‘สื่ออาวุโส’ เตือน ‘ธนาธร’ นับจากนี้ก่อนการเลือกตั้ง อย่าเลือกขึ้นเวทีดีเบตที่มี ‘คุณอภิสิทธิ์’ อยู่ด้วยอีก

เมื่อวันที่ 2 พ.ค.66 นายเถกิง สมทรัพย์ สื่อมวลชนอาวุโส อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า...
.
ในประเด็นเรื่อง มาตรา 112 นั้น จะหาคนมาดีเบตกับชาวคณะก้าวไกลยากมาก…นอกจากอาจมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ไม่แน่นเพียงพอแล้ว
.
คนส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากเผชิญหน้าถกเถียงกับชาวคณะก้าวไกล เพราะมันอ่อนไหว..
.
แต่คุณธนาธร กลับเลือกที่จะมาดีเบตเรื่องนี้กับคุณอภิสิทธิ์…และพลาดท่ากลางอากาศให้คุณอภิสิทธิ์ ‘จับไต๋’ ได้ว่า คุณธนาธรพยายามซ่อนเร้นประเด็นการ ยกเลิกมาตรา 112 ต่อหน้าสื่อมวลชน

คุณธนาธร โกยคะแนนจากการออกสื่อมาโดยตลอด แต่ทำไมคราวนี้พลาดท่า…

ผมลองหาเหตุผลได้ 7 ข้อ…

1.) คุณอภิสิทธิ์ ไม่ได้แม่นเพียงข้อมูลเรื่องมาตรา 112 เท่านั้น แต่ผ่านการทำงานเรื่องแก้ปัญหามาตรา 112 มานาน จึงมีความเข้าใจแทบทุกมิติของปัญหา

2.) คุณธนาธร ไม่แม่นข้อมูลเรื่องกระบวนการเคลื่อนไหวมาตรา 112 ของคนในพรรคก้าวไกล จึงพูดสับสนระหว่าง “แก้ไขมาตรา 112” กับ “ยกเลิกมาตรา 112” ว่า ก้าวไกลจะแก้ไขหรือยกเลิก เพราะ พิธาไปพูดว่ายกเลิก (ช่อ ก็พูดชวนคนมากองเพื่อยกเลิก) แต่คุณธนาธรพยายามจะเน้นแค่ว่า “แก้ไข”

3.) แต่คุณอภิสิทธิ์… ทั้ง ๆ ที่อยู่นอกพรรคก้าวไกล… กลับจดจำข้อมูล ขั้นตอน คำพูด ของคนในพรรคก้าวไกล (รวมไปถึงสมัยเป็นอนาคตใหม่) ได้ละเอียดว่า ใครพูดอะไรเอาไว้อย่างไรในเรื่อง มาตรา 112 จึงสามารถหยิบข้อเท็จจริงต่างๆที่สำคัญ ๆ มายันใส่คุณธนาธรทุกดอก

4.) คุณธนาธรมีความไม่มั่นใจในการนำเสนอเรื่องมาตรา 112 จึงแสดงความสับสนออกมาและออกอาการ ‘แถ’ ว่า เรื่องการยกเลิกมาตรา112 เป็นความเห็นส่วนตัวของคุณพิธาในฐานะหัวหน้าพรรค และคุณธนาธรไปเสียบคุณอภิสิทธิ์นอกเรื่องว่า เลือกตั้งคราวก่อนคุณอภิสิทธิ์พูดอะไรไว้ คุณอภิสิทธิ์ก็เสียบคืนทันทีว่า “ก็ลาออกแล้ว..คุณพิธาจะลาออกไหมถ้าไม่ยกเลิก”…คุณธนาธรก็ออกอาการสะดุด

5.) ความไม่มั่นใจของคุณธนาธร (อาจ) มาจากความไม่กล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าสื่อมวลชนที่ออกอากาศไปทั่วประเทศในช่วงเลือกตั้ง เพราะอาจเกรงว่าจะเสียคะแนนหรือสร้างประเด็นขัดแย้งมาอีกหลังจากกรณีพิธากับงานศพพ่อ….ดังจะเห็นคุณธนาธรพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดคำว่า “ยกเลิกมาตรา 112” แต่เน้นว่า แก้ไข…และพยายามบอกว่าการเสนอแก้กฎหมายไปพูดในรัฐสภาเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เอาด้วยก็ตกไป แต่ควรจะนำมาพูดกัน หรือ การสรุปว่า คะแนนปาร์ตี้ลิสต์คือคะแนนที่จะบอกว่า คนต้องการแก้ไขมาตรา 112 (จนทำให้คุณอภิสิทธิ์ต้องขัดคอว่า คนที่มาเลือกพรรคก้าวไกลจำนวนมากไม่ได้สนใจมาตรา 112 เขาเลือกเพราะอย่างอื่นก็มี) …แสดงให้เห็นว่า คุณธนาธรมีประเด็นแก้ไขมาตรา 112 ซ่อนในใจไว้มากมาย แต่ไม่กล้าพูดเต็มปากเต็มคำในการดีเบตครั้งนี้

6.) คุณธนาธร ประมาทคุณอภิสิทธิ์…เพราะอาจคิดว่า คุณอภิสิทธิ์ไม่ใช่คุณอภิสิทธิ์คนเดิม ไม่มีบทบาทต่อการเมืองไทยในปัจจุบันเท่าตัวเอง…ดังนั้น ภาษากายของคุณธนาธรจึงแสดงออกมาในทางเหนือกว่าคุณอภิสิทธิ์ จึงอาจประมาทในการเตรียมตัวมาคุยเรื่องหนัก ๆ แบบนี้…ส่วนคุณอภิสิทธิ์นั้นมาแบบพร้อมเสมอ และสายตาท่าทางของคุณอภิสิทธิ์ในคืนนั้นคือสมาธิสูงสุดไม่มีวอกแวกเรื่องอื่นในความคิด

7.) คุณธนาธร พยายามซ่อนเร้นประเด็นใหญ่ในเรื่องสถาบันฯ ที่ตนเองและพรรคตั้งวาระเอาไว้ จึงพยายามพูดปกปิด หลบเลี่ยง และกลบเกลื่อน จากที่โดนคุณอภิสิทธิ์จิ้มหาความจริง…ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า คุณธนาธรกำลังรอผลการเลือกตั้ง ว่าจะมีเสียงสนับสนุนพรรคก้าวไกลมากเพียงพอที่จะนำคะแนนมาใช้เป็นฐานเสียง นำเสนอประเด็นใหญ่และอ่อนไหวของสังคมไทยไปแบบสุดโต่งได้แค่ไหน ถ้าเสียงไม่มากก็อาจอยู่แค่เสนอแก้ไข ถ้ามากันเป็นพายุแบบโพลล์เขาบอก น่าจะไปไกลกว่าคำว่า “แก้ไข” เพราะมวลชนจำนวนหนึ่งก้าวนำหน้าไปไกลแล้ว

#หมายเหตุ
ก่อนการเลือกตั้ง…คุณธนาธรไม่ควรขึ้นเวทีดีเบตที่มีคุณอภิสิทธิ์อยู่ด้วยอีก


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid034UrSrQzk8zDondNqFjyoWmqHAmYQZiQ5E9YLEJA2YCZ3zaSChU5ocF34CGGncchMl&id=100000779523663&mibextid=Nif5oz