่สำคัญ หากวันหนึ่งเกิดการสู้รบขึ้นมา ถ้าเราไม่มีทหารออกรบ ข้าศึกไม่ตายเพราะปากนะครับ” ดร.หิมาลัย กล่าวเสริม

ช่วงท้ายของรายการ ดร.หิมาลัย ยังได้นำเสนอนโยบาย รทสช. ที่จะผลักดันเร่งด่วนหากได้เป็นรัฐบาลคือเรื่องค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ประกอบด้วย การเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 1,000 บาท ซึ่งเป็นแนวคิดด้านมนุษยธรรมช่วยเหลือคนที่ลำบาก และอีกข้อ คือ เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาททุกช่วงวัย ส่วนนี้เป็นเรื่องของความกตัญญู เป็นการดูแลคนแก่ ซึ่งในอดีตเป็นผู้ที่ทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประแทศ เมื่อกำลังลดน้อยถอดลง ก็ต้องดูแลกันตามหลักของความกตัญญู ขณะเดียวกัน ยังมีสวัสดิการสำหรับเด็กเกิดใหม่ตั้งแต่ 0-6 ขวบ ซึ่งจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน

ดร.หิมาลัย ยืนยันว่า นโยบายดูแลเรื่องค่าครองชีพที่ทางพรรคได้วางไว้นั้น จะสอดคล้องกับงบประมาณแผ่นดิน โดยไม่เป็นภาระหนัก หากเทียบกับนโยบายของบางพรรคการเมืองที่ประกาศจะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล ซึ่งมองว่าจะเป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดินอย่างมาก เพราะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลกว่า 5.6 แสนล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี ต้องขอบคุณนโยบายดังกล่าวด้วย เพราะเท่ากับเป็นการยืนยันว่า เศรษฐกิจในยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ดีขึ้นแล้ว เพราะเงินส่วนหนึ่งที่จะนำมาแจกนั้น คือเงินภาษีที่เก็บได้ในปีนี้นั่นเอง

#THESTATESTIMES
#ElectionTime
#NewsFeed
#หิมาลัยผิวพรรณ
#รวมไทยสร้างชาติ
#เบอร์22

‘ลุงตู่’ ปิดจ๊อบปราศรัยใหญ่เวทีเมืองคอน ‘สุดยิ่งใหญ่’ ขณะที่ ‘พิธา’ ติดหล่มปมถือหุ้นไอทีวี จนก้าว…ไม่ไกล

สุดสัปดาห์นี้ ท่านผู้อ่านก็จะได้เข้าคูหากากบาท ชี้ชะตาประเทศไทยกันในวันที่ 14 พ.ค. ได้เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ใช่

แม้เพจพรรครวมไทยสร้างชาติจะเขียนข่าวเวอร์ไปหน่อยว่าคนเมืองคอนแห่ไปฟังลุงตู่ปราศรัยที่สนามหน้าเมือง เมื่อค่ำวันที่ 11 พ.ค. ร่วม 5 หมื่นคน แต่ก็ต้องบันทึกว่าเป็นการปราศรัยใหญ่นัดที่คนฟังมากที่สุดในภาคใต้ ประมาณเกือบ 2.5 หมื่นคน เหนือกว่าที่สุราษฎร์ธานีเล็กน้อย เป็นการปราศรัยปิดแมทช์ต่างจังหวัดที่สวยงามของลุงตู่..วันเดียว  5 จุด...จุดสุดท้ายที่สนามหน้าเมือง “ลุงตู่” ปราศรัยได้กลมกล่อม ไม่เล่นมาก แต่ไม่เครียด สอดแทรกเนื้อหาดีทั้งผลงานที่ทำแล้ว ปณิธาณ นโยบายที่จะทำต่อ  การสร้างสมดุลในภูมิภาคที่กำลังถูกท้าทาย และความสามัคคี ความสำคัญของทุกคนในฐานะพลังของแผ่นดิน

อย่างไรก็ตาม 10 ที่นั่ง ส.ส. นครศรีธรรมราช รอบนี้ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ประเมินแล้วประชาธิปัตย์น่าจะกวาดไปอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ที่เหลือเป็นของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยอาจจะมีพลังประชารัฐสอดแทรกมาสัก 1 เก้าอี้

สำหรับแนวโน้มภาพรวมผลการเลือกตั้งนั้น พูดกันให้แซ่ดถึงบทวิเคราะห์ของสำนักต่าง ๆ ทั้งที่เอ่ยอ้างว่าเป็นของหน่วยงานในกระทรวงใหญ่บางแห่ง และสถาบันการศึกษาสำคัญ รายงานข้อมูลชุดสุดท้ายไปในทิศทางเดียวกันว่า ขั้วฝ่ายค้านเดิมมีคะแนนสูงกว่าขั้วลุง ในระดับตัวเลข 270 ต่อ 230 ประมาณนั้น

ยกเว้นสัปดาห์สุดท้ายการตื่นตัวของพลังเงียบ พลังช้างป่วยกลายเป็นพลังช้างศึกที่ถูกปลุกขึ้นมาในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะแห่กันออกมาปกบ้านป้องเมืองรักษาวิถีไทยแบบมืดฟ้ามัวดิน คะแนนสองข้างก็คงสูสีกัน ซึ่งถ้าคะแนนสูสีดูดี๋กัน ขั้วรัฐบาลเดิมก็จะจัดตั้งรัฐบาลได้ในที่สุด ท่ามกลางร้อยแปดความวุ่นวาย 

และด้วยฉากทัศน์การเมืองดังวิเคราะห์มานี่เองที่ทำให้พรรคเพื่อไทย โดยณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ประกาศรัว ๆ ทุกเวทีว่า ถ้าเป็นการชกมวย การชนะคะแนนแปลว่าแพ้ ต้องน็อกสถานเดียว อันนี้ก็ว่ากันไป ฝันกันไป 

พูดถึงพรรคส้ม ก้าวไกลสักนิด กรณีพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นไอทีวี คงไม่ส่งผลต่อการลงคะแนนในวัที่ 14 พ.ค. แต่หลังเลือกตั้งต้องลุ้นระทึกว่าอนาคตพิธาจะจบอย่างไร ดีสุดคือเป็น ส.ส.ต่อไป แย่สุดคือพ้นสภาพ ส.ส. 

แต่ที่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ได้แต่ส่ายหน้าสงสารก็คือพ่อพิมไปพูดในรายการของ ‘จอมขวัญ’ ว่าเรื่องนี้เลวร้ายที่สุดคือโดนตัดสิทธิ์การเป็น ส.ส. เท่านั้น ยังเป็นรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เฮ่อ เชื่อแล้วว่าฝ่ายกฎหมายพรรคส้มไม่เป็นสับปะรดจริง ๆ ทำไมไม่บอกให้คุณทิมรู้ว่า ถ้าโดนตัดสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ก็หมดสิทธิ์จะเป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี เฮ่อออ!!!

โฉบไปที่พรรคภูมิใจไทย แม้จะถูกไล่ล่าจากชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เรื่องกัญชาและสารพัดการเตะสกัดจากคู่แข่งมากแค่ไหน แต่ ‘ครูใหญ่เนวิน’ สั่งทุกแนวรบให้มีสมาธิสู้รบในฉากสุดท้าย จำเพาะที่สนามกรุงเทพฯ ได้ปฏิบัติการเติมกระแสเติมกระสุนใน 4 เขตเป็นกรณีพิเศษ ด้วยความมั่นใจลึก ๆ ว่า จะตอกเสาเข็มให้พรรคได้อย่างน้อย 2 เขต

ปิดท้ายวันนี้ มองให้ไกลไปกว่าหีบเลือกตั้งสักนิดเราจะพบว่า การเลือกตั้งหนนี้มีมหาอำนาจตะวันตกโฟกัสที่หมายถึงการแทรกแซงเป็นพิเศษ พวกเขาบังอาจพูดดักคอดักทางว่ากองทัพและสถาบันเบื้องสูงต้องไม่เข้ามาเกี่ยวข้องทั้ง ๆ ที่สองสถาบันไม่ได้ยุ่งเกี่ยวใด ๆ และเมื่อต้นสัปดาห์มีข่าวว่า ทูตตะวันตกหลายประเทศรวมตัวกันเชิญตัวแทนพรรคเพื่อไทย ก้าวไกล ประชาชาติ และพลังประชารัฐ ชี้นำให้แก้ไขมาตรา 112 ดูเหมือนหลายพรรคจะเออออ..ยกเว้นพลังประชารัฐ!!

ทั้งหลายทั้งปวงเหตุที่มหาอำนาจตะวันตก นำโดยสหรัฐอเมริกาออกอาการจุ้นจ้านเป็นพิเศษ ใช่หรือไม่ว่าก็เพราะพวกเขาอยากได้รัฐบาลที่เลือกข้างสหรัฐ ไม่ใช่รัฐบาลที่รักษาสมดุลอย่างรัฐบาลลุงตู่...ดังนั้นฝากท่านวิญญูชน สาธุชนพึงใคร่ครวญในเรื่องนี้ด้วยเทอญ

เรื่อง: เล็ก เลียบด่วน

‘ลุงตู่’ ฝาก ‘ประชาชน-ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกในชีวิต’ ทบทวนให้ถี่ถ้วน ไทยมาไกลแค่ไหน ก่อนจรดปากกา

อีกไม่กี่อึดใจประชาชนคนไทยจะได้มีโอกาสเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้กันอย่างแน่นอน และเชื่อว่าการเลือกตั้งหนนี้ คนกลุ่มใหม่ที่บ้างก็เรียกว่า New Voter เอย หรือ First Voter เอย ก็จะได้มีโอกาสใช้สิทธิ์เลือกตั้งเป็นครั้งแรกในชีวิต โดยข้อมูลจาก rocketmedialab.co ระบุhttp://rocketmedialab.coว่า ผู้คนเลือดใหม่กลุ่มนี้ ที่กำลังจะเลือกตั้งครั้งนี้ อยู่ที่ 4,012,803 คน โดยจำนวน First Voter ในการเลือกตั้ง 2566 ครั้งนี้ คิดเป็น 7.67% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด

THE STATES TIMES ได้มีโอกาสสอบถาม ‘ลุงตู่’ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เกี่ยวกับการเลือกตั้งหนนี้ ที่จะมีเยาวชนคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งได้เลือกตั้งเป็นครั้งแรกในชีวิต โดย ลุงตู่ กล่าวว่า...

“ก่อนอื่นผมต้องขอแสดงความยินดีกับพวกเขา ที่มีโอกาสใช้สิทธิในครั้งแรกในปีนี้ ซึ่งผมเองก็ขอให้น้อง ๆ ทุกคน มีสติในการเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติในการที่จะเป็น นายกรัฐมนตรี และ ส.ส.ให้ดี”

ลุงตู่ กล่าวต่ออีกว่า “ผมอยากให้การเลือกตั้งหนนี้ เป็นการรวมพลังของคนไทยทุกคนในการร่วมมือกันช่วยกันร่วมมือพาบ้านเมืองเดินหน้าไปได้ด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่มีการแบ่งอายุ หรือวัย เพราะทั้งหมดคือคนไทยด้วยกัน เลือกเพื่อพาประเทศไทยให้เดินข้างหน้า เลือกเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในอนาคตอีก เพราะบ้านเมืองเราขัดแย้งกันไม่ได้อีกแล้ว

“...และส่วนตัวผม ก็อยากให้ประชาชนทุกท่านลองตั้งสติดี ๆ แล้วมองดูภาพประเทศไทยที่แท้จริงว่า วันนี้ประเทศของเราอยู่จุดไหนแล้ว เราเดินหน้ามาไกลหรือยัง แล้วจะเดินหน้าไปต่อไปพร้อมกันได้หรือไม่ หลายสิ่งที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ทันใจหรือถูกใจ เพราะต้องใช้เวลาพอสมควรในการดำเนินการ หลายอย่างเราทำมากว่าจะเสร็จ ก็ 4 ปี 5 ปี 8 ปี”

ลุงตู่ เล่าต่ออีกว่า “แน่นอนว่าบางอย่างมันต้องใช้เวลานานกว่าที่กล่าวไป เพราะโลกมันเปลี่ยนทุกวัน มันต้องมีการปรับแก้และพัฒนากันทุกวัน ทุกเดือน ทุกช่วงเวลา การประชุมในต่างประเทศทุกครั้งล้วนมีวาระที่เกี่ยวเนื่องกับการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น หน้าที่ของเราก็คือ ต้องกลับมาทบทวนโจทย์เหล่านี้ แล้วทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้าทันการเปลี่ยนแปลง ซึ่งวันนี้เรากำลังอยู่จุดนั้น”

“ผมไม่ติดขัดเรื่องการคิดเร็วนะ แต่หากคิดเร็วเกินไป แล้วเกิดปัญหาที่คาดการณ์ไม่ได้ แก้ไม่ได้ มันก็จะยิ่งเป็นปัญหาหนักขึ้นไปอีก เพราะวันนี้ประเทศไทยเราอยู่ในจุดที่ รู้เท่าทันนานาชาติ แล้วก็วางตัวเอง วางประเทศไว้ให้ในจุดที่สมดุลได้แล้ว นี่คือประเทศไทยของเรานะจ๊ะ...ขอบคุณทุกคนนะจ๊ะ” ลุงตู่ กล่าวทิ้งท้าย

'ปลัดจุก' ผู้สมัคร รทสช. พัทลุง ย้ำ!! ไม่เคยยกธงขาว วอนคนไทย “เป็นปลาฉลาด กินเฉพาะเหยื่อไม่กินเบ็ด”

(12 พ.ค. 66) จากกระแสข่าว ส.ส. พรรครวมไทยสร้างชาติ พัทลุง ยกธงขาว ยุติการหาเสียง เนื่องจากถูกตัดท่อน้ำเลี้ยงกลางอากาศนั้น ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ นายปรัชญา นวลเปียน หรือ 'ปลัดจุก' ผู้สมัครพรรครวมไทยสร้างชาติ จังหวัดพัทลุง เขต 3 ถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร?

โดยนายปรัชญา ได้เผยเรื่องการยุติหาเสียง และถูกตัดท่อน้ำเลี้ยงกลางอากาศของตน ว่าไม่เป็นความจริงยืนยันตนเองก็ไม่เคยพูดในประเด็นนี้ ซึ่งตอนนี้ก็เดินหน้าหาเสียงในโค้งสุดท้ายอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งกล่าวว่า...

“ไม่ได้ยุติการเสียง ไม่ได้ถูกตัดท่อน้ำเลี้ยง ซึ่งพรรคก็ดูแลตามกฎหมายที่กำหนด และไม่ได้มีปัญหาอะไรกับทางพรรครวมไทยสร้างชาติ” 

นายปรัชญา กล่าวถึงจุดยืนต่อว่า “เมื่อก่อนผมอยู่พรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากผมมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งนี้ผมจึงติดตามพลเอกประยุทธ์ มาอยู่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าพรรคฯ และพลเอกประยุทธ์ยังได้รับความนิยมจากประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้” 

ส่วนบรรยากาศการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายที่พัทลุงตอนนี้ นายปรัชญากล่าวว่า “การแข่งขันในพื้นที่ค่อนข้างดุเดือด กระสุนมาแรง เราต้องสร้างกระแสสู้กระสุน เราต้องการทำการเมืองสีขาว กระแสของพรรครวมไทยสร้างชาติที่จังหวัดพัทลุงดีมาก แต่ไม่รู้ว่าจะฝ่ากระสุนได้หรือไม่ เรื่องซื้อสิทธิขายเสียงก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขกันอย่างไร คนที่มีหน้าที่อยู่ก็คือ กกต. บางทีก็ต้องตั้งคำถามว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปร่วมด้วยหรือไม่ การซื้อสิทธิขายเสียงมันต้องพอใจทั้ง 2 ฝ่าย จึงค่อนข้างยากในการแก้ไขปัญหานี้ จริง ๆ แล้วควรติดกล้องล่อซื้อแต่ก็ไม่มีใครกล้าทำ” 

"อีก 2 วันก็จะถึงวันเลือกตั้งแล้ว ขอฝากข้อคิดไว้ว่า เป็นปลาฉลาด ให้กินเฉพาะเหยื่อไม่กินเบ็ดนะครับ” ปลัดจุก ทิ้งท้าย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top