Friday, 17 May 2024
รวมไทยสร้างชาติ

'รมว.พลังงาน' ตั้งคณะทำงานตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมัน คาด 2-3 วัน ปริมาณการใช้น้ำมันจะเข้าสู่สภาวะปกติ

จากกรณีที่มีการเผยแพร่สถานีบริการน้ำมันหลายแห่งไม่มีน้ำมันให้บริการ โดยเฉพาะน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 รวมถึงน้ำมันประเภทอื่นที่ลดราคาตามมาตรการรัฐบาลและกระทรวงพลังงานที่ลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินเพื่อช่วยลดภาระประชาชนจากค่าใช้จ่ายด้านพลังงานนั้น

(8 พ.ย. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวว่าสถานีบริการน้ำมันบางแห่งมีน้ำมันไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า...

ปริมาณการใช้น้ำมันช่วงก่อนหน้าที่จะมีการลดราคาน้ำมัน โดยเฉพาะในช่วงระหว่างวันที่ 4 - 6 พฤศจิกายน 2566 ตัวเลขเบื้องต้น มีการใช้น้ำมันลดลงกว่า 60% ซึ่งปกติน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จะมีการใช้ประมาณวันละ 17 ล้านลิตร ก็เหลือเพียงประมาณวันละ 7 ล้านลิตร ส่วนน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลงจากวันละ 6 ล้านลิตร เหลือวันละประมาณ 2 ล้านลิตร รวมทั้ง E20 และ E85 ก็มีปริมาณลดลงเช่นกัน อาจจะเป็นเพราะประชาชนได้รับทราบข่าวสารล่วงหน้าในนโยบายการลดราคาน้ำมันเบนซินของกระทรวงพลังงาน จึงชะลอการใช้บริการ

นอกจากนั้น ก็มีการเปลี่ยนการเติมชนิดน้ำมันจากน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มาเป็น 91 ทำให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 มีไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ทางกรมธุรกิจพลังงาน ก็ได้มีการสั่งการให้ผู้ค้าน้ำมันให้เตรียมปริมาณน้ำมันสำรองในสถานีบริการให้เพียงพอ แต่เนื่องจากประชาชนได้ชะลอการเติมในช่วงก่อนที่จะมีการลดราคาน้ำมัน ทำให้วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการลดราคาน้ำมัน ทำให้ปริมาณการใช้เพิ่มสูงขึ้นมากจนหลายสถานีบริการมีปริมาณน้ำมันไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย 

อย่างไรก็ดี ทางกรมธุรกิจพลังงานได้สั่งการให้ผู้ค้าน้ำมันเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็วเพื่อลดผลกระทบกับประชาชน คาดว่าภายใน 2 - 3 วันนี้ การใช้บริการจะกลับสู่ภาวะปกติ

“หลังจากที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ผมได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงานเร่งประสานผู้ค้าน้ำมันทุกราย เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบการใช้น้ำมัน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบก็พบว่า ปริมาณการเติมน้ำมันในช่วงวันที่ 4 - 6 พฤศจิกายน ลดลงเป็นอย่างมาก คาดว่าน่าจะเกิดจากประชาชนได้ชะลอการเติมน้ำมันเพื่อที่จะมาเติมน้ำมันในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งจะเป็นการลดราคาน้ำมันเป็นวันแรก จึงคาดว่าภายใน 2 – 3 วันนี้ ปริมาณน้ำมันในสถานีบริการจะเข้าสู่ภาวะปกติ และขอย้ำว่าการปรับลดราคาครั้งนี้ เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน สถานีบริการไม่ได้รับการชดเชยจากภาครัฐ ดังนั้น สถานีบริการที่ซื้อน้ำมันในราคาสูงก่อนหน้าวันปรับลดราคาจะขาดทุนในสต๊อก จึงไม่มีแรงจูงใจที่จะกักตุนน้ำมัน แต่จากราคาที่ลดลงส่งผลให้ประชาชนชะลอการเติมน้ำมันก่อนหน้านี้เพื่อรอเติมน้ำมันราคาต่ำในวันที่เริ่มปรับลดราคาพร้อม ๆ กัน ทำให้สถานีบริการน้ำมันหมด ซึ่งจะเกิดในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ” นายพีระพันธ์ุ กล่าว

นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงได้ลงนามคำสั่งกระทรวงพลังงานที่ 47/2566 แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ติดตามและ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการไม่จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วประเทศขึ้นทันที

“เพื่อดูแลไม่ให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนและได้รับบริการจากสถานีน้ำมันตามปกติ ผมจะให้คณะทำงานชุดนี้รับเรื่องมาและตรวจสอบเพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน โดยประชุมกันแล้วในบ่ายวันนี้ เพื่อกำหนดแนวทางการตรวจสอบสถานีบริการทั่วประเทศ และจะจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรณีเป็นการเฉพาะที่กระทรวงพลังงาน โดยประชาชนสามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนได้ที่ โทร. 02 140 7000 และหากพบว่าสถานีบริการหรือผู้ประกอบการใดตั้งใจงดให้บริการประชาชนจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายทันที” นายพีระพันธุ์กล่าวทิ้งท้าย

‘ธนกร’ หนุนตั้ง ‘กาสิโนถูกกฎหมาย’ หวังแก้วิกฤติ ศก.ตกต่ำ เชื่อ!! ช่วยเพิ่มนทท.-สร้างงาน-สร้างรายได้ให้ประเทศเพิ่มขึ้น

(18 พ.ย.66) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า ตนสนับสนุนแนวคิดตั้งกาสิโนถูกกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำของประเทศ ที่ปัจจุบันมีความจำเป็นให้ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการหาแหล่งที่มาของรายได้เพิ่ม เพื่อนำมาพัฒนาประเทศเชิงรุกด้านธุรกิจเกี่ยวกับสถานบันเทิงในประเทศไทย และเป็นแหล่งที่มีรายได้สูง เนื่องจากประเทศเรามีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ แต่ในปัจจุบันพบว่ามีการลักลอบเปิดสถานบันเทิง บ่อนการพนันทำธุรกิจแบบผิดกฎหมาย ทำให้ประเทศขาดรายได้จำนวนมาก

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีการเสนอให้มีกาสิโนถูกกฎหมายแล้วหลายครั้งแต่ไม่ผ่านความเห็นชอบ นายธนกร กล่าวว่า ตนจึงสนับสนุนให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาศึกษาในการส่งเสริมธุรกิจบันเทิงครบวงจรเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ  ศึกษาผลดี และปิดช่องโหว่ผลเสียของกาสิโนถูกกฎหมาย เพราะหากมีการกำหนดหลักเกณฑ์จำกัดการออกใบอนุญาตอย่างเคร่งครัด,กำหนดหลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษี,การจัดระเบียบการเข้าใช้บริการของผู้เข้าใช้ ต้องเป็นต่างชาติ หากเป็นคนไทยก็ต้องแสดงรายได้ที่มีเพียงพอ ไม่มีหนี้สิน เมื่อภาครัฐมีความเข้มแข็งในการควบคุมในเรื่องเหล่านี้ภายหลังการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายแล้ว จะช่วยแก้ปัญหาการลักลอบเล่นการพนัน ปัญหาบ่อนเถื่อน ปัญหาเจ้าหน้าที่รับส่วยเงินใต้โต๊ะ รวมถึงปัญหาอาชญากรรมด้านสังคมและเศรษฐกิจได้ การเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้ภาครัฐสามารถเก็บภาษีได้จำนวนมาก

“ประเทศไทยมีการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สวยงามทุกจังหวัด ทุกภาคของไทย หากมีกาสิโนถูกกฎหมายเข้ามาเพิ่ม ก็เชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้และมีการจัดเก็บภาษีเข้ารัฐได้อีกจำนวนมาก” นายธนกร กล่าว

'ดร.ไตรรงค์' ชี้!! นักการเมืองไทยต้องเรียนรู้จาก 'ซุนวู' เมื่อมีอำนาจ คิดทำสิ่งใดต้องปรึกษาผู้รู้ ลด-เลี่ยงหายนะที่จะเกิดกับประเทศชาติ

(20 พ.ย. 66) นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง สิ่งที่นักการเมืองไทยต้องเรียนรู้จาก ‘ซุนวู’ ระบุว่า…

ซุนวู เป็นปราชญ์ที่เกิดในสมัยชุนชิวของจีน (ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่เล่าจื้อและขงจื้อจะถือกำเนิดขึ้นในโลกนี้) เขาเป็นนักการทหารที่เขียนตำราพิชัยสงครามที่ปัจจุบันได้รับการแปลเป็นหลายภาษา เช่น ไทย, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, เยอรมัน, และรัสเซีย ฯลฯ

ซุนวู (Sun Wu) เป็นเพื่อนรักของขุนพลหวู่จื่อซี (Wu-Zi-Xu) ซึ่งเป็นผู้ได้ชักชวนซุนวูให้เข้ารับราชการในแคว้นหวู๋ (Wu) จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายพลและเสนาธิการในกองทัพของกษัตริย์แคว้นหวู๋ ที่มี เหอ หลิวเป็นกษัตริย์ (King He Lu)

กษัตริย์ เหอ หลิว ได้ใช้ตำราพิชัยสงครามของซุนวู และรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทั้งสองนายพลโดยมีซุนวูเป็นเสนาธิการ จนสามารถตีแคว้นเย่ว์ (Yué) ได้ แต่แคว้นฉู่ (Chu) ยังยืนหยัดอยู่ได้แม้จะต้องเสียเมืองหลายเมืองให้กับแคว้นหวู๋ เหตุที่ไม่สามารถยึดแคว้นฉู่ (Chu) ได้ทั้งหมดก็เพราะ กษัตริย์ไม่เชื่อฟังคำแนะนำของทั้งสองนายพลที่ให้หยุดทำสงครามก่อนเพราะทหารตายไปมาก ที่เหลือก็หมดแรง 

แต่กษัตริย์กลับไปฟังคำแนะนำของขุนนางสอพลอที่ไม่เคยมีทฤษฎีและประสบการณ์ในการทำสงคราม แคว้นฉู่ได้รับความช่วยเหลือจากกองทหารที่ยังเหลือของแคว้นเย่ว์ จึงสามารถรบชนะกองทัพของแคว้นหวู๋ (Wu) กษัตริย์ต้องนำทัพพ่ายแพ้กลับแคว้นของตนอย่างน่าอับอาย

อยู่ต่อมาเมื่อกษัตริย์ของแคว้นเย่ว์เสียชีวิตลง โกวเจี้ยน (Gou Jian) บุตรชายขึ้นเป็นกษัตริย์ กษัตริย์เหอ หลิว ฉวยโอกาสยกทัพ 100,000 คน เพื่อไปตีแคว้นเย่ว์อีก โดยไม่ฟังคำคัดค้านของทั้งสองขุนพลที่เห็นว่าประเพณีจีนในสมัยนั้น แม้จะเป็นศัตรูกันแต่เขาจะไม่ยกทัพไปโจมตีแคว้นที่กษัตริย์เพิ่งเสียชีวิต เพราะเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่กำลังเศร้าโศกกับการจากไปของกษัตริย์อันเป็นที่รักของเขา และถ้าใครฝืนประเพณีนี้ แคว้นอื่น ๆ ก็จะประณามและจะยกทัพมาช่วยแคว้นเย่ว์ อีกทั้งทหารของตนก็ยังไม่หายเหนื่อย

ผลของการไม่ฟังคำแนะนำของผู้ชำนาญทั้งทฤษฎีและประสบการณ์ โดยอวดดีประกาศยกทัพไปเองไม่ต้องให้ขุนพลทั้งสองไปร่วมนำทัพอย่างที่เคยทำมา ผลปรากฏว่ากองทัพของแคว้นหวู๋ต้องพ่ายแพ้กลับมาอย่างยับเยิน ตัวกษัตริย์เหอ หลิวได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องยกทัพกลับมาตายที่แคว้นหวู๋ ก่อนหมดลมหายใจ ได้สั่งเสียบุตรชายคือ ฟูชา (Fu Cha) ที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์แทนว่า “จงอย่าลืมว่า กษัตริย์โกว เจี้ยน เป็นผู้ฆ่าบิดาของเจ้า (Don’t forget it’s Gou Jian who kill your father)” 

แต่เอาจริง ๆ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนที่ฆ่ากษัตริย์ เหอ หลิว นั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่ก็คือตัวของเขาเอง เพราะมีทิฐิมานะสูง ใช้อำนาจเป็นใหญ่กว่าเหตุผลที่ทั้งสองขุนพล คือ หวู่จื่อซี และ ซุนวู ได้ถวายคำแนะนำและห้ามปรามเอาไว้แล้วว่า องค์ประกอบทุกอย่างไม่เหมาะที่จะยกทัพไปตีแคว้นเย่ว์จึงถูกแคว้นต่าง ๆ รุมกันประชาทัณฑ์ยกทัพมาช่วยแคว้นเย่ว์ จนกษัตริย์ เหอ หลิว ต้องพ่ายแพ้และเสียชีวิตอย่างน่าอับอายในที่สุด

นักการเมือง เมื่อมีอำนาจก็เช่นเดียวกัน ในการขับเคลื่อนนโยบายใด ๆ จำเป็นต้องเปิดใจรับฟังทั้งจากผู้เชี่ยวชาญทางทฤษฎีและจากผู้มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมาก่อน แล้วเอามาชั่งน้ำหนักดูว่า ถ้าเราขืนดันทุรังด้วยทิฐิมานะ ทั้ง ๆ ที่แอบเฉลียวใจอยู่แล้วว่า อาจจะเกิดความเสียหายแก่ประเทศไม่ทางใดก็ทางหนึ่งก็ควรจะทำลายกิเลสและทิฐิมานะนั้นของตนเสียโดยการกระทำ ‘อตัมมยตา’ ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำ ไว้ (ท่านพุทธทาสภิกขุ แปลว่า ‘กูไม่เอาด้วยกับมึง’) เมื่อจิตอยู่ในสภาวะปกติแล้วก็ค่อยมาพิจารณาตัดสินใจนโยบายที่จะออกมาก็จะเข้ารูปเข้ารอยและมีเหตุผลมากยิ่งขึ้น

ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นก็สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ ไม่ต้องประสบกับความหายนะเหมือนอย่างกษัตริย์ เหอ หลิว แห่งแคว้นหวู๋ของประเทศจีนโบราณ ดั่งเล่าให้ฟังมาแล้วข้างต้น

#หมายเหตุ รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีนที่เล่ามา สามารถจะหาอ่านได้ในหนังสือชื่อ ‘The Unbroken Chain’ ร่วมกันเขียนโดย ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี และศาสตราจารย์วู (Trairong Suwankiri และ Professor Wu Ben Li. ค.ศ.2016 พิมพ์ที่ China International Culture Press Hongkong. หน้า 94-109

‘พีระพันธุ์’ สั่ง สส. เร่งลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วมฉับพลันภาคใต้ ฟาก ‘พิมพ์ภัทรา’ ส่งถุงยังชีพ ก.อุตฯ ช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว

(21 พ.ย. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ United Thai Nation Party’ โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในภาคใต้ ระบุว่า…

พรรครวมไทยสร้างชาติห่วงใยสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในภาคใต้ ‘พีระพันธุ์’ สั่ง สส. เร่งลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรมส่งถุงยังชีพบรรเทาทุกข์เบื้องต้น พร้อมขอให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นห่วงประชาชนในภาคใต้หลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมฉับพลัน อันเป็นผลมาจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่มาตั้งแต่วันที่ 16-21 พ.ย. 

ล่าสุดเกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี พัทลุง ระนอง สงขลา ชุมพร และนครศรีธรรมราช รวม 34 อำเภอ 165 ตำบล 836 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 34,228 ครัวเรือน ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดในวันนี้ (21 พ.ย.) น้ำยังท่วมในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง และนครราชสีมา รวม 6 อำเภอ 48 ตำบล 274 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,857 ครัวเรือน

นายอัครเดช กล่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ขอให้ สส. ของพรรคในภาคใต้ลงไปช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งประสานหน่วยงานต่าง ๆ เข้าให้การช่วยเหลือ 

ขณะนี้ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ได้ส่งถุงยังชีพของกระทรวงอุตสาหกรรมไปช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว ขณะเดียวกัน สส. ในพื้นที่ก็ได้เร่งลงพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด ถ้าพื้นที่ไหนมีปัญหาสามารถแจ้ง สส. พรรครวมไทยสร้างชาติในพื้นที่ให้เข้าการช่วยเหลือได้ อย่างไรก็ตามถือเป็นความห่วงใยจากพรรครวมไทยสร้างชาติขอแสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชน อีกทั้งจะได้เร่งรัดหน่วยงานต่าง ๆ ในกระทรวงที่พรรครับผิดชอบและ สส. ในพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าภาวะน้ำท่วมในภาคใต้จะเข้าสู่ภาวะปกติ

#พรรครวมไทยสร้างชาติ  
#สู้ให้ทุกปัญหาพึ่งพาได้ทุกเรื่อง

‘ลอรี่’ วอน!! ฝ่ายค้านมองก.พลังงานแก้ ‘ค่าไฟแพง’ แบบใจเป็นธรรม แนะ!! หยุดเอาแต่ค้านเชิงทฤษฎีกลวงๆ ช่วยเห็นทุกข์ร้อนของปชช.บ้าง

(2 ธ.ค.66) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับนโยบายการปรับลดค่าไฟ โดยมีเนื้อหาว่า

[ลดค่าไฟระยะสั้น เห็นโจมตีจัง...]

ถามก้าวไกล ค่าไฟ 4.68 .- พอใจให้ปชช.ใช้ราคานี้อีกหลายปี เพื่อรอแก้ระยะยาวอย่างเดียว...จะเอางั้นเหรอ?

ตามที่มีตัวแทนฝ่ายค้าน ออกมาค้านรายวัน เรื่องการปรับลดค่าไฟให้พี่น้องปชช. จาก 4.68  บาท/หน่วย ที่กระทรวงพลังงานพยายามปรับลดลงให้เหลือ 4.20บาท/หน่วยนั้น ทั้งที่เป็นเรื่องดีที่ช่วยลดภาระปชช. สมควรจัดการก่อน

"คนลำบากเพราะ 'ค่าไฟแพง' เทียบเหมือน เห็น 'คนกำลังจมน้ำ' ตรงหน้า ยังไงก็ต้องช่วยจะไปอ้างต้องแก้ที่ต้นเหตุ 'สอนให้เค้ารู้จักว่ายน้ำ' ก่อน.. คงไม่มีใครรอดหรอกนะครับ"

ในฐานะกระทรวงที่เป็นฝ่ายบริหาร การแก้ค่าไฟแพง ต้องทำทั้ง ‘ลดระยะสั้น’ และ ‘หั่นโครงสร้างระยะยาว’ ซึ่งกระทรวงพลังงาน ภายใต้ รมว.พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เราทำอยู่ทั้งคู่ ..หยุดเอาแต่ค้านเชิงทฤษฎีกลวงๆ แต่ขาดความเข้าใจในการทำงานจริงได้แล้ว

ทางที่ดีต้องทำคู่ขนาน เฉพาะหน้าต้องเยียวยาปชช.ต่อลมหายใจไม่ให้รับภาระเกินไป ภายใต้โครงสร้างเดิมที่มี และขณะเดียวกัน 'รื้อ' ปรับโครงสร้างไฟฟ้า โดยเฉพาะแก้ไขรายละเอียดผลิตก๊าซธรรมชาติ - แก้กฎหมายควบคุมหลายฉบับ - รวมถึงเพิ่มพลังงานไฟฟ้าสะอาดในประเทศ ซึ่งใช้เวลาเป็นปี ซึ่งเราก็เน้นทั้งคู่ ให้ราคาไฟฟ้าต่อหน่วย ถูกลงในระยะยาว 3 บาทกว่า โดยรัฐไม่ต้องใส่เงินอุดหนุน

กระทรวงพลังงานเดินหน้าทำอยู่ ด้วยคณะกรรมการทรงคุณวุฒิเป็น 10 ชุด ขอให้ท่านเชื่อมือการบริหาร อย่าพาลใช้ข้อมูลชุดเก่าๆ ที่เราก็มี มาโจมตีรัฐบาลเลย

หวังว่าวันนึงท่านจะมองภาพให้กว้าง เปิดใจให้คนทำงานขึ้น มองเห็นทุกข์ร้อนประชาชนผู้ใช้ไฟระยะสั้นบ้าง และวันนั้นท่านจะไม่ออกมาพูด เอาดีเข้าตัวแบบนี้ครับ

‘ธนกร’ ยัน!! รทสช.พร้อมลุยงานสภาเต็มที่ เหตุมีกฎหมายสำคัญรอพิจารณาอยู่เพียบ

(9 ธ.ค.66) นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า สส.ของพรรคพร้อมทำงานเป็นตัวแทนประชาชนในสภาทันทีที่เปิดสมัยประชุม เนื่องจากมีกฎหมายสำคัญรอเข้าพิจารณาเป็นจำนวนมาก อาทิ ร่างพ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคง, ร่างพ.ร.บ.ประมง, ร่างพ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด, ร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … ที่ว่าด้วยสิทธิสมรสเท่าเทียม ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวข้องโดยตรงกับพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ในช่วงปิดสมัยประชุม คณะกรรมาธิการก็ได้เร่งประชุมขับเคลื่อนงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถบรรจุร่างกฎหมายต่างๆ เข้าพิจารณาได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดการบังคับใช้มีผลต่อประชาชนทุกกลุ่มทันที 

เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ที่ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ส่งเข้าพิจารณาในสภาล่าช้า นายธนกร กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.งบฯ ปี 67 เป็นกฎหมายที่สำคัญมาก มีผลโดยตรงต่อการบริหารราชการแผ่นดิน หากเกิดความล่าช้าอาจส่งผลกระทบต่อโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการลงทุนได้ จึงขอฝากไปยังรัฐบาล ให้เร่งมือส่งร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าว เข้าพิจารณาตามขั้นตอนของสภาโดยเร็ว 

”ทราบว่าขณะนี้ทางกระทรวงการคลังได้ส่งร่างดังกล่าวให้ทางสำนักงบประมาณแล้ว คาดว่าจะสามารถส่งเข้าสภาได้ต้นเดือนมกราคมปีหน้าได้ หากพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 ได้รวดเร็วก็จะส่งผลดีต่อการบริหารทุกกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ที่จะขับเคลื่อนงานพัฒนาประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้ทันที” นายธนกร กล่าว

'พีระพันธุ์' เผย!! ไม่มีอดีตคน ปชป.ย้ายซบ รทสช.  บอก!! ไม่ได้ยุ่งเกี่ยว แง้ม!! ยังไม่มีแพลนเปิดรับ

(12 ธ.ค. 66) ที่ทําเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักการเมืองหลายคนลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีใครจะย้ายมาร่วมกับพรรค รทสช. บ้างหรือไม่ ว่า “ไม่รู้ ไม่มี ไม่เห็นมีใครติดต่อมา เขาคงอยู่พรรคมั้ง ผมไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยว มันคนละพรรคแล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามยํ้าว่า ถ้ามีจะเปิดรับหรือไม่ นายพีระพันธุ์ ยิ้มและกล่าวว่า “ยังไม่มี”

‘รทสช.’ ย้ำ!! ไม่สนับสนุนนิรโทษกรรม ‘ม.112-ทุจริต-กระทำต่อชีวิต’ เตรียมชงร่าง 'พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข' ประกบ ตามจุดยืนพรรค

(13 ธ.ค.66) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ หรือ ‘ลอรี่’ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมตามวาระการประชุมสภาฯ โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ขอให้ สส. และสมาชิก เตรียมทำงานให้เข้มข้นกว่าเดิม  

นายพงศ์พล กล่าวว่า ประเด็นที่สังคมให้ความสนใจเกี่ยวกับจุดยืนเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ มีจุดยืนชัดเจนอยู่แล้วว่า ไม่สนับสนุนการนิรโทษกรรม แต่พรรคเห็นด้วยหากจะให้ประชาชนที่มีเจตนาบริสุทธิ์ในการใช้สิทธิเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548 -2565 ไม่ต้องรับผิด โดยยกเว้น 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ ผู้ที่มีความผิดในมาตรา 112, ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ และกลุ่มที่กระทำผิดต่อชีวิตผู้อื่นจนทำให้ถึงแก่ความตาย ซึ่งขณะนี้ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ได้เป็นผู้ร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งใช้ชื่อว่าพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข เพื่อนำเสนอประกบไปด้วย โดยเนื้อหารายละเอียดทั้งหมดได้ดำเนินการภายใต้จุดยืนหลักของพรรค คือการสร้างความสามัคคีปรองดอง 

“ท่าทีของพรรครวมไทยสร้างชาติต่อประเด็นนิรโทษกรรม เรายืนยันว่าจะต้องไม่มีการนิรโทษกรรมความผิดกับผู้ที่กระทำผิดในมาตรา 112 ซึ่งเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน, ผู้กระทำผิดในข้อหาทุจริตและประพฤติมิชอบ  และผู้ที่กระทำผิดที่ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่เราต้องการให้ยกเว้นโทษกับประชาชนที่เคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยเจตนาบริสุทธิ์ เพื่อสร้างเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและสร้างสังคมที่สันติสุข” นายพงศ์พล กล่าว 

'เก็ต ชินภัสร์' ลาออกสมาชิกพรรค 'รทสช.' ชี้ทำงานแบบนี้เปลี่ยนประเทศไม่ได้ เตือน!! ฝ่ายอนุรักษ์ หากไม่ปฏิรูปตัวเอง จะไม่มีพื้นที่เหลือในอนาคต

(14 ธ.ค. 66) เก็ต ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา อดีตรองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความลาออกจาก รทสช. ระบุว่า...

— จดหมายลาออกสมาชิกพรรค 

10 ปีที่ผ่านมาโลกเปลี่ยนแปลงไปในทุกมิติ 

ผมสัมผัสได้ว่าคนไทยต้องการความเปลี่ยนแปลง ประชาชนไม่ต้องการการเมืองเดิม ๆ นักการเมืองรุ่นเก่าเดิม ๆ ชุดความคิดเดิม  =ๆ อีกต่อไป 

ผมอยู่สังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติมา 10 เดือน บินไปเข้าประชุมพรรคจากเชียงใหม่ทุกสัปดาห์ ทุ่มเทพลังกายและพลังใจทํางานกับพรรคมาตลอด ผมจึงกล้าพูดได้ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศได้ ตราบใดที่ยังไม่เปลี่ยนระบบภายใน และยังทํางานแบบเดิม 

ผู้บริหารพรรคในอุดมคติของผมต้องกล้าชน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เข้าถึงง่าย ฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรค ใจถึง ทํางานเชิงรุก ทำงานมีระบบ และกล้าเปลี่ยนแปลง

หากฝ่ายอนุรักษ์ไม่ปฏิรูปตัวเอง ฝ่ายอนุรักษ์จะไม่มีพื้นที่เหลือในอนาคต

ส่วนสถาบันกษัตริย์ยังคงต้องมีอยู่ จุดยืนข้อนี้ของผมชัดเจน แต่ฝ่ายอนุรักษ์ต้องมีมากกว่า ‘ปกป้องสถาบัน’ และ ‘ห้ามเเตะ 112’ ไปวัน ๆ 

ผมจึงตัดสินใจลาออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ และขอยุติบทบาทรองโฆษกพรรค ณ บัดนี้

ด้วยความเคารพ

เก็ต ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา
14 ธันวาคม 2566

‘ป้าอยุธยา’ ฝากถึง ‘เก็ต’ หลัง ‘ลาออก-ทิ้งระเบิด’ รทสช. ต่างอะไรกับก้าวไกล ที่ความคิดตนถูกปัดตก ก็ไม่ถูกใจ

(14 ธ.ค.66) นางกัลยานี จูปรางค์ หรือ ป้าอยุธยา ประธานกลุ่มปกป้องสถาบันอยุธยา ได้ออกมาอัดคลิปพูดถึงกรณีที่ ‘เก็ต ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา’ อดีตรองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความลาออกจาก รทสช. โดยมองว่าการทำงานของพรรคฯ ในลักษณะนี้ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ และหากฝ่ายอนุรักษ์ยังมีอะไรที่ไม่มากกว่าการ ‘ปกป้องสถาบัน’ และ ‘ห้ามเเตะ 112’ ไปวันๆ ก็จะไม่มีพื้นที่เหลือในอนาคตอีกต่อไป โดย ‘ป้าอยุธยา’ กล่าวว่า...

นี่หรือความคิดของเด็กรุ่นใหม่ ป้ามองเก็ตมาตลอด มองเห็นเด็กคนหนึ่งที่ได้รับการศึกษามาจากเมืองนอก และพยายามบอกว่าตนเป็นคนรุ่นใหม่ 

แน่นอนว่า เก็ต จะลาออกจากพรรค หรือไม่ชอบใจพรรค บอกว่าการบริหารงานของพรรคไม่ถูกใจบ้าง มองว่าเป็นอนุรักษ์นิยมแบบนี้ ไปได้ไม่ถึงไหนบ้าง ป้าอยากบอกว่า จุดยืนของพรรค รทสช. เขาก็บอกมานานแล้ว ว่า จะยึดมั่นภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่แตะต้องเรื่องที่จะทำให้สะเทือนสถาบันฯ นี่คือหลักการของพรรค

ต้องถาม เก็ต ก่อนว่าเข้าใจบทบาทพรรคตรงนี้หรือไม่ ตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคแห่งนี้

ขณะเดียวกัน ในแง่หลักการทำงานของพรรคนี้ ก็อยู่ในหลักเกณฑ์ และจุดยืนที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อปากท้องประชาชนตามผลงานที่ประจักษ์อยู่ในปัจจุบัน และตัวพรรค รทสช. เอง ก็มีอุดมการณ์อย่างชัดเจน ภายใต้ตัดสินใจและกระทำการใดๆ บนกลไกของรัฐธรรมนูญ

ฉะนั้นคำว่า ‘เด็กรุ่นใหม่’ ของ ‘เก็ต’ คืออะไร? การเมืองสมัยใหม่ของเก็ตคืออะไร? ต้องเป็นเด็กรุ่นใหม่แบบก้าวไกล หรือ เก็ต เป็นคนแบบพรรคก้าวไกล? เห็นทราบมาว่าน้องชายอยู่พรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ

อย่างไรก็ตาม จากนี้ เก็ต จะไปอยู่พรรคใดก็ตามสะดวก แต่ก็ไม่น่าจะโจมตีพรรคที่ตนเองเคยอยู่มา ด้วยความรู้สึกส่วนตัวที่ว่า ไม่ถูกใจ และอย่างน้อยก็อยากให้ตระหนักว่า พรรค รทสช. ก็เป็นพรรคที่ทำให้เก็ตมีคนรู้จัก ได้คะแนนจากการเลือกตั้งเกือบหมื่นคะแนน จากแต่ก่อนที่มีคะแนนหลักร้อย 

ในฐานะที่ป้าเป็นผู้บุกเบิกและหาเสียงให้พรรค รทสช. เก็ต จะไปสู่พรรคที่ทันสมัยนิยมกว่า ก็เป็นสิทธิ แต่การโจมตีพรรคที่เคยสังกัด เพียงเพราะแค่คิดว่าตัวเองทำถูก พอผู้ใหญ่สั่งสอนก็ขัดใจ จนนำมาสู่การตัดสินใจและกล่าวโทษเช่นนี้…

สรุปว่า ‘คนรุ่นใหม่’ เขาชอบทำกันแบบนี้งั้นหรือ?


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top