Saturday, 11 May 2024
ม112

‘ชัยธวัช’ ชี้!! ต้องหยุดนำสถาบันมายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองไทยได้แล้ว

เมื่อวานนี้ (30 ม.ค. 67) นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ เปิดปากกับภาคภูมิ ทางไทยรัฐ ในประเด็น ‘หยุดเอาเรื่องสถาบันฯ เข้ามาเกี่ยวพันการเมืองไทยได้แล้ว’ โดยระบุว่า

“ต้องหยุดเอาเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวพันกับความขัดแย้งทางการเมืองไทยได้แล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เริ่มต้นโดยพรรคก้าวไกลด้วยซ้ำ แต่เริ่มต้นโดยคณะกรรมการอิสระที่ตั้งโดยรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์”

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า มีคนเอาเรื่องสถาบันมาเป็นเหตุผลในการยุบพรรคการเมือง สอยนักการเมือง สร้างความเกลียดชังให้กับกลุ่มที่มีความขัดแย้งกัน พวกเรา (พรรคก้าวไกล) ก็หวังว่าจะเหลือพื้นที่ให้กับกระบวนการนิติบัญญัติ เป็นพื้นที่ที่จะหาข้อยุติความเห็นต่างอย่างมีวุฒิภาวะโดยกระบวนการประชาธิปไตย

นายชัยธวัช กล่าวถึงกรณีหากมีการยุบพรรคก้าวไกล จากสารตั้งต้นในเรื่อง ม.112 ว่า ก็ต้องดูรายละเอียดสําคัญ สส.พรรคก้าวไกลก็เห็นตรงกันว่าการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงบทบัญญัติมันมีปัญหาที่ควรที่จะต้องมีการแก้ไขปรับปรุง ดังนั้นก็รอดูอยู่ว่าคําวินิจฉัยจะมีรายละเอียดยังไง และก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องเอามาเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาในการดำเนินการเรื่องนี้ต่อไปของพรรคก้าวไกล 

นายชัยธวัช ระบุต่อว่า มาตรา 112 ยังมีความสำคัญในการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งในการเมืองไทย และยังมีปัญหาทั้งในเชิงตัวบทกฎหมายและการบังคับใช้ และหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้อยู่ พรรคก้าวไกลก็ยังจะให้ความสำคัญต่อไป ส่วนจะดำเนินการแบบใด จะต้องพิจารณากันอีกที เพราะยังมีหลายเรื่องที่ต้องการผลักดันให้สำเร็จ

เปิดโฉมหน้า 44 สส.ก้าวไกล เสนอแก้ ม.112 ส่อโดนฟันจริยธรรมร้ายแรง ตัดสิทธิตลอดชีวิต

(31 ม.ค. 67) ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ พรรคก้าวไกล โดยส.ส.จำนวน 44 คน ที่เสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ..เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง

ผลกระทบกรณีหนึ่งที่จะตามมาคือ อาจมีผู้นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดจริยธรรมร้ายแรง นายพิธา และ ส.ส.พรรคก้าวไกล จำนวน 44 คน ที่ยื่นร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าว

โดยโทษตามความผิดจริยธรรมร้ายแรงคือ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี และ ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ ส.ส. ที่ลงชื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ...) เกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2564 เป็น ส.ส.พรรคก้าวไกลทั้งหมด จำนวน 44 คน ประกอบด้วย

1. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล 
2. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
3. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
4. น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส.จันทบุรี
5. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
6. นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ
7. น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
8. พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
9. นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
10. นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม.

11. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.
12. นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
13. นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก
14. นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
15. นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
16. นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
17. นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ
18. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม.
19. น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
20. น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม

21. นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
22. นายคำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
23. นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส.กทม.
24. นายทองแดง เบ็ญจะปัก ส.ส.สมุทรสาคร
25. นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา
26. นายจรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.ชลบุรี
27. นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ
28. นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
29. นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
30. นายองค์การ ชัยบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ

31. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
32. นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
33. นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด
34. นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
35. นายวาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ
36. น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ
37. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
38. นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
39. นายทวีศักดิ์ ทักษิณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
40. นายสมชาย ฝั่งชลจิตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ

41. นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
42. นายวุฒินันท์ บุญชู ส.ส.สมุทรปราการ
43. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ
44. นายสุรวาท ทองบุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

‘ศาลรธน.’ สั่งก้าวไกลหยุดการกระทำ กรณีแก้ไข ม.112

เมื่อวานนี้ (31 ม.ค. 67) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย กรณี ‘นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ และ ‘พรรคก้าวไกล’ เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายหาเสียง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมสั่ง ‘ยุติการกระทำ’ บางช่วงบางตอนในการวินิจฉัยระบุว่า…

“บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 มิให้มีการใช้สิทธิหรือเสรีภาพที่จะส่งผลเป็นการบั่นทอน หรือทำลายพื้นฐาน และสั่นคลอนคติรากฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของไทย ที่ดำรงอยู่ ให้เสื่อมทรามหรือต้องสิ้นสลายไป”

เปิดรายชื่อ 44 สส. ส่อเสี่ยงหมดสิทธิทางการเมือง ‘ตลอดชีวิต’

จากกรณีเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 67 ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 วินิจฉัยว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 2) กรณีการหาเสียงเรื่องการแก้ไข มาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง

พร้อมสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ภายหลังคำวินิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีหลายฝ่ายแสดงความเห็นว่า การที่คำวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ จะเป็นการส่งไม้ต่อไปสู่การยื่น กกต. เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัยยุบพรรคก้าวไกล ให้ลำดับต่อไป อีกทั้ง 44 สส. พรรคก้าวไกล ที่ได้ลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 เมื่อปี 2564 อาจถูกยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เอาผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งโทษสูงสุดคือ ‘เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ’

สำหรับรายชื่อ สส. 44 คน ของพรรคก้าวไกล (สส.จากการเลือกตั้งปี 2562) ที่ยื่นเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ …) เกี่ยวกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อปี 2564 มีดังนี้

1. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
2. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ สส.บัญชีรายชื่อ
3. นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.บัญชีรายชื่อ
4. น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี
5. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ
6. นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี สส.บัญชีรายชื่อ
7. น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ
8. พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ
9. นายนิติพล ผิวเหมาะ สส.บัญชีรายชื่อ
10.นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม.

11.นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.
12.นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ
13.นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก
14.นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล สส.บัญชีรายชื่อ
15.นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ
16.นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ
17.นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ
18.นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.กทม.
19.น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ
20.น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา สส.นครปฐม

21.นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ
22.นายคำพอง เทพาคำ สส.บัญชีรายชื่อ
23.นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ สส.กทม.
24.นายทองแดง เบ็ญจะปัก สส.สมุทรสาคร
25.นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา
26.นายจรัส คุ้มไข่น้ำ สส.ชลบุรี
27.นายสุเทพ อู่อ้น สส.บัญชีรายชื่อ
28.นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ
29.นายอภิชาติ ศิริสุนทร สส.บัญชีรายชื่อ
30.นายองค์การ ชัยบุตร สส.บัญชีรายชื่อ

31.พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ สส.บัญชีรายชื่อ
32.นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ สส.บัญชีรายชื่อ
33.นายศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด
34.นายมานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ
35.นายวาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ
36.น.ส.วรรณวิภา ไม้สน สส.บัญชีรายชื่อ
37.นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ
38.นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ
39.นายทวีศักดิ์ ทักษิณ สส.บัญชีรายชื่อ
40.นายสมชาย ฝั่งชลจิตร สส.บัญชีรายชื่อ

41.นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล สส.บัญชีรายชื่อ
42.นายวุฒินันท์ บุญชู สส.สมุทรปราการ
43.นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ
44.นายสุรวาท ทองบุ สส.บัญชีรายชื่อ

‘ศาลรธน.’ ชี้ชัด!! นโยบายหาเสียง แก้ ม.112 พรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ

เมื่อวานนี้ (31 ม.ค. 67) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย กรณี ‘นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ และ ‘พรรคก้าวไกล’ เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายหาเสียง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมสั่ง ‘ยุติการกระทำ’ บางช่วงบางตอนในการวินิจฉัยระบุว่า…

“กฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นบทบัญญัติที่กำหนดโทษแก่ผู้กระทำความผิดที่ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการ โดยพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ เป็นการผดุงไว้ซึ่งเกียรติยศของประเทศ จึงมีความชอบธรรมที่ต้องมีกฎหมายคุ้มครอง ผู้ใดจะละเมิดหรือฟ้องร้องในทางใดๆ ไม่ได้”

'อ.แก้วสรร' เผย!! เหตุผลที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยห้ามแตะ 112 หากเข้าข่ายซ่อนเร้น ไม่ให้รัฐมีอำนาจหน้าที่คุ้มครองสถาบันอีกต่อไป

(1 ก.พ. 67) นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง ศาลรัฐธรรมนูญห้ามแตะ 112? ระบุว่า…

>>ถาม จากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คดีก้าวไกลยกเลิก 112 ชัดเจนว่า ต่อไปนี้ ใครจะแตะต้อง มาตรา 112 อีกไม่ได้แล้ว เช่นนั้นหรือ

ตอบ คุณช่วยสละเวลา อ่านคำวินิจฉัยที่ผมแยกแยะมาเสนอต่อไปนี้ ให้ชัดเจน ก่อนนะครับ

“ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองมีพฤติการณ์ในการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย ซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย แก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายพรรค รวมทั้ง มีการรณรงค์ ให้มีการยกเลิก หรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มีลักษณะ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ ใช้หลายพฤติการณ์ประกอบกัน ทั้งการชุมนุม การจัดกิจการ การรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่สภา และการใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง”

>>ถาม ศาลหมายความว่าพรรคก้าวไกลต้องเสนอแก้ 112 โดยสงบเงียบเชียบอย่างนั้นหรือ

ตอบ ไม่ใช่ตรงนั้นครับ ศาลท่านตีตรง ‘ความเคลื่อนไหว’ ว่าเจตนาแท้จริงที่อยู่หลังการเสนอร่างกฎหมายนี้ คือมุ่งทำลายสถาบัน เป็นงานที่ทำกันอย่างเป็นขบวนการ รณรงค์สร้างกระแสโมเม้นตั้มอย่างกว้างขวาง ให้ความหมายว่าเรากำลังจะเปลี่ยนระบบแล้ว

>>ถาม มันเปลี่ยนระบบอะไรที่ตรงไหนครับ

ตอบ ตรงที่เลิกไม่ให้รัฐมีอำนาจหน้าที่คุ้มครองสถาบัน อีกต่อไป

“การที่ผู้ถูกร้องทั้งสองเสนอให้ความผิดตามมาตรา 112 ออกจากความผิดตามลักษณะ 1 จึงเป็นการกระทำเพื่อมุ่งหวังให้ความผิดตามมาตรา 112 ไม่มีความสำคัญ และไม่ร้ายแรง ไม่ให้ถือเป็นความผิดที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ มีเจตนามุ่งหมายแยกสถาบันพระมหากษัตริย์และความเป็นชาติไทยออกจากกัน จึงเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยยะสำคัญ”

>>ถาม แล้วการเอาเรื่องนี้มาชูธงเป็นนโยบายสำคัญของพรรค มันผิดตรงไหนครับ เมื่อเป็นเรื่องใหญ่ พรรคการเมืองก็ต้องรณรงค์ในวงกว้าง เป็นธรรมดาอยู่แล้ว

ตอบ เรื่องแก้ 112 นี้ พรรคก้าวไกลหยิบขึ้นมาเป็นนโยบายดื้อ ๆ เลย ไม่มีงานวิจัยหรือคำอธิบายรองรับเลยว่า ในตัวของมาตรานี้มันผิดที่ตรงไหน การเลิกคุ้มครอง ให้คนในสถาบัน พอถูกด่าก็แจ้งความเอาเอง  มันจะแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง พอฐานเหตุผลทางกฎหมายมันไม่แน่น ศาลก็ชี้ไปเลยว่า เจตนาแท้จริงมันเป็นอย่างนี้

“เป็นการใช้นโยบายพรรคการเมือง นำสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาเพื่อหวังคะแนนเสียงและประโยชน์ในการชนะการเลือกตั้ง มุ่งหมายให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในสถานะเป็นคู่ขัดแย้งของประชาชน ทำให้สถาบันต้องเข้าไปเป็นฝักฝ่าย ต่อสู้แข่งขันรณรงค์ทางการเมือง อันอาจนำมาซึ่งการโจมตี ติเตียน โดยไม่คำนึงถึงหลักการปกครองที่สำคัญว่าพระมหากษัตริย์ต้องดำรงฐานะอยู่เหนือการเมือง และความเป็นกลางทางการเมือง”

>>ถาม ตัดสินอุ๊บอิ๊บกันง่ายๆอย่างนี้ มันไม่หาเรื่องกันมากไปหน่อยหรือ

ตอบ ศาลชี้แจงไว้แต่แรกแล้วว่า ศาลพิจารณาโดยระบบไต่สวน ได้รวบรวมความเป็นไปทางคดีที่เกิดขึ้นในช่วงรณรงค์ต่าง ๆ เช่นจากตำรวจ อัยการ แล้ว ภาพของการโจมตีติเตียนสถาบัน เกิดขึ้นเป็นกระแสเช่นนั้นจริง ๆ สส.ก้าวไกลที่ไปร่วมชุมนุม และคอยประกันตัวคนด่าในหลวง มีอยู่ไม่น้อยจริงๆ

>>ถาม สรุปแล้ว การใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและแตะต้อง 112 จึงทำไม่ได้อีกเลยใช่ไหม

ตอบ ศาลบอกว่ายังทำได้ แต่ต้องใช้สิทธิโดยสุจริตไม่ใช่เป็นความเคลื่อนไหวเพื่อปลุกปั่นทางการเมือง  ศาลใช้คำว่าต้องเป็นกระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ เท่านั้น

“ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า สั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้ง ไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย”

>>ถาม เมื่อศาลตัดสินอย่างนี้ กกต. จะเสนอศาลให้ยุบก้าวไกลได้ไหม ในเมื่อก่อนเลือกตั้ง เขาเสนอนโยบายเรื่องแก้ไข 112 ให้ตรวจแล้ว กกต.ก็ไม่ว่าอะไร

ตอบ ศาลตีตรงที่วิธีการหรือความเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ข้อเสนอแก้ไขในตัวของมันเองไม่ถูกต้อง  ซึ่ง กกต.ยังไม่เคยวินิจฉัยประเด็นนี้มาก่อน จึงยังไม่มีอะไรมาปิดปากครับ  

>>ถาม แล้ว สส.ก้าวไกล ที่ลงชื่อเสนอร่างกฎหมาย หรือไปร่วมชุมนุม หรือช่วยประกันตัวคนด่าในหลวง  จะถูกถอดถอนเพราะผิดจรรยาบรรณได้ไหม

ตอบ เป็นเรื่องปัจเจกครับ จะฆ่าให้ตายหมู่แบบปาเลสไตน์ในกาซ่าไม่ได้ ต้องดูเป็นคน ๆ ไป ว่ารู้เห็นเป็นใจเป็นตัวตั้งตัวตีชัดเจนไหม ถ้าร่วมลงชื่อด้วย ชุมนุมด้วย ด่าเองด้วย จ้องคอยประกันตัวด้วย อย่างนี้ก็ไม่น่าจะรอด

ถาม พอพูดมาถึงตรงนี้ อาจารย์ต้องโดนเขารุมอัดแน่ ๆ

ตอบ เรื่อง ‘สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ’ ที่มีขึ้นเพื่ออย่าให้มีนักฉวยโอกาสแบบฮิตเลอร์ ขึ้นครองอำนาจโดยผ่านเลือกตั้งจนทำลายระบอบรัฐธรรมนูญนี้ เรายังทำความเข้าใจร่วมกันไม่พอว่า มันเป็น ‘ความเคลื่อนไหว’ ที่ต้องคอยจ้องคอยปิดล้อมกันอย่างไร  

พอศาลตัดสินออกมาเช่นคดีนี้ก็ต้องเข้าใจไม่ตรงกันได้เป็นธรรมดา ผมเองมีส่วนร่างรัฐธรรมนูญปี 40 ที่นำสิทธินี้เข้ามาในกฎหมายไทยด้วย ก็ขอรับผิดชอบ เสนอกรอบคิดมาร่วมวงบ้างเท่านั้นเอง

เลิกบ้าการเมืองกันบ้างก็ดีนะครับ เมษานี้...เตรียมรับสงครามใหญ่ในโลกให้ดีก็แล้วกัน

'ปิยบุตร' ซัด 'ก้าวไกล' หลังลบนโยบายแก้ไข 112 ออกจากเว็บ จวก!! ถ้าจะเดินวิธีนี้ ถอยตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลไปเลยดีกว่า

ความคืบหน้าหลังเว็บไซต์ พรรคก้าวไกล ลบนโยบาย แก้ไขมาตรา 112 ออกจากเว็บไซต์เลือกตั้ง 66 ของพรรค โดยพบว่าไม่ปรากฎข้อความที่เกี่ยวกับการแก้ 112 ภายหลังมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อวานนี้ (1 ก.พ. 67) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า…

“เพิ่งทราบข่าวจากเพจข่าวสดว่า พรรคก้าวไกลนำนโยบายแก้ไข 112 ออกจากเว็บไซต์ของพรรค ทำไมแหยและหงออย่างนี้ครับ ?”

ในคำวินิจฉัยไม่ได้สั่งให้เอาออกเลย และต่อให้เอาออก แล้วยังไง ศาลก็วินิจฉัยไปแล้ว ตกลงพรรคก้าวไกลจะร่วมสร้างบรรยากาศความกลัวให้กับสังคมในเรื่องนี้ด้วยหรือ ในช่วงยามแบบนี้ แทนที่จะพยายามหาวิธีการประคับประคองเรื่องเสรีภาพ และยืนบนหลักให้ได้ แต่กลับช่วยกันขีดวงเสรีภาพให้หดแคบลง
.ถ้าจะเดินแบบนี้ คุณถอยตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลไปเลยดีกว่าครับ ถ้าบทจะยุบ จะตัดสิทธิ ขึ้นมาจริง ๆ ต

ให้เอานโยบายออกจากเว็บ เขาก็ยุบ เขาก็ตัดสิทธิอยู่ดี

หากอ่านจากคำบังคับของศาลรัฐธรรมนูญ จะเห็นได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญสั่งดังนี้

1. สั่งการให้พรรคก้าวไกลและพิธา เลิกแสดงความเห็น เพื่อให้มีการยกเลิก 112

2. ไม่ให้มีการแก้ไข 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ซึ่งคำนี้น่าจะอนุมานจากคำวินิจฉัยนี้ได้ว่า ห้ามแก้ใน 3 ประเด็นที่ศาลบอกว่าเป็นการล้มล้างฯ ได้แก่ ห้ามย้ายหมวด, ห้ามกำหนดเหตุ ยกเว้นความผิด เหตุยกเว้นโทษ, ห้ามกำหนดให้ยอมความได้ และห้ามกำหนดให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ตรงไหนที่ศาลสั่งให้เอานโยบายออกจากเว็บครับ

คำบังคับข้อหนึ่ง คือ การห้ามแสดงออกเพื่อยกเลิก 112 ครับ แน่นอนไม่มีใครมั่นใจ 100% หรอก เพราะปากกาอยู่ที่ศาล แต่ในฐานะพรรคการเมืองที่ประกาศจุดยืนเรื่องนี้ ผมคิดว่าต้องหาจุดสมดุลประคับประคองไปให้ได้ ไม่ควรออกอาการกลัว ลนลาน ขนาดนี้ มิเช่นนั้น ถ้าจะทำก็แถลงสาธารณะไปเลยว่าต้องทำเพราะกลัวโดนยุบพรรค โดนจริยธรรม ขอให้เข้าใจด้วย

ส่วนตัวผมเห็นว่าถ้าเขาจะยุบ จะตัด ต่อให้ลบออกหมด เขาก็ยุบได้ครับ และเมื่อไรที่กลับมาทำเรื่องพรรคนี้อีกเมื่อไรก็โดนอยู่ดี เว้นแต่จะประกาศให้พวกเขารู้ว่าพร้อมจะเป็นเด็กดีของระบอบแล้ว

‘อ.เจษฎ์’ ชี้!! คนไทยไม่ควรเห็นดีเห็นชอบในการล้มล้างสถาบัน ถ้าพอกันทำ จะสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน

จากรายการ 'เข้มข่าวเย็น' ทาง PPTV เมื่อวันที่ 1 ก.พ.67 รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อาจารย์คณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย กล่าวช่วงหนึ่งว่า...

พรรคการเมืองไม่ควรเอาเรื่อง สถาบันฯ มาหาเสียง และต่อให้พรรคก้าวไกล ชนะได้ สส.ถึง 500 คนเข้ามาในสภา ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปล้มล้างสถาบันหลักของบ้านเมือง

‘ศาลรธน.’ ชี้!! การกระทำผิดต่อสถาบัน ถือเป็นการทำผิดต่อความมั่นคงของประเทศ

เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 67 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย กรณี ‘นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ และ ‘พรรคก้าวไกล’ เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายหาเสียง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมสั่ง ‘ยุติการกระทำ’ บางช่วงบางตอนในการวินิจฉัยระบุว่า…

“การที่พรรคก้าวไกล เสนอให้ย้ายมาตรา 112 ออกจากความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐนั้น ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 2 พระมหากษัตริย์ กับประเทศไทย ดำรงอยู่คู่เป็นเนื้อเดียวกัน หากผู้ใดกระทำความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงถือเป็นการกระทำความผิดต่อความมั่นคงของประเทศด้วย"

‘ศาลรธน.’ ชี้ การเสนอย้าย ม.112 ออกจากความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ ถือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ

เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 67 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย กรณี ‘นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ และ ‘พรรคก้าวไกล’ เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายหาเสียง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมสั่ง ‘ยุติการกระทำ’ บางช่วงบางตอนในการวินิจฉัยระบุว่า…

“การที่นายพิธา และพรรคก้าวไกล เสนอให้ย้ายมาตรา 112 ออกจากความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ ถือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ และเป็นความผิดที่ร้ายแรงในระดับเดียวกันกับลักษณะอื่น”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top