Saturday, 4 May 2024
พรรคก้าวไกล

‘พิธา’ ยัน!! อภิปรายงบสถาบันฯ เป็นหน้าที่ ส.ส. พร้อมปัด ‘ก้าวไกล’ ไม่มีเอี่ยวคดีฉาวคาวโลกีย์

พิธา พบ ก.ก.ต.ตามนัด กรณีอภิปรายงบสถาบันกษัตริย์ ส่อล้มล้างการปกครองหรือไม่ ยืนยันเจตจำนงก้าวไกล อภิปรายงบฯ ตามรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ผู้แทนเคียงข้างประชาชน 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้อภิปรายงบส่วนราชการในพระองค์ และทีมกฎหมายพรรคก้าวไกล เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ประเด็นที่มีผู้ยื่นคำร้อง กล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์และการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 92(2) เป็นปฏิปักษ์การปกครองฯ จากกรณี ส.ส. พรรคก้าวไกล อภิปรายงบประมาณสถาบันฯ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 2565

พิธา กล่าวว่า ในวันนี้ตนมาให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.) ว่า การอภิปรายของพรรคก้าวไกล เป็นการกระทำที่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ได้เป็นปรปักษ์ต่อการปกครองอย่างที่ถูกกล่าวหา

พิธา กล่าวต่อไปว่า ส่วนตัวไม่กังวลในข้อกล่าวหานี้ เนื่องจากส่วนราชการในพระองค์ เป็นหน่วยรับงบประมาณเหมือนหน่วยงานอื่นๆ ตามพระราชบัญญัติวิธีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ตามมาตรา 4 ซึ่งจัดอยู่ในส่วนราชการที่ถูกเรียกให้มาชี้แจงในการขอรับงบประมาณจากสภาผู้แทนราษฎร เป็นหน้าที่ของส.ส.ที่มีหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณ เพื่อความโปร่งใสและประสิทธิภาพจากการใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชน และเป็นการดำรงพระราชสถานะของพระมหากษัตริย์ ที่อยู่เหนือการเมือง ใต้รัฐธรรมนูญ

'วิโรจน์' ชูนโยบายเปิดหน้ากากอนามัย เปิดเมืองให้คนกรุงภายใน 90 วัน

(21 เม.ย. 65) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า... 

เมื่อไหร่คนกรุงเทพจะได้เปิดหน้ากากอนามัย

เมื่อวานนี้ตอนดูบอลคู่แมนยูฯ กับลิเวอร์พูล กองเชียร์เปิดหน้ากากดูบอลกันหมดแล้ว ผมคิดว่า เวลานี้คน กทม. เริ่มถามตัวเองแล้วว่า เราฉีดวัคซีนกัน 3-4 เข็ม เพื่อจะต้องใส่หน้ากากรักษาระยะห่างคุยกันแบบนี้ต่อไปถึงเมื่อไหร่ ผู้ว่าฯ กทม. ต้องมีเป้าหมายสำคัญว่า จะต้องเปิดเมืองให้ได้ เปิดหน้ากาก เปิดเศรษฐกิจ เปิดการใช้ชีวิตปกติเสียที

ขณะนี้มหานครหลายแห่งในโลกผ่อนคลายแล้ว ที่เขาทำได้ไม่ได้หมายความว่า เขาติดน้อยลง แต่เนื่องจากการฉีดวัคซีน และพอติด เขาไม่คิดถึงเรื่องการตายอีกแล้ว เพราะเขามั่นใจในระบบการรักษา

'วิโรจน์' ชู!! สวัสดิการคนเมืองต้องเกิด เพื่อโอบอุ้มชีวิตคนกรุง หลังลงพื้นที่พบคนกรุง-ภาพศก.ชุมชนไม่คึกคักสะพัด

'วิโรจน์' บุก ตลาดศิริเกษมบางแค ควง 'อำนาจ ปานเผือก' แนะนำตัวต่อหน้าประชาชน พร้อมชูนโยบาย สวัสดิการคนเมือง เพื่อคุณภาพชีวิตของคนกรุง

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล เยือนตลาดศิริเกษม เขตบางแค พร้อมด้วย อำนาจ ปานเผือก ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพ (..) เพื่อพบปะและแนะนำตัวกับพี่น้องประชาชน โดยพ่อค้าแม่ขาย รวมถึงประชาชนที่ออกมาจับจ่ายใช้สอยในตลาดช่วงเช้า ต่างให้การตอบรับเป็นอย่างดี

หลังจากเดินแนะนำตัวกับประชาชนเสร็จเรียบร้อย วิโรจน์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเคยมาที่ตลาดศิริเกษมหลายครั้ง เห็นได้ชัดเจนว่าไม่คึกคักเหมือนแต่ก่อน เป็นภาพที่สะท้อนปัญหาเศรษฐกิจเป็นอย่างดี ตนเชื่อว่านโยบายของเราในเรื่องสวัสดิการคนเมือง ที่จะโอบอุ้มเด็ก คนชรา และผู้พิการ จะสามารถทำให้คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนกรุงเทพดีขึ้นอย่างแน่นอน

‘พิธา’ มั่น!! ‘ก้าวไกล’ ปักธง ส.ส.เขตภาคใต้ แซะ!! หมดยุคส่งเสาไฟฟ้าลงแล้วชนะ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปลุกพลังว่าที่ผู้สมัคร ส..ภาคใต้ เตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง - ลั่นหมดยุคส่งเสาไฟฟ้าลงแล้วชนะ ชี้!! สนามการเมืองภาคใต้เปิดแล้ว…มั่นใจ ‘ก้าวไกล’ จะมี ส..เขตได้แน่นอน

ที่ จ.สุราษฎร์ธานี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวในการอบรมสัมมนาว่าที่ผู้สมัคร ส..พรรคก้าวไกล พื้นที่ภาคใต้ว่า ความฝันอย่างหนึ่งของตัวเองตั้งแต่มาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลนั่นก็คือ จะต้องมี ส..เขต ในพื้นที่ภาคใต้ให้ได้ และสถานการณ์ตอนนี้นับว่าเป็นช่วงที่ใกล้เคียงมากที่สุด สนามการเมืองภาคใต้เปลี่ยนแปลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น หมดยุคที่บอกว่าเอาเสาไฟฟ้ามาลงก็ชนะ และยิ่งถ้าไปดูเส้นทางของพวกเราตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ กว่า 5 แสนเสียง จาก 6.3 ล้านเสียง ถือเป็นเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ ที่พี่น้องปักษ์ใต้ให้ความไว้วางใจ นับเป็นคะแนนที่สูงมาก ตนไม่เคยลืมความไว้วางใจนี้ และในการทำงานในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (..) ของพวกเรา ตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่มาจนเป็นพรรคก้าวไกล ก็พยายามยามผลักดันประเด็นปัญหาของพื้นที่ให้ได้รับการแก้ไขหลายเรื่องมาก ไม่ว่าจะเป็นกรณีโรงไฟฟ้าจะนะ จ.สงขลา ที่เรามี ส..อภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องนี้ด้วย, กรณีโรงไฟฟ้านาบอน จ.นครศรีธรรมราช หรือเหตุการณ์น้ำท่วมในตัวเมืองนครศรีธรรมราช เราก็ได้เข้ามาช่วยเหลือพี่น้องอย่างเต็มที่ ทั้งหมดได้รับการต้อนรับจากพี่น้องชาวใต้เป็นอย่างดี หรืออย่างครั้งนี้ เมื่อเสร็จจากการอบรมสัมมนาแล้ว ตนจะเดินทางต่อไปยัง 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อพบปะและรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ สำหรับออกแบบนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป

‘วิโรจน์’ บุก!! ‘จตุจักร-บางเขน’ เจาะชุมชน-ตลาดสด งัด 12 ข้อ มัดใจประชาชนเลือกคนนโยบายชัดเจน

‘วิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล พร้อมผู้สมัคร ส.ก.เขตจตุจักร ‘มาร์ท-อภิวัฒน์ ด่านศรีชาญชัย’ เบอร์ 4 เดินหน้าแนะนำตัวหาเสียงกับพี่น้องประชาชนบริเวณตลาดบางเขนและพื้นที่ใกล้เคียง ระหว่างการลงพื้นที่ ทั้งคู่ได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องประชาชนอย่างคึกคัก สะท้อนความต้องการอยากเลือกตั้งผู้ว่าฯ ครั้งแรกในรอบ 9 ปีของคน กทม. ด้านวิโรจน์มั่นใจว่า คนส่วนใหญ่ในเขตจตุจักร รู้จักมาร์ทในฐานะคนทำงานหนักเพื่อพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโควิด มาร์ททำงานอย่างหนักช่วยเหลือคนจตุจักรอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งนี่จะเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้ผู้สมัคร ส.ก. เขตนี้จะสามารถคว้าชัยชนะในพื้นที่นี้ได้

นอกจากนี้ วิโรจน์ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าวว่า เขตจตุจักรเป็นพื้นที่ที่มีความเหลื่อมล้ำสูงอีกเขต เนื่องจากมีคนหลากหลายอาชีพ ประชากรมีรายได้หลายระดับ จึงจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจและอุดหนุนสวัสดิการคนเมือง วิโรจน์ให้ความเห็นเพิ่มเกี่ยวกับเขตจตุจักรว่า ตนกังวลเรื่องการเข้าถึงสาธารณสุขและการจัดการขยะในพื้นที่เขต เพราะช่วงโควิดที่ผ่านมา คนจตุจักรจำนวนไม่น้อยเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุข ทำให้ตนต้องออกนโยบายด้านสาธารณสุขขึ้นมาปิดช่องโหว่ปัญหานี้ ซึ่งก็คือนโยบาย "วัคซีนฟรีจากภาษีประชาชน" ที่เน้นการให้บริการฟรี วัคซีนปอดอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก และพร้อมเปลี่ยนศูนย์สาธารณสุข กทม. เป็นศูนย์ฟรีวัคซีน 

ส่วนปัญหาเรื่องการเก็บขยะของพื้นที่ก็เป็นอีกข้อจำกัดหนึ่ง เขตจตุจักรมีตลาดสดจำนวนมาก การจัดการขยะอย่างสม่ำเสมอและการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องผลักดัน ซึ่งที่แล้วมาตนพูดถึงแนวทางการเก็บขยะที่เหลื่อมล้ำกัน สองมาตรฐาน ระหว่างประชาชนและทุนใหญ่ ทุนห้างสรรพสินค้าเสมอ รถขยะ กทม. เก็บขยะห้างวันละสองครั้งทุกวันไม่หยุด แต่กลับเก็บขยะหน้าบ้านประชาชนล่าช้า ซึ่งตนเห็นว่า กทม. ต้องทำงานรับใช้ประชาชนมากกว่าการรับใช้นายทุนห้างสรรพสินค้า 

ต่อเนื่องจากพื้นที่เขตจตุจักร วิโรจน์ เดินทางถึงชุมชนตึกแดง เขตบางซื่อ ด้วยรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง (มอเตอร์ไซค์วิน) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการกระจายรายได้และสนับสนุนประชาชนคนตัวเล็กในพื้นที่ จากนั้นร่วมเดินพบปะประชาชนกับ เนอส ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางซื่อ เบอร์ 3 เดินหาเสียงพร้อมสื่อสารนโยบายสวัสดิการคนเมือง ระหว่างการหาเสียงมีผู้สูงอายุจำนวนมากให้ความสนใจนโยบายสวัสดิการคนเมือง ที่จะช่วยเติมเงินสวัสดิการให้ผู้สูงอายุเพิ่มอีกคนละ 400 บาท เป็น 1,000 บาท โดยใช้งบกลางของกทม. รวมถึงรายได้จากการจัดเก็บภาษีที่ดิน

‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มั่นใจเลือกตั้งครั้งหน้า กวาดส.ส.ได้เกิน 100 ที่นั่ง หลังมีเวลาเตรียมตัวนานกว่าครั้งก่อน

30 เม.ย.2565 - ที่อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคก้าวไกลจัดประชุมสามัญประจำปี โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนการเริ่มประชุมถึงการตั้งเป้าจำนวนส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า มีตัวเลขในใจอยู่แล้ว โดยจะพยายามพูดคุยเรื่องนี้กันภายใน แต่จะไม่เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ ตนไม่อยากใช้ตัวเลขเป็นหลักแล้วให้ว่าที่ผู้สมัครนั่งคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในนั้นหรือไม่ เพราะไม่อยากให้เสียกำลังใจ

"ดูได้จากผลการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว และผลการเลือกตั้งท้องถิ่นของกลุ่มคณะก้าวหน้า มั่นใจว่าจะเกินกว่าร้อยที่นั่ง ซึ่งเราจะทำงานหนักด้วยข้อมูล และละเอียดมากขึ้น ครั้งที่แล้วที่เป็นพรรคอนาคตใหม่การเตรียมตัวมีค่อนข้างน้อย แต่ตอนนี้เราเริ่มเตรียมการมาเป็นปีแล้วในการเตรียมว่าที่ผู้สมัคร สัมภาษณ์ผู้สมัคร เทรนผู้สมัคร ให้ผู้สมัครได้ทดลองงานซึ่งคิดว่าเป็นการทำงานในพื้นที่อย่างเข้มข้นมากขึ้น ประกอบกับการทำงานในสภาของส.ส. ก็จะเป็นการทำงานที่คู่ขนานกันไป แต่ก็จะเน้นทำงานในพื้นที่มากขึ้น" หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุ

หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า จุดแข็งของพรรคก้าวไกลคือความหลากหลายของว่าที่ผู้สมัครที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนจากหลายกลุ่มจริงๆ ทั้งกลุ่ม LGBTQ กลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงคนที่มีประสบการณ์ทางการเมืองและคนที่ไม่มีประสบการณ์มารวมกันอยู่ โดยประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงได้นั้นความกระจุกจะต้องกระจายออกผ่านการกระจายอํานาจ เชิงเศรษฐกิจต้องเปลี่ยนจากฐานรากขึ้นมาข้างบนโดยการทำลายทุนผูกขาด วิธีการมองต้องเอาจากข้างนอกเข้ามาข้างใน ไม่ใช่เอาความเป็นไทยไปสู่ข้างนอก ถ้าเราเขย่าประเทศกับหัวกลับหางแบบนี้ประเทศไทยก็จะมีทางรอดออกไปได้

เมื่อถามถึงกระแสนายกรัฐมนตรีสำรองที่มีชื่อของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายพิธา กล่าวว่า ตั้งระบบรัฐสภานายกรัฐมนตรีควรที่จะเป็นส.ส.และคนที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ในช่วงการเลือกตั้ง ส่วนนายกรัฐมนตรีจะเหมาะสมหรือไม่ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน อย่างไรก็ตามพล.อ.ประวิตร ก็ยังมีเรื่องที่ค้างคาใจที่ตนคิดว่าประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้รับข้อชี้แจง ทั้งเรื่องของป่ารอยต่อ และเรื่องการค้ามนุษย์ ซึ่งก็ต้องมีการชี้แจง

‘พิธา’ นำทีม ‘แรงงานก้าวไกล’ ร่วมขบวนหน้าทำเนียบ ชี้!! 136 ปีมีเเต่ความล้าหลัง คุณภาพชีวิตเเรงงานไม่คืบ

‘พิธา’ นำทีม ส.ส.สัดส่วนแรงงาน พรรคก้าวไกล ร่วมเดินขบวนหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องสิทธิ ‘วันเเรงงานสากล’ ประกาศ ‘ก้าวไกล’ พร้อมต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิของผู้ใช้เเรงงานและผลักดันรัฐสวัสดิการ พร้อมเชิญชวนร่วมแสดงความเห็นร่างกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ ฉบับก้าวไกล เพื่อสนับสนุนสิทธิการรวมตัว ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ใช้เเรงงานทุกระบบ  

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย สุเทพ อู่อ้น, ทวีศักดิ์ ทักษิณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ จรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.ชลบุรี เขต 6 ซึ่งทั้งหมดเป็น ส.ส.ที่ขับเคลื่อนเรื่องสิทธิเเรงงาน พรรคก้าวไกล ร่วมกันเดินขบวนไปพร้อมกับกลุ่มสหภาพแรงงานที่มารวมตัวกันหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องสิทธิ เนื่องในวันเเรงงานแห่งชาติ และวันเเรงงานสากล 1 พฤษภาคม 2565 

พิธา กล่าวว่า ถึงเวลาที่พวกเราต้องสู้ในเรื่องรัฐสวัสดิการ ซึ่งจะไปสู่จุดนั้นได้ต้องเริ่มจากการลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นลง ไม่ว่างบประมาณด้านความมั่นคง หรืองบที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ตรวจสอบไม่ได้ เพื่อนำมาสร้างรัฐสวัสดิการให้กับประเทศไทย พรรคก้าวไกล เสนอให้มีเบี้ยบำนาญเพื่อคนหลังวัยเกษียณถ้วนหน้า 3,000 บาท เสนอให้มีการจ้างงานและระบบพัฒนาคนทำงานเพื่อไปดูเเลผู้สูงอายุ เพราะด้วยงบประมาณก้อนนี้ ทำให้คนอีกจำนวนมากที่ต้องยอมออกจากงานไปดูแลพ่อแม่หรือผู้สูงอายุที่บ้านได้รับศักยภาพของเขากลับคืนมาแล้วออกไปทำงานได้อีกครั้ง 

กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ถกใช้ ม.112 ไร้มาตรฐาน เป็นเครื่องมือการเมือง หยิบใช้อย่างไม่เป็นธรรม

กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ถกกรณีการทำโพลเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์และการรับเสด็จ โดยกลุ่มราษฎรและกลุ่มมังกรปฏิวัติ ชี้ หลักเกณฑ์ดำเนินคดี-ประกันตัวไม่มีมาตรฐาน ยืนยัน การตั้งคำถามและแสดงความเห็นต่อสถาบันกษัตริย์เป็นสิทธิ ไม่ใช่ความผิด “หมออ๋อง” ชี้ ยิ่งใช้กฎหมายไม่เป็นธรรมยิ่งส่งผลกระทบต่อสถาบันกษัตริย์และประเทศในทางลบ

คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน เชิญหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือในญัตติซึ่งเสนอ โดย อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และคณะกรรมาธิการ เกี่ยวกับการดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 (กฎหมายหมิ่นกษัตริย์ฯ) ต่อกลุ่มเยาวชนที่จัดกิจกรรมทำโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และกรณีจัดกิจกรรมร่วมรับขบวนเสด็จ รวมถึงกรณีของ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมซึ่งถูกดำเนินคดีและปฏิเสธสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราวในขณะนี้

โดยมีการเชิญตัวแทนจากทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และ สน.นางเลิ้ง), สำนักงานศาลยุติธรรม, สำนักงานอัยการสูงสุด, ผู้แทนเครือข่ายสิทธิมนุษยชน, ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, ตัวแทนกลุ่มราษฎร กลุ่มมังกรปฏิวัติ และกลุ่มทะลุวัง 

ในการประชุมมีการซักถามและตอบข้อซักถามชี้แจงในหลายประเด็น โดยเฉพาะในเรื่องของเกณฑ์ที่เจ้าหนัาที่ตำรวจ อัยการ และศาล ใช้ในการพิจารณาว่าเรื่องใดเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 112 และหลักเกณฑ์ในการให้หรือไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว ว่ามีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเช่นไร

เนื่องจากในปัจจุบันนี้ กระบวนการดำเนินคดีตามมาตรา 112 มีปัญหาการกำหนดเงื่อนไขการประกันตัว เช่น การกำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำการในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหา ทั้งที่ยังไม่ถูกพิจารณาคดีว่าเป็นความผิด, การใช้กำไลควบคุมผู้ถูกกล่าวหาไม่ให้ผู้ถูกกล่าวหาไปใช้เสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง ทั้งที่เป็นคดีเกี่ยวกับการใช้เสรีภาพ, การไม่สามารถพูดหรือวิจารณ์ใดๆ เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดี

รวมทั้งการบังคับใช้มาตรา 112 ที่ปัจจุบันนี้ไม่ว่าการเคลื่อนไหวใดๆ เมื่อพาดพิงถึงสถาบันกษัตริย์ จะถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ทันที อย่างเช่น กรณี สมบัติ ทองย้อย ที่โพสต์ข้อความ “กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ” ถูกพิพากษาว่าผิดมาตรา 112 ซึ่งความจริงแล้วไม่ควรถูกพิจารณาว่าเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์

ในฝ่ายของผู้บังคับใช้กฎหมาย มีการชี้แจงจากทั้งตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัยการ และสำนักงานศาลยุติธรรม ระบุว่าในทางปฏิบัติ เมื่อมีการกล่าวหาตามมาตรา 112 เกณฑ์ในการพิจารณาจะต้องดูที่เจตนาของผู้ถูกกล่าวหา ว่ามีเจตนาอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันกษัตริย์หรือไม่

ขณะที่การพิจารณาเงื่อนไขการให้หรือไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว ตัวแทนจากสำนักงานศาลยุติธรรมระบุว่าโดยหลัก เมื่อมีการขอฝากขัง ผู้ต้องหามีสิทธิได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนมีอำนาจในการกำหนดเงื่อนไข รวมทั้งการติดกำไล EM ในแต่ละกรณีเป็นอำนาจของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนแต่ละคน โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงและรายละเอียดพฤติการณ์ในแต่ละกรณีไป

พร้อมยืนยันว่าการติดกำไล EM ไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัย ที่ศาลกำหนดเพื่อไม่ให้ผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อตัวคดี อีกทั้งการติด EM ยังเป็นหลักประกันให้ผู้ถูกกล่าวหาได้กลับบ้านโดยไม่ต้องมาอยู่ในเรือนจำ

ส่วนการเพิกถอนสิทธิประกันตัว เป็นคนละส่วนกับการสืบว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดจริงหรือไม่ ซึ่งการถอนประกันอาจเป็นเพราะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ตีความว่ามีการกระทำที่ผิดเงื่อนไขประกันที่ได้กำหนดไว้ได้ โดยการใช้ดุลพินิจ อาศัยเกณฑ์ตามแนวทางคำแนะนำของประธานศาลฎีกา แต่ก็ไม่ได้เป็นกรอบที่ตายตัวมีความยืดหยุ่น ให้ผู้ต้องหาแต่ละคนให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวที่เหมาะสม

ตลอดการชี้แจง มีการโต้แย้งซักถามโดยตัวแทนของกลุ่มสิทธิมนุษยชนและกลุ่มเยาวชน ที่ตั้งคำถามถึงเกณฑ์ต่างๆ โดยระบุว่าจากที่มีการชี้แจงมาทั้งหมด ก็ยังไม่เห็นสิ่งที่เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาทั้งการบังคับใช้กฎหมาย การดำเนินคดี ตลอดจนการให้หรือไม่ให้ประกันตัวในแต่ละคดีคืออะไรกันแน่ และในหลายกรณียังเต็มไปด้วยความไม่ได้สัดส่วนอีกด้วย

“เมนู” สุพิชฌาย์ ชัยลอม ตัวแทนจากกลุ่มทะลุวัง ระบุว่า ตามหลักของกระบวนการยุติธรรมในคดีอาญา จะต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยที่ยังไม่ถูกพิพากษาจนถึงที่สุดเป็นผู้ที่ไม่มีความผิด จะปฏิบัติเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดไม่ได้ กิจกรรมที่ตัวเองและเพื่อนทำจนถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 คือการทำโพล ซึ่งเป็นการตั้งคำถาม สร้างพื้นที่ให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นโดยการติดสติ๊กเกอร์ เป็นการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งตัวเองยืนยันและพร้อมต่อสู้คดีว่าไม่ใช่ความผิด การกำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำการใดๆ ตามที่ถูกกล่าวหา จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล

‘พิธา’ ชี้!! ‘คนกรุงเทพ’ สั่งสอนคณะรปห.ผ่านการเลือกตั้ง ตอกย้ำ 8 ปี รัฐประหาร คือ ความล้มเหลว

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯและสมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.) ว่า วันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นวันเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และ สมาชิกสภากรุงเทพ ยังเป็นวันครบรอบ 8 ปีการรัฐประหาร ยึดอำนาจจากประชาชน บดขยี้ประชาธิปไตยของพวกเราทุกคน

“8 ปีผ่านไป ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนว่าการรัฐประหารคือความล้มเหลว ถึงแม้ว่าคณะรัฐประหารจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฉุดรั้งสังคมไทยไม่ให้เดินหน้า ทั้งการร่างกติกาที่บิดเบี้ยว การทำลายกลไกประชาธิปไตย และบ่อนทำลายกำลังของภาคประชาชน จาก คสช. มาจนถึงรัฐบาลประยุทธ์ที่รวบรวมนักการเมืองที่ไม่ได้เห็นคุณค่าของประชาธิปไตยมาไว้ด้วยกัน

“ความเลวร้ายของการรัฐประหาร ตลอดจนความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลประยุทธ์และคณะ ได้ทำให้ประเทศไทยถดถอยและล้มเหลวอย่างน่าอับอาย จนประชาชนไม่อาจฝืนใจเลือกตัวแทนที่เป็นซากเดนจากมรดกรัฐประหารได้อีกต่อไป จากที่เห็นกันในการเลือกตั้งครั้งนี้”

‘ไอติม’ แนะ ‘ประยุทธ์’ ดูกรุงเทพฯ เป็นตัวอย่าง ผู้บริหารสูงสุดทุกจังหวัด ควรมาจากการเลือกตั้ง

‘ไอติม’ แนะ ‘ประยุทธ์’ ต่อยอดจากเลือกตั้งผู้ว่า กทม. โดยการขานรับข้อเสนอการกระจายอำนาจของคณะก้าวหน้า เพื่อให้ผู้บริหารสูงสุดของทุกจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง 

พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล กล่าวถึง คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่แสดงความเห็นว่า ผลการเลือกตั้งใน กทม. ไม่สะท้อนกระแสนิยมของรัฐบาล เพราะเป็นเพียงการเลือกตั้งในจังหวัดเดียว ว่าเป็นคำพูดที่ชวนให้ตั้งคำถามต่อ ว่าทำไม กทม. จึงเป็นเพียงจังหวัดเดียว ที่มีผู้บริหารสูงสุดที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนในพื้นที่

เพราะแม้จังหวัดอื่นทั่วประเทศ มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่สังกัดราชการส่วนท้องถิ่น แต่อำนาจส่วนใหญ่ในการบริหารจัดการจังหวัด กลับตกอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มาจากการแต่งตั้งโดยราชการส่วนกลาง ในขณะที่ส่วนท้องถิ่นยังต้องเจอกับข้อจำกัดเกี่ยวกับงบประมาณ ซึ่งทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้คนในแต่ละจังหวัดได้เท่าที่ควร

นอกจาก กทม. จะผูกขาดอำนาจ มูลค่าทางเศรษฐกิจ และบริการสาธารณะที่มีคุณภาพไว้แล้ว ความแตกต่างในเชิงโครงสร้างการบริหารจังหวัด ยังเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่าง กทม. และ จังหวัดอื่นๆ ที่เรื้อรังมายาวนาน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top