Friday, 10 May 2024
ม112

‘เศรษฐา’ ลั่น!! หาก 'เพื่อไทย' เป็นแกนตั้งรัฐบาลจะไม่แตะ 112 คลุมเครือจับมือ ‘ก้าวไกล’ ต่อหรือไม่ ขอคุย 8 พรรคก่อน

(20 ก.ค.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทย ในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้อีกว่า วันนี้จะพูดคุยกันในเรื่องนี้ ส่วนจะมีความชัดเจนในการเสนอชื่อตนเป็นนายกฯ หรือไม่นั้น ต้องรอข้อสรุปจากการประชุม

เมื่อถามว่าเสียง ส.ว.ในการโหวตนายพิธา เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ชัดเจนว่า ส.ว.ไม่เอาพรรคก้าวไกล การตั้งรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย จะยังมีพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องให้ทีมเจรจาไปเจรจาก่อน ซึ่งจะทราบทิศทาง ขณะนี้เรายังมีเอ็มโอยูของ 8 พรรคร่วม ดังนั้นต้องพูดคุยและให้เกียรติกัน

เมื่อถามว่าขณะนี้พร้อมถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ในการโหวตครั้งต่อไปหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ทางพรรคมีแคนดิเดตนายกฯ 3 คน ต้องรอให้มีมติจากกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) ว่าจะเป็นใคร ทั้งนี้ แคนดิเดตทุกคนมีความพร้อม

เมื่อถามว่า 8 พรรคร่วมยังเหนียวแน่นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่าวันนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่ โดยคณะเจรจาอาจไปพูดคุยกันเย็นนี้หรือวันที่ 21 ก.ค. เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ รวมถึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแง่ของแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามว่าการดันนายพิธา เป็นนายกฯ ของพรรคร่วม ถือว่าสิ้นสุดแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามที่ฟังดูในทางกฎหมาย น่าจะเป็นเช่นนั้น

เมื่อถามว่าการโหวตชื่อนายกฯ เหมือนเป็นบรรทัดฐานว่าจะเสนอชื่อหนึ่งคนได้เพียงครั้งเดียว การมีพรรคก้าวไกลอยู่จะส่งผลให้โหวตนายกฯ ไปในทิศทางใด นายเศรษฐา กล่าวว่า การเสนอชื่อนายกฯ ครั้งต่อไปต้องคิดให้ดี ต้องเจรจาให้เหมาะสม เมื่อถามว่าส่วนตัวมองว่าควรจะแพ็กกับพรรคก้าวไกลต่อหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องให้เกียรติคณะเจรจา เพราะตนไม่ได้อยู่ในคณะเจรจา

เมื่อถามว่าหากพรรคเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะทำอย่างไรไม่ให้ ม.112 เป็นปัญหา นายเศรษฐา กล่าวว่า มองว่าพรรคที่จะเสนอชื่อนายกฯ ครั้งต่อไป ต้องไม่มีเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิก ม.112 ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว.รวมถึงพรรคอื่น ดูก็รู้ว่าเรื่องอะไรเป็นอะไร

เมื่อถามว่ามองว่าวิธีใดที่จะทำให้มาตรา 112 ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะทำให้คนเข้าใจพรรคเพื่อไทยมากที่สุดว่าเราไม่ได้หักพรรคก้าวไกล นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนพูดแทนพรรคก้าวไกลไม่ได้ แต่พรรคเพื่อไทยคงต้องพูดคุยกัน ถ้าเราจะเป็นแกนนำ เรื่องนี้ต้องหยุดลงไป ส่วนความสัมพันธ์กับพรรคก้าวไกล ตนไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะตนไม่เกี่ยวข้องกับการเจรจา แต่คิดว่าหากมีมาตรา 112 อยู่ คงไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลาย ๆ พรรค

เมื่อถามว่าจะมีพรรคร่วมเข้ามาเติมเสียงเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า คิดว่าอาจจะล้ำหน้าไปเล็กน้อย ต้องให้เกียรติ 8 พรรคร่วมก่อน เพราะ 8 พรรคปัจจุบันก็มีเสียงเยอะ แต่ต้องมาคุยกันอีกครั้งว่าจะตกลงกันอย่างไร อย่างไรก็ตาม เสียงสว.250 เสียงถือเป็นส่วนที่สำคัญในการสนับสนุนให้เป็นนายกฯ

เมื่อถามว่าตัวนายเศรษฐาจะต่อสายพูดคุยกับ สว.ได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนรู้จักสว.แค่คนสองคน เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว คงเป็นเรื่องของหลักการมากกว่า ถ้าตกลงกันได้และพูดคุยกันรู้เรื่อง เชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนจากสว. คิดว่าอย่าเพิ่งข้ามขั้นดีกว่า วันนี้เรายังผูกมัดอยู่กับเอ็มโอยู และต้องให้เกียรติคณะกรรมการเจรจาว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป ถ้าเจรจาแล้วเห็นเป็นอื่นก็ต้องกลับมาคุยในพรรคกันต่อ แล้วพิจารณาว่าต่อไปเราจะไปอย่างไรกับใคร

เมื่อถามว่าคิดหรือไม่ว่าตอนนี้เกมบีบให้พรรคเพื่อไทยต้องข้ามขั้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า ต่างคนต่างคิดอยู่แล้ว แต่สำคัญที่สุดคือคนที่มีอำนาจตัดสินใจ กก.บห. คณะเจรจาร่วมต้องเป็นคนพิจารณาให้ดี ส่วนเรามีหน้าที่ที่ต้องทำต่างกัน วันนี้ตนเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็ต้องเตรียมพร้อมเรื่องเศรษฐกิจที่พรรคมอบหมายมา

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ 8 พรรคยังอยู่ด้วยกัน การจะมีการเปลี่ยนแปลงข้ามขั้ว หรือจะมีพรรคอื่นเข้ามาเสริมก็ต้องให้เกียรติกับคณะเจรจา ขอให้ใจเย็น มีอีกหลายวันก่อนถึงวันที่ 27 ก.ค. เราต้องให้เกียรติกับพรรคร่วม ซึ่งผลการโหวตเมื่อวันที่ 19 ก.ค.เป็นผลที่น่าผิดหวัง แต่ต้องยอมรับและเดินต่อไป ทั้งนี้ หาก กก.บห.มีทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ก็พร้อมทำตาม

เมื่อถามว่ามีการพูดถึงสูตรผลักให้พรรคก้าวไกล ไปเป็นฝ่ายค้าน วันนี้มองว่ายังต้องจับมือกับพรรคก้าวไกลไปจนกว่าจะสุดทางไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าสุดคืออะไร สุดทางคือพรรคก้าวไกลไม่สามารถส่งนายกฯได้ ถือว่าสุดทางแล้วหรือยัง อันนี้ต้องฝากไปยังคณะเจรจาของ 8 พรรคว่า นี้คือสุดทางหรือยัง ถ้าสุดทางแล้วต้องมาพิจารณาว่าพรรคที่มีคะแนนอันดับสอง จะได้รับการมอบหมายหรือไม่ จะตกลงกันได้หรือไม่ อยากให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เพราะถึงอย่างไรเรายังร่วมอุดมการณ์กันอยู่ดี

เมื่อถามว่าหากโหวตอย่างไรก็ไม่ได้ เพราะยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ จำเป็นหรือไม่ที่ต้องผลักพรรคก้าวไกลออก นายเศรษฐากล่าวว่า ตนว่าทุกคนรู้อยู่ อย่าให้ตนตอบดีกว่า เมื่อถามย้ำว่าจะทำตามแนวทางของกก.บห.ยอมเป็นนายกฯ โดยที่ไม่มีพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า อย่าไปถึงจุดนั้น จุดแรกคือ 8 พรรค ต้องตกลงกันให้ได้ก่อนว่าขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร

หากมีมติออกมาว่าพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ก็ต้องประชุม กก.บห.ก่อน แล้วเลือกแคนดิเดตนายกฯ ต้องว่าไปตามขั้นตอน ยังมีเวลาอีกหลายวัน

เมื่อถามว่าในการหากเสนอชื่อนายเศรษฐา มั่นใจหรือไม่ว่าเสียง 8 พรรคจะเหมือนเดิม นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ก้าวล่วง หากบอกว่าเขาโหวตให้แล้วเขากลับไม่โหวตให้ ดังนั้น ขอไม่ตอบดีกว่า เพราะต้องให้เกียรติพรรคร่วม

‘ชลน่าน’ ชี้!! ลดเพดาน 112 ต้องให้ก้าวไกลเคาะเอง ย้ำ!! เป้าหมาย ‘เพื่อไทย’ ต้องจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ

(21 ก.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมโหวตนายกฯ รอบที่สามว่า เดิมทีได้นัดหารือกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เวลา 10.00 น. แต่นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลได้แจ้งขอเลื่อนออกไปก่อน เพราะพรรคก้าวไกลจะมีการแถลงข่าว ส่วนจะมีเนื้อหาสาระอย่างไรคงต้องติดตาม ส่วนตัวยังคาดการณ์ไม่ได้ว่าเนื้อหาจะเป็นการส่งมอบให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ส่วนกรอบเวลาฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลนั้น ยังมีเวลาถึงวันที่ 26 ก.ค.ก่อนโหวตเลือกนายกฯ รอบที่ 3 วันที่ 27 ก.ค.ต้องใช้เวลาให้คุ้มที่สุด ยืนยันว่าพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรคการเมืองจับมือเหนียวแน่น และยังไม่ถึงคิดกรณีอื่น 

เมื่อถามถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยระบุจะไม่ยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 เหมือนเป็นการโยนให้พรรคก้าวไกลยอมถอยเรื่องนี้หากต้องการร่วมตั้งรัฐบาล นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นความเห็นของนายเศรษฐา แต่หากฟังจากทุกพรรคการเมือง รวมถึง ส.ว.ที่ได้อภิปรายในรัฐสภา ก็มีเสียงสะท้อนมาแบบนั้น ก็อาจเป็นประเด็นที่ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นไม่ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องที่เราจะโยนภาระไปให้พรรคก้าวไกลเขาพิจารณา ส่วนพรรคก้าวไกลจะพิจารณาอย่างไร ตนไม่ขอก้าวล่วง

เมื่อถามว่าหากพรรคก้าวไกลยอมถอยเพดานแก้ไขมาตรา 112 จะทำให้พรรคการเมืองเข้าร่วมรัฐบาลได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเสียง ส.ว. หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลยอมถอยจริง หลายพรรคการเมืองที่เคยออกมาพูดชัดว่าถ้าไม่มีเรื่องนี้ ก็พร้อมสนับสนุน ซึ่งจะเป็นทางออกอีกทางหนึ่ง ส่วนจะต้องอาศัยเสียง ส.ว.หรือไม่ คงต้องไปดูถึงความจำเป็นภายหลัง เป้าหมายเรา หากได้นำจัดตั้งรัฐบาลคือต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เสียงในรัฐบาลต้องได้ 375 นี่คือสิ่งที่เพื่อไทยต้องทำ เงื่อนไขอะไรที่เป็นอุปสรรคต้องมาหารือกัน

‘มัลลิกา’ เผย แค่ถอย 112 ‘ก้าวไกล’ ก็ได้ไปต่อ ชี้!! เพราะความดื้อดึง ‘พิธา’ จึงชวดเก้าอี้นายกฯ

เมื่อไม่นานนี้ รายการ ‘แฉ’ ซึ่งได้เชิญคุณมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ มาพูดถึงประเด็นของ ม.112 ว่าเหตุใดพรรคก้าวไกล จึงไม่ยอมถอยนั้น มีสาระสำคัญ ระบุว่า...

“คุณพิธามีสิทธิเป็นนายกฯ แค่ถอยเรื่อง ม.112 ปัญหาก็คือ ถ้าเราจะบริหารประเทศ โดยเอาอคติตัวเอง หรืออุดมคติของตัวเองเป็นศูนย์กลาง ในขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนไป หรือในขณะที่ประเทศกำลังมีปัญหา หรือกำลังจะเกิดวิกฤตหากเราเป็นผู้นำ เราจะตัดสินใจเลือกเอาอุดมการณ์ของตัวเอง เอาอัตตาของตัวเองก่อน หรือเราจะเลือกประเทศชาติก่อน มันคือการตัดสินใจ ในยามนี้คุณพิธาต้องมีภาวะผู้นำ และเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ ที่เขาหาเสียงกันมาเหมือนกันอย่างกรณีของพรรคเพื่อไทย คุณควรให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย พรรคเพื่อไทยเขาไม่ได้หาเสียง ม.112 มาก่อน จู่ๆคุณจะมัดรวมเขาไม่ได้ เขาต้องคิดเหมือนคุณก่อน”

“เพราะฉะนั้น ณ เวลานี้ คุณพิธาและพรรคก้าวไกล อยู่ในภาวะที่จะต้องตัดสินใจ ไม่ใช่ไปโยนให้คนอื่นเขาต้องรับเคราะห์รับบาปในสิ่งที่คุณเองนั้นไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ประเทศชาติจะไปข้างหน้าได้ จะต้องมีความหลอมรวม ต้องมีการลดลาวาศอกกัน เพราะว่าเราไม่สามารถไล่ใครคนใดคนหนึ่งออกจากประเทศนี้ได้ ทุกคนต้องอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนดี หรือคนไม่ดี เพราะฉะนั้น คนที่จะเป็นผู้นำ ซึ่งจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจด้วยวุฒิภาวะ และมีความรับผิดชอบมากกว่าผู้อื่น”

เมื่อถามว่า หากคุณพิธายอมถอยเรื่องแก้ ม.112 แปลว่าในประเด็นของการถือหุ้นสื่อ ITV ที่ทำให้ขาดคุณสมบัติ ก็ไม่มีใครติดขัดในเรื่องนี้แล้วใช่หรือไม่? คูณมัลลิกาตอบว่า…

“ในกรณี ม.112 นี้ เนื่องจากว่าพรรคภูมิใจไทยไม่สนับสนุนพรรคที่จะแก้ ม.112 หากการที่พรรคก้าวไกลยอมถอย ก็อาจจะได้เสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นอีกหลายเสียงจากพรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคภูมิใจไทยเขาไม่สนใจเรื่องอื่น ส่วนส.ว.หลายท่านเขาติดเรื่อง ม.112 เช่นกัน และก็อาจจะติดเรื่องคุณสมบัติด้วย ด้านพรรคประชาธิปัตย์ก็ติดแค่เรื่องม.112 เช่นกัน ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ค่อยไปว่ากันในภายหน้า เพราะฉะนั้นก็หมายความว่า หากพรรคก้าวไกลยอมถอยเรื่องม.112 โอกาสที่จะได้รับเสียงสนับสนุนในการจัดตั้งรัฐบาล ย่อมมีมากกว่าการที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพราะจากเสียงของ ส.ส.แล้ว ยังอาจจะได้เสียงสนับสนุนที่ชัดเจนจากประชาชนอีกด้วย”

“อีกทั้งทุกวันนี้ พูดกันตรงๆ ประชาชนจำนวนหนึ่งก็ไม่คิดว่า เรื่อง ม.112 จะไปไกลจนสุดโต่งขนาดนี้ด้วย ทุกคนรวมถึงตัวดิฉันที่ดีเบตมาตลอด ดิฉันบอกว่า การที่คุณจะแก้ ม.112 มันเท่ากับยกเลิกนะ เพราะมันผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ร่างที่เขายื่นดิฉันอ่านหมดแล้ว ว่าการยกเลิกให้โทษ มันเทียบเท่ากับประชาชนเลย เป็นการยกเรื่องนี้ออกจากหมวดความมั่นคง กรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่ได้อยู่ในหมวดความมั่นคง ก็เหมือนกับการลดสถานะพระมหากษัตริย์ลงมาเทียบเท่ากับประชาชนคนธรรมดาเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะพระมหากษัตริย์ต้องได้รับการเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้า”

“อีกประเด็นหนึ่งก็คือ ‘ศาลอาญาระหว่างประเทศ’ หรือ ‘ICC’ ซึ่งบนเวทีดีเบตไม่ค่อยได้ถูกพูดถึงมากนัก เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างประเทศ พอ ส.ส. และ ส.ว.อภิปรายกันในสภาฯ มันชัดยิ่งกว่าชัดอีก เพราะในสภาฯ มันโกหกกันไม่ได้มันมีหลักฐานทั้งหมด ทีนี้ ศาล ICC ก็ปรากฎว่า คุณปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้นำทางจิตวิญญาณของคุณพิธา และพรรคก้าวไกล เป็นคนประกาศเองว่า หากคุณพิธาเป็นนายกฯ เขาจะพาไปลงนาม ICC เพราะการลงนาม ICC คือการเอาประมุขของประเทศนั้นๆ ที่ลงนาม ไปถูกไต่สวนในศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะนี่คือการแทรกแซงจากต่างประเทศ”

‘เพชร กรุณพล’ ลั่น!! ถ้าสุดโต่งแล้วเจริญ แล้วไม่อยากสุดโต่งกันเหรอ

เมื่อวานนี้ (21 ก.ค. 66) ‘เพชร’ หรือนายกรุณพล เทียนสุวรรณ นักแสดง และพิธีกร และนักการเมืองในสังกัดพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความสุดโต่งของพรรคก้าวไกล เช่น 'ยกเลิกเกณฑ์ทหาร-ม.112' ระหว่างออกรายการ 'แฉ' โดยระบุว่า…

“สุดโต่งแล้วเจริญแบบ อังกฤษ, ญี่ปุ่น, สวีเดน, เดนมาร์ก ไม่อยากสุดโต่งกันเหรอ คิดว่าเราเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป”

>> สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://vt.tiktok.com/ZSLmWRh2m/ 

‘น็อต วรฤทธิ์’ ลั่น!! 14 ล้านเสียงที่เลือกคุณมา ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการจะเปลี่ยน ม.112

เมื่อวานนี้ (21 ก.ค. 66) น็อต วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ นักแสดงและพิธีกรชาวไทย ได้กล่าวถึงความสุดโต่งของพรรคก้าวไกล เช่น ยกเลิกเกณฑ์ทหาร และ ม.112 ระหว่างออกรายการ แฉ โดยระบุว่า… 

"14 ล้านเสียงที่เลือกคุณมา ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการจะเปลี่ยน ม.112 แต่เขาซื้อนโยบายส่วนหนึ่งของคุณ อย่างเรื่อง 3,000 บาท หรือยกเลิกเกณฑ์ทหาร แต่ถ้าคุณบอกต้องเปลี่ยนเพื่อให้ตามทันโลก...ประเทศไทย ก็เป็นประเทศไทย เรามีรากเหง้าของเรา"

‘อดีตติ่งส้ม’ ฟาดแรง!! หลังตาสว่างที่เลือกพรรคผิด ถาม ‘พิธา’ ปมแก้ ม.112 ยังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่?

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ชื่อ ‘user9614268366121’ ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอฝากข้อความถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดยในคลิประบุว่า…

“14 ล้านเสียงจริงๆ เหรอ? 14 ล้านเสียงจริงๆ เหรอคะ? คุณรู้ไหมคะ ว่าคุณกําลังทําให้คนที่เขาเลือกคุณมา เกลียดคุณมากขึ้นแค่ไหน ไม่ใช่เพราะใครเลยค่ะ เพราะคุณเอง เขาเสียความรู้สึกกับคุณมาก ๆ นะ เพราะเขาเลือกคุณมาเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่เขาคิดว่าลุงตู่ทําไม่ได้ แล้วคุณบอกคุณทําได้ แต่คุณไม่เริ่มที่จะลงมือทําเลยด้วยซ้ำ พวกคุณทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สส.ในพรรคคุณ ไม่เริ่มที่จะแก้ไขปัญหาเลยด้วยซ้ำ คุณสร้างความเกลียดชังให้กับคนที่เขาเคยรักคุณ คุณรู้ไหมคะว่าคุณเป็นคนทํา ไม่ใช่ใครเลยค่ะ คิดสักนิดค่ะคุณพิธา คุณเป็นคนที่มีความสามารถ คุณทําอะไรเพื่อประเทศชาตินี้ได้อีกมากเลย แล้วคุณก็รู้ว่าสิ่งที่คุณทํา และพวกของคุณกําลังโกหกอะไรอยู่ ไม่มีหลักฐานอะไรที่บ่งบอกว่าสิ่งที่พวกคุณพูดมันเป็นเรื่องจริงสักอย่าง แต่พวกเรามีหลักฐานที่จะหักล้างได้ว่าพวกคุณพูดเท็จ และคนที่เขาเปลี่ยนทัศนคติจากการที่เคยไปร่วมชุมนุมกับคุณ และชอบคุณ ทําไมถึงหันมารักสถาบันฯ เพราะเราเห็น เรารู้ ไม่ใช่แค่ดิฉันที่เห็นและสํานึก ดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันที่เคยเชื่อ เคยสนับสนุนเสื้อแดง นปช.มาก่อน แต่ก็รักสถาบันฯ มากขึ้น และมากขึ้นทุกวัน เพราะเราเห็น เรารู้ เรามีความสํานึก เรามีความเป็นมนุษย์ค่ะ”

“คุณรู้ไหมคะ ว่าคนที่เขาเกลียดคุณจริงๆ เขาไม่ได้แช่งแค่คุณนะ เขาแช่งไปถึงลูกคุณ ถึงครอบครัวของคุณด้วย แล้วลูกหลานของคุณในอนาคตจะต้องอยู่บนแผ่นดินไทยนี้อีกนานเลยค่ะ ลูกคุณน่ารักนะคุณพิธา น่ารักมาก คุณทําเพื่อใครอยู่ ในอนาคตคุณไม่ได้อยู่กับเขาตลอดชีวิตนะคะ คุณจะรู้ได้ยังไงว่า ลูกของคุณจะเจออะไรในอนาคตบ้าง หลานของคุณในอนาคตจะเจออะไรบ้าง คุณรู้ไหมคะ ว่าเวรกรรมที่คุณทําอยู่ มันเป็นกรรมพันธุ์ ที่มันจะติดตัวลูกของคุณและหลานของคุณไปอีกนานเลยค่ะ คิดดีๆ ค่ะคุณพิธา คิดดีๆ คุณก็รู้ ว่าความดีต้องชนะความเลวอยู่แล้ว คุณคิดว่าสิ่งที่คุณกําลังทํามันเป็นความดีแล้วเหรอคะ? ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่สถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องมาเจออะไรแบบนี้ เหตุผลที่เราหาได้คือ พวกคุณอิจฉา พวกคุณต้องการที่จะยึดอํานาจ เพราะอยากจะได้อํานาจนั้น พวกคุณทําเพื่อใครก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่เรารู้คือมันไม่มีอะไรที่พวกคุณพูดมาเป็นความจริงเลย และไม่ใช่แค่พวกเรา คนเกือบทั้งโลกค่ะ แน่นอนมันย่อมเปอร์เซ็นต์มากกว่าคนที่ไม่ชอบ เราอยู่ในโลกที่มันอยู่บนความเป็นจริงคุณพิธา ถ้าคุณกําลังเชื่ออะไรที่มันผิดๆ อยู่”

“คุณเป็นคนที่มีความสามารถ คุณน่าจะหาความรู้ได้ไม่ยาก และพวกเราที่เป็นคนไทย เป็นลูกของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมที่จะให้โอกาสคุณนะ ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ที่ทำตัวแย่มาขนาดไหน หากกลับใจ กลับใจจริงๆ ด้วยความจริงใจ เราพร้อมเสมอ คนไทยพร้อมเสมอที่จะให้โอกาส เพราะนอกจากพวกเราคนไทยด้วยกันแล้ว ไม่มีใครที่จะช่วยเราได้หรอกค่ะคุณพิธา ไม่มีใครที่จะช่วยเราได้เหมือนคนไทยช่วยกันเอง แล้วตอนที่เราช่วยเหลือกัน เราไม่เคยที่จะแบ่งแยกสีด้วยซ้ำ คิดดีๆ ค่ะ คุณโชคดีมากขนาดไหนที่คุณเกิดบนผืนแผ่นดินไทย ที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ทุกพระองค์แบบนี้ โชคดีมากๆ จริงๆ ค่ะ คิดดีๆ ถ้าคุณยังมีความเป็นคนอยู่นะคะคุณพิธา ถ้าคุณยังมีความเป็นคนอยู่ คิดดีๆ ให้นึกถึงลูกคุณ นึกถึงครอบครัวคุณ ฝากไว้แค่นี้ค่ะ”

‘ไบร์ท ชินวัตร’ แฉ!! ขบวนการ ตปท.จ้องทำลายสถาบันฯ เผย ไม่เห็นด้วย ปมแก้ ม.112 ลั่น!! “ถ้าผมทำ ผมโคตรบาป”

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้ TikTok บัญชี @3geeb_2475 ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ‘ไบร์ท ชินวัตร’ หรือนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง เล่าเปิดใจก่อนมอบตัวคดี 112 โดยระบุว่า…

“การเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันฯ มันก็จะมีความชัดเจนว่า เขาจะมีการล้มล้างอะไรในประเทศไทย แต่สุดท้ายที่ผมอยู่ไป ๆ แล้วเราได้สัมผัสกับกลุ่มต่างประเทศ ที่มีการไลฟ์เข้ามาบ้าง หรือในโซเชียลบ้าง ซึ่งมีการโจมตีสถาบันแล้วมันทําให้เรารู้แล้วว่า อ๋อ… มันมีขบวนการจากต่างประเทศ ในการจ้องจะทําลายสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเสื่อมเสียให้แก่สถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทยของเรา ดังนั้น ผมจึงเริ่มไม่ค่อยเห็นด้วยแล้ว และยังผิดต่อเจตนารมณ์อีกด้วย แล้วถ้าผมทําลงไป ถ้าผมเป็นส่วนหนึ่งในขบวนการการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมนี่จะโคตรบาปมาก เพราะว่าปู่ย่าตายายของผม ทุกคนมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด ตั้งแต่ผมเกิดมาและจําความได้ ตาของผมได้แขวนภาพพระเจ้าอยู่หัวไว้บนหัว หรือแค่ผมกลับจากโรงเรียน แล้วเอาเข็มขัดหรือเอากางเกงไปแขวน ผมก็โดนด่าแล้ว”

‘ไทยสร้างไทย’ แถลงจุดยืนทางการเมือง ในการจัดตั้งรัฐบาล ยัน!! ค้านแก้ ม.112 พร้อมยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ

‘พรรคไทยสร้างไทย’ ประชุมผู้บริหารพรรคแถลง 5 จุดยืนทางการเมืองในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล หวังทุกฝ่ายร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศชาติ ประชาชน ด้วยความจริงใจและเสียสละ

(25 ก.ค. 66) ที่พรรคสร้างไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมคณะผู้บริหาร นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายสุพันธุ์ มงคลสุธี, นายฐากร ตัณฑสิทธิ์, นายอุดมเดช รัตนเสถียร และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ซึ่งหลังการประชุม มีการประกาศ 5 จุดยืนทางการเมือง ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้

1.) พรรคไทยสร้างไทยยืนยันเคารพเสียง และเจตนารมณ์ของประชาชน ที่ต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยตามข้อตกลงร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรค ที่ได้รับฉันทามติจากประชาชน และสนับสนุนให้มีการเดินหน้าตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชนให้สำเร็จ เพื่อนำประเทศสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง

2.) พรรคไทยสร้างไทย ขอขอบคุณและชื่นชมความเสียสละของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แม้ระหว่างทางจะมีปัญหาและอุปสรรคบ้าง แต่ขอให้กำลังใจให้เดินหน้าต่อไปเพื่อประเทศชาติ และประชาชน

3.) ขอให้แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และพรรคร่วมได้หาทางออกร่วมกัน ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรในการหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมจาก ส.ว. และ ส.ส. ขอให้นำมาพูดคุยกัน
ด้วยความจริงใจและความเสียสละเพื่อประชาชน และถอยกันคนละก้าวเพื่อที่จะนำไปสู่ทางออกของประเทศ

4.) พรรคไทยสร้างไทยมีจุดยืนมั่นคงในการรักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพรรคไทยสร้างไทยขอสนับสนุนการสร้างประชาธิปไตยถาวร ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจอย่างเด็ดขาด และไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่เห็นว่า รากเหง้าปัญหาของประเทศเกิดจากรัฐธรรมนูญปี 2560

พรรคไทยสร้างไทยจึงได้เสนอ ให้คืนอำนาจให้กับประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ตามร่างที่พรรคไทยสร้างไทยได้เสนอเข้าสภาเรียบร้อยแล้ว เพื่อตัดวงจรการสืบทอดอำนาจทั้งสว. และแผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยไม่แก้ หมวด 1 และ 2 เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาชนสำเร็จลุล่วงได้จริง

5.) ยอมรับว่าขณะนี้บ้านเมืองต้องการรัฐบาล และปัญหาของประชาชนรอไม่ได้ แต่ถ้าหากสามารถตั้งรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยได้ตามที่ประชาชนคาดหวังก็จะดีที่สุด ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาบ้าง โดยระหว่างนี้ให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาเพื่อพิจารณาและประสานงานกับคณะรัฐบาลรักษาการและหน่วยงานราชการเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนไปพลางก่อน

‘เสธ.ต๊อด-เสธ.เบิร์ด’ ร่วมถกปม ‘ม.112-ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์’ ชี้!! ต้องคุยกันด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่หยิบยกเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาตี

‘เสธ.ต๊อด-เสธ.เบิร์ด’ ร่วมถกประเด็นร้อน ม.112 ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และพระราชจริยวัตร ‘ในหลวง’  ในโครงการสัมนาครูเพชรในตม ความร่วมมือกอ.รมน.-สพฐ.-อาชีวะศึกษา

(26 ก.ค.66) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พร้อมด้วย พล.ต.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม ร่วมโครงการสัมนาครูเพชรในตม ที่จันทบุรี ระหว่างวันที่ 25-26 ก.ค. 66 เป็นผลจากความร่วมมือด้านประวัติศาสตร์ ระหว่าง กอรมน. สพฐ. และอาชีวะศึกษา

พร้อมร่วมพบปะพูดคุย ความจริงทางประวัติศาสตร์ และความจริงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ถูกบิดเบือน รู้เท่าทันความวุ่นวายในสังคมเกิดจากการปั่นสังคมให้วุ่นวายด้วยการสร้างหรืออุปโลกตัวละครขึ้นมาให้น่ากลัวให้เป็นจำเลยในสังคม พร้อมชี้นำว่าอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายต่างๆ 

หลักการเหล่านี้ใช้มาตั้งแต่อดีตไม่เคยเปลี่ยน สิ่งที่เปลี่ยนคือเครื่องมือที่ใช้สนับสนุน และสถาบันก็ตกเป็นจำเลยในสังคมอยู่เสมอ สิ่งสำคัญในวันนี้ที่แม่พิมพ์ของชาติต้องสร้างเยาวชน คือ การให้ความรู้ที่ถูกต้องเพื่อสร้างนักเรียนให้มีทัศนะคติที่ดีต่อสังคมและประเทศชาติ ตามคุณลักษณะของเด็กที่มีความพร้อมในศตวรรษที่ 21

ทั้งนี้การพูดคุยพบปะ ยังมีการตอบคำถามที่ค้างคาใจ เช่น กฏหมายมาตรา112 เรื่องทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เรื่องพระราชจริยวัตรของในหลวง

โดยสรุปช่วงท้ายว่า เราจะเข้าในสถานะและความแตกต่างของคนได้ด้วยความเข้าใจ ความเท่าเทียมและความเสมอภาคควบคู่กัน ไม่ใช่หยิบยกเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น

สำหรับโครงการนี้จัดขึ้น 5 ครั้งในทั่วประเทศ คือ กาญจนบุรี, จันทบุรี, ขอนแก่น, สงขลา, พิษณุโลก ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 2จังหวัด

‘ลูกสาวไตรรงค์’ ชำแหละ ‘ก้าวไกล’ แบบหมดเปลือก ปมตั๋วปารีส - แก้ ม.112 - รื้อ รธน.หมวดพระมหากษัตริย์

(28 ก.ค. 66) ‘เนเน่ รัดเกล้า สุวรรณคีรี’ ผู้สมัคร สส.กทม. เขต 33 บางพลัด-บางกอกน้อย พรรครวมไทยสร้างชาติ ลูกสาวไตรรงค์ สุวรรณคีรี โพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งหัวข้อ ‘ก้าวไกล… ฉันสงสัยในตัวคุณ I question YOU’ โดยมีรายละเอียดดังนี้

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ซึ่งคือวันแรกของการโหวตเลือกนายกหลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นไป และคุณพิธาได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกคนที่ 30 ของประเทศไทย คนทั้งประเทศจับตาดูการอภิปรายจาก สส. หลากหลายพรรคในสภา และเห็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือแทบจะทุกพรรคในสภามีความเห็นตรงกันเกี่ยวกับนโยบายแก้ ม.112 ของพรรคก้าวไกล มีการตั้งคำถามในทิศทางเดียวกันว่าพรรคก้าวไกลสามารถถอนจุดยืนที่จะดำเนินการตามนโยบายนี้ได้ไหม ขณะที่คุณชาดา ไทยเศรษฐ์ ออกปากว่าหากถอนนโยบายแก้ ม.112 จะยกคะแนนของทั้งพรรคภูมิใจไทยให้… แต่สุดท้ายพรรคก้าวไกลก็ยืนกรานในนโยบายหนึ่งข้อนี้ และมติการโหวตในสภาฯ ก็คือ คุณพิธาไม่ได้เป็นนายก

ในนาทีนั้น เนเน่เชื่อว่าหลายคนคิดเหมือนกันว่า “มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? อะไรมันค้ำคอพรรคก้าวไกลอยู่หรือ ถึงจะถอยออกจากเรื่องนี้ไม่ได้เลย”

จากคำถามในวันนั้น หากเราย้อนมองกลับไป จะสังเกตได้ว่ามีสิ่งที่น่ากังวล (ปนน่าสงสัย) อยู่หลายส่วนค่ะ มาลองตั้งคำถามไปด้วยกันนะคะ

ใครคือคนจุดประกายไฟ
สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน (ที่คุณต๋อม ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เคยเป็นถึงอดีตบรรณาธิการ) ผลิตหนังสือ เช่น ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ และ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรีย์ เป็นหนังสือที่มีการเผยแพร่ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสถาบันกษัตย์ที่สังคม และนักวิชาการหลายท่านตั้งข้อสงสัยถึงความถูกต้องของข้อมูล ถึงขนาดที่ผู้ที่ถูกอ้างอิงข้อมูล (เช่น นสพ. Bangkok Post และลูกหลานของคนในประวัติศาสตร์ที่ถูกอ้างอิง) ต้องออกมาชี้แจง ฟ้องร้อง ว่าข้อมูลที่หนังสือกล่าวถึงไม่มีจริง (ดูแหล่งข้อมูลจากลิงก์ด้านล่างได้ค่ะ)… แต่อย่างไรก็ตาม หนังสือเหล่านี้กลับเป็นหนังสือที่โปรดปรานประหนึ่งเหมือนกับพระคัมภีร์ให้กับเยาวชนนักต่อสู้ (เช่น รุ้ง เพนกวิน ที่ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นหนังสือเล่มโปรด) ที่เป็นฐานเสียงกลุ่มสำคัญของพรรคก้าวไกล

ใครคือคนเติมฟืนใส่ไฟ
คณะก้าวหน้าเดินสายทำกิจกรรมในรั้วมหาลัย เผยแพร่ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสถาบันกษัตย์ที่ ถูกตั้งข้อสงสัยถึงความถูกต้องของข้อมูล ชักชวนเยาวชนต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพ (แต่พูดถึงภราดรภาพบ้างรึเปล่าน้าาา) การแยกตัวของรัฐปาตานี และอีกหลากหลายหัวข้อที่สร้างความโกรธ เกลียด ในสังคมไทย และที่สำคัญคือทำให้คนส่วนหนึ่งมีความรู้สีกไม่ดีต่อสถาบัน… นี่พูดแค่เรื่องเติมฟืนใส่ไฟให้เยาวชนนะคะ… ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องเติมเงินเข้ากระเป๋านะ… ตอนนี้เรื่อง #ตั๋วปารีส ที่มีคนบางกลุ่มตั้งข้อสังเกตและชี้ให้เห็นว่าคุณมี “เงินทุนจากต่างชาติ” มาเป็นน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ หากเป็นจริง แสดงว่าประเทศไทยเรามีมหาอำนาจต่างชาติเข้ามาแทรกแซงจริงๆ สินะ… เอ… คนในที่เปิดประตูให้คนนอกเข้ามาเผาบ้านตัวเองนี่ เขาเรียกว่าอะไรน้าาาาา … ยังไงก็รอดูหลักฐานกันต่อไปนะคะ ว่าจริงแท้แน่เท็จขนาดไหน ความจริงมีหนึ่งเดียว รอดูกันไปๆ

ใครเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อม รอโอกาสดำเนินการ
ขอชวนไปลองอ่าน ‘เปิดร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 2 พระมหากษัตริย์’ บนเว็บของคณะก้าวหน้าที่นี่ https://progressivemovement.in.th/article/special/5069/ เพื่อเห็นกับตาตนเองว่ามีการเตรียมร่างรัฐธรรมนูญเปลี่ยนโครงสร้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ไว้แล้ว #ใครคือคนสร้างบรรทัดฐานทำชั่วได้ดี คณะ สส. ของพรรคก้าวไกลหลายคนมีคดีติดตัวและมีประวัติพฤติกรรมถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นสถาบันกษัตย์อย่างโจ่งแจ้ง เปิดเผย ชัดเจน แต่พรรคก้าวไกลกลับส่งเสริมให้คนที่ถูกดำเนินคดีกลุ่มนี้ ได้ดิบ ได้ดี ได้เป็น สส. อันทรงเกียรติ มาทำงานขับเคลื่อนฝั่งนิติบัญญัตในสภาฯ

ใครกลืนน้ำลายเก่ง พลิกลิ้นไปเรื่อย
วันนึงคุณก็ขึ้นเวที ติดสติกเกอร์ในฝั่งยกเลิก ม.112 และมาอีกวันคุณบอกว่าจะแก้เฉยๆ และล่าสุดบอกปรับเพื่อยกระดับให้สถาบันกษัตย์มีมาตรฐานที่ดีขึ้นเทียบเท่ากับประเทศอื่นๆ แต่เมื่อดูในรายละเอียดดีๆ การกำหนดโทษลดลงเยอะ ถ้าหมิ่นประมาทกษัตริย์โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ถ้าหมิ่นประมาทราชินี โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน (ต่ำกว่าหมิ่นประมาทเดิมที่คนธรรมดาที่จำคุกไม่เกิน 1 ปีอีก) สิ่งที่สังคมสงสัยว่าคุณจะทำให้เกิดขึ้นคือการเลิกการคุ้มครองพระบารมี และคงเหลือไว้แต่การคุ้มครองชื่อเสียงของกษัตริย์ด้วยกฎหมายหมิ่นประมาทเช่นคนทั่วไป โดยมีความพิเศษเล็กๆ น้อยๆ เช่น ให้ในหลวงไม่ต้องร้องทุกข์เอง ให้สำนักพระราชวังร้องทุกข์แทนได้ เป็นต้น …ถ้าจะขนาดนี้ มันก็ไม่ต่างกับการยกเลิกหรอกค่ะ

ใครเร่งจนสร้างปัญหา
ถ้าคุณจะลดความรุนแรงของบทลงโทษ คุณได้ให้เวลาและความสำคัญกับการปรับพฤติกรรมและความเข้าใจคนในประเทศด้วยแล้วหรือยัง ของญี่ปุ่น โทษการหมิ่นประมาทกษัตย์เทียบเท่ากับการหมิ่นประมาทคนทั่วไป แต่ที่สวีเดนการดูหมิ่นกษัตริย์และสมาชิกราชวงศ์ยังเป็นความผิดทางอาญา โดยมีโทษถึง 4 ปี หรือ 6 ปี… ฉะนั้น ขอถามว่ามาตรฐานของโลกคืออะไร เนเน่ว่าคำตอบคือ “หลากหลายและแล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละประเทศ” ไม่ใช่ว่าเราเห็นของเพื่อนดีแล้วต้องซื้อตามเพื่อเสมอใช่ไหมละคะ เราต้องดูความเหมาะสมกับเราด้วย ในเมื่อปัจจุบันนี้สังคมไทยยังแตกแยกกันเพียงแค่หยิบประเด็นนี้มาพูดถึง ก็หมายความว่าเราอาจจะยังไม่พร้อม หรือเราต้องการเวลามากกว่านี้หรือเปล่า …ทำไมคุณต้องเร่งคะ?

ฉะนั้น ก้าวไกลคะ อุดมการณ์อยู่ที่การกระทำไม่ใช่คำพูด ที่คุณพิธาให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติ และล่าสุดกับ CNN ว่าโดนเกมการเมืองเอา ม.112 มากลั่นแกล้ง กีดกันตนเองที่ชนะมาด้วยเสียงของประชาชน จนไม่ได้รับตำแหน่งนายก… ก่อนจะตีหน้าเศร้า เล่านิทานว่าตนเป็นผู้ถูกกลั่นแกล้ง และโดนเข้าใจเจตนารมย์ผิด ที่อยากแก้ ม.112 คืออยากยกระดับสถาบันกษัตย์ไทยให้เท่ามาตรฐานโลกคุณมองย้อนหลังสักนิดนะคะ

ในวันที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมาคุณมีโอกาสเข้ามาทำงานตามที่ประชาชน 14 ล้านเสียงได้เลือกคุณมา (ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมดแน่นอนที่อย่างแก้ ม.112 หลายคนหวังพึ่งนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท และเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ 3,000 บาท และอีกหลายๆ นโยบายดีๆ) แต่คุณก็เลือกที่จะทิ้งโอกาสนั้นไป ทิ้ง 299 นโยบาย เพียงเพื่อนโยบายเพียง 1 เดียวของคุณ

การกระทำย้อนหลังไป 20 ปีของพวกคุณ ของกลุ่มที่สังคมสงสัยถึงความเชื่อมโยงกับพวกคุณ สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ของคณะก้าวหน้า หรือแม้แต่ของคนในพรรคก้าวไกล และรายละเอียดในนโยบายของคุณเอง…. ทุกสิ่งมัน #ย้อนแย้ง โดยสิ้นเชิง การกระทำของคุณทำให้เรา ‘สงสัย’ เชื่อไม่ลงจริงๆ ว่าคุณมีความบริสุทธ์ใจ อยากทำเพื่อ ‘ยกระดับมาตรฐานให้สถาบันกษัตย์’ จริงๆ  พวกเราจำต้องยืนกรานพูดว่า “ไม่ใช่แค่เรื่อง ม112 แต่ด้วยแนวทางและอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน เราไม่สามารถทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกลได้” 

หรือให้เราพูดตรงๆ ก็คงต้องพูดเลยว่า…

“ที่คุณบอกว่าตั้งใจเข้ามายกระดับสถาบันกษัตย์ไทยให้เท่ามาตรฐานโลกนั้น #อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อค่ะ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top