Saturday, 4 May 2024
พรรคก้าวไกล

'โรม' จวก 'ภท.' ใจแคบฟ้อง 'ปลื้ม' วิจารณ์กัญชาเสรี ไม่ต่างอะไรกับรัฐที่ไล่จับผู้เห็นต่างทางการเมือง

(11 มิ.ย.65) นายรังสิมันต์  โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ว่า...

"การไปให้ สส-สมาชิกพรรค ไล่แจ้งตำรวจเอาผิดคนที่วิจารณ์นโยบายกัญชาตามจังหวัดต่างๆ ไม่ต่างอะไรจากการที่รัฐบาลเที่ยวจับกุมดำเนินคดีต่อผู้เห็นต่างทางการเมือง

"ปชช. ควรมีเสรีภาพที่จะวิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองได้ นี่คือบททดสอบความใจกว้างด้วยว่าพร้อมรับฟังความเห็นแย้งจาก ปชช. หรือไม่"

‘โรม’ ซัด ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้แล้ว ทุกวันนี้มีแต่ใช้ปราบม็อบไล่รัฐบาล

รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตั้งแต่วันที่ (26 มี.ค.2563) ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อควบคุมการระบาดของโรค COVID-19 และต่ออายุมันออกมาอีก 18 ครั้ง จนถึง ณ วันนี้ (14 มิ.ย. 2565) เป็นเวลาผ่านมาแล้วถึง 2 ปี 2 เดือน 20 วัน

ในขณะที่มองดูสถานการณ์ COVID-19 ณ ปัจจุบัน จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันมีแนวโน้มลดลงเหลือหลักพันต้น ๆ ทุกจังหวัดทั่วประเทศถูกปรับสถานะเป็นพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง), พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว), และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) กันหมดแล้ว สถานศึกษา, สถานบันเทิง, สถานประกอบการให้บริการต่าง ๆ กลับมาเปิดทำการได้แล้ว เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ รวมถึงเริ่มมีการเตรียมการประกาศให้ COVID-19 เป็นโรคประจำถิ่นในไม่ช้า ซึ่งหากจะยังต้องมีมาตรการใด ๆ รองรับ ก็สามารถทำได้ผ่านการใช้กฎหมายปรกติคือ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มากไปกว่านั้นคือประชาชนโดยทั่วไปได้เรียนรู้ที่จะป้องกันตัว สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และตรวจโรคเมื่อมีความเสี่ยงกันเป็นอย่างดีแล้ว

“กลายเป็นว่าตอนนี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีที่ทางของมันจริง ๆ เหลือแค่การเอาไว้จัดการกับผู้ชุมนุมที่ต่อต้านรัฐบาล อย่างการชุมนุมที่แยกดินแดงเมื่อวันที่ (11 มิ.ย. 2565) ที่ผ่านมา ก็ถูกตำรวจเอามาอ้างเพื่อสลายการชุมนุมและจับกุมดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมอีกครั้ง กับอีกอย่างหนึ่งคือเอาไว้ป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดจากการใช้อำนาจ ใช้กำลังอาวุธโดยอ้าง พ.ร.ก. นี้”

'ก้าวไกล' แถลงขอบคุณมติประวัติศาสตร์ หลังสภารับหลักการ 'สมรสเท่าเทียม'

หลังสภาเสียงข้างมากมติรับหลักการร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ,ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ และ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนผู้มีความหลากหลายทางเพศ พร้อมด้วย ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ในฐานะผู้ร่วมร่างและผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมและอดีต ส.ส.ของพรรค รวมถึงเพื่อน ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันผ่านมติประวัติศาสตร์ในครั้งนี้

พิธา กล่าวว่า การลงมติในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การตีความกฎหมายตามตัวอักษร แต่เป็นการส่งสัญญาณต่อประชาชนและโลกว่าประเทศไทยให้คุณค่ากับสิ่งใด ชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่ของพรรคก้าวไกล รัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่เป็นชัยชนะของประชาชน

ด้าน ธัญวัจน์ กล่าวขอบคุณทุกเสียงที่ทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎร นึกย้อนกลับไปตั่งแต่วันแรกที่ยื่นกฎหมายเข้าสภา วันนั้น #สมรสเท่าเทียม ได้ขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งทันที 

‘พิธา’ รับฟังความเห็นตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ ยัน!! ร่วมผลักดัน พ.ร.บ.สภาชนเผ่าพื้นเมือง

กลุ่มตัวแทนชาติพันธุ์หวังสร้างความเปลี่ยนแปลง เตรียมดัน ร่าง พ.ร.บ.สภาชนเผ่าฯ ให้ผ่านสภา ‘พิธา’ เผย ‘ก้าวไกล’ พร้อมสนับสนุนการโอบรับความหลากหลายเต็มที่

(22 มิ.ย.65) อาคารสัปปายะสภาสถาน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ และ มานพ คีรีภูวดล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนชาติพันธุ์ เปิดห้องรับรองตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย เพื่อทำความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นจากการที่กลุ่มชาติพันธุ์เตรียมผลักดัน ร่างพ.ร.บ.สภาชนเผ่าพื้นเมือง ในสภาผู้แทนราษฎร

พิธา กล่าวว่า พันธกิจของพรรคก้าวไกล คือ การโอบรับความหลากหลายและพยายามเข้าไปดูแลด้านงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องชาติพันธุ์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ ในรอบเดือนที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลสามารถผลักดันกฎหมายหลายฉบับที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนให้ผ่านวาระแรกได้สำเร็จในรอบเดือนที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นกฎหมายสุราก้าวหน้าและสมรสเท่าเทียม 

“แม้กฎหมายทั้งสองฉบับจะไม่เกี่ยวข้องต่อพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์โดยตรง แต่เชื่อว่าการผลักดันกฎหมายเหล่านี้จะช่วยปลดล็อกด้านเศรษฐกิจสังคม และเปิดโอกาสให้พี่น้องชาติพันธุ์ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น โดยสามารถต่อยอดจากศักยภาพและทรัพยากรของกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น การใช้พืชพื้นถิ่นเพื่อผลิตสุราที่สามารถยกระดับและเป็นโอกาสในการทำกินได้ นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังมีภารกิจเร่งด่วนที่ต้องการทำให้สำเร็จอีกหลายประการ ไม่ว่าเรื่องปัญหาสัญชาติ ที่ดินทำกิน การศึกษา และสาธารณสุขให้กับพี่น้องชาติพันธุ์ ส่วน พ.ร.บ.สภาชนเผ่าพื้นเมือง ก็จะต้องผลักดันกฎหมายให้เกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งเร็ว ๆ นี้จะเดินทางไปยังประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากได้รับเชิญให้ไปร่วมงานด้านชาติพันธ์ุ หวังว่าจะได้แนวทางในการสนับสนุนเพื่อพี่น้องชาติพันธ์ในระดับต่อไป”

‘ก้าวไกล’ ผิดหวัง!! รัฐโหวตสวนมติ กมธ.เสียงข้างมาก ดับฝัน ขรก. 'ขวางนำเงินสะสม กบข.’ ไปกู้ซื้อบ้าน

‘วรภพ’ นำทีมก้าวไกลแถลงผิดหวังแทนข้าราชการ หลัง ‘รัฐบาล’ โหวตสวนมติกมธ.เสียงข้างมากที่รัฐบาลเป็นเสียงส่วนใหญ่ ไม่ให้ข้าราชการนำเงินสะสมจาก กบข. ออกไปกู้ซื้อบ้านได้ สะท้อน ความไม่เห็นหัวข้าราชการชั้นผู้น้อย ซัด!! หวงกองทุน กบข.ไว้เพื่อใคร?

วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะนำทีม ส.ส. ก้าวไกล แถลงแสดงความผิดหวัง หลังรัฐบาลโหวตสวนมติเสียงข้างมากของที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่มีการพิจารณาให้เพิ่มมาตรา 43/1 โดยสาระสำคัญของมาตราดังกล่าวคือ การให้ข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข. สามารถนำเงินสะสมไปใช้ดาวน์บ้านได้อย่างน้อยร้อยละ 30 

วรภพ กล่าวว่า กฎหมายมาตรานี้ เป็นความหวังของข้าราชการชั้นผู้น้อยจำนวนมากที่มีเงินสะสมในกองทุน และหวังจะได้นำเงินมาดาวน์บ้านเพื่อเป็นทรัพย์สินเป็นของตนเอง แต่ความหวังก็ต้องพังลง เพราะรัฐบาลโหวตสวนเสียง กมธ. และตัดมาตราดังกล่าวออกไปและกลับไปใช้ ร่างพ.ร.บ.ฉบับเดิม ซึ่งการกระทำเช่นนี้ เปรียบเหมือนการตัดสิทธิโอกาสของข้าราชการที่จะมีโอกาสเป็นเจ้าของบ้านที่แท้จริง

'พิธา' เคือง 'บิ๊กตู่’ หนีตอบปัญหาปากท้อง ชี้!! คนเดินดินกินข้าวแกงรอฟังอยู่

'พิธา' ตั้งกระทู้ถามสดปัญหาเศรษฐกิจฟุบเฟ้อ ชี้!! ‘ของแพง-ค่าแรงถูก’ เป็นเรื่องใหญ่และด่วน จี้!! นายกต้องตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนด้วยตัวเอง ด้าน 'รองประธานสุชาติ' เห็นด้วย ฟาดแรง อย่าสั่งเหมือนทหาร สั่งแล้วไม่มีคนมาตอบสภาถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดกรณีปัญหาเศรษฐกิจฟุบเฟ้อต่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า เป็นเรื่องใหญ่และกระทบกับพี่น้องประชาชนแต่ตัวนายกรัฐมนตรี กลับไม่ยอมมาตอบคำถาม เมื่อมอบหมายให้ สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังมาตอบแทน แต่ก็มีการทำหนังสือขอเลื่อนตอบคำถามจากรัฐมนตรีช่วยอีก ทั้งที่ข้อบังคับสภาที่ 151 ระบุว่านายกรัฐมนตรีต้องเข้าร่วมประชุมสภา เพื่อตอบกระทู้ด้วยตนเอง เว้นมีเหตุจำเป็นนั้นให้แจ้งต่อประธาน และต้องกำหนดว่าจะมาตอบได้เมื่อใด และข้อกำหนดว่า 156 การตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจามีเงื่อนไขว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่เร่งด่วน และเป็นเรื่องที่มีผลกระทบเป็นวงกว้าง ซึ่งเรื่องค่าครองชีพผันผวน รายได้ประชาชนหดหายเป็นเรื่องที่เข้ากับเงื่อนไขที่นายกต้องมาตอบ

“พี่น้องเกษตรกรลำบาก เติมน้ำมันดีเซลสองพันไม่กี่วันก็หมดถัง รถพุ่มพวงก็ได้รับผลกระทบโดยตรง นี่จึงเป็นเรื่องที่คนเดินดินกินข้าวแกงกำลังรออยู่ เรื่องของแพงค่าแรงถูก เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรี จำเป็นที่จะต้องมาตอบคำถามทุกครั้ง”

จากนั้น สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานสภาในขณะนั้น กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อหารือของ พิธา และมองว่ามีเหตุผล เพราะตนเองก็เคยท้วงติงเรื่องนี้ไปยังนายกฯ และคณะรัฐมนตรีมาแล้วว่า การมอบหมายให้ใครมาตอบคำถามแทนต้องตรวจสอบว่ารัฐมนตรีมีความพร้อมหรือไม่

‘ก้าวไกล’ งง!! นายกฯ โยน สมช.แก้วิกฤตศก. แก้ปัญหาหรือรักษาประโยชน์แก่กลุ่มทุน

‘วรภพ-ก้าวไกล’ อัด ‘ประยุทธ์’ อับจนถึงขั้นเตรียมดึงกฎหมายความมั่นคงมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แนะต้องแก้ที่เพิ่มสวัสดิการ และอุดหนุนกลุ่มธุรกิจขนส่งที่กระทบกับคนจำนวนมาก เพื่อเยียวยาความเดือดร้อน

วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าว กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพเพิ่มขึ้น ปัญหาน้ำมันแพง ฯลฯ โดยคำสั่งของประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เหตุผลว่าประเทศมีปัญหาพลังงานมาเป็นเวลานาน ปัจจุบันมีต้นทุนนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ ผนวกกับวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน จึงให้ สมช. เข้าดูแลปัญหาความมั่นคงด้านพลังงานในประเทศ ราคาดีเซลและแก๊ซหุงต้ม ซึ่งสะท้อนศักยภาพและความสามารถของนายกรัฐมนตรีในการบริหารประเทศที่ผิดพลาดและล้มเหลว

วรภพ กล่าวว่า ท่าทีดังกล่าวไม่ถูกต้อง ตอนแรกอ่านข่าวคิดว่าเป็น ‘เฟกนิวส์’ เพราะดูไม่น่าเป็นไปได้ในยุคนี้ ในเมื่อมันเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ ก็ไม่น่าจะเอากฎหมายความมั่นคงมาใช้แก้ได้ ซึ่งคำสั่งดังกล่าวสะท้อนว่า นายกฯในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไม่มีความสามารถแก้ไขปัญหา เพราะไม่มีความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจอย่างเพียงพอ อีกทั้งยังบริหารแบบทหาร การให้เตรียมนำเอา พ.ร.บ.ความมั่นคงมาใช้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย และกฎหมายปัจจุบันของกระทรวงพลังงานก็มีอำนาจเพียงพออยู่แล้ว ในการควบคุมเรื่องเชื้อเพลิง น้ำมันแพง แต่กลับไม่ทำอะไร

'ก้าวไกล' ซัด!! ทหารเกณฑ์ฆ่าตัวตายครั้งแล้วครั้งเล่า ไร้เงาบิ๊กใหญ่ดูแล ถึงเวลาปฎิรูปกองทัพจริงจังเสียที

ส.ส. อดีตพลทหารอากาศ พรรคก้าวไกล ซัดแรง ทหารเกณฑ์เสียชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่าไร้เงาบิ๊กใหญ่ออกมารับผิดชอบ ถึงเวลาปฎิรูปกองทัพจริงจังเสียที 

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียนพรรคก้าวไกล ในฐานะอดีตพลทหารสังกัดกองทัพอากาศกล่าวถึงกรณีที่ พลทหาร วีรวัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) ทหารกองประจำการรุ่นปี 2564 ผลัดที่ 1 สังกัดศูนย์การทหารอากาศโยธิน หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน เสียชีวิต จากการอัตวินิบาตกรรมภายในค่ายทหาร 

โดยณัฐชา กล่าวว่า เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้น การที่พลทหารต้องมาเสียชีวิตภายในค่ายทหาร และเหมือนเดิมสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไรก็ไม่เคยมีความชัดเจน ไม่เคยมีการพิสูจน์แสดงความรับผิดชอบต่อครอบครัวและสาธารณะ รายล่าสุดก็เช่นกันเมื่อเสียชีวิตก็ให้เหตุผลว่าผูกคอตายสืบเนื่องจากมีภาวะโรคซึมเศร้า 

เหตุผลที่ให้มาทั้งหมดมักง่ายเกินไปที่จะเป็นคำตอบของกองทัพ ชีวิตคนหนึ่งคนกลับถูกตัดสินอย่างไร้คุณค่า การคัดเลือกทหารเกณฑ์เข้าไปแต่ละปีควรมีการคัดกรองโรคทั้งกายภาพและชีวภาพให้ชัดเจน

‘ครูธัญ’ ปลื้ม!! สถาบันการเงินเริ่มปล่อยกู้ LGBTQ+ หวังอนาคตมีกฎหมายรองรับสิทธิเท่าเทียม

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ธนาคาร ธอส.ออกมาตรการปลดล็อก ให้ลูกค้ากลุ่ม LGBTQ+ กู้ร่วมได้ โดยเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีที่หน่วยงานต่าง ๆ เริ่มเข้าใจและเห็นความสำคัญของสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้มีความหลากหลาย แต่นี่เป็นเพียงความเข้าใจของบางหน่วยงานเท่านั้น ยังไม่มีกฎหมายออกมารองรับ ซึ่งในความเป็นจริงสิทธิการกู้ร่วมของ LGBT ควรมีทุกสถาบันการเงิน 

“ขอขอบคุณสถาบันการเงิน และ ภาคเอกชนที่วันนี้เข้าใจความหลากหลาย และหวังว่าเสียงเหล่านี้จะสะท้อนถึงผู้มีอำนาจ ว่าความเท่าเทียมคือสิทธิขั้นพื้นฐานสำคัญของประเทศที่พัฒนาแล้ว” ธัญวัจน์ กล่าว
 

‘เจี๊ยบ’ จี้รัฐทบทวนแนวทางเยี่ยมผู้ต้องขังใหม่ หลังคนนอกรู้ช้า กรณีพยายามฆ่าตัวตายในคุก

กลุ่มเยี่ยมเพื่อนในเรือนจำ ยื่นหนังสือผ่าน ‘เจี๊ยบ อมรัตน์’ และ ส.ส.ก้าวไกล ร่วมตรวจสอบความโปร่งใสของกรมราชทัณฑ์ หลังเกิดกรณีนักกิจกรรมพยายามฆ่าตัวตายเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมจี้คืนสิทธิการประกันตัวให้ผู้ต้องขัง

อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล รับหนังสือจาก กลุ่มเยี่ยมเพื่อนในเรือนจำ ที่มาเรียกร้องให้ตรวจสอบความโปร่งใสของกรมราชทัณฑ์และกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในเรือนจำในกรณีต่าง ๆ 

อมรัตน์ กล่าวว่า ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ กมธ.ภายในวันนี้ (29 มิ.ย.) เหตุการณ์ทำร้ายตัวเองของนักกิจกรรมทางการเมืองมีลักษณะปิดข่าวจากกรมราชทัณฑ์ โดยเหตุการณ์เกิดตั้งแต่วันศุกร์ (24 มิ.ย.) แต่โลกภายนอกกว่าจะรู้เรื่องคือวันจันทร์ หากเกิดรุนแรงมากกว่านี้ ใครจะสามารถช่วยได้ทัน จึงขอให้กรมราชทัณฑ์และกระบวนการยุติธรรมทบทวนแนวทาง เรื่องการกำหนดคนเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในดุลพินิจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์สามารถทำได้ แต่ที่ผ่านมามีการใช้ข้ออ้างเรื่องโควิดในการจำกัดการเข้าเยี่ยม ตอนนี้สถานการณ์คลี่คลายและกำลังกลายเป็นโรคประจำถิ่น กฎเกณฑ์ จึงควรผ่อนคลายได้ อย่าให้โลกประณามไปมากกว่านี้ว่า ประเทศไทยมีการนำกฎหมายอาญา ม.112 และระเบียบเรือนจำมาใช้ เพื่อเป็นเครื่องมือจัดการนักกิจกรรมทางการเมืองและผู้เห็นต่าง

“สภาแห่งนี้ ใช้งบสร้างกว่า 2 หมื่นล้านบาท เป็นสภาของประชาชน ทุกคนต้องเข้ามาใช้ได้ และควรใช้พื้นที่แห่งนี้พูดคุยกัน ไม่ใช่พอมีความขัดแย้งเกิดขึ้นในสังคมแล้วต้องเรียกเข้าไปคุยในกระทรวงกลาโหม ประเด็นที่จะนำเข้าไปใน กมธ. คือ เรื่องสิทธิในการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังที่ถูกจำกัด เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างร้ายแรง กรมราชทัณฑ์อ้างโควิด และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในการจำกัดจำนวนเยี่ยม เป็นการทำให้ผู้ต้องขังที่ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่เกิดความเครียดและทำร้ายตัวเองหรือไม่ จะต้องมีการตรวจสอบในเรื่องนี้”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top