Friday, 10 May 2024
ม112

‘ช่อ’ นำทีม ‘ผู้สมัครก้าวไกล’ บุกหาเสียงโคราช แจง!! แก้ 112 เพื่อไม่ให้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

เมื่อวันที่ 24 เม.ย.66 น.ส.พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่หาเสียงกับผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา 4 เขต เริ่มจากตลาดเช้าปักธงชัย กับนายชรินทร์ ทำดี ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 12 (เบอร์ 7) ต่อด้วยการเดินหาเสียงกับข้าราชการท้องถิ่นสำนักงานเทศบาลนครนครราชสีมา กับนายฉัตร สุภัทรวณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 (เบอร์ 3) ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างดี มีข้าราชการมาขอถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก โดย น.ส.พรรณิการ์ ระบุว่า นโยบายของพรรคก้าวไกล คือการเพิ่มงบประมาณ และอำนาจให้กับท้องถิ่น เพื่อให้แต่ละพื้นที่ดูแลบำบัดแก้ไขปัญหาของประชาชนได้รวดเร็ว ไม่ต้องรอราชการส่วนกลาง เทศบาลก็จะสามารถทำงานได้คล่องตัวขึ้น

หลังจากนั้น น.ส.พรรณิการ์ ได้เดินตลาดสระครก ตลาดไนท์บ้านเกาะ ตลาด RN yard ต่อด้วยตลาดเซฟวัน กับนายศุภชาติ รุจิพรวศิน ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 2 (เบอร์ 1) และนายศุทธสิทธิ์ พจน์ฐศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 3 (เบอร์ 11) ซึ่งตลาดเซฟวันเป็นตลาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองโคราช ตลอดการเดินมีประชาชนเข้ามาขอถ่ายรูปทักทายอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่ระบุว่า พร้อมกาให้ก้าวไกลทั้งบ้าน

'ชาย' สวน 'ช่อ' มีสามนิ้วเผาพระบรมฉายาลักษณ์ผิด 112 'ช่อ' บอก "ไม่มี" แถมโห่ใส่เมื่อบอกว่ารู้ข่าวจาก TOP NEWS

(25 เม.ย.66) นายสันติสุข มะโรงศรี ผู้ดำเนินรายการช่อง TOP NEWS ได้โพสต์ข้อความหลัง ช่อ พรรณิการ์ วานิช โต้เถียงกับชายผู้หนึ่งเกี่ยวกับความผิด ม.112 ระบุว่า...

“ไปดูข่าวท็อปนิวส์”

พี่ ผช. คนหนึ่ง เถียงกับ 'ช่อ' ว่ามีสามนิ้วไปเผาพระบรมฉายาลักษณ์ จึงโดน 112 มีความผิด ถูกดำเนินคดี ถ้าแค่วิจารณ์รัฐบาลทำได้เลย ไม่มีใครว่า

'ช่อ' เสียงดัง และมีพวกมากกว่า พูดข่มว่า "ไม่มี" เผาพระบรมฉายาลักษณ์ ก็โดนเผาทรัพย์ ไม่ใช่ 112

พี่ ผช. บอก “ไปดูข่าวท็อปนิวส์”

แล้วช่อและสาวก ก็บูลลี่ ด้วยการโห่ฮาป่า

จับผิด ‘ช่อ พรรณิการ์’ โต้ปมไหน… ‘ก้าวไกล’ กุมขมับ (เสมอต้นเสมอปลาย)

>> ประเด็นแรก ช่อบอกว่าเด็กไปทำโพลเรื่องงบประมาณสถาบันฯ เป็นเรื่อง รบ. ไม่ใช่เรื่องสถาบันฯ

-ข้อเท็จจริง การทำโพลของม็อบ 3 นิ้วในหลายประเด็น ทั้งเรื่องขบวนเสด็จฯ เรื่องบประมาณ ล้วนใช้คำจาบจ้วงสถาบันฯ ไม่ได้ตั้งคำถามถึง รบ.แต่อย่างใด

-ตัวอย่าง กรณีของ ‘ตะวัน’ ทานตะวัน ถูกดำเนินคดี 112 เตรียมป่วนขบวนเสด็จฯ และไลฟ์ใช้คำพูดจาบจ้วงสถาบันฯ

>>ประเด็นที่ 2 ช่อบอกว่าประเทศไทย อยู่มาจนถึงวันนี้ เพราะทหารล้มตาย ไม่ใช่เจ้า

-ข้อเท็จจริง ประวัติศาสตร์ของไทย ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา การทำศึกสงคราม พระมหากษัตริย์ ก็เป็นผู้นำทัพรบกับข้าศึก ไม่ได้เพียงแค่ชี้นิ้วสั่งการ

-ตัวอย่าง สมเด็จพระนเรศวรฯ ผู้ทรงกอบกู้อิสรภาพจากพม่า หลังเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 1

‘ดร.อานนท์’ เผย!! เคยถูกทูตยุโรปเรียกพบ ให้ช่วยสะกดคนไทยยกเลิก 112 กระจ่าง!! 'พรรค-กลุ่มล้มเจ้า' ทำงานเพราะมีใบสั่งอริราชศัตรูนอกประเทศ

ไม่นานมานี้ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ คณาจารย์สถาบันทิศทางไทย ไขความกระจ่างถึงประเด็น ม.112 ที่ทำไมถึงมีกลุ่มคนและพรรคการเมืองอยากให้ยกเลิก หรือแม้แต่แก้ไข ซึ่งเป็นการดึงฟ้าต่ำ ทำหินแตก แยกแผ่นดิน ไว้ว่า…

“มีความพยายามของต่างชาติในการที่จะยกเลิก ม.112 ผมย้ำนะครับ ความพยายามของต่างชาติ เพราะมีวันหนึ่งผมถูกรับเชิญจากเอกอัครราชทูตของประเทศยุโรปประเทศหนึ่ง (ขอไม่เอ่ยนาม) ไปพูดคุย พอไปถึงเขาก็บอกว่า...เขาต้องการให้ประเทศไทยยกเลิก ม.112 ผมก็ตกใจ ย้อนกลับถามทันทีว่า นี่มันเป็นกิจการภายในประเทศไทยนะ คุณกำลังทำผิดมารยาททางการทูต เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศเรา ซึ่งไม่สมควร 

"จากนั้นผมก็ถามว่า แล้วสิ่งที่ต้องการให้ผมคือทำอะไร เขาบอกว่า เขาต้องการให้ผมไปพูดโน้มน้าวคนในสังคมไทยให้ยกเลิก ม.112...นี่คือเอกอัครราชทูตประเทศหนึ่ง ขอไม่เอ่ยชื่อว่าประเทศไหน ผมก็บอกว่าโอเคงั้นผมจะไปออกข่าวในหนังสือพิมพ์แล้วบอกว่าวันนี้มาพบเอกอัครราชทูตประเทศนั้นประเทศนี้ ที่บอกว่าต้องการให้ไทยยกเลิก ม.112 และให้ผมพูดโน้มน้าวให้คนไทยเห็นด้วย...เขาบอกว่า ไม่ได้อย่าไปพูด เป็นความลับที่คุยกันอยู่ระหว่างเรา 2 คน 

"นี่คือจุดเริ่มต้น ที่ทำผมเลยทราบว่า ที่พรรคการเมืองบางพรรคต้องการดึงฟ้าต่ำ ทำหินแตก แยกแผ่นดิน มันไม่ใช่แค่เพียงเขาอยากทำ แต่เขารับงานจากอริราชศัตรูนอกประเทศต่างประเทศมา มันคือ ‘คนขายชาติ’ 

"และนี่คือ คนต่างชาติที่เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศเราอย่างชัดเจน สังเกตไหมว่า พอตั้งธงบอกว่า 'ยกเลิก' แต่ไม่ประสบความสำเร็จก็เปลี่ยนมา 'แก้ไข' ไอ้แก้ไขก็จะแก้แบบบ้าๆ บอๆ บอกให้ไม่เป็นกฎหมายอาญา แต่ให้เป็นแพ่ง และให้เสียค่าปรับเอา...แบบนี้คนมีเงิน ก็คิดจะด่าใครก็ได้ตามใจ มันไม่ถูก...จะฟ้องผมกับคุณหมอวรงค์ 24,062,475 ล้าน ฐานหมิ่นประมาท แต่พอดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์เสียค่าปรับแค่ 3 แสน อ้าว!! แล้วคุณเรียกเรามา 24 ล้าน ตกลงเขาคิดว่าตัวเขาสำคัญกว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ แสดงว่าพรรคการเมืองพวกนี้เลวสุดๆ"

‘ดร.มัลลิกา’ สอนมวย ‘เจี๊ยบก้าวไกล’ ปมแก้ ม.112 ปัญหาเกิดที่คนบังคับใช้ แล้วไปยุ่งอะไรกับสถาบันฯ

เมื่อไม่นานมานี้ ในรายการ THE STANDARD NOW MINI DEBATE จัดวงดีเบต 4 นักการเมืองหญิง จากทั้ง 4 พรรคการเมือง ผ่าน ‘นโยบายสะท้อนจุดยืนพรรค’ ผู้สมัครร่วมดีเบต ได้แก่ ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย, นางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล, ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. (เขตบางพลัด-บางกอกน้อย) พรรคพลังประชารัฐ

โดยหนึ่งในประเด็นดีเบตที่ดุเดือดอยู่ที่มาตรา 112 ซึ่งได้สอบถามต่อ นางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ต่อจุดยืนในการแก้ไขมาตรา 112 ว่ายังแก้แน่นอนใช่หรือไม่?

นางอมรรัตน์ กล่าวว่า “แก้ไขแน่นอน เพราะมาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ปิดปาก ต้องแก้ไข เพื่อทำให้ทุกคนสามารถพูดคุยในประเด็นนี้ได้อย่างเสมอภาค”

ภายหลังนางอมรรัตน์ ตอบคำถามเสร็จ ด้าน ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ก็ได้โต้กลับว่า...

“มาตรา 112 เป็นกฎหมายทางด้านความมั่นคง และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ถ้าเราไม่แตะต้อง ไม่ไปยุ่งเกี่ยว ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเรื่องของการทำผิดกฎหมาย เมื่อสักครู่ คุณอมรรัตน์ บอกว่า เราทุกคนควรพูดเรื่องนี้ได้อย่างเสมอภาค หมายความว่า คุณจะพูดเสมอเจ้าเลยหรือ?

ขณะนี้เราทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ นั่งพูดกันได้อย่างเสมอภาค แต่พวกเราทุกคนก็มีกฎหมายหมิ่นประมาทส่วนบุคคลคุ้มครองอยู่ หากดิฉันด่าคุณอมรรัตน์ แล้วผิดกฎหมายหมิ่นประมาท คุณก็สามารถไปแจ้งความดิฉันได้ นี่คือ กฎหมายหมิ่นประมาทที่ดูแล คุ้มครองบุคคลเดินดินทั่วๆ ไป อย่างที่ดิฉันเคยไปหมิ่นประมาทคุณยิ่งลักษณ์ เขาก็ฟ้องดิฉัน 5 ปี และดิฉันก็ชนะคดี แต่ดิฉันต้องเสียเวลาไปตั้ง 5 ปี นี่คือกฎหมายหมิ่นประมาทบุคคลทั่วไป 

ดิฉันเป็นแค่คนธรรมดา ดิฉันยังมีกฎหมายนี้ดูแลเลย แล้วเหตุใดสถาบันสำคัญของชาติ จะไม่มีกฎหมายคุ้มครองดูแล มันชัดเจนอยู่แล้วว่า ประเทศไทยเราเป็นสังคมที่มีอารยธรรม มีวิถี และวัฒนธรรม

อย่างที่ประเทศฝรั่งเศส เขาก็มีกฎหมายที่จำเป็นต่อผู้นำของประเทศเขา อเมริกาก็มีกฎหมายคุ้มครองผู้นำเช่นกัน เคยมีคนไปหมิ่นประมาทภรรยาของบารัค โอบามา เขาก็โดนฟ้องเหมือนกัน

‘สื่ออาวุโส’ เตือน ‘ธนาธร’ นับจากนี้ก่อนการเลือกตั้ง อย่าเลือกขึ้นเวทีดีเบตที่มี ‘คุณอภิสิทธิ์’ อยู่ด้วยอีก

เมื่อวันที่ 2 พ.ค.66 นายเถกิง สมทรัพย์ สื่อมวลชนอาวุโส อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า...
.
ในประเด็นเรื่อง มาตรา 112 นั้น จะหาคนมาดีเบตกับชาวคณะก้าวไกลยากมาก…นอกจากอาจมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ไม่แน่นเพียงพอแล้ว
.
คนส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากเผชิญหน้าถกเถียงกับชาวคณะก้าวไกล เพราะมันอ่อนไหว..
.
แต่คุณธนาธร กลับเลือกที่จะมาดีเบตเรื่องนี้กับคุณอภิสิทธิ์…และพลาดท่ากลางอากาศให้คุณอภิสิทธิ์ ‘จับไต๋’ ได้ว่า คุณธนาธรพยายามซ่อนเร้นประเด็นการ ยกเลิกมาตรา 112 ต่อหน้าสื่อมวลชน

คุณธนาธร โกยคะแนนจากการออกสื่อมาโดยตลอด แต่ทำไมคราวนี้พลาดท่า…

ผมลองหาเหตุผลได้ 7 ข้อ…

1.) คุณอภิสิทธิ์ ไม่ได้แม่นเพียงข้อมูลเรื่องมาตรา 112 เท่านั้น แต่ผ่านการทำงานเรื่องแก้ปัญหามาตรา 112 มานาน จึงมีความเข้าใจแทบทุกมิติของปัญหา

2.) คุณธนาธร ไม่แม่นข้อมูลเรื่องกระบวนการเคลื่อนไหวมาตรา 112 ของคนในพรรคก้าวไกล จึงพูดสับสนระหว่าง “แก้ไขมาตรา 112” กับ “ยกเลิกมาตรา 112” ว่า ก้าวไกลจะแก้ไขหรือยกเลิก เพราะ พิธาไปพูดว่ายกเลิก (ช่อ ก็พูดชวนคนมากองเพื่อยกเลิก) แต่คุณธนาธรพยายามจะเน้นแค่ว่า “แก้ไข”

3.) แต่คุณอภิสิทธิ์… ทั้ง ๆ ที่อยู่นอกพรรคก้าวไกล… กลับจดจำข้อมูล ขั้นตอน คำพูด ของคนในพรรคก้าวไกล (รวมไปถึงสมัยเป็นอนาคตใหม่) ได้ละเอียดว่า ใครพูดอะไรเอาไว้อย่างไรในเรื่อง มาตรา 112 จึงสามารถหยิบข้อเท็จจริงต่างๆที่สำคัญ ๆ มายันใส่คุณธนาธรทุกดอก

4.) คุณธนาธรมีความไม่มั่นใจในการนำเสนอเรื่องมาตรา 112 จึงแสดงความสับสนออกมาและออกอาการ ‘แถ’ ว่า เรื่องการยกเลิกมาตรา112 เป็นความเห็นส่วนตัวของคุณพิธาในฐานะหัวหน้าพรรค และคุณธนาธรไปเสียบคุณอภิสิทธิ์นอกเรื่องว่า เลือกตั้งคราวก่อนคุณอภิสิทธิ์พูดอะไรไว้ คุณอภิสิทธิ์ก็เสียบคืนทันทีว่า “ก็ลาออกแล้ว..คุณพิธาจะลาออกไหมถ้าไม่ยกเลิก”…คุณธนาธรก็ออกอาการสะดุด

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ โต้ก้าวไกล ปม ม.112 หลังยกกรณีเหยียบย่ำหัวใจคนไทย

ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.พรรคพลังประชารัฐ เขต 22 หมายเลข 1 บริเวณตลาดบุญเรือง เขตสวนหลวง ประเวศ (เฉพาะแขวงหนองบอน) ได้ตอบโต้ เพชร-กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล หลังยกกรณีเหยียบย่ำหัวใจคนไทย ด้วยการหยิบข้อเปรียบเทียบหากตนเห็นปฏิทินที่บ้านอยู่ในถัง แล้วจุดไฟเผาเหมือนกงเต๊ก หรือถ้าทำแบงก์ที่มีรูปในหลวงแล้วเผลอไปเหยียบ จะต้องติดคุกมาตรา 112 หรือไม่ โดยอ้างเรื่องของเจตนาว่าผู้คุมกฎหมายจะรู้ได้เช่นไร ว่าใครเจตนาหรือไม่เจตนา และก้าวไกลจะช่วยทำให้การตีความกว้างจนเกินไป แคบลง

‘ดร.หิมาลัย’ แนะ หยุดใช้วาทกรรม ‘ชังชาติ’ หวั่นเด็กรุ่นใหม่ ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ชี้!! ผู้ใหญ่ควรป้อนข้อมูลที่ถูกต้อง อย่าให้เด็กถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 66 ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ร่วมเวทีเสวนา ‘ชังชาติ : วาทกรรมสังคม’ ซึ่งจัดโดยสภาพัฒนาเยาวชนกรุงเทพมหานคร ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) 

โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นางสาวนดา บินร่อหีม รองประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย, นายวรัญญู วอทอง ที่ปรึกษาของประธานสภาพัฒนาเยาวชนกรุงเทพมหานคร และนายณภณต์ เพิ่มความประเสริฐ รักษาการแทนนายกองค์การนักศึกษา มจธ. ซึ่งมี นายธารินทร์ เดชบุญช่วย รองประธานสภาพัฒนาเยาวชนกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ดำเนินการ

ภายหลังการเสวนา ดร.หิมาลัย ได้ตกผลึกเสียงสะท้อนของผู้ร่วมเสวนาและเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว โดยแสดงความเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่สังคมควรจะหยุดใช้วาทกรรม ‘ชังชาติ’ เพราะจะนำไปสู่ความแตกแยก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่ไม่ควรจะใช้คำนี้กับเด็ก ๆ ที่มีความเห็นต่าง และควรหยุดนำเด็ก ๆ ไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองจนเกิดความแตกแยก และทำให้เกิดช่องว่างทางความคิด ซึ่งจะนำไปสู่การต่อต้านและไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของอีกฝ่าย

ทั้งนี้ ผู้ใหญ่ควรเปิดกว้างและอดทน รับฟังความคิดเห็นของเด็กรุ่นใหม่ในมุมมองแตกต่างให้มากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อใจในการกล้าพูดกล้าคุย เพราะหากมีสิ่งใดที่เด็กสะท้อนออกมาแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่ถูกหรือยังเข้าใจผิดอยู่ ผู้ใหญ่จะได้ชี้แนะในสิ่งที่ถูกที่ควรได้อย่างทันท่วงที ไม่ปล่อยให้เกิดเป็นความเชื่อผิด ๆ ที่จะส่งผลเสียต่อสังคมและตัวเด็กเองในอนาคต

อย่างไรก็ดี การชังชาติมีข้อดี คือ มันเห็นจุดบกพร่องก็เลยต้องพัฒนา ต้องแก้ไข ข้อเสียคือ เราจะมองไม่เห็นความดีที่เรามีอยู่เลย ผู้ใหญ่ต้องเปิดใจฟัง และร่วมเปลี่ยนแปลงแก้ไขมันไปด้วยกัน เราไม่จำต้องเห็นตรงกัน เราต้องทำให้ความน่าชังในสังคมนี้มันลดลง ยังไงวันนี้เราก็ยังต้องไปต่อด้วยกัน เพราะทุกคนก็รักชาติ 

ขณะเดียวกัน ในส่วนของประเด็นที่มีเยาวชนถามในเวทีเสวนาถึงการแก้ไขมาตรา 112 นั้น ดร.หิมาลัย ให้ความเห็นว่า ประเด็นนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งก่อนอื่นต้องแยกเป็น 2 ประเด็น ข้อแรก ผู้ใหญ่ที่รู้ขอบเขตกฎหมายที่ควรทำหรือไม่ควรทำ ต้องอธิบายให้ความรู้กับเด็ก ๆ แทนที่จะใช้เด็กเป็นเครื่องมือ และข้อสอง ในบริบทของกฎหมาย ต้องยอมรับว่ากฎหมายแต่ละฉบับก็มีความล้าสมัย หรือไม่สมดุลอยู่แล้วในแต่ละยุคสมัย แต่กรอบของกฎหมายมีการออกแบบให้สามารถปรับแก้หรือยืดหยุ่นได้ด้วยตัวของกฎหมายนั้น ๆ อยู่แล้ว หากไม่มีการล้ำเส้นสิ่งที่ควรจะเป็น

เพราะฉะนั้น ผู้ใหญ่ต้องอธิบายให้เยาวชนเข้าใจ อย่าใช้เด็กเป็นเครื่องมือในทางที่ผิดหรือตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ทุกคนควรเคารพกฏหมายและกติการ่วมกันของสังคม หากจะแก้ไขให้ใช้แนวทางการแก้ไขทางรัฐสภาสามารถแก้ไขได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้แก้ไขกฏหมายไปแล้วไปหลายฉบับเนื่องจากเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย

‘ดร.หิมาลัย’ ชี้ ผู้ใหญ่ใช้เด็กเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทั้งที่รู้ดีว่าอะไรทำแล้วผิดกฎหมาย

(4 พ.ค. 66) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตนายทหารชื่อดัง และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีผู้ใหญ่ใช้เด็กเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยระบุว่า…


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top