Tuesday, 7 May 2024
Softpower

‘นายกฯ’ ยินดี!! ‘แอนโทเนีย’ คว้ารอง 1 Miss Universe 2023 ขอบคุณที่เป็นตัวแทนประเทศ เผยแพร่ Soft Power ไทยสู่เวทีโลก

(19 พ.ย.66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความยินดีกับนางสาวแอนโทเนีย โพซิ้ว มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 ตัวแทนประเทศไทย ที่สามารถคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับที่ 1 Miss Universe 2023 ในการประกวดนางงามจักรวาล ครั้งที่ 72 รอบตัดสิน (Final Competition) ที่จัดขึ้น ณ ยิมเนเซียมแห่งชาติ ในกรุงซานซัลวาดอร์ ประเทศเอลซัลวาดอร์ เช้าวันนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) 

“นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดี ชื่นชมและขอบคุณแอนโทเนีย โพซิ้ว ที่ทำได้ทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทยอย่างดีที่สุด จนสามารถคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับที่ 1 Miss Universe 2023 ซึ่งในการประกวดครั้งนี้ แอนโทเนียยังได้เผยแพร่ซอฟต์พาวเวอร์วัฒนธรรมไทยที่งดงามโดดเด่นแก่สายตาชาวโลก โดยเฉพาะชุดแต่งกายประจำชาติ ‘เทพธิดาอาณาจักรอยุธยา’ ที่ได้รับแรงบันดาลจากรูปปั้นพระแม่ธรณีในช่วงยุคสมัยอยุธยาของอาณาจักรสยามที่มีอยู่ในช่วงทศวรรษที่ 14 ถึง 18 ทั้งนี้ ถึงแม้แอนโทเนียจะไม่ได้สวมมงกุฎนางงามจักรวาล แต่การที่แอนโทเนียสามารถคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับที่ 1 Miss Universe 2023 ก็เป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในเวทีระดับโลก ได้ใจคนไทยทั้งประเทศและทำให้คนไทยภาคภูมิใจอย่างมาก” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว   

นอกจากนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก แสดงความยินดีกับ แอนโทเนีย โพซิ้ว ที่สามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 Miss Universe 2023  ระบุว่า...

"ขอแสดงความยินดี ชื่นชมและขอบคุณ คุณแอนโทเนีย โพซิ้ว ที่ทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทยได้เป็นอย่างดีมากครับ จนสามารถคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับที่ 1 Miss Universe 2023 

ชุดแต่งกายประจำชาติ ‘เทพธิดาอาณาจักรอยุธยา’ งดงาม โดดเด่นมากจริงๆ ครับ เสริมสร้างความเป็นไทยได้ไม่มีที่ติจริงๆครับ ยินดีด้วยมาก ๆ ครับ"

‘บิ๊กเอ’ มุ่งดัน ‘มวยไทย’ สู่ซอฟต์พาวเวอร์โลกด้านกีฬา ยัน!! ภาครัฐพร้อมหนุน จ่อประเดิม ‘ยุโรป-อเมริกา’ ที่แรก

(20 พ.ย. 66) ผศ.ดร.พิมล ศรีวิกรม์ หรือ ‘บิ๊กเอ’ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ประธานอนุกรรมการด้านกีฬา ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬาเราจะโฟกัสไปที่ ‘กีฬามวยไทย’ เป็นหลัก ซึ่งจากการที่ตนได้เดินทางไปประเทศอังกฤษเมื่อสัปดาห์ที่้ผ่านมา และได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับมวยไทยที่ประเทศอังกฤษ น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งว่า ที่อังกฤษมีค่ายมวยไทยกว่า 6,000 ค่าย กระแสตอบรับเรื่องมวยไทยดีมากๆ และเท่าที่ได้พูดคุยกับเจ้าของค่ายมวยไทยในอังกฤษ เขาอยากได้ครูมวยไทย รวมถึงการจัดการสัมมนาให้ความรู้เรื่องของมวยไทย ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งนับเป็นแนวทางที่ดี เราก็จะมีการนำครูมวยไทยดังๆ อาทิ สามารถ พยัคฆ์อรุณ ตำนานนักมวยไทยและครูมวยชื่อดัง ไปร่วมงานดังกล่าว โดยหลังจากได้รับมอบหมายงานดังกล่าวเราจะเรียกประชุมคณะอนุกรรมการฯ ภายในสัปดาห์นี้เพื่อที่จะเริ่มทำงานทันที

ประการแรกเราต้องกำหนดแผนยุทธศาสตร์การทำงานกันก่อน รวมถึงเป้าหมายว่า จะปักหมุดที่ภูมิภาคในเวลาเท่าใด เป้าหมายที่เป็นรูปธรรมเป็นอย่างไร จากนั้นเราจึงเดินตามแผนยุทธศาสตร์ เราคงทำที่ ‘มวยไทย’ อย่างเดียวก่อน เพราะกีฬามวยไทย ชัดเจนในเรื่องชื่อที่มีประเทศไทยต่อท้าย รู้กันทั่วโลกว่ามวยไทยมาจากประเทศไทย

ผศ.ดร.พิมล กล่าวต่อไปว่า เห็นควรว่าเราจะโฟกัสช่วงแรกไปที่ทวีปยุโรป และทวีปอเมริกาก่อนเพราะถือเป็นตลาดใหญ่ในการนำ ‘กีฬามวยไทย’ ไปสู่ซอฟต์พาวเวอร์ เท่าที่มีข้อมูลเบื้องต้นอย่างเช่น ในประเทศฟินแลนด์ เรามี ‘จ้าวสมุทร เกียรติช่องเขา’ นักมวยไทยที่มีภรรยาอยู่ที่ฟินแลนด์และทำธุรกิจค่ายมวยไทยที่นั่น ปรากฏว่า มีครูโรงเรียนในฟินแลนด์มาเรียนมวยไทยที่ค่ายของจ้าวสมุทรและประทับใจ จึงติดต่อให้จ้าวสมุทรไปสอนเด็กนักเรียนในฟินแลนด์เลย สิ่งต่างๆ เช่นนี้มันคือ ซอฟต์พาวเวอร์ของกีฬามวยไทยได้เป็นอย่างดี

“แน่นอนว่าในการดำเนินการ เราก็ต้องสนับสนุนเรื่องงบประมาณให้เขา แต่คงไม่ใช่ลักษณะถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม เราจะมาหารือกันในลักษณะภาครัฐเข้าไปช่วยสนับสนุนอีกแรงหนึ่ง แต่ทั้งนี้ คงต้องรอการตั้งตุ๊กตาแรกเริ่มของการทำงานอนุกรรมการด้านกีฬาก่อน ว่าจะกำหนดยุทธศาสตร์กันออกมาอย่างไร” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกล่าว

‘โคราช’ ชู ‘กางเกงแมว’ ซอฟต์พาวเวอร์น้องใหม่ หวังช่วยสร้างอาชีพ - ส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น

เมื่อวานนี้ (20 พ.ย. 66) เพจ ‘Korat Next Step’ โพสต์ข้อความในหัวข้อ #กางเกงแมวโคราช โคราชผุดไอเทมใหม่ 'กางเกงแมว' ชูเป็นซอฟต์พาวเวอร์ใหม่ โชว์อัตลักษณ์โคราชเเละส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยระบุว่า…

หลังจากโคราชจัดประกวดออกแบบ KORAT MONOGRAM (โคราช โมโนแกรม) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2566 ที่ลานกิจกรรมชั้น 1 ศูนย์การค้า ‘เซ็นทรัลโคราช’ เพื่อนำผลงานออกแบบที่ชนะเลิศ เพื่อนำไปต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ ที่มีสัญลักษณ์เมืองโคราช เพื่อสร้างการจดจำให้กับนักท่องเที่ยว ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และบริการด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ล่าสุดในงาน ‘มามูย่าโคราช’ ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จัดระหว่างวันที่ 16-26 พฤศจิกายน 2566 เทศกาลและการท่องเที่ยวสายมู พบกับตลาดวัฒนธรรม สินค้าชุมชนท้องถิ่น อาหารพื้นบ้านจากท้องถิ่น และกิจกรรมการเเสดงศิลปะวัฒนธรรมจากเยาวชนและศิลปินโคราชมากมาย ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สินค้าท้องถิ่นโดยใช้ลาย ‘โคราช โมโนแกรม’ ที่ชนะเลิศประกวดมาพิมพ์ลงบนเสื้อ หมวก กระเป๋า ถุง และไฮไลต์ ‘กางเกงแมว’ คล้าย ‘กางเกงช้าง’ ที่กำลังนิยมของไทย

นายไพจิตร มานะศิลป์ กรรมการหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า “หลังจากทางหอการค้าฯ ร่วมกับจังหวัด ได้จัดกิจกรรมการประกวด KORAT MONOGRAM (โคราช โมโนแกรม) เป้าหมายของกิจกรรมเพื่อต้องการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยว และด้านการกีฬา โดยเฉพาะในเรื่องของการนำเรื่องราวประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต วัฒนธรรม และอัตลักษณ์พื้นถิ่นของชาวโคราช สื่อผ่านลวดลายโมโนแกรมที่มีเอกลักษณ์”

“เนื่องจากการสร้างลวดลายโคราช หรือ KORAT Monogram เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของเมืองโคราช และความเป็นโคราชอย่างชัดเจน ให้เป็นที่จดจำว่าลาย Monogram นี้ เป็นรูปแบบลวดลายที่เป็นของคนโคราชอย่างแท้จริง เป็นจังหวัดแรกของประเทศที่ริเริ่มให้มีลายประจำจังหวัด”

นายไพจิตร กล่าวอีกว่า “ซึ่ง ‘กางเกงแมว’ เหมือน ‘กางเกงช้าง’ ถ้านักท่องเที่ยวมาโคราชก็ต้องซื้อ ‘กางเกงแมว’ เป็นซอฟต์พาวเวอร์โคราช โดยจะขอพื้นที่ข้างลานย่าโมกับเทศบาลเพื่อตั้งบูธขายประจำตลอดไปด้วย เพื่อให้คนที่มาไหว้ย่าโมได้มาซื้อของที่ระลึกจากบูธอีกด้วยไม่ใช่มาสักการะย่าโมอย่างเดียว โดยเฉพาะสินค้าทุกชิ้นเราสั่งทำในโคราชทั้งหมด ต่อไปก็จะเอาลายนี้ไปให้ชาวบ้านทอเป็นผ้าลายต่อยอด ส่งเสริมอาชีพให้ชาวบ้านอีกด้วย ถ้าฮิตชาวบ้านก็ทอขายเองได้เลย ๆ เป็นลิขสิทธิ์ของจังหวัด ซึ่งต้องมาคุยรายละเอียดอีกครั้ง”

“และที่ฮือฮาเมื่อวันที่ 18-19 พ.ย.ที่ผ่านมา ทีมหอการค้าโคราชได้ใส่ ‘กางเกงแมว’ ไปร่วมงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ที่กรุงเทพฯ ถูกชาวหอการค้าที่มาร่วมงานถามถึงที่มา แถมสั่งซื้อ 100 กว่าตัวส่วนที่โคราชไปซื้อได้ในงาน ‘มามูย่า’ ถึงวันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายนนี้ที่ลานย่าโม” นายไพจิตร กล่าวทิ้งท้าย

‘สาวจีน’ ผู้ปลุกกระแส ‘มวยไทย’ ในจีน เดินทางถึงไทยแล้ว ปั่นจักรยานกว่า 35 วัน เพื่อมาเจอ ‘บัวขาว’ ถึงค่ายมวยบัญชาเมฆ

เดินทางสุดทรหดถึงเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ หลี่ เจินเซียง สาวจีนผู้คลั่งไคล้ศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเป็นผู้ปลุกกระแส ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ให้กับมวยไทย จนติดชาร์ตอันดับที่ 3 ของ ‘เว่ยป๋อ’ สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังของจีน ล่าสุดได้เดินทางมาหา ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ ยอดนักมวยชื่อดังชาวไทย ถึงค่ายที่ จ.เชียงใหม่

‘หลี่ เจินเซียง’ สาวจีนผู้ชื่นชอบศิลปะการต่อสู้ แสดงความุ่งมั่นตั้งใจเดินทางด้วยรถจักรยานคู่ใจของเธอ จากเมืองเหมียนหยาง ประเทศจีน เพื่อมาหา ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ ฮีโร่ในดวงใจของเธอ

ล่าสุด (24 พ.ย. 66) หลี่ เจินเซียง ได้เดินทางมาถึงค่ายมวยบัญชาเมฆ ที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ประเทศไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเธอได้ใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 35 วัน กับระยะทางรวมทั้งสิ้น 2,409 กม.

ทั้งนี้ บัวขาว บัญชาเมฆ พร้อมกับคณะ ได้ให้การต้อนรับและเชิญ หลี่ เจิ้นเซียง รับประทานอาหารมื้อแรกที่ไทยด้วยกัน อย่างเป็นกันเอง โดยในช่วงเย็นพร้อมลงฝึกซ้อมมวยไทยทันที จากนั้นในวันรุ่งขึ้นจะร่วมกันทำกิจกรรมเกี่ยวข้าวในท้องนากันอีกด้วย

‘มวยไทย’ ยกทัพเยือน ‘ฮ่องกง’ หนุนซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่ระดับโลก พร้อมโชว์ลีลาเด็ดในงานดวลหมัด ‘อีสต์ เอเชียน มวยไทย แชมเปียนชิป’

(24 พ.ย. 66) การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF), คณะกรรมการกีฬามวย, สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ, สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย และสหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) ร่วมกันจัดโครงการประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ศิลปะมวยไทยสู่ต่างประเทศ พร้อมกับจัดการแข่งขันรายการ ‘อีสต์ เอเชียน มวยไทย แชมเปียนชิป 2023’ โดยมีนักมวยไทยจาก 9 ชาติ จากภูมิภาคเอเชียตะวันออก ร่วมขึ้นสังเวียนชิงชัย ที่ควีน อลิซาเบธ สเตเดียม เขตปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 23-26 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยให้เผยแพร่ไปสู่ระดับนานาชาติ และกำหนดมาตรฐานมวยไทย ‘One Standard Muaythai’ (OSM) นำโดย ดร.ปัญญา หาญลำยวง คณะกรรมการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ รวมทั้ง ดร.เช้า วาทโยธา ครูมวยไทยนานาชาติชื่อดัง และ ‘กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี’ อนึ่ง คัฒมารศรี ยอดนักมวยไทยชื่อดัง และคณะ ร่วมเปิดคลินิกสอนทักษะมวยไทยให้กับผู้เข้ารับการอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ ซึ่งได้รับการตอบรับจากชมรม และสมาคมกีฬามวยไทยแห่งฮ่องกง ส่งนักกีฬามวยไทยเข้าร่วมอย่างคึกคัก

โครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยสู่ต่างประเทศ จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์กีฬามวยไทย ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ส่งเสริมให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายยิ่งขึ้นในฮ่องกง โดยจะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมมวยไทยสู่นานาชาติอย่างครบวงจร และสามารถต่อยอดสินค้ามวยไทยสู่ต่างประเทศได้อย่างแพร่หลาย ทั้งในรูปแบบสินค้า และบริการด้านมวยไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม อันเป็นอัตลักษณ์ของความเป็นไทยสู่ฮ่องกง ส่งเสริมความนิยมไทย และความเป็นไทยให้เป็นที่รู้จักทุกภูมิภาคของโลก โดยสามารถต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยว การค้าการลงทุนในประเทศไทย และอาหารไทย

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับการกีฬา และนันทนาการบนพื้นฐานวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมพัฒนากีฬา พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างชื่อเสียง และเกียรติภูมิของประเทศ รวมถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมกีฬา การท่องเที่ยวเชิงกีฬาเพื่อสร้างคุณค่า และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย

ดังนั้น สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทยที่มีบทบาทหน้าที่ในการดำเนินกิจกรรมกีฬามวยอาชีพในการส่งเสริม และเผยแพร่กีฬามวยไทยอาชีพให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ รวมทั้งการส่งเสริมอุตสาหกรรมมวยไทยทั้งในรูปแบบสินค้า และบริการเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วยธุรกิจอุตสาหกรรมมวยไทย สร้างรายได้ให้บุคลากรมวยไทย จึงจัดโครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยในประเทศฮ่องกง ขึ้นเพื่อนำกีฬามวยไทยไปเผยแพร่ และยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

กิจกรรมที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง แบ่งออกเป็น กิจกรรมในช่วงเช้าเป็นการจัดเวิร์กชอปเปิดคลินิกสอนทักษะมวยไทยให้กับผู้เข้ารับการอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ โดย ดร.เช้า วาทโยธา ครูมวยไทยนานาชาติชื่อดัง และ ‘กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี’ อนึ่ง คัฒมารศรี นักมวยไทยชื่อดัง ร่วมติวเข้มทักษะแม่ไม้มวยไทยให้กับผู้เข้ารับการอบรม จากนั้นในช่วงเย็นเป็นพิธีเปิดการแข่งขัน ‘อีสต์ เอเชียน มวยไทย แชมเปียนชิป 2023’ อย่างเป็นทางการ โดยมี ‘สเตฟาน ฟ็อกซ์’ เลขาธิการสหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) พร้อมด้วย ปุย ควาน เกย์ ประธานกิตติมศักดิ์ สมาคมกีฬามวยไทยแห่งฮ่องกง, ซิน ลัม ยุก ประธานสมาคมกีฬามวยไทยแห่งฮ่องกง, ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวกับกีฬาของฮ่องกง และนักกีฬามวยไทย 9 จากชาติที่เข้าร่วมชิงชัย ประกอบด้วย บังกลาเทศ, อินเดีย, เกาหลีใต้, มองโกเลีย, มาเก๊า, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, จีน และฮ่องกง เจ้าภาพ เข้าร่วมในพิธีเปิด

พิธีเปิดการแข่งขันได้มีการแสดงศิลปะแม้ไม้มวยไทยโบราณ จากคณะลานนาไฟท์ติ้งมวยไทย นำโดย ‘ครูดิน’ นายวิทวัส ค้าสม นำคณะนักมวยไทยไปโชว์อัตลักษณ์มวยไทยที่เป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทย รวมทั้งการแสดงคีตะมวยไทย จากทีมมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตเพชรบูรณ์ ทีมชนะเลิศจากการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่นเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2566 ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานสุดตื่นตาตื่นใจ

สำหรับ ฮ่องกง ถือเป็นหนึ่งในมหาอำนาจมวยไทยของเอเชีย และเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งสหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) ได้จัดการแข่งขันรายการ ‘อีสต์ เอเชียน มวยไทย แชมเปียนชิป 2023’ ที่ควีน อลิซาเบธ สเตเดียม ซึ่งถือเป็นการแข่งขันมวยไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในมวยไทยสมัยใหม่ และยิ่งใหญ่ที่สุดที่จัดขึ้น ณ ฮ่องกง หลังจากรอคอยมา 3 ปี โดยจะเป็นการช่วยส่งเสริมมวยไทยให้ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออก รวมถึงการต่อสู้ และองค์ประกอบดั้งเดิม และการไหว้ครูมวยไทย

สรุปผลการแข่งขันรายการ ‘อีสต์ เอเชี่ยน มวยไทย แชมเปียนชิป 2023’ รอบแรก ดังนี้

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 45 กก.หญิง ‘นามูอูนา อาร์เดเนบายาร์’ (มองโกเลีย) ชนะอาร์เอสซียก 2 ‘ทิเคสชวารี ซาฮู’ (อินเดีย)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 48 กก.หญิง ‘เพียว ลิง อึน’ (ฮ่องกง) ชนะคะแนน ‘อูรานกู โอดอนทูยา’ (มองโกเลีย)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 51 กก.หญิง ‘ยูริกะ จิมโป’ (ญี่ปุ่น) ชนะคะแนน ‘หลิว ซินเหอ’ (ไต้หวัน)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 54 กก.ชาย ‘จางฮุน ออน’ (เกาหลีใต้) ชนะคะแนน ‘ฝ่าน กวงเจ้อ’ (จีน) และ ‘บาตดอร์จ ซูมิยาซูเรน’ (มองโกเลีย) ชนะคะแนน ‘ฟาฮัด อนัคคายี่’ (อินเดีย)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 57 กก.ชาย ‘หลี่ หยูหง’ (ไต้หวัน) ชนะคะแนน ‘ดีพานคาร์ โบรา’ (อินเดีย)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 60 กก.ชาย ‘บาตโบลด์ กานซูร์คห์’ (มองโกเลีย) ชนะคะแนน ‘บิดยาชานดรา ซิงห์ ไลชาห์ม’ และ ‘กวน เว่ยเฮ’ (มาเก๊า) ชนะอาร์เอสซียก 1 ‘เฉิน เบาจอง’ (ไต้หวัน)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 63.5 กก.ชาย ‘อาเชม ทอนดอนบา ซิงห์’ (อินเดีย) ชนะอาร์เอสซียก 1 ‘ซู่ ยองจู’ (ไต้หวัน)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 67 กก.ชาย ‘ชุง เป่ยรง’ (ฮ่องกง) ชนะอาร์เอสซียก 1 ‘หวง เจิ้งฉี’ (จีน), ‘อี ซังมิน’ (เกาหลีใต้) ชนะคะแนน ‘โมรัมบ้า ซาโกลเซ็ม’ (อินเดีย) ‘หวง เหาหยวน’ (มาเก๊า) ชนะคะแนน ‘บาต-อิตเกลต์ ชิจีร์บาตาร์’ (มองโกเลีย)

รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 70 กก.ชาย ‘ลี่ จวนเซียน’ (ฮ่องกง) ชนะอาร์เอสซียก 2 ‘เป่ง เวิ่นเบา’ (ไต้หวัน)

‘กางเกงแมว’ ซอฟต์พาวเวอร์ใหม่แห่ง ‘เมืองย่าโม’ ชู!! อัตลักษณ์เด่นประจำจังหวัด หวังสร้างภาพจำให้นทท.

(25 พ.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีหรือย่าโม ที่ใช้เป็นสถานที่จัดงาน ‘มามูย่า’ ได้มีประชาชนชาวโคราชแห่มายืนต่อแถวยาวเหยียดเกือบ 200 คน เพื่อรอต่อแถวซื้อกางเกงแมวกันอย่างคึกคัก หลังจากที่เกิดเป็นกระแสดังในโลกออนไลน์

โดยลวดลายเป็นกางเกงแมวนั้น เกิดจากการที่ทางหอการค้าร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการจัดประกวดออกแบบลาย KORAT MONOGRAM (โคราช โมโนแกรม) เพื่อนำผลงานออกแบบที่ชนะเลิศ นำไปต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ ที่มีสัญลักษณ์เมืองโคราช เพื่อสร้างการจดจำให้กับนักท่องเที่ยว ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ และบริการด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ซึ่งได้ผลงานชนะเลิศในครั้งนี้ และนำมาใช้ในการเพิ่มมูลค่าสินค้าต่างๆ และนอกจากกางเกงแมวแล้วลายโมโนแกรมยังถูกนำมาสกรีนบนเสื้อ กระเป๋า กระติกน้ำ หมวก ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากประชาชนด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้กางเกงแมวถือว่าเป็นคู่แข่งกับกางเกงช้างได้แล้ว

สำหรับลายที่อยู่บนกางเกงแมวนั้นเป็นภาพโมโนแกรมที่สื่อถึงจังหวัดนครราชสีมา ทั้งแมวซึ่งเป็นสัตว์ประจำจังหวัดนครราชสีมา ปราสาทหินพิมาย ประตูชุมพล รวมไปถึงดอกสาธรซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งลวดลายที่ทำออกมานั้นสวยงามถูกใจชาวโคราชเป็นอย่างมาก โดยชาวโคราชรายหนึ่งที่มายืนต่อแถวรอซื้อกางเกงแมวบอกว่า เนื่องจากตนเป็นคนโคราชและกางเกงแมวและสินค้าชนิดอื่นที่วางขายนั้นเป็นของคนโคราชเลยตัดสินใจที่จะมาซื้อและชอบลายที่อยู่บนกางเกงแมวนั้นสวยถูกใจ ซึ่งตอนแรกตนตั้งใจจะมาซื้อทั้งหมด 32 ตัว เอาไปแจกญาติพี่น้องแต่ทางร้านบอกว่าจำกัดสิทธิ์แค่คนละตัวเท่านั้นตนเลยต้องมาต่อแถวรอบ 2 เพื่อจะซื้อเพิ่มอีก 1 ตัว

ทั้งนี้กางเกงแมวนั้นสามารถมาซื้อได้ที่งาน ‘มามูย่า’ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 26 พ.ย. 66 เวลาประมาณ 17.00 น. จำกัดสิทธิ์คนละ 1 ตัว และของมีจำนวนจำกัด นอกจากนี้ยังสามารถสั่งซื้อได้ที่ทางเพจเฟซบุ๊ก ‘มามูย่า’ ได้ใช้เวลา 14-15 วัน ถึงจะได้สินค้า สำหรับราคากางเกงแมวนั้นขายตัวละ 199 บาท 

‘ภูมิธรรม’ หารือ ‘ผู้ว่าฯ เกียวโต’ ร่วมมือพัฒนาผู้ประกอบการ-ศก. ยกระดับการเกษตร-สินค้า-ท่องเที่ยว ดัน Soft Power ระหว่างประเทศ

(26 พ.ย. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือกับ ‘นายนิชิวากิ ทากาโตชิ’ (NISHIWAKI Takatoshi) ผู้ว่าราชการจังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ที่ห้องรับรองชั้น 11 กระทรวงพาณิชย์ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้มีการหารือถึงแนวทางการผลักดันและส่งเสริมความร่วมมือกับญี่ปุ่นในระดับท้องถิ่น แนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคคันไซ และแลกเปลี่ยนมุมมองสินค้าและบริการที่มีศักยภาพเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างกัน และได้รับทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดงาน ‘Expo 2025 Osaka Kansai’ เนื่องในโอกาสที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพการจัดงาน

โดยในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ได้หารือกันถึงการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้กับหน่วยงานที่ส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อปรับใช้กับการส่งเสริมผู้ประกอบการไทย และสตาร์ตอัปของไทย ด้านการเกษตร ได้มีการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้เกี่ยวกับการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาผลผลิตทางการเกษตรของไทย และอาจมีการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญมาพัฒนาสินค้า อาทิ งานหัตถกรรมพื้นบ้าน เพื่อพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในตลาด และด้านอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ได้หารือเรื่องความเป็นไปได้ที่จะให้ผู้ประกอบการไทย และผู้ประกอบการจังหวัดเกียวโต มีโอกาสเชื่อมโยงและพัฒนาสินค้า ดีไซน์ร่วมกันให้สอดรับกับความต้องการของตลาดญี่ปุ่น

ส่วนในด้านการท่องเที่ยว เห็นพ้องกันว่าความสัมพันธ์ระดับท้องถิ่น มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย ญี่ปุ่นในภาพรวม และยินดีที่มีการฟื้นฟูการเดินทางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเกียวโต เป็นจังหวัดที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และเห็นตรงกันว่า ไทยและเกียวโตมีโอกาสเพิ่มความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวสองทาง และส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม Soft Power ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ

ทางด้านญี่ปุ่น ได้แจ้งความคืบหน้าการจัดงาน World Expo ที่เป็นงานแสดงนิทรรศการระดับโลกที่จัดขึ้นทุก 5 ปี ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การนิทรรศการนานาชาติ (The Bureau International des Exposition : BIE) โดยไทยในฐานะประเทศสมาชิกได้เข้าร่วมงานดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งต่อไปกำหนดจัด ‘Expo 2025 Osaka Kansai’ ระหว่างวันที่ 13 เมษายน-13 ตุลาคม 2568 รวมระยะเวลา 184 วัน ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น มีหัวข้อหลักในการจัดงาน คือ ‘Designing Future Society for Our Lives’ ภายใต้แนวคิดการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและการแพทย์ ซึ่งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ จะร่วมแสดงนิทรรศการและนำผู้ประกอบการสินค้าและบริการในสาขา HEALTH & WELNESS เข้าร่วม

‘มามูย่า โคราช’ คึกคัก!! คนแห่ซื้อ ‘กางเกงแมว’ แน่น ต่อยอดสู่ ‘เสื้อ-หมวก-กระเป๋า-กระติกน้ำ’ ขายดีไม่แพ้กัน

เมื่อวานนี้ (26 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครราชสีมา ว่า ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ‘มามูย่า’ ได้มีประชาชนชาวโคราชเดินทางไปซื้อเสื้อแมว และหมวกแมว หลังจากก่อนหน้านี้หอการค้าจังหวัดนครราชสีมาได้ผลักดัน ‘กางเกงแมว’ เป็น Soft Power ของ จ.นครราชสีมา โดยเป็นลาย KORAT Monogram (โคราช โมโนแกรม) ไปสกรีนบนกางเกงแมว ซึ่งได้ต่อยอดนำลาย KORAT Monogram ไปสกรีนลงบนเสื้อยืด หมวก กระเป๋า และกระติกน้ำ ได้รับความสนใจจากประชาชนแห่ต่อคิวซื้อแน่นไม่แพ้กางเกงแมว

สำหรับลาย KORAT Monogram ที่อยู่บนกางเกงแมวนั้น เป็นภาพโมโนแกรมที่สื่อถึง จ.นครราชสีมา มีรูปแมวเป็นสัตว์ประจำจังหวัดนครราชสีมา ปราสาทหินพิมาย ประตูชุมพล และดอกสาธร ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำ จ.นครราชสีมา โดยลวดลายที่ทำออกมานั้นสวยงามถูกใจชาวโคราชเป็นอย่างมาก จนทำให้เกิดเป็นกระแสคนต่อแถวยาวเข้าคิวซื้อกางเกงแมว

นางสาวพจนกร รัตนพงษ์วณิช รองประธานฝ่ายท่องเที่ยว และลงทุน หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า หอการค้าจังหวัดนครราชสีมาได้ผลักดันกิจกรรมงานมามูย่าในครั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของ จ.นครราชสีมา รวมทั้งผลักดันสินค้ากางเกงแมวให้เป็น Soft Power ของจังหวัด ถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ประชาชนชาวโคราช และทั่วประเทศ ต่างให้ความสนใจสั่งจองซื้อกางเกงแมวกันอย่างล้นหลาม

“จากนี้ไปผู้ประกอบการหรือร้านค้าทั่วไปสามารถนำลวดลาย KORAT Monogram ไปใช้ในผลิตภัณฑ์สินค้าต่าง ๆ ได้อย่างแพร่หลาย โดยสามารถเข้าไปโหลดลวดลาย KORAT Monogram ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก KORAT Monogram” นางสาวพจนกร กล่าว

'วีระศักดิ์' เปิดความประทับใจ 'บุคคลในโลกมืด' ใต้การดูแล 'สุดละเอียดอ่อน' 'ทุกสัมผัส-คำอธิบาย' จากใจ ช่วยเติมไฟให้ท่องเที่ยวเชิงไทยทรงคุณค่า

(29 พ.ย. 66) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, อดีตเลขาธิการมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ได้โพสต์เนื้อหาผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในหัวข้อ 'โลกที่คนตาดี ยังมองไม่เห็น' (ตอนที่ 2) ระบุว่า...

เมื่อผมและคุณกฤษณะ ละไลไปกันถึงอาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ

เราได้ให้การต้อนรับ Miss Martine Williamson สตรีตาบอดทั้งสองข้างอย่างสนิท ชาวนิวซีแลนด์ เธอเป็นประธานสหภาพคนตาบอดโลก มีประสบการณ์เดินทางไปครบทุกทวีปทั่วโลก เพื่อขึ้นกล่าวปาฐกถาเกี่ยวกับการกระตุ้นให้กำลังใจแก่ประชาคมต่าง ๆ ในการทำกิจกรรมร่วมกับคนตาบอด

วันนี้ Miss Martine เดินทางมากล่าวปาฐกถาในการประชุมสหภาพคนตาบอดโลกภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกที่ภูเก็ต เธอออกบินจาก นิวซีแลนด์บ้านเกิด โดยใช้เวลาบิน 10 ชั่วโมงครึ่งแล้วแวะเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ จากนั้นบินต่ออีกเกือบ 2 ชั่วโ*-+มงเข้าถึงสนามบินนานาชาติภูเก็ต

เครื่องถึงสนามบินภูเก็ตช่วงเช้าตรู่ ตรงเวลากับที่ผมและ คุณกฤษณะ ละไล บินจากดอนเมืองไปถึงสนามบินภูเก็ตเช่นกัน

ปรากฏว่ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของ Miss Martine ไม่ตามมาจากสิงคโปร์ แม้เธอจะไม่แสดงความกังวลออกมามากนัก แต่เราก็สัมผัสได้ว่าเธอต้องไม่สบายใจแน่นอน สอบถามแล้ว ในกระเป๋าที่พลัดหลงไปนั้นมีทั้งเสื้อผ้าและยาประจำตัวที่เธอจำเป็นต้องใช้ทุกวัน

เราจึงขอรบกวนให้ทีมเจ้าหน้าที่ของ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ที่มาทำหน้าที่ฝ่ายต้อนรับคณะเดินทางของคนตาบอดจากนานาประเทศที่สนามบินภูเก็ต ให้ช่วยติดตามกระเป๋าของ Miss Martine จากสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ให้

***(ได้ทราบต่อมาว่ากระเป๋าเดินทางของเธอถูกพบว่ายังตกค้างอยู่ที่สนามบินสิงคโปร์ และสายการบินรับว่าจะรีบส่งขึ้นเครื่องบินลำถัดไปที่จะออกจากสิงคโปร์มาที่ภูเก็ต คาดว่ากระเป๋าควรจะมาถึงที่สนามบินภูเก็ตในช่วงเย็นวันเดียวกัน)

***(ในเวลาที่ผมเขียนต้นฉบับชิ้นนี้ กระเป๋าเดินทางถูกนำส่งไปถึงห้องพักของ Martine เรียบร้อย)

ด้วยเหตุนี้ ผมและคุณกฤษณะจึงตัดสินใจขึ้นรถตู้ที่จะนำ Miss Martine จากสนามบินภูเก็ตไปส่งยังโรงแรมที่พักเพื่อจะได้ดูแลเป็นเพื่อนเธอไปด้วย

การนั่งรถตู้จากสนามบินภูเก็ตไปยังโรงแรมดวงจิตรีสอร์ท ย่านหาดป่าตอง สถานที่จัดการประชุมสหภาพคนตาบอดโลก เอเชียแปซิฟิก ยังไง ๆ ก็ต้องใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์นานราวหนึ่งชั่วโมงเศษ

ฝนตกเบา ๆ และตกยาว ๆ ทำเอารถติดตลอดทาง การจราจรเคลื่อนตัวช้า ทำให้เรามีโอกาสสอบถาม Miss Martine ว่าในการเดินทางของเธอไปประเทศต่าง ๆ นั้นอะไรคือ บริการการท่องเที่ยวที่เธออยากได้รับมากที่สุด

เธอตอบอย่างชัดเจนว่า สำคัญที่สุดคือ มิตรภาพและความมีไมตรีของคนในพื้นที่

ส่วนในแง่การบริการนั้น เธออยากได้ความปลอดภัยในการเดินเที่ยวในละแวกรอบ ๆ ที่พักแรม อยากใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ รับประสบการณ์ที่มีเสน่ห์ของเมืองนั้นๆ สิ่งที่จะช่วยได้มาก คือ การมีไกด์หรือเครื่องอุปกรณ์เช่นหูฟังอิเล็กทรอนิกส์ที่จะบอกเล่าให้ทราบถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เช่น การไปเยี่ยมพิพิธภัณฑ์ การไปหอแสดงนิทรรศการ เธออยากรับรู้สิ่งรอบตัว และเมืองรอบข้าง เธอบอกว่าอย่างที่ผมกำลังสื่อสารอยู่กับเธอนี่แหละ...

ที่เธออยากได้รับ เนื่องจากในการพาเธอนั่งรถผ่านสวนยาง ผ่านย่านการค้า ผ่านอนุสาวรีย์ ผ่านทุ่งโล่ง ผ่านสถานศึกษา ผมก็จะสาธยายให้ข้อมูลเธอไปเรื่อย ๆ ทำให้เธอสามารถหลับตาจินตนาการตามได้เป็นระบบ

ผมใช้นิ้วชี้ของผมลองเขียนแผนที่ประเทศไทยลงบนฝ่ามือของเธอเพื่ออธิบายว่าภูเก็ตอยู่ตรงไหนของประเทศไทย วาดรูปแผนที่ขวานทอง และประเทศเพื่อนบ้านของไทยในแต่ละทิศ ลักษณะอาหารการกินและภูมิประเทศโดยง่าย ๆ ของแต่ละภาคของไทย

เหล่านี้ช่วยทำให้เธอมีความสุขกับการรับรู้ข้อมูลผ่านการสัมผัสและการลากเส้นสมมุติบนฝ่ามือของเธอ

เธอกล่าวขอบคุณอย่างพึงพอใจ ซักถามอะไรต่อไปอีกหลาย ๆ อย่างด้วยความตื่นตาตื่นใจ

ในการช่วยพยุงเธอเดินขึ้นลงรถตู้ ผมสังเกตได้ว่าขาเธอไม่มีแรง เธออธิบายว่าเธอเพิ่งประสบอุบัติเหตุหกล้มในบ้านเธอที่นิวซีแลนด์ ทำให้เธอเดินไม่ถนัด เข้าใจว่าคงมีอาการเส้นพลิกที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง

ดีที่ผมยังพอจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง จึงสามารถให้เธอถ่ายน้ำหนักมาใส่ที่แขนของผมได้เต็มที่ งานนี้ยิ่งทำให้เราตระหนักว่า ทางลาดมีประโยชน์และปลอดภัย ใช้สะดวกกว่าบันได การมีราวจับที่มั่นคงแข็งแรงจะช่วยให้ผู้ใช้งานสะดวกกว่า ปลอดภัยกว่า

เธอก้าวเดินด้วยความยากลำบาก ยิ่งถ้าเจอบันไดหลายขั้น ธรณีประตู พื้นเปลี่ยนระดับบ่อย ๆ ผมต้องพากษ์ให้เธอรู้ล่วงหน้าแทบทุกสองก้าว เพื่อให้เธอขยับแข้งขาให้สอดรับกับสภาพพื้นที่

คุณกฤษณะเห็นว่ารถติด และขณะนั้นเกือบเที่ยงวันแล้ว คุณกฤษณะจึงขอเชิญชวนให้เราแวะหยุดรถทานกลางวันก่อนจะฝ่าการจราจรจากด้านเหนือของเกาะภูเก็ตซึ่งเป็นย่านที่ตั้งของสนามบิน ไปสู่โรงแรมที่พักย่านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ ซึ่งต้องแล่นรถอ้อมเกาะ ผ่านภูเขาที่เส้นทางคดเคี้ยว น่าจะต้องใช้เวลาอีกนานพอควร เกรงเธอจะหิวข้าวเสียก่อน เพราะเมื่อเทียบกับเวลาที่นิวซีแลนด์แล้ว เท่ากับประมาณใกล้ทุ่มนึงของเธอแล้ว

เธอพยักหน้ารับไมตรี

เราจึงพาเธอแวะทานอาหารแบบติ่มซำภูเก็ต แม้เธอมองไม่เห็นอาหาร แต่เธอก็สามารถตักและจับอาหารรับประทานได้อย่างราบรื่น แสดงว่าเธอจดจำระยะของจาน แก้วน้ำ และกระดาษเช็ดปากที่เราจัดวางไม่ห่างจากตัวเธอ และพามือของเธอให้ไปแตะทุกอย่าง ๆ ละหนึ่งครั้งก่อนเริ่มทานอาหารเที่ยงด้วยกัน เธอทานไม่มากนักก็หยุด ปกติเธอจะทานไม่มากนัก แต่ออกปากชมว่าอาหารมีรสชาติดี อร่อย ถูกปาก

ผมอนุมานว่าเธอออกเดินทางจากบ้านที่นิวซีแลนด์มาตั้งแต่เกือบ 21 ชั่วโมง มาแล้ว เชื่อว่าน่าจะอ่อนเพลียพอควร คงอยากพักผ่อนมากกว่าสิ่งใดละ

คุณกฤษณะและคณะแยกตัวไปถ่ายทำรายการที่จุดอื่น ๆ ผมกับคุณมน ผู้ช่วยคนตาบอดประจำ สว.มณเทียร บุญตัน จึงพาเธอขึ้นรถมุ่งไปยังที่พักโรงแรมกันต่อ

กว่าจะได้กุญแจห้อง พาเปลี่ยนเป็นรถกอล์ฟไฟฟ้าของโรงแรม พาขึ้นลงอาคารหลักที่ล็อบบี้โรงแรมจนไปถึงบันไดขั้นสุดท้ายก่อนไขกุญแจประตูเข้าห้องก็ล่วงไปอีกเกือบ 30 นาที

แต่เมื่อเราส่งเธอเข้าถึงห้องนอนในโรงแรมที่พักแล้ว ผมไม่ลืมที่จะถามเธอว่า เธอจะประสงค์ให้พาเธอเดินคลำทุกฝาผนังของห้องพักหรือไม่ เธอบอกทันทีว่า เป็นคำถามที่ดีมาก เพราะนั่นจะช่วยให้เธอจดจำได้ ว่าห้องนอนมีรูปร่างอย่างไร อะไรอยู่ทิศทางไหนจากทางเข้าและเตียงนอน พาเธอเดินไปเหยียบให้ถึงส่วนของห้องน้ำ ที่ยืนอาบน้ำ สัมผัสให้รู้ตำแหน่งชักโครก แตะคันโยกเปิดปิดฝักบัวน้ำอุ่น แตะอ่างล้างมือ และย้ายผ้าเช็ดตัว ให้มาวางกองบนเตียงนอน

เธอต้องการจะพยายามจดจำว่ามีพื้นเปลี่ยนระดับภายในห้องนอนอยู่จุดไหนบ้างมือจับประตูทางเข้าออกอยู่ตรงไหน ล็อคอย่างไร และสอบถามเธอว่าต้องการให้ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่กี่องศา และเธอขอทราบที่เสียบแผ่นพลาสติกแข็งหรือกุญแจห้องเพื่อทำให้ระบบไฟฟ้าต่างๆของห้องทำงาน ว่าติดอยู่ที่ตำแหน่งใดจากบานประตูเข้าห้อง

ละเอียดอ่อนใช่มั้ยครับ?

หมดเวลาไปกว่า 15 นาทีเพื่อการพาให้คลำทำความรู้จักห้อง

เราอาจไม่ต้องทำอย่างนี้บริการคนตาบอดทุกคนที่เดินทางมา ถ้าเค้ายังแข็งแรง กระเป๋าเดินทางไม่หาย หรือมีเพื่อนร่วมเดินทางไว้สนทนาปลอบโยน ให้กำลังใจกันและกันในยามไม่สบายตัว

แต่ผมเลือกทำในระดับเกินมาตรฐาน เพราะเห็นแล้วว่าเธอน่าจะกำลังไม่สู้จะสบายตัวและไม่สู้จะสบายใจ

สิ่งใดที่เราพอเข้าใจได้ ลองเอ่ยปากถามว่าอยากให้เราช่วยพาทำอย่างนั้นอย่างนี้ไหม ถ้าเธอบอกว่าอยากได้ เราก็เพียงแต่ต้อง 'ทำเป็น'

ถ้าทำไม่เป็น ย่อมไม่ทันนึกถาม เมื่อไม่ทันนึกถาม เราก็คงส่งเธอถึงห้องพักแบบบังกาโล ไร้กระเป๋าที่จะผลัดผ้า ไร้หยูกยา ไร้ ชุดนอน ไร้ครีมทา ไร้กรรไกรตัดเล็บ หรืออะไร ๆ ที่ปกติมีใช้ในฐานะข้าวของประจำติดตัวติดกระเป๋า

ถ้าเราทำจนแน่ใจว่าเมื่อปิดประตูแยกย้ายกันไปแล้ว เธอจะอยู่เองตามลำพัง ทำกิจส่วนตัวได้

และในวันถัดมาเห็นเธอขึ้นกล่าวต้อนรับมวลสมาชิกและนั่งเคียงข้างรัฐมนตรีพัฒนาสังคมฯ ของไทยด้วยชุดเสื้อผ้าของเธอ ใบหน้าสดใส เราก็สบายใจ

สิ่งเหล่านี้นี่แหละครับ คือปัจจัยและความเข้าถึงใจที่สำคัญยิ่ง

ทักษะความละเอียดอย่างนี้ ผมเองก็ได้รับถ่ายทอดมาจากมัคคุเทศก์ไทย คุณนัตตี้ นิธิ สืบพงษ์สังข์ ว่าเวลาที่คุณนัตตี้พานักท่องเที่ยวยุโรปที่ตาบอดเดินทางเป็นคณะนับ 10 คนไปเที่ยวทั่วไทยนั้น คุณนัตตี้ต้องจัดผู้ช่วยไกด์ฝ่ายไทยมาประกบพาแขกฝรั่งเช็คอินเข้าแต่ละโรงแรมในแต่ละจังหวัดในอัตรา ผู้ช่วยหนึ่งคนประกบแขกนักท่องเที่ยวตาบอด 2 คน

ไม่งั้นถ้าจัดลูกทีมมาน้อยไป แปลว่าแขกจะต้องนั่งคอยจนกว่าจะถึงคิวของตัวในการพาสำรวจทำความรู้จักห้อง

ในบ่ายนั้น ผมออกมาเดินสำรวจดูกิจกรรมที่เจ้าของงานเตรียมสำหรับคนตาบอดนานาชาติที่มาถึงได้มีกิจกรรมทำไปพลาง ก่อนการประชุมในวันรุ่งขึ้น

มีการแสดงผลงานและสิ่งประดิษฐ์ที่คนพิการทำขึ้น งานเครื่องมืออ่านและผลิตอักษรหรือภาพนูนต่ำที่สามารถให้คนตาบอดลูบจับ สัมผัสใช้ เครื่องแลปท้อปของคนตาบอด แทบเลตคนตาบอด มีกิจกรรมให้คนตาบอดร้อยลูกปัด พันผ้าหุ้มสายหิ้วกระเป๋าถือ มีจำหน่ายเสื้อผ้าท้องถิ่นภาคใต้ อาหาร ขนมจากกลุ่มท่องเที่ยวชุมชน โดยมีทีมอาสาสมัครวัยเยาว์จากโรงเรียนนานาชาติที่กรุงเทพบินตามเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกแก่คนตาบอดนานาชาติ

และแน่นอน มีน้องแอนนี่ นางฟ้ากู่เจิ้งตาบอดชาวภูเก็ตมาเล่นดนตรีให้ฟังในวันประชุม ชุมชนเมืองเก่าภูเก็ตสนับสนุนและดูแลน้องแอนนี่เป็นอย่างดี

นับเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ มีประโยชน์อย่างดี เป็นบรรยากาศที่น่ารัก

สำหรับการทำนโยบายการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพสำหรับประเทศไทยนั้น

การได้แขกกระเป๋าหนักและดูแลง่ายๆ นั้น ใครๆ ก็ปรารถนา

แต่แขกที่มีกำลังจ่ายนั้น ก็ย่อมคาดหวังความเป็นมืออาชีพของเราที่สูงขึ้น รอบรู้ และลุ่มลึก สามารถให้ประสบการณ์ที่เขาไว้วางใจ

ความสามารถในการรับนักเดินทางต่างชาติที่ตาบอด คาดน่าจะเป็นความท้าทายที่สุดอย่างหนึ่งของระบบการท่องเที่ยวเดินทาง ถ้าไม่นับการขนย้ายผู้ป่วยเข้ามารับรักษานะครับ

ถ้าเราสามารถพัฒนาบุคลากรประจำเมือง ประจำพื้นที่ให้ดูแลแขกต่างชาติและคนไทยที่มีความเป็นพิเศษได้เป็น สถาปนิกวิศวกรท้องถิ่นก็ออกแบบห้องพัก โรงแรม ทางเดินเข้าออกสนามบิน อาคารสาธารณะ ฟุตบาททางเท้า ห้องน้ำ ลานจอดรถ ที่คำนึงถึงผู้พิการจากต่างภาษาได้ เราก็จะสามารถมั่นใจได้ว่า เราย่อมพร้อมรับใครๆ ก็ได้ ไม่ว่าจะคนไทยและคนต่างชาติจากต่างภาษา ต่างวัฒนธรรมจากทั่วโลก

ทางลาด ห้องน้ำ ราวจับ ทางข้ามถนน ป้ายสัญลักษณ์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ดี จะทำให้ทุกคนใช้งานสะดวกและปลอดภัย ไม่ว่าจะเด็ก ผู้สูงอายุ คนท้อง รถเข็นทารก คนที่ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ นักกีฬาใส่เฝือก

ทำแล้วแม้ยังไม่มีแขกต่างชาติมาใช้ แต่ก็คนไทยเราเองนั่นแหละ ได้ประโยชน์

ที่เหลือก็คงเป็นเรื่องผู้จัดบริการ การใส่ใจ อธิบาย ให้ความอบอุ่น ให้ความมั่นใจ ให้ความปลอดภัย ให้ความสะอาดถูกหลักอนามัย และเสน่ห์จากวัฒนธรรมต่างๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของไทย ให้กันและกัน

เท่านั้นเอง

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์

สมาชิกวุฒิสภา

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

อดีตเลขาธิการมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย

‘รัฐบาลเศรษฐา’ เตรียมดัน ‘ลอยกระทง’ ขึ้นทะเบียนยูเนสโก ต่อยอดเป็น ‘World Class Festival’ สร้างรายได้ให้ประเทศ

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมาเป็นวันลอยกระทง ซึ่งต้องบอกเลยว่า ลอยกระทงปีนี้คึกคักมากขึ้นหลังจากโควิด-19 ซา หลายพื้นที่จัดกิจกรรมกันสนุกสนาน แม่ค้าพ่อค้าขายของได้อย่างหน้าชื่นตาบาน

และหากพูดถึงประเพณีไทย ก็มีอยู่หลากหลาย ซึ่งทุกประเพณีล้วนแต่เป็นประเพณีที่สืบสานกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจวบจนถึงปัจจุบัน และปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความสวยงามและบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของความเป็นไทย 

ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามประชาสัมพันธ์และต่อยอดประเพณีไทยอยู่เนือง ๆ โดยมีการผลักดันวัฒนธรรมไทยไปสู่สายตาประชาคมโลก ยกตัวอย่างเช่น การนำ ‘โนรา’ หรือ ‘Nora, Dance Drama in Southern Thailand’ มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity - บัญชี RL) ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 (2003 Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage) ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก 

นอกจากนี้ ประเทศไทยได้ขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในบัญชี RL แล้ว 3 รายการ ได้แก่ โขน (ขึ้นทะเบียนเมื่อปี 2561) นวดไทย (ขึ้นทะเบียนเมื่อปี 2562) และโนรา (ขึ้นทะเบียนในปี 2564)

ขณะที่รัฐบาลชุดนี้ที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มีแนวคิดที่จะนำประเพณี ‘ลอยกระทง’ ต่อยอดเป็น World Class Festival ทั้งนี้ จะเป็นโจทย์หลักให้กับทางกระทรวงวัฒนธรรม และคณะกรรมการ Soft Power เพื่อไปคิดกันว่าเราจะทำยังไงให้เทศกาลนี้ทั้ง Celebrative, Festive และ Environmental Friendly มากขึ้นอย่างไร 

จะเห็นได้ว่ารัฐบาลพยายามรักษาประเพณีไทยได้ดำรงอยู่กับแผ่นดินไทยไว้เป็นแนวคิดที่ถูกต้อง ไม่ใช่หลงประเด็นปล่อยให้ประเพณีถูกทำลายไป เพียงเพราะเหตุผลเรื่องการบริหารจัดการไม่ดี ซึ่งมันเป็นคนละประเด็นกัน

ประเพณีและวัฒนธรรมเป็น Intangible Assets หรือ สินทรัพย์ไม่มีตัวตน ที่สร้างขึ้นได้ยากแต่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ อย่างในบางพื้นที่ เช่น อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ถือเป็น Peak Season ของจังหวัดที่รายได้เข้ามาในพื้นที่มากในเทศกาลนี้ ในภาพ Promote ท่องเที่ยวไทยนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีภาพประเพณีลอยกระทงเป็น Highlight เสมอ ๆ ซึ่งนายกฯ ทำถูกแล้ว ไม่หลงประเด็น.

ท้ายนี้หวังว่าประเพณี ‘ลอยกระทง’ จะเป็นจุดเริ่มต้น และเป็นแบบอย่างที่ดี ในการนำประเพณีหรือวัฒนธรรมไทยที่ดีงาม นำมาต่อยอดเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวไทย และสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top