Friday, 17 May 2024
รวมไทยสร้างชาติ

‘บิ๊กตู่’ เตรียมนำทัพ รทสช. บุกอุดรฯ ตั้งเวทีปราศรัย 24 เม.ย. นี้ ก่อนลงใต้หาเสียง 29-30 เม.ย. จัดว่าตารางแน่น!!

(23 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หลังจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ใช้เวลาลงพื้นที่หาเสียงติดต่อกัน ทั้งที่ จ.กรุงเทพมหานคร, จ.เชียงใหม่, จ.พิษณุโลก, จ.อุตรดิตถ์ และ จ.แพร่

ขณะที่วันที่ 24 เม.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.อุดรธานี โดยทันทีที่เดินทางถึง พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ากราบสักการะหลวงปู่แก้ว วัดอัมพวันวิทยาราม อ.กุดจับ เพื่อความสิริมงคล จากนั้นเดินทางไปเวทีปราศรัยจุดแรกที่หอประชุม อ.กุดจับ จากนั้นช่วงบ่ายจะเดินทางไปปราศรัยจุดที่ 2 ที่สวนสาธารณะหนองไผ่ ต.หนองเม็ก อ.หนองห่าน และปราศัยจุดที่ 3 ที่ห้องสยามมนตรา โรงแรมสยามแกรนด์ อ.เมือง และจะเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติอุดรธานี โดยจะมีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจก่อนเดินทางกลับ กทม.ทั้งนี้ จ.อุดรธานี ถือเป็นฐานเสียงสำคัญพรรคเพื่อไทย (พท.)

ขณะที่ช่วงระหว่างวันที่ 29 - 30 เม.ย.ที่จะถึงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่หาเสียงภาคใต้ โดยช่วงเช้าวันที่ 29 เม.ย. ลงพื้นที่ จ.ตรัง ช่วงบ่ายปราศรัยที่ จ.พัทลุง และพักค้างคืนที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นวันที่ 30 เม.ย.ช่วงเช้า ลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.สตูล ช่วงบ่าย จ.สงขลา และในช่วงเย็นปราศรัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/726200

'ดร.หิมาลัย' จวก 'นักข่าวต่างชาติ' ไร้มารยาท ยิงคำถามยั่วยุ 'บิ๊กตู่' ตอกกลับ!! แบบนี้คนไทยเรียก “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล”

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งได้ลาราชการเพื่อลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อขอเสียงสนับสนุนเลือกผู้สมัครของพรรค และเลือกพรรคเบอร์ 22 เมื่อ 21 เม.ย. 66 ที่ผ่านมา โดยช่วงหนึ่งมีกลุ่มนักข่าว ทราบภายหลังว่ามาจากสื่อต่างชาติ ได้พยายามถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า 8 ปี มีกระแสที่ต้องการให้นายกฯ ออกไป และยังสอบถามอีกว่าเลือกตั้งครั้งนี้มีกระแสข่าวว่านายกฯ ไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำไม่ถึงไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว ก่อนเดินเลี่ยงไม่ตอบคำถาม
.
แต่กลุ่มนักข่าวต่างชาติดังกล่าว ยังไม่ยอมหยุด และวิ่งไล่ตาม ตะโกนโหวกเหวก ส่งเสียงดัง แบบไม่มีมารยาทแม้ว่าพลเอกประยุทธ์ได้พยายามเดินหลบแล้ว อาจมองได้ว่าเป็นการจงใจยั่วโมโห แถมยังถามย้ำ แบบจงใจให้เกิดปัญหา ด้วยคำถามว่า Many people said , it’s the time to change, this election is never change. Why you don’t let people have time to change? Prime Minister, Thai people wanna change, why don’t you let Thai people give a chance to chance in this country? 

พร้อมทั้งสุภาพสตรีท่านนึงใน กลุ่มนักข่าวต่างชาตินี้ ถามเป็นภาษาไทยใจความว่าเหมือนกับคำถามภาษาอังกฤษซ้ำ อีกครั้งว่า “คนไทยต้องการ การเปลี่ยนแปลง, มีคนอยากให้ท่านออก ทำไมไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”

อย่างไรก็ดี ด้วยวุฒิภาวะ ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีมากพอ จึงไม่ได้ตอบโต้ หรือทำให้เรื่องบานปลาย เดินหลีกเลี่ยง และเพียงแต่ตอบกลับไปเบาๆ ว่า “Election” เท่านั้น

ต่อเรื่องนี้ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แสดงทรรศนะว่า ในฐานะที่ตนเองอยู่ในเหตุการณ์ในขณะนั้นด้วย โดยส่วนตัวมองว่า การถามคำถามดังกล่าว เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากพลเอกประยุทธ์ อยู่ระหว่างการลงพื้นที่เพื่อช่วยหาเสียงตามแนวทางของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย แต่คำถามของกลุ่มนักข่าวต่างชาติ กลุ่มนี้ เหมือนคนที่ไม่ยอมเข้าใจ หรือ ไม่รู้ว่าบริบทของประเทศไทยในขณะนี้ว่ากำลังจะมีการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ได้ยุบสภา และ ขณะนี้อยู่ในระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งคนไทย จะตัดสินใจกันเองได้ ในวันเลือกตั้งที่ 14 พ.ค. นี้ ซึ่งการถามแบบนี้ ถือว่า กลุ่มนักข่าวต่างชาติ ถามคำถามที่ ด้อยค่าตัวเอง แบบคนไม่มีความรู้

สงครามยังไม่จบ!! 'ลุงตู่' ไม่ถอดใจ ก้มหน้าก้มตาเก็บปาร์ตี้ลิสต์อีสาน

ส่องแนวรบพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) วันนี้ ส่วนใหญ่ยังสู้สุดตัว แต่หลายคนในกทม.เริ่มแอบออกอาการถอดใจ...ก็อยากจะบอกว่า...สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร...

การเลือกตั้งยังไม่ถึงเจ็ดวันสุดท้ายอย่าเพิ่งถอดใจ...แบบว่า “เลือกความสงบจบที่ลูงตู่” เวอร์ชั่นใหม่อาจเกิดขึ้นก็ได้ แม้วันนี้เจ้าของวลีดังกล่าวคือ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ต้องไปทำหน้าที่ตอกเสาเข็มอยู่ที่พรรคภูมิใจไทยเสียแล้วก็ตาม...

ตัวเลขเฉลี่ยที่โพลสำนักต่างๆ ระบุจำนวนที่นั่งของพรรครทสช...ในสนามกทม.อยู่ที่ 3-4 ที่นั่ง จากทั้งหมด 33 เก้าอี้...เล็ก เลียบด่วน ก็เห็นด้วยกับตัวเลขนี้

ในขณะที่ตัวเลขรวมทั้งประเทศของพรรครทสช.นั้น ดูจาก 3 โพล ก็ยังบอกอาการที่ไม่ชัดเจนนักว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร...ซึ่ง เล็ก เลียบด่วน ใคร่ขอยกตัวเลขคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 16 ที่นั่ง ที่คาดว่าพรรค รทสช.จะได้ ไปรวมกับ ส.ส.เขต ที่แต่ละโพลสำรวจไว้จะออกเป็นจำนวน ส.ส.ทั้งหมดดังนี้...

>> ซูเปอร์โพล 51 ที่นั่ง (35+16)
>> เนชั่น โพล 37 ที่นั่ง (21+16)
>> โพลความมั่นคง 69 ที่นั่ง  (53+16)

ดูจาก 3 โพลก็ต้องบอกว่า...โพลใครก็โพลใคร...'เล็ก เลียบด่วน' ก็แอบทำโพลตัวเองแปะข้างฝาไว้เหมือนกันว่า นาทีนี้พรรคลุงตู่คะแนนอยู่ที่ประมาณ 56 ที่นั่ง ส.ส.เขต 40 บัญชีรายชื่อ 16 ในจำนวนนี้ ส.ส.เขต 40 คน นี้คาดหมายว่าจะมาจากภาคอีสานเพียงคนเดียวคือ ถ้าไม่จากจังหวัดเลยของครอบครัวเร่งสมบูรณ์สุข ก็อาจจะเป็น กำนันประนอม โพธิ์คำ เขตวังน้ำเขียว โคราช...

น่าเสียดายที่ 20 จังหวัด 133 เขตในดินแดนที่ราบสูง พรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถดึงอดีตส.ส.เกรดเอมาร่วมทัพได้ ที่พอมีลุ้นอยู่บ้างก็กลายเป็นผู้สมัครที่มาจาก ส.จ.และนักธุรกิจ เช่นที่ เขต 1, เขต 2 อุดรธานี เขต 4 สกลนคร ดังนั้นวันนี้ 24 เม.ย.2566 จึงไม่แปลกที่ 'ลุงตู่' จะนำคณะชุดใหญ่ไฟกระพริบลุยพบปะประชาชน 2-3 จุด...ที่อุดรฯ เมืองหลวงของคนเสื้อแดง  

‘จิ๊บ ศศิกานต์’ ชูนโยบาย พัฒนา ศก.-ท่องเที่ยวฝั่งธนฯ กระจายความเจริญ-การจ้างงาน ยกระดับคุณภาพชีวิต ปชช.

(24 เม.ย.66) จิ๊บ ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. บางแค-ภาษีเจริญ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่าเศรษฐกิจของชาวฝั่งธนบุรีถือว่ามีครบทุกอย่างและมีศักยภาพ พร้อมที่พัฒนาต่อยอดในอนาคต เพื่อเชื่อมโยงกับฝั่งพระนครและจังหวัดปริมณฑล ซึ่งตนอยากยกระดับฝั่งธน เพื่อกทม. จะได้ไม่กระจุกความเจริญ อยู่แต่ CBD (Central Business District เช่น พวกสาทร สีลม แหล่งศูนย์กลางเศรษฐกิจ) ตนมองว่าเมื่อการคมนาคมดีขึ้น ความเจริญต่าง ๆ จะตามมา 

จิ๊บ ศศิกานต์ ยังกล่าวอีกว่าฝั่งธนฯ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เป็นเสน่ห์ที่ฝั่งพระนครไม่มี คือ การผสมผสานอย่างลงตัวระหว่าง ความเจริญทางเศรษฐกิจ วิถีชุมชนที่งดงาม และความสดชื่นของธรรมชาติ ถ้าเราสามารถพัฒนาให้เศรษฐกิจของฝั่งธนฯ สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง จิ๊บคิดว่านี่คือพื้นที่ศักยภาพสูงแห่งใหม่ของประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว   

ซึ่งตนขอตั้งคำถามนั่นคือ โลกหลังโควิด-19 ได้เปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจ และวิถีการดำเนินชีวิตของคนในเกือบทุกมิติ ถึงเวลาแล้ว ที่คนฝั่งธนฯ จะสามารถทำงานที่บ้านได้ โดยได้รับค่าแรง ค่าจ้างดี ๆ ตนมองว่านี่ถึงเวลาแล้วที่คนเก่ง ๆ ฝั่งธนฯ จะไม่ต้องไปทำงานในฝั่งพระนคร ที่แย่งกันกิน แย่งกันทำงาน และมีค่าครองชีพสูงเกินไป

Green Area ของฝั่งธน จะต้องมีการพัฒนาให้มากขึ้น คลองต้องสะอาดขึ้น พัฒนาให้มีเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น พื้นที่สีเขียวจะต้องมีการดูแลให้มากขึ้น ใต้สะพานสูง จะถูกนำมาใช้ประโยชน์มากขึ้น (ตอนนี้บางแห่งมีแสงสว่างดีมาก ทำให้คนมาออกกำลังกายตอนกลางคืนได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย)

“เด็กๆ ในฝั่งธนฯ จะต้องเติบโตแบบมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศชาติต่อไป” จิ๊บ ศศิกานต์ กล่าวทิ้งท้าย

รู้จัก 'โสภาพรรณ สุมาวงศ์ สาลีรัฐวิภาค' กุลสตรีแสนเพียบพร้อม ผู้เป็นมารดาของหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

‘โสภาพรรณ สาลีรัฐวิภาค’ ลูกสาวคุณพระ-ดาวจุฬาฯ สตรีผู้ที่มีความดี และความงามเหนือกาลเวลา บุตรสาวของพระมนูเวทย์วิมลนาท หรือมนูเวทย์ สุมาวงศ์ อดีตประธานศาลฎีกา กับคุณหญิงมนูเวทย์ วิมลนาท หรือแฉล้ม สุมาวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2466 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียน Convent of the Holy Infant Jesus เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย แล้วเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้รับการยกย่องเป็นดาวจุฬาคนแรก เป็น ‘ดาวจุฬา’ ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้ครูเอื้อ สุนทรสนาน แห่งวงดนตรีสุนทรพร ได้แต่งเพลงดาวจุฬาฯ และครูแก้ว อัจฉริยะกุล แต่งเพลงขวัญใจจุฬาฯ ซึ่งมีชื่อของท่านปรากฏในนั้นทั้งสองเพลง เนื่องจากเป็นผู้ที่มีผิวพรรณ หน้าตางดงาม มีความเป็นกุลสตรีเพรียบพร้อมและเรียนเก่ง ทั้งยังเข้าร่วมกิจกรรมของคณะและมหาวิทยาลัยอย่างสม่ำเสมอ

เพลงดาวจุฬาฯ มีเนื้อร้อง ดังนี้

“ภายในจุฬาฯ เขตจามจุรีรั้วสีชมพู เห็นนางคนหนึ่งงามหรู สวยเป็นดาราที่รู้ทั่วไป แม่เป็นขวัญตาแก่ชาวจุฬาฯ สมค่าพึงใจ จะมองแห่งใด ถูกตาถูกใจ ไม่มีแห่งไหนลวงตา ชวนนิยม โฉมที่คนงามข่มคำกวี เฉิดฉวี รัชนี มิเทียมเทวี แม่เป็นศรีจุฬาฯ รูปสอางค์ รูปอย่างนางฟ้าสรรค์สร้างให้มา เกิดเป็นดาวจุฬาฯ เด่นดาราเหล่าจุฬาฯ ต่างก็พากล่าวว่านางสวยเฉิดฉันท์ ‘โสภาผ่องพรรณ’ แม่งามกว่าจันทร์ เหมือนขวัญจุฬาฯ สวยจนดาวอื่นอิจฉา เย้ยดวงดาราหมดฟ้ารวมกัน แม่งามละมุน เกิดมาคู่บุญเนื้ออุ่นลาวัลย์ เหล่าชายผูกพัน จุฬาฯ ใฝ่ฝันเพียงยิ้มเท่านั้นลานใจ ดาวสังคมนั้นยังงามไม่ข่มดาวจุฬาฯ งามหนักหนา แม้นใครมาเห็นดาวจุฬาฯ ตื่นผวาอาลัย กล่าวให้ซึ้ง พร่ำรำพึงมิได้ครึ่งทรามวัย ดาวจุฬาฯ คือใครอยู่ที่ใดเลิศวิไล เด่นปานใด เหล่าจุฬาฯ รู้ข่าวนั้น”

เพลงขวัญใจจุฬาฯ มีเนื้อร้อง ดังนี้

“(สร้อย) ขวัญเอยขวัญใจจุฬาฯ โฉมเจ้า ‘โสภาผ่องพรรณ’ สวยเอยสมเป็นมิ่งขวัญ ล้ำลาวัณย์ขวัญจุฬาฯ น่ารักเอย จอมใจจุฬาฯ เป็นยอดยุพากว่าใคร ขอเพียงฝากใจน้อมให้สุดา จอมเอยจอมใจพิลาศพิไลหนักหนา ขวัญเอยแม่ขวัญตา งามคู่จุฬาฯ เสมอเอย(สร้อย) บุญเอยบุญใด ถึงได้ขวัญใจอย่างนี้ โสภาผ่องศรีฤดีติดตา เธอเป็นจอมใจเป็นมิ่งฤทัยจุฬาฯ ขอเพียงแต่แม่ยุพาเป็นคู่จุฬาฯ เสมอเอย(สร้อย) ความดีความงามจงอย่ารู้ทรามเสื่อมไป ขอจงสดใสมิได้คลาดคลา อาภรณ์อันใดประดับไว้ในจุฬาฯ มิเทียบเท่าเยาวภา เป็นมิ่งจุฬาฯ เสมอเอย (สร้อย)”

หลังจากการสำเร็จการศึกษาได้เข้า Bank of America ต่อมาในปี พ.ศ. 2495 ได้สมรสกับพลโทณรงค์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรองเลขาธิการรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงเศรษฐการ และเจ้ากรมพลังงานทหาร มีบุตร-ธิดาด้วยกันรวม 5 คน

‘ศิลัมพา’ ซัด ‘พท.’ ชี้แจงนโยบายแจกเงินดิจิทัลไม่เคลียร์ ชี้!! ทำ ปชช.สับสน โว ‘คนละครึ่ง’ ของ ‘บิ๊กตู่’ ยังเข้าใจง่ายกว่า

(26 เม.ย. 66) น.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงนโยบายแจกเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย หลังจากการลงพื้นที่จนถึงขณะนี้ว่า ชาวบ้านยังคงสับสนกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย ว่าตกลงแล้วจะแจกเป็นรูปแบบใดกันแน่ เพราะการอธิบายของแกนนำพรรคเพื่อไทยแต่ละคน ก็พูดไม่เหมือนกัน และชาวบ้านบอกว่าเข้าใจยาก

รวมถึงกรณีล่าสุด ที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาอธิบาย เกี่ยวกับ การนำเงินดิจิทัล ไปเปลี่ยนเป็นเงินสดของร้านค้าต่าง ๆ โดยอธิบายว่า พรรคเพื่อไทย ตั้งเงื่อนไขเอาไว้ว่า คนที่จะขึ้นเงินได้จะต้องเป็นร้านค้าในระบบภาษีเท่านั้น ถ้าเป็นร้านค้าที่ไม่อยู่ในระบบภาษีก็ขึ้นเงินไม่ได้ ซึ่งเมื่อข่าวออกไปร้านค้ารายย่อยในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของชำ ร้านขายอาหารตามสั่ง ร้านข้าวแกงต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำไมเงื่อนไขยุ่งยาก และถ้าเป็นแบบนี้คงจะไม่เข้าร่วมโครงการแน่ ๆ และเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ยังเข้าใจง่ายกว่าและมีประโยชน์กว่าชัดเจน

ในขณะที่ชาวบ้านทั่วไป บอกว่า หากเปรียบเทียบการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย กับบัตรลุงตู่หรือบัตรสวัสดิการรัฐ ที่จะให้เงิน 1,000 บาทนั้น แม้ตัวเลขของพรรคเพื่อไทยจะดูเยอะกว่า แต่ก็ดูยุ่งยากซับซ้อนและไม่แน่ใจว่าจะทำได้จริงหรือไม่ ในขณะที่บัตรลุงตู่นั้น ชาวบ้านเห็นแล้วว่าใช้ได้ง่ายและได้จริง ยิ่งเพิ่มเงินเป็น 1,000 บาททุกเดือน ยิ่งดีกว่าเดิมและมั่นใจมากขึ้น

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ชาวบ้านวิจารณ์โครงการนี้ หลังจากที่ได้อ่านข่าวที่รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยออกมาอธิบายนั้น ชาวบ้านบอกว่า ถ้าร้านค้าย่อยที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีจะไม่สามารถขึ้นเงินได้ ก็เท่ากับว่าเงินทั้งหมดปลายทางจะไปอยู่ที่นายทุนใหญ่หรือเจ้าสัว อย่างที่พรรคเพื่อไทยชอบหยิบมาโจมตีโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์มาตลอดนั่นเอง

น.ส.ศิลัมพา ย้ำว่า นอกจากความสับสนที่ทำให้ชาวบ้านไม่เข้าใจ และร้านค้าทั่วไปที่เป็นร้านเล็ก ๆ ไม่ต้องการเข้าร่วมแล้ว ในส่วนของเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการนี้อีกกว่า 5.6 แสนล้านนั้น ทางแกนนำพรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนว่าจะหาเงินมาจากแหล่งใด เพียงแต่บอกลอย ๆ ว่า หาเงินได้แน่นอนเท่านั้น เช่นนี้แล้วจะให้เชื่อได้อย่างไรว่านโยบายที่พรรคเพื่อไทยนำมาหาเสียงนั้น จะสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่มองว่า เป็นนโยบายขายฝันที่นำมาใช้เพื่อหวังคะแนนเสียงให้ชนะการเลือกตั้งเท่านั้น

‘อดีตแกนนำ 3 นิ้ว’ ช่วยผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี รทสช. หาเสียง ลั่น!! ชอบผลงาน-ช่วยเหลือชาวบ้าน เป็นกระบอกเสียงแทน ปชช.

(27 เม.ย. 66) ดร.ปุ๊ก วิภาวัลย์ วรวรรณปรีชา ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ทีมงานช่วยหาเสียงของปุ๊ก มีทั้งฝ่ายอนุรักษ์นิยม คนเสื้อแดง และแกนนำม็อบ 3 นิ้ว โดยทุกคนเคารพในการตัดสินใจ และเดินหน้าตามแนวทางของปุ๊กและพรรค

พวกเราต้องการพัฒนาให้เมืองนนท์ของเราดีขึ้น ลดความขัดแย้ง ช่วยกันรวมไทยสร้างชาติอย่างแท้จริง

อบอุ่นทุกครั้งที่ลงพื้นที่ ยิ่งเจอพลังเงียบ ยิ่งมั่นใจ

บัตรสีม่วง กาเบอร์ 2 ให้ปุ๊ก วิภาวัลย์ เป็น ส.ส. เขต 1 นนทบุรี (อำเภอเมืองเฉพาะตำบลบางกระสอ ตำบลท่าทราย ตำบลบางเขน)

บัตรสีเขียว กาเบอร์ 22 พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ลุงตู่อยู่ต่อ 14 พ.ค.นี้ เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 2 ใบ

#ทุกสีเลือกได้
#สาวนนท์ทำได้จริง
#รวมไทยสร้างชาติ

‘หมอเปรม’ เผย ชาวบ้านเมิน ‘แจกเงินดิจิทัล’ เหตุซับซ้อน-ยุ่งยาก ลั่น!! พร้อมเทใจให้ ‘บัตรลุงตู่’ เพราะใช้ง่าย จับต้องได้จริง

(27 เม.ย.66) ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ผู้สมัคร ส.ส ขอนแก่นเขต 11 หมายเลข1 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้กล่าวถึงบรรยากาศในการลงพื้นที่หาเสียงของตนเอง ว่า ตอนนี้ชาวบ้านให้ความสนใจในนโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ และมีการนำมาเปรียบเทียบกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คู่เปรียบเทียบที่ชาวบ้านสนใจมากที่สุดคือ นโยบายบัตรสวัสดิการพลัส ของพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือ ‘บัตรลงตู่’ ที่จะเพิ่มเงินเป็น 1,000 บาททุกเดือน กับนโยบาย ‘แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท’ ของพรรคเพื่อไทย

โดยยอมรับว่า ในช่วงแรกที่ พรรคเพื่อไทย มีการเปิดตัว นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้กับคนอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก ด้วยตัวเลขที่สูงถึง 10,000 บาท ทำให้นโยบายดังกล่าว ได้รับการกล่าวขานอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข่าวการท้วงติงจากฝ่ายต่าง ๆ ถึงความเป็นไปได้ และผลกระทบของโครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็นจากนักวิชาการ หรือสื่อมวลชน แม้แต่อดีตผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ในประเด็นเรื่องที่มาของเงินงบประมาณที่จะใช้สูงถึง 560,000 ล้านบาท ว่าจะเอามาจากไหน และที่สำคัญ คือเรื่องของรูปแบบของเงินที่จะจ่ายให้กับประชาชน และวิธีการใช้ ที่มีความซับซ้อนยุ่งเหยิง และการอธิบาย ของแกนนำเพื่อไทยแต่ละครั้งที่ออกมาพูด ก็แตกต่างกันไปจนชาวบ้านรู้สึกสับสน

รวมถึง กรณีล่าสุดที่รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ออกมาบอกว่า ร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมโครงการ ถ้าหากขายของได้แล้วจะเอาเงินดิจิทัลไปขึ้นเงินหรือเปลี่ยนเป็นเงินสดนั้น จะต้องเข้าไปอยู่ในระบบภาษีด้วย ก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ด้านลบต่อโครงการนี้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ร้านค้ารายย่อยในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นร้านของชำ ร้านขายอาหารตามสั่งต่าง ๆ ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี เพราะเป็นเพียงร้านค้าที่มีทุนร้อนไม่มาก ค้าขายประทังชีวิตไปวัน ๆ นึง ซึ่งถ้าหากขายสินค้าให้กับผู้เข้าร่วมโครงการนี้แล้ว และเอาไปขึ้นเป็นเงินสดไม่ได้ จากการสอบถามเจ้าของร้านค้าส่วนใหญ่ก็บอกว่า จะไม่เข้าร่วมโครงการนี้แน่นอน เพราะเพราะยุ่งยากเกินไป

และอีกอย่างหนึ่ง ก็ไม่ได้มีทุนมากมาย ที่จะใช้หมุนเวียน เมื่อขายของได้ก็อยากจะเอารายได้มาใช้จ่าย ซึ่งถ้าฟังตามเงื่อนไขของโครงการที่การนำพรรคเพื่อไทยมาบอกว่า ขายของแล้วจะขึ้นเงินได้ต้องเป็นร้านที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้น แบบนี้มีปัญหาแน่นอน เพราะร้านค้าส่วนใหญ่ เป็นร้านของชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้มีระบบบัญชีอะไรที่เป็นเรื่องเป็นราว ขายอยู่ขายกินไปวัน ๆ และถ้าเงื่อนไขยุ่งยากแบบนี้คงไม่เอาด้วยแน่ ๆ

'จุติ' รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยอมรับ 'ผิดหวัง' หลังนักธุรกิจใช้เวทีนางงามเป็นเครื่องมือทางการเมือง

(30 เม.ย.66) จากกรณีเวทีประกวด ของ นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล เจ้าของเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2023 ที่มีการใช้คำถามเชิงการเมืองให้ผู้สมัครเข้าแสดงทรรศนะในคืนที่ผ่านมานั้น

ผู้สื่อข่าวสอบถามความคิดเห็นไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยนายจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรคได้แสดงความเห็นว่า "รู้สึกผิดหวังอย่างแรง" และประหลาดใจที่ไม่เคยเห็นการประกวดนางงามไหนๆ ที่จะแสดงตัวตนในการเลือกข้างทางการเมืองอย่างชัดเจนเช่นครั้งนี้

คำถามที่พุ่งตรงต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมมีคำตอบที่ผู้เข้าประกวดต้องการเอาใจผู้จัด จึงเป็นคำตอบด้านเดียว ขาดข้อมูลที่สำคัญอีกด้านอย่างชัดเจน 

เบอร์ 2 มาแล้ว!! รองโจ “พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์” ตัวเต็งเขต 4!! รวมไทยสร้างชาติ ลงพื้นที่หาเสียงโค้งสุดท้าย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2566 ผู้สมัคร สส.สมุทรปราการ เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยคณะลงพื้นที่หาเสียงภายในชุมชนบ้านเอื้ออาทร เทพารักษ์ 3 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นำโดย พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผู้สมัคร สส.สมุทรปราการ เบอร์ 2 เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ นำคณะลงพื้นที่อ้อนขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องภายในชุมชนบ้านเอื้ออาทร เทพารักษ์ 3 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

โดยมี ทางผู้นำชุมชน พี่น้องประชาชนผู้ใช้แรงงาน รวมถึงผู้ขับขี่วินมอเตอร์ไชค์รับจ้าง และพี่น้องประชาชนจำนวนมากร่วมรับฟังการอภิปรายหาเสียงจากทางผู้สมัคร สส.เขต 4 สมุทรปราการ พรรครวมไทยสร้างชาติ 

สำหรับชุมชนบ้านเอื้ออาทร แห่งนี้ เป็นชุมชนขนาดใหญ่มีประชาชนพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากถึง 10,000 คน และจากการลงพื้นที่หาเสียงในครั้งนี้ เห็นได้ว่ามีพี่น้องประชาชนในขุมชนจำนวนมากพร้อมที่จะให้การสนับสนุน พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผู้สมัคร สส.สมุทรปราการ เขต 4 เบอร์ 2 ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top