Monday, 1 July 2024
ประเทศไทย

เวลาเปลี่ยน เมืองไทยเปลี่ยน : สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 5

รัฐบาลมุ่งมั่นพัฒนาประเทศไทยอย่างไม่หยุดยั้ง อีกหนึ่งโครงการใหญ่ในภาคอีสาน ‘สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 5’ ข้ามแม่น้ำโขง เชื่อมบึงกาฬ-บอลิคำไซ ความยาวกว่า 1,350 เมตร 

‘ศิริอร’ โชว์ฟอร์มเปตองยอดเยี่ยมในศึกซีเกมส์ 2023 พาไทยคว้าเหรียญทองสำเร็จ ดับฝันเจ้าภาพแพ้คาบ้าน

การแข่งขันเปตอง ชิง 2 ทอง ในประเภทบุคคล สนามเปตองภายในโอลิมปิก สเตเดียม โดยประเภทชายเดี่ยว ไทยส่ง ‘อัครชัย หมีคง’ และประเภทหญิงเดี่ยว ส่ง ‘ศิริอร สาระชีพ’ ลงชิงชัย

(7 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแข่งขันประเภทชายเดี่ยวนั้น เกิดความล่าช้าไปจากเดิม เนื่องจากเดิมที่มีแข่งขันกัน 5 ชาติ แล้วทางฟิลิปปินส์มาขอร่วมแข่งขันหน้างาน

น.อ.เกษม พรหมเย็น ผู้ฝึกสอนทีมเปตองทีมชาติไทย เปิดเผยว่า ปัญหาในประเภทชายเดี่ยวเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิค ของคณะกรรมการโอลิมปิกฟิลิปปินส์ ทำให้รายชื่อนักกีฬาที่ส่งเข้าแข่งขันไม่เข้าในระบบ แต่ทว่าตัวนักกีฬาเดินทางมาแล้ว จึงได้มีการขอผ่อนผันให้ได้ลงแข่งขันด้วย สุดท้ายฝ่ายจัดการแข่งขันก็ยอมให้แข่ง แต่จากนั้นมีปัญหาเรื่องของการแบ่งสายการแข่งขันเพราะกลัวว่าจะไม่ยุติธรรม สุดท้ายจึงต้องปรับเป็นพบกันหมด 6 ประเทศ แล้วหา 4 อันดับแรกเข้าตัดเชือกต่อไป

ด้านผลการแข่งขันปรากฏว่า ในประเภทหญิงเดี่ยวรอบแรก ‘ศิริอร’ โชว์ฟอร์มเยี่ยมล้ม ‘อัน สเรย่า’ นักกีฬาเจ้าภาพดีกรีเหรียญทองเวิลด์เกมส์ ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อปีก่อนไปได้ 8-7 ก่อนจะเอาชนะ ‘นอร์ อิฟฟา ยาซิต’ จากมาเลเซีย 12-7 ทำให้เก็บชัยชนะ 2 นัดรวด ผ่านเข้าไปตัดเชือก เอาชนะ ‘สุขสาดา สิลิจันห์’ จากลาว 13-3 ผ่านเข้าชิงชนะเลิศสำเร็จ

โดยในรอบชิงชนะเลิศ ศิริอร ต้องเจอกับ ‘ไธ ธิ ฮอง ธัว’ นักกีฬาเวียดนาม เจ้าของแชมป์ประเภทหญิงคู่จากซีเกมส์หนก่อน แต่เป็นนักกีฬาไทยที่โยนได้อย่างแม่นยำกว่า เอาชนะไปได้ 13-2 คว้าทองแรกของกีฬาเปตองได้สำเร็จ

เวลาเปลี่ยน การเมืองเปลี่ยน : สถานีรถไฟตราดโฉมใหม่

รัฐบาลทำให้ความเจริญแพร่ขยายออกไปจนสุดปลายตะวันออกของไทย เกิด ‘สถานีรถไฟตราดโฉมใหม่’ ที่รองรับนักท่องเที่ยว และใช้ขนส่งสินค้าและผลไม้ แถมยังเชื่อมต่อการเดินทางไปสู่เกาะช้าง เกาะกูด อีกด้วย

‘นักเศรษฐศาสตร์’ เปรียบ ‘เศรษฐกิจไทย’ เป็น ‘นักกีฬาสูงวัย’ ต้องมีโค้ชมือฉมังมาช่วย ก่อนถูกเพื่อนบ้านแซงหน้าไม่เห็นฝุ่น

(8 พ.ค. 66) นายสันติธาร เสถียรไทย นักเศรษฐศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าเศรษฐกิจไทยเปรียบเสมือน ‘นักกีฬาสูงวัย’ ที่ต้องการ ‘โค้ช’ เก่ง ๆ มาช่วย

นักกีฬาคนนี้สมัยก่อนเคยโดดเด่น 

ช่วงเปลี่ยนเข้ายุคอุตสาหกรรม เขาเกือบเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย เศรษฐกิจโตเฉลี่ยกว่า 7% หากเปรียบกับกีฬาบาสเกตบอล NBA ก็เกือบได้รับคัดเลือกเป็นนักบาสระดับออลสตาร์

แม้จะเคยเล่นผาดโผนผิดพลาดจนบาดเจ็บหนักเกือบจบชีวิตนักกีฬาช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่สุดท้ายก็ยังหวนคืนสู่สนามกลับมาเก่งอีกครั้งได้

หลังจากนั้นแนวการเล่นจะเปลี่ยนไปบ้างจากเดิม มีการท่องเที่ยวมากลายเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ แต่ก็ยังโดดเด่น ยังเป็นที่ต้องการตัว นักลงทุนยังให้ความสนใจ 

หลังจากนั้นเศรษฐกิจไทยก็มีปัญหาเรื่องโค้ช/ทีมผู้จัดการบ่อย ๆ มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายครั้งอย่างที่ทราบกันดี 

แต่ดูเผิน ๆ เศรษฐกิจก็เหมือนจะผ่านมาได้โอเค จนนักลงทุนต่างประเทศเคยให้สมญานามว่า เศรษฐกิจเทฟลอน (Teflon economy) คือ แม้จะมีปัญหาเหมือนจะถูกกดให้จมน้ำหลายครั้ง ทั้งการเมือง ทั้งภัยพิบัติ แต่ก็สามารถกลับขึ้นมาลอยใหม่ได้ 

จนหลายคนทั้งในไทยและต่างประเทศบอกว่ารัฐบาลเปลี่ยนแปลงไม่เป็นไรหรอกเพราะเศรษฐกิจไทยเอกชนนำไปต่อได้ เสมือนบอกว่าโค้ชไม่สำคัญขนาดนั้นเพราะนักกีฬาคนนี้เล่นเก่งอยู่แล้ว ปล่อย Auto-pilot ไปได้เดี๋ยวเขาก็จัดการเอง

ซึ่งในมุมหนึ่งก็จริงว่าเศรษฐกิจไทยเป็นนักกีฬาที่มีพรสวรรค์ มีบุญเก่าอยู่มาก มีทรัพยากร มีเสน่ห์ดึงดูดการท่องเที่ยว อยู่ในจุดภูมิศาสตร์ที่ดี และคนไทยก็มีความสามารถหลายด้าน ฯลฯ

แต่ทุก ๆ วันที่ผ่านไปที่เราเหมือนจะ ‘ลอยตัว’ นั้นความสูงวัยเริ่มกัดกร่อนนักกีฬาคนนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่เพียงอายุเฉลี่ยของประชากรที่เริ่มเข้าสูงวัยแต่อาการทางเศรษฐกิจก็ไปในทางเดียวกัน

วิ่งช้าลง กระโดดเริ่มไม่สูง เล่นได้ไม่นานก็เหนื่อย ร่างกายไม่บาลานซ์ ซึ่งในทางเศรษฐกิจคือ ‘โตช้า เหลื่อมล้ำ ไม่ยั่งยืน’

การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เฉลี่ยเหลืออยู่แค่ปีละ 3% กว่ากลายเป็นนิวนอร์มอล 

ความเหลื่อมล้ำที่สูงโดยเฉพาะความไม่เท่าเทียมด้านโอกาส (เช่นคนที่รายได้ระดับ 20% ล่างของประเทศเข้าถึงการศึกษามหาวิทยาลัยแค่ 4% เท่านั้น ทำให้จำกัดโอกาสได้งานดีๆ) 

และปัญหาด้านความยั่งยืนโดยเฉพาะสิ่งแวดล้อมที่เริ่มพังจนเห็นได้ชัด (เช่น ฝุ่น PM 2.5, overtourism ในการท่องเที่ยว)

ยังดีที่ว่าเพราะเคยเจ็บตัวหนักมาตอนวิกฤตการเงินจึงเล่นกีฬาอย่างระมัดระวัง มีระบบการเงินที่มีเสถียรภาพ ไม่ได้เสี่ยงที่จะล้มเจ็บหนักระดับวิกฤตแบบศรีลังกา อาร์เจนตินา ฯลฯ

ความเสี่ยงที่น่ากลัวกว่าในตอนนี้ คือ เศรษฐกิจไทยจะเป็น ‘นักกีฬาที่ถูกลืม’ ค่อย ๆ ถูกเพื่อนแทรงหน้าไปเรื่อย ๆ ถูกมองข้ามในเวทีโลกและภูมิภาค โอกาสที่ได้ลงเล่นก็น้อยลง ๆ 

เราอาจจะมองว่าแต่เพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ก็ปัญหาเยอะเหมือนกันนะ กฎกติกาทำธุรกิจก็ยาก โครงสร้างพื้นฐานก็ยังไม่ดี คนก็ยังเข้าไม่ค่อยถึงเงินทุน แย่กว่าไทยด้วยซ้ำ ทำไมเขาจะมาแซงเราได้?

คำตอบหนึ่งคือ เขาคือนักกีฬาที่ยังเป็น ‘วัยรุ่น’ อยู่ 

อายุเฉลี่ยเวียดนามและอินโดนีเซียคือประมาณ 30 ปี ในขณะที่ของไทยอยู่ที่ 40 กว่า ประชากรเขาโตอัตราเร็วกว่าเรา 3-4 เท่า แปลว่าตลาดของเขายังมีโอกาสเติบโตอีกมากและเศรษฐกิจยังสามารถเติบโตจากการเพิ่มแรงงานเข้าไปได้ (ต่างจากไทยที่เข้าสู่สังคมสูงวัย) ยิ่งเสริมการลงทุนจากรัฐและเอกชนเข้าไปด้วยก็สามารถสร้าง GDP ให้โตเฉลี่ย 5-6% ได้ไม่ยากนัก

เหมือนนักกีฬาวัยหนุ่มสาวที่แม้ทานอาหารไม่ระวังบ้าง ไม่ดูแลตัวบ้าง ไม่เกลาบางเทคนิค ใช้แค่สมรรถนะร่างกายเข้าสู้ก็พอไปได้ แม้สมมติว่าโค้ชและผู้จัดการทีมไม่เก่ง (แต่ในความเป็นจริงโค้ชของเขาก็ค่อนข้างเก่งด้วย) ก็ยังไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายเพราะยังพึ่งพรสวรรค์ได้  

ต่างกับเราวันนี้ที่หากไม่เน้นคุณภาพให้สู้ด้วยปริมาณไม่ไหวอีกต่อไป

แต่การเป็นนักกีฬาสูงวัยไม่ได้แปลว่าเราจะหมดความหมาย ไม่ได้แปลว่าเราจะแพ้ ไม่ได้แปลว่าเราเล่นไม่ได้แล้ว 

นักกีฬาบาสเกตบอล NBA ที่เก่งที่สุดในโลกคนหนึ่งในปัจจุบันคือ เลบรอน เจมส์ ที่อายุ 38 ปีแล้วเทียบกับอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 26 ปี และยังมีนักกีฬาอีกจำนวนไม่น้อยที่แม้เข้าสู่ช่วงสูงวัยแล้วก็ยังเก่งมาก

นอกจากนี้เรายังอยู่ในยุคที่นักลงทุนและนักธุรกิจทั่วโลกสนใจตลาดอาเซียนโดยรวมมากขึ้นจึงเป็นโอกาส แค่เราต้องเปลี่ยนวิธีเล่น เปลี่ยนวิธีดูแลตนเอง และเปลี่ยน Mindset 

โดยหลักที่สำคัญที่สุดของนักกีฬาที่มีสมรรถนะทางร่างกายน้อยลงคือ 

“ใช้น้อยลงให้ได้มากขึ้น” 

เสมือนนักกีฬาที่ต้องเล่นให้สมาร์ตขึ้น เศรษฐกิจไทยก็เช่นกัน

ใช้คนน้อยลงแต่ให้ได้ผลผลิตมากขึ้น (เพิ่ม Productivity เช่น รีสกิลเพิ่มทักษะให้แรงงานใช้เทคโนโลยีได้มากขึ้น)

ใช้ทรัพยากรธรรมชาติแบบล้างผลาญน้อยลง แต่ให้ได้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมากขึ้น (เพิ่ม Sustainability - เช่น เน้นท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ)

ใช้งบประมาณประเทศแบบฟุ่มเฟือยน้อยลง แต่ช่วยคนตัวเล็ก-MSME-สตาร์ตอัปได้มากขึ้น (เพิ่ม Inclusivity เช่น ใช้งบประมาณช่วยคนให้ตรงกลุ่มเป้าหมายและตรงความต้องการของเขา)

10 ปี 'ไทยถือครองทองคำ' สัดส่วนเพิ่มอันดับ 2 ของเอเชีย

ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนการถือครอง ‘ทองคำ’ ของประเทศไทย เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนกลายมาเป็นอันดับ 2 ของทวีปเอเชีย!!

ส่อง 17 ผลงานเด่นของรัฐบาลตลอด 8 ปีที่ฝากไว้ใน ‘ภาคเหนือ’

ตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาบริหารประเทศ เกิดการพัฒนาทั่วทุกภาคของประเทศ ในส่วนการพัฒนาภาคเหนือ มีการกำหนดให้พื้นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน และจังหวัดลำปาง เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือเพื่อยกระดับให้เป็นพื้นที่ลงทุนด้านการพัฒนาให้เป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์หลักของประเทศอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 

การพัฒนาและผลงานที่เป็นรูปธรรมและเอื้อประโยชน์ให้แก่พี่น้องชาวภาคเหนือมีมากมายหลายโครงการ ขอยกตัวอย่างมาให้เห็นคร่าวๆ ดังนี้

1.) พัฒนาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ ที่เชียงราย

2.) เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา การท่องเที่ยวธรรมชาติและสุขภาพ ตามเส้นทางเมืองเก่าลำพูน ลำปาง เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน

3.) ปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 11 ตอนแยกภาคเหนือ-ขุนตาล จาก 4 ช่องจราจรเป็น 8 ช่องจราจร

4.) พัฒนาทางหลวงหมายเลข 116 ตอนป่าสัก-สะปุ๋ง-บ้านเรือน-สันป่าตอง จาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร ระยะทาง 19 กม.

5.) พัฒนาทางหลวงหมายเลข 10.35 ตอนวังหม้อพัฒนา-แจ้ห่ม ระยะทาง 19 กม.

6.) ก่อสร้างส่วนขยายสะพานข้ามทางแยกต่างระดับ แยกภาคเหนือ จุดตัดทางหลวงหมายเลข 1 ตอนเกาะคา-สามัคคี กับทางหลวงหมายเลข 11 ตอนแยกภาคเหนือ-ขุนตาน

7.) ก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ ทางหลวงหมายเลข 1136 ตอนเหมืองง่า-ลำพูน เพื่อเชื่อมทางเลี่ยงเมืองลำพูน สายเหมืองง่า-ท่าจักร และเชื่อมโยงจังหวัดเชียงใหม่

8.) ก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองแม่ริม เมืองสันกำแพง

9.) สร้างสถานีขนส่งสินค้าจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าในภูมิภาค

10.) ปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่มรดกทางวัฒนธรรม 'เมืองเก่าลำพูน'

11.) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบริเวณถนนนิมมานเหมินทร์ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ

12.) ขยายท่าอากาศยานฯ และการศึกษาความเหมาะสมการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อ (Logistic) เชื่อมต่อจากจังหวัดลำปาง-จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุน และลดต้นทุนการขนส่งน้ำมัน

13.) โครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา

14.) ก่อสร้างประตูระบายน้ำดอยแต ตำบลเหมืองจี้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน

เวลาเปลี่ยน เมืองไทยเปลี่ยน: สนามบินภาคเหนือ 

ตอนนี้ความเจริญกำลังแพร่ขยายไปสู่ภาคอื่น ๆ ของประเทศไทย โดยในภาคเหนือก็มีการพัฒนาสนามบิน ได้แก่ สนามบินแพร่ สนามบินเชียงใหม่ สนามบินลำปาง และสนามบินน่านนคร

สะพานขึงพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก เสร็จแล้ว 100% ถือเป็นสะพานขึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่กว้างที่สุดในประเทศไทย

(10 พ.ค. 66) บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เป็นการก่อสร้างสะพานขึงคู่ขนานสะพานพระราม 9 ในสัญญาที่ 4 มูลค่าสัญญา กว่า 6,000 ล้านบาท โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ลงนามสัญญาจ้าง กับ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีระยะเวลาการก่อสร้าง 39 เดือน มีกำหนดแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2566 ถือเป็นสะพานขึงที่กว้างที่สุดในประเทศไทย

โครงการฯ มีจุดเริ่มต้นบริเวณเชิงลาดสะพานพระราม 9 ฝั่งธนุบรี เป็นสะพานซึ่งคู่ขนานสะพานพระราม 9 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ขนาด 8 ช่อง จราจร มีความยาวช่วงกลางสะพาน 450 เมตร และมีความยาวของสะพาน 780 เมตร ข้ามไปฝั่งกรุงเทพฯ สิ้นสุดโครงการฯ ที่บริเวณทางแยกต่างระดับบางโคล่ ระยะทางรวมประมาณ 2 กิโลเมตร โครงการทางพิเศษพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอก มีลักษณะเป็น Double Deck เชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัช ทำให้เพิ่มพื้นผิวจราจรแก้ปัญหาจุดตัดจุดร่วม รองรับการเดินทางจากนอกเมืองเข้าในเมืองได้เป็นอย่างดี

โดยในการดำเนินโครงการได้จัดทำแบบจำลองสะพาน Full Model สำหรับทดสอบความแข็งแรงของสะพานต่อแรงลม ซึ่งสามารถรับแรงลมได้ถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือเทียบเท่าความแรงของพายุทอร์นาโด ดังนั้น สะพานจึงมีความมั่นคงแข็งแรงเป็นอย่างยิ่ง และตัวสะพานมีความลาดชันน้อยกว่าสะพานพระราม 9 เดิม ทำให้ไม่เกิดการชะลอตัวสะสมในช่วงขาขึ้นสะพาน

นอกจากสะพานคู่ขนานแห่งใหม่นี้ จะมีการออกแบบเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 แล้ว ยังได้ออกแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานงานไทยกับความงดงามด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ของการก่อสร้างทางวิศวกรรม และมีการประดับไฟเพื่อเพิ่มสีสันให้แก่สะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 ซึ่งไฟสามารถเปลี่ยนสีให้เข้ากับบรรยากาศเทศกาลต่าง ๆ ได้ โดยแต่ละสีมีความหมายดังนี้ สีเหลืองทอง แสดงถึง การตั้งมั่นในศีล การตั้งมั่นในธรรม, สีขาวแสดงถึงความมีตบะ, สีฟ้าแสดงถึงความอ่อนโยน, สีชมพูแสดงถึงการให้ การบริจาค และสีส้มแสดงถึงความซื่อตรง ความไม่เบียดเบียน

บมจ. ช.การช่าง ระบุว่า การก่อสร้างสะพานแห่งนี้ได้แล้วเสร็จตามกำหนดในสัญญาซึ่งเป็นส่วนหน้าของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอก ที่จะช่วยแก้ปัญหาจราจรติดขัดสะสมโดยเฉพาะช่วงสะพานพระราม 9 นับเป็นโครงการที่ช่วยแก้ปัญหาจราจรได้เป็นอย่างดีจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top