Sunday, 28 April 2024
PRESS

คนไทยเสพข่าวรุนแรง พบเครียดขึ้น 2.1 เท่า อาจเสี่ยงภาวะ Headline Stress Disorder

คุณกำลังมีอาการแบบนี้อยู่ไหมครับ? รู้สึกเครียดกังวล หดหู่ ร้องไห้ ไม่มีสามาธิทำงานหลังจากดูข่าวเสร็จ ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้หลังจากดูข่าวอาจเสี่ยงเป็นภาวะ Headline Stress Disorder ได้

ก่อนจะไปทำความรู้จักกับภาวะนี้ ผมอยากให้ทุกท่านมาดูความเครียดของคนไทยปีนี้ก่อนครับ โดยกรมสุขภาพจิตได้ออกมาเผยผลวิเคราะห์ระดับความเครียดของประชาชน ช่วงต้นเดือนมีนาคมเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้

พบว่าแค่เดือนเดียวคนไทยเครียดเพิ่มขึ้น 2.1 เท่า เสี่ยงเป็นซึมเศร้าอีก 4.8 เท่า สาเหตุเกิดจากการเสพข่าวรุนแรงบ่อยเกินไป โดยช่วงนั้นมีข่าวรุนแรงเกิดขึ้น 3 ข่าวคือข่าวแตงโม นิดา ข่าวยูเครน และข่าวโควิด-19 

จะเห็นว่าการเสพข่าวความรุนแรงมากเกินไป ไม่เป็นผลต่อดีต่อสภาพจิตใจ โดยจะเกิดขึ้นกับบุคคลไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ วันนี้ทีมข่าว THE STATES TIMES จะพาไปทำความรู้จักกับภาวะ Headline Stress Disorder และแนะแนวทางหาวิธีป้องกันครับ

ซึ่งภาวะ Headline Stress Disorder เกิดจากการเสพเนื้อหารุนแรง หรือดูเนื้อหาที่กระทบจิตใจซ้ำๆ ทำให้เหมือนกับการถูกโยนระเบิดใส่ตัวเองทีละลูก ทำให้คนที่เสพรู้สึกเครียด ซึมเศร้า หดหู่ ภาวะนี้ยังเกิดจากเสพเนื้อหาแง่ดีได้ด้วย เช่นการดูข่าวความสำเร็จคนอื่น แล้วมาเปรียบเทียบกับตนเอง จนนำไปสู่สภาพจิตใจที่ไม่มั่นคง

โดยผลเสียของการเป็นภาาวะนี้คือ อาจเกิดการทะเลาะกับคนใกล้ตัวบ่อย เพราะเมื่อสภาพจิตใจไม่มั่นคงจะทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่เป็นมิตร จุกจิกมากขึ้น มีสมาธิในการทำงานน้อยลง จนขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนสนิท

รวมถึงอาจเกิดระยะห่างของเพื่อนและตัวเราได้ เพราะคนที่อยู่ในภาวะนี้จะมีพฤติกรรมเก็บเนื้อเก็บตัว ไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนน้อยลง ทำให้คนรอบตัวสงสัยหรือไม่เข้าใจถึงพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะเขาจะคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดหรือเปล่า เพื่อนถึงไม่พูดคุย ไม่มาสังสรรค์เหมือนเมื่อก่อน

ในตอนนี้หากคนที่คิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในภาวะนี้อยู่ ให้งดอ่าน งดดูข่าว หรือข้อมูลที่มีหัวข้อสร้างความอ่อนไหวทางจิตใจ เช่น ข่าวการสูญเสีย การฆ่าตัวตาย หรือให้เลือกช่องทางการดูมากขึ้น เช่นข่าวช่องไหนกำลังเสนอเรื่องความรุนแรง ให้กดข้ามไปดูช่องอื่นที่นำเสนอข่าวไม่กระทบจิตใจ จำกัดเนื้อหาในโซเซียล เลือกเสพเนื้อหาที่มันบรรเทิงต่อจิตใจ

‘เลขาสอบ.’ ผุดเอกสารหลุดควบรวม ‘ทรู-ดีแทค’ เชื่อ!! รวมกันเมื่อไร ศก.ดิจิทัลไทยล้าหลังเมื่อนั้น

มหากาพย์ดีลควบรวมระหว่าง TRUE และ DTAC ยิ่งลึกลับซับซ้อน!! หลังเฟซบุ๊ก ‘Saree Aongsomwang’ โดยนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค หรือ สอบ.) ได้ออกมาเผยเอกสารหลุด เรื่องผลกระทบด้านต่างๆ ของไทย หาก ‘ทรู-ดีแทค’ สามารถควบรวมกิจการได้ โดยระบุว่า... 

มีเอกสารหลุดรายงานการศึกษาที่ กสทช. จ้างบริษัทที่ปรึกษาต่างประเทศ SCF Associates Ltd. ในเรื่องผลกระทบของการควบรวมค่ายมือถือทรู-ดีแทค ที่มีต่อสังคมไทยทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม โอกาสการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ และสิทธิการเข้าถึงบริการของสังคม 

ซึ่งทำให้เห็นหายนะที่สังคมไทยจะต้องเผชิญหน้า หาก กสทช. มีมติอนุญาตให้เกิดการควบรวม  ที่ทำให้สามค่ายมือถือยักษ์ เหลือสองค่าย (ทรู+ดีแทค และ เอไอเอส) สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้...

1. พื้นที่คนจน พื้นที่ห่างไกล ที่ที่ไม่สร้างผลกำไรจะไม่มีโครงข่าย หรือบริการใหม่ๆ เข้าไปถึง ซึ่งแปลว่า “คนจน คนชายขอบจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” โดนละเมิดสิทธิ์การเข้าถึงบริการคลื่นความถี่ที่ประชาชนเป็นเจ้าของ 

2. ในขณะที่กลุ่มรายได้สูง กลุ่มชุมชนเมืองที่จะสร้างกำไรสูงสุดให้สองค่ายที่เหลือในตลาด จะได้รับบริการโดยเฉพาะระบบ 5 จี อย่างเต็มประสิทธิภาพ กลุ่มคนรายได้ปานกลางและคนจนเมืองต้องจ่ายค่าบริการที่สูงเกินความจำเป็น กับเทคโนโลยีทันสมัย

3.  การควบรวมที่มีเหลือสองค่าย หรือ duopoly จะไม่เกิดการแข่งขัน และกลายเป็นระบบร่วมมือกัน หรือ "ฮั้ว" ไปในที่สุด ทั้งนี้เพื่อลดต้นทุนในโครงข่ายสำหรับการให้บริการใหม่ๆ และ ลดการแข่งขันกันเอง

4.  การเข้าสู่ระบบสองค่ายหรือ duopoly จะทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศล้าหลัง ตามหลังประเทศฟิลิปปินส์ ที่ขณะนี้รั้งท้ายในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน

5.  จะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าสิบปีถึงจะสามารถพลิกฟื้นระบบตลาดสองค่ายนี้ กลับเป็นตลาดที่มีการแข่งขัน หรือเกิดคู่แข่งหน้าใหม่ในตลาด

ทันทีที่ข้อความดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมา ด้านนายไตรรงค์ ตันทสุข นักกฎหมาย ในฐานะตัวแทนภาคประชาชน ก็ได้เข้าแจ้งความกล่าวโทษอาญากับนางสาวสารี และผู้เกี่ยวข้อง ข้อหาเผยข้อมูลลับทางราชการ โดยนายไตรรงค์กล่าวว่า ผลการศึกษาจากที่ปรึกษาต่างประเทศ SCF Associates Ltd. ถือเป็นความลับทางราชการ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของบอร์ด กสทช. จึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลให้คนอื่นล่วงรู้ได้ 

ซึ่งคาดว่าใน 1-2 วันนี้จะยื่นเอกสารเพิ่มเติมเพื่อกล่าวโทษบุคคลและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป จากกรณีที่เผยแพร่ผลการศึกษาของที่ปรึกษาต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นความผิดฐานเปิดเผยความลับทางราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 , 86 , 164 และบิดเบือนข้อความจริงหรือนำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามพรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พศ.2550 มาตรา 14

มาถึงตรงนี้ท่านผู้อ่านอาจสงสัย ว่าแท้จริงแล้วมหากาพย์นี้ เริ่มต้นจากตรงไหนกันแน่ ทีมข่าว The States Times จะมาสรุปให้ทราบดังนี้... 

ปีที่แล้วได้มีข่าวออกมาว่าบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กำลังเจรจาซื้อกิจการบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ต่อมาสำนักข่าวรอยเตอร์ ก็ได้เผยว่า บริษัทแม่ของ DTAC กำลังเจรจากับ CP Group เกี่ยวกับการควบรวม DTAC เข้ากับ TRUE

โพสต์ผิดชีวิตเปลี่ยน โพสต์ด่าตัวย่อก็ติดคุกได้

เมื่อก่อนอาจจะได้ยินคำว่า ‘คิดก่อนพูด’ ซึ่งก็เป็นคำที่สามารถใช้ได้กับทุกยุค แต่ปัจจุบันควรเปลี่ยนมาใช้คำว่า ‘คิดก่อนโพสต์’ เพราะตราบใดที่เราโพสต์หรือแสดงความคิดเห็นที่ไม่สร้างสรรค์ลงโซเชียล เราอาจเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เพียงเพราะการไม่คิดก่อน

วันนี้ทีมข่าว The States Times จะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจกับ ข้อกฎหมายเบื้องต้นเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่นประมาท พูดและพิมพ์อย่างไรให้ปลอดภัย เพราะทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่พอดี 

ก่อนอื่นอยากชวนผู้อ่านทำความเข้าใจกฎหมายอาญาก่อน ว่าต้องทำแบบไหนถึงผิด โดยประมวลกฎหมายอาญา กำหนดความผิดฐานหมิ่นประมาทไว้ใน มาตรา 326 โดยมีมาตรา 328 ซึ่งเป็นบทเพิ่มโทษบัญญัติไว้ว่า “มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ทว่าการที่เราจะแสดงความคิดเห็นที่อาจเป็นความผิดมาตรา 326 ได้นั้น จะต้องมีบุคคลที่สามมายืนยันข้อเท็จจริง ซึ่งข้อความอาจจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่ต้องชัดเจนให้บุคคลที่สามรู้ว่าคนถูกใส่ความคือใคร และต้องเป็นพฤติกรรมที่สังคมไม่ยอมรับและน่ารังเกียจ จนทำให้ผู้ถูกใส่ความเสียชื่อเสียง ดูถูกดูหมิ่น แต่หากเป็นกรณีที่ไม่ได้ตั้งใจกล่าวถึง หรือประมาทเลินเล่อ จะไม่มีความผิดตามกฎหมายอาญา

ส่วนมาตรา 328 มีไว้เพื่อเอาผิดกับคนที่ทำให้ ข้อความหมิ่นประมาทเผยแพร่เป็นวงกว้าง โดยบัญญัติไว้ว่า “มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทําโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทําให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทําโดยการกระจายเสียง หรือการ กระจายภาพ หรือโดยกระทําการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท”

พูดง่ายๆ ก็คือ มาตรานี้กำหนดโทษหนักขึ้นเพื่อเอาผิดกับคนที่ทำให้ข้อความหมิ่นประมาทเผยแพร่ไปในวงกว้างนั่นเอง ยกตัวอย่าง เช่น กองทัพเรือฟ้องผู้สื่อข่าวและบรรณาธิการเว็บไซต์ภูเก็ตหวาน ในความผิดฐานหมิ่นประมาท และคดีตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จากการเผยแพร่รายงานของรอยเตอร์ ที่อ้างว่ากองกำลังทางเรือของไทย ได้รับผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา

ส่องอาชีพแห่งอนาคตที่คนรุ่นใหม่ห้ามพลาด หลังตลาดอยากได้ทักษะเหล่านี้มาตอบโจทย์

ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนรุ่นใหม่มักถูกมองว่าเป็นชาว Digital Natives ที่สูง ขณะที่บางส่วนเรียกว่า iGen เพราะเป็นกลุ่มที่เกิดและเติบโตมาพร้อมกับการใช้เทคโนโลยี ซึ่งปัจจุบันนี้ ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมดิจิทัล ทำให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมที่เน้นด้านเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์เพิ่มมากขึ้นและต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบอิสระของคนรุ่นใหม่ ทำให้คนรุ่นใหม่ต้องปรับตัวเพื่อก้าวทันเทคโนโลยีที่รวดเร็ว และหลายๆ อาชีพกำลังเริ่มเป็นที่ต้องการของตลาด 

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid 19 ที่ไปในทิศทางที่ดีขึ้น การจ้างงานค่อยๆฟื้นตัว ประกอบกับงานในสายเทคโนโลยีที่มีความต้องการแรงงานจำนวนมาก ประกอบกับสายงานใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับรูปแบบธุรกิจยุคใหม่ การสื่อสารสมัยใหม่ THE STATES TIMES ได้รวบรวมอาชีพของคนรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ เหมาะกับเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่...

- ผู้ประกอบการด้าน e-Sports เป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบัน e-Sports เป็นอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต สร้างอาชีพและรายได้ให้กับคนรุ่นใหม่ โดยกีฬา e-sport ครอบคลุมไปถึงหลายส่วนงาน เช่น นักพากย์เกม ทีมงานถ่ายทอดสด นักออกแบบเกม ผู้ดูแลเกม นักวิเคราะห์ นอกจากนี้ กีฬา e-Sport ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมเกมในประเทศไทย มีอัตราการขยายตัวย้อนหลังในปี 2559 - 2562 อยู่ที่ 12.7% เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยต่อยอดและเชื่อมโยงอุตสาหกรรมเกมเข้ากับธุรกิจอื่น ด้านบริษัท NewZoo บริษัทที่รวบรวมเกี่ยวกับธุรกิจเกม รายงานว่า ในปี 2562 มูลค่ารวมของกีฬา e-Sport ทั่วโลก อยู่ที่ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 36,300 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าในปี 2565 มูลค่าของกีฬา e-Sports ทั่วโลกจะอยู่ที่ 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 59,400 ล้านบาท

- วิศวกรด้าน Ai หรือ machine learning ปัจจุบันนี้ AI เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมหลายๆ ด้าน ทั้งด้านธุรกิจ อุตสาหกรรม หน่วยงานรัฐ และความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของคนในสังคมยุคนี้ โดยบริษัท McKinsey บริษัทที่ปรึกษาชื่อดังของโลกได้วิเคราะห์ว่า อีก 10 ปีข้างหน้า AI จะสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากถึง 13 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และบริษัทอีก 70% ทั่วโลกจะใช้ AI ในการดำเนินธุรกิจ ทำให้องค์กรส่วนใหญ่ต่างมองหาพนักงานสายอาชีพนี้จำนวนมาก

- Full stack developer เป็นอีก 1 อาชีพที่ต้องการในตลาดงานอย่างมาก เนื่องจากต้องมีความสามารถและทักษะที่หลากหลาย ต้องมีพื้นฐานทั้ง Front-End Developer เป็นผู้ออกแบบ Website ต้องเขียนภาษา HTML/CSS/JavaScript ได้ และ Back-End Developer ทำหน้าที่วางระบบด้านหลังทั้งหมด ข้อมูลจะวิ่งจากไหนไปไหน ด้วยวิธีอะไร ชนิดฐานข้อมูลที่ต้องใช้เก็บข้อมูล มีทักษะอื่นๆ ประกอบด้วย UX/UI database (SQL/NoSQL), middleware tools และ web server configuration โดยตำแหน่งนี้ต้องรู้ครบจบในคนเดียวกัน ต้องสามารถพัฒนาเว็บอย่างเต็มรูปแบบทั้งหน้าบ้าน และหลังบ้าน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นักพัฒนา Full stack เป็นที่ต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของบริษัทต่างๆ

- Data Scientist หรือนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล เป็นอีก 1 อาชีพที่มาแรงที่คลาดทั่วโลกต้องการ ทำหน้าที่วิเคราะห์ Big Data หรือ ข้อมูลจำนวนมหาศาลในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ที่มีอยู่ในองค์กร โดยหน้าที่หลักของ Data Scientist คือ ทำความเข้าใจในปัญหาที่ต้องการแก้ไข (Define Question)  ดึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูล (Data collection) ทำความเข้าใจในข้อมูลที่มี (Data analysis) เตรียมข้อมูลให้เรียบร้อยก่อนนำข้อมูลไปประมวล (Data preparation) วัดประสิทธิภาพและการประมวลผลข้อมูล (Data acquisition) สรุปผลและแสดงผลที่ได้จากการประมวลผลข้อมูล (Data visualization) ปรับปรุงประสิทธิภาพการประมวลผลข้อมูลให้ดีขึ้น (Optimization) และทำงานร่วมกับ Data Engineer เพื่อออกแบบโครงสร้างข้อมูลที่ง่ายต่อการนำไปประมวลผล

- นักขับโดรน หรือ Drone Specialist เป็นอาชีพในยุคดิจิทัลที่หลายคนใฝ่ฝัน แถมได้รับความนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะในภาคธุรกิจ เพราะหลายภาคส่วนนำโดรนไปใช้ในการทำธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านโลจิสติกส์ เกษตรกรรม หรือสื่อสารมวลชน โดยข้อดีของอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) คือ  ทำให้ได้ภาพมุมสูงมาโดยที่ประหยัดค่าใช้จ่าย การบินโดรนในประเทศไทย ต้องขออนุญาตอย่างถูกกฎหมายและมีใบขึ้นทะเบียนที่ออกโดยสำนักงานการบินพลเรือน หรือ กสทช. โดรนที่ใช้บินต้องมีประกันภัยความเสียหาย ผู้บินโดรนต้องมีใบอนุญาตบังคับอากาศยานไร้คนขับที่ออกโดยสำนักงานการบินพลเรือน

- Coder หรือ นักเขียนโค้ด Larry Page แห่ง Google กล่าวว่า coder จะเป็นผู้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวก และทำให้เกิดความเป็นไปได้ในสิ่งที่มนุษย์อยากที่จะทำ ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพและเติบโตได้มากขึ้น จึงเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญและต้องการอย่างมาก

- Strategist หรือ นักวางกลยุทธ์ Michael E. Porter นักกลยุทธ์มองว่า ปัจจัยสำคัญของการเติบโตธุรกิจหรือการทำงานต่างๆ คือการวางกลยุทธ์และมองเห็นอนาคต เพื่อให้เกิดมุมมองใหม่ๆ และสร้างจุดเด่นจุดแข็งของธุรกิจขึ้นมาได้ นับเป็นอาชีพที่สำคัญอย่างมากในการทำให้ธุรกิจต่างๆ เติบโตขึ้น

- Data Analyst หรือ นักวิเคราะห์ข้อมูล Vadim Kutsyy หัวหน้าห้องปฎิบัติการข้อมูลของ eBay กล่าวว่า อีกหนึ่งปัจจัยของการเติบโตทางธุรกิจ และเป็นอาชีพที่มีความสำคัญ คือ นักวิเคราะห์ข้อมูล เป็นการวิเคราะห์เชิงสถิติจากข้อมูลจำนวนมาก โดยนำมาตีความและวิจัย เพื่อนำไปวางแผนการดำเนินงานให้มีประโยชน์สูงสุด และลดความเสี่ยงต่างๆ ที่ทำให้เกิดปัญหา

- User Experience Designer หรือ นักออกแบบจากประสบการณ์ผู้ใช้งาน Irene Au หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Google , Yahoo และ Udacity กล่าวว่า ในการทำธุรกิจ อีกอย่างหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้ ธุรกิจนั้นต้องมีปฎิสัมพันธ์กับ user โดย UXD เป็นผู้ออกแบบโดยอาศัยการเรียนรู้และสังเกตพฤติกรรมของ user และนำไปพัฒนา ทำให้สินค้าและบริการสามารถเข้าถึง user ได้ดีขึ้น

- Software Developer หรือ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ Linus Torvalds ผู้สร้างระบบปฎิบัติการ Linux และ Gift Linux กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ซึ่งเบื้องหลังเทคโนโลยีต่างๆ จะมีนักพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นผู้คอยสร้างและเทคโนโลยีเหล่านี้ เป็นอาชีพที่เป็นกลไกสำคัญของการทำให้เกิดเทคโนโลยีต่างๆ และมีโอกาสก้าวหน้าสูง

- Computer System Analyst หรือ นักวิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์ Steve Wozniak หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ที่ Data virtualization company มองว่า นักวิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นอาชีพที่ใช้ทั้งความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและด้านธุรกิจ เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้สามารถวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ และวิจัยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อนำมาใช้ในองค์กร เป็นตำแหน่งที่ขาดไม่ได้ในการทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพ

- Information Security Analysts หรือ นักวิเคราะห์ความปลอดภัยของข้อมูล Mark Russinovich ผู้ทำหน้าที่ CTO ของ Microsoft กล่าวว่า การเข้าสู่ยุคดิจิทัลและมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงานและดำเนินชีวิต ข้อมูลต่างๆ ได้เข้าไปอยู่ในระบบ cloud สิ่งที่ละเลยไม่ได้คือ “ความปลอดภัยของข้อมูล” ที่อาจมีผู้ไม่หวังดีหรือหาผลประโยชน์จากข้อมูลของผู้ใช้ ต้องมี Information Security Analysts เป็นผู้เชี่ยวชาญที่คอยวางแผนเพื่อป้องกันระบบจากการบุกรุกและการโจมตีทางไซเบอร์ ทำให้อาชีพนี้มีความสำคัญมากในปัจจุบันนี้

- Computer Network Architect สถาปนิกเครือข่ายคอมพิวเตอร์ Tom Hollingsworth วิศวกรเครือข่าย United Systems กล่าวว่า จากการใช้งาน Network ในปัจจุบันมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ การออกแบบสร้างและบำรุงรักษาเครือข่ายการสื่อสารข้อมูล รวมทั้งการกำหนดงบประมาณการออกแบบเครือข่ายและการติดตั้ง มีความสำคัญอย่างมาก ทั้งนี้เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ

- Computer Support Specialist ผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนคอมพิวเตอร์ David Perry แห่ง Comodo Group บริษัทซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ กล่าวว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับระบบคอมพิวเตอร์ ต้องการแก้ไขอย่างตรงจุด และรวดเร็ว อาชีพนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นบุคคลที่เข้าไปแก้ปัญหานั้นโดยการศึกษาปัญหาจากผู้ใช้งานโดยตรงและให้คำแนะนำที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ อาชีพของคนรุ่นใหม่ในต่างประเทศ ก็มีผลสำรวจจาก U.S News & World Report พบว่า ชาวอเมริกันกว่า 1,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 20-34 ปี เห็นว่าพื้นฐานเงินเดือนนั้นสำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกงาน รองลงมาคือ Work life balance สุดท้ายคือ ระดับความเครียด อาชีพที่ทำรายได้มากที่สุดของคนรุ่นใหม่ในสหรัฐอเมริกา ได้แก่…

1. สมุหบัญชี (Accountant) มีเงินเดือนเฉลี่ย $75,280
2. นักวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน (Operations research analyst) มีเงินเดือนเฉลี่ย $84,180
3. นักรังสีวิทยา (Radiation therapist) มีเงินเดือนเฉลี่ย $84,460
4. วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม (Environment engineer) มีเงินเดือนเฉลี่ย $88,040
5. วิศวกรรมเครื่องกล (Mechanical engineer) มีเงินเดือนเฉลี่ย $88,190
6. นักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์ (Computer system analyst) มีเงินเดือนเฉลี่ย $90,180
7. นักพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software developer) มีเงินเดือนเฉลี่ย $102,160
8. นักคณิตศาสตร์ประกันภัย (Actuary) มีเงินเดือนเฉลี่ย $110,560
9. ที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial adviser) มีเงินเดือนเฉลี่ย $118,050

และจากการลงพื้นที่ของ THE STATES TIMES เพื่อสอบถามคิดเห็นของเยาวชนไทย บริเวณสามย่านมิตรทาวน์ ก็ได้คำตอบหลากหลายความคิดเห็นเกี่ยวกับอาชีพในอนาคต เช่น...

แผ่นดินไหวขนาด 4 ที่เชียงใหม่ไม่เกินคาด เหตุรอยเลื่อนทางภาคเหนือยังมีพลังอยู่

(20 ต.ค. 65) กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ได้รายงานยืนยันสถานการณ์แผ่นดินไหวว่า เมื่อเวลา 04:36 น. ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหว 4.1 แมกนิจูด มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ ต.แม่คือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ รับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ในหลายอำเภอของ จ.เชียงใหม่ จ.แพร่ และ จ.ลำพูน โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้จุดศูนย์กลาง อ.ดอยสะเก็ด อ.สันกำแพง อ.แม่ออน และ อ.สันทราย

นายนนทวัฒน์ วรรณา นายกเทศมนตรี ต.แม่คือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่ ต.แม่คือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ได้สำรวจความเสียหาย พบว่า ระบบน้ำประปาในหมู่บ้านและอาคารสูงในเขตเทศบาล ต.แม่คือ ไม่ได้รับผลกระทบ แต่ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า รับรู้แรงสั่นสะเทือนมากกว่าทุกครั้ง และสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้ให้คำแนะนำในการปฐมพยาบาลแล้ว

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าวทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ นายปฏิญญา พรโสภิณ ผู้อำนวยการส่วนวิจัยและพัฒนาแผ่นดินไหวและสึนามิ กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า สถานการณ์แผ่นดินไหวล่าสุดตอนนี้แค่รู้สึกสั่นไหว โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ อ.ดอยสะเก็ด อ.สันทราย อ.สันกำแพง อ.เมือง อ.สามัคคี รอบๆ จุดศูนย์กลาง ส่วนในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากเป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็กถึงปานกลาง 

โดยแผ่นดินไหวในครั้งนี้เป็นขนาด 4.1 รัศมีการรู้สึกสั่นไหวประมาณ 20-30 กิโลเมตรจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว ซึ่งครอบคลุม 4-5 อำเภอโดยรอบจากจุดศูนย์กลาง คือ อ.ดอยสะเก็ด, อ.สันทราย, อ.สันกำแพง, อ.เมือง, อ.สามัคคี โดยสาเหตุที่เกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้คือ บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เรียกว่า “แอ่งเชียงใหม่” ซึ่งล้อมรอบไปด้วยกลุ่มของรอยเลื่อนที่มีพลังที่เรียกว่า “รอยเลื่อนแม่ทา” อยู่ฝั่งทางซ้ายของ จ.เชียงใหม่ และฝั่งขวารอบ ๆ แอ่งเชียงใหม่ 

ส่วนสาเหตุที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อเวลา 04:30 ที่ผ่านมา เกิดจาก รอยเลื่อนแม่ทา อยู่ใกล้ ๆ กับรอยเลื่อนย่อย ดอยสะเก็ด โดยบริเวณนี้เคยเกิดเหตุแผ่นดินไหวเล็ก ๆ อยู่ที่ขนาด 2-3 ใน 4-5 ปีที่ผ่านมา แผ่นดินไหวที่จ.เชียงใหม่นี้ ไม่ได้เกิดผลกระทบกับประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเป็นลักษณะ Local Earthquake เป็นแผ่นดินไหวท้องถิ่น ทำให้ไม่กระทบออกไปไกล แต่หากเกิดผลกระทบออกไปไกล จะเป็นแผ่นดินไหวขนาด 6 ริกเตอร์

นายปฏิญญา กล่าวต่อว่า กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา มีสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวอยู่รอบ ๆ อ.เมืองเชียงใหม่ สามารถตรวจวัดแผ่นดินไหวได้แบบ Real Time สามารถรู้ได้ทันทีและคำนวณได้ว่าเกิดแผ่นดินไหวที่ไหน มีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง สิ่งที่เราต้องรู้คือ รู้ว่าบริเวณไหนเสี่ยงภัยแผ่นดินไหว โดย อ.ดอยสะเก็ด, อ.สันกำแพง, อ.สันทราย เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยต่อการเกิดแผ่นดินไหวอยู่แล้ว เพราะว่ามีรอยเลื่อนมีพลังพาดผ่านและมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น 

“สิ่งสำคัญเมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้น อันดับแรก บ้านเก่าที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ต้องเสริมกำลัง บ้านที่จะสร้างขึ้นมาใหม่ ต้องสร้างให้ได้มาตรฐานต้านทานแผ่นดินไหว ซึ่งมีกฎกระทรวงอยู่สำหรับอาคารที่จะสามารถต้านทานแผ่นดินไหว ซึ่งจ.เชียงใหม่ เป็นพื้นที่เสี่ยงภัย หากเกิดแผ่นดินไหวเมื่ออยู่ในอาคารให้ระลึกไว้ 3 คำ คือ Drop Cover Hold on คำว่า Drop คือ ก้มลงกับพื้น Cover คือ ป้องกันศีรษะ หรือมุดใต้โต๊ะ และคำว่า Hold On คือ รอจนการสั่นไหวหยุด แล้วค่อยออกจากอาคาร ไม่ตื่นตระหนกตกใจ” นายปฏิญญาแนะ

ขณะเดียวกันทีมข่าว THE STATES TIMES ยังได้พูดคุยกับ ดร.ไพบูลย์ นวลนิล นักแผ่นดินไหววิทยา ถึงสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวด้วยว่า สาเหตุในการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดจากรอยเลื่อนแม่ทา ซึ่งเป็นกลุ่มรอยเลื่อนหนึ่งที่อยู่ทางภาคเหนือนั้น ยังไม่มีผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากแผ่นดินไหวขนาด 4.1 แรงสั่นสะเทือนมีผลกับรัศมีที่แคบ คือใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว ประมาณ 20 กิโลเมตรที่รับรู้แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ส่วนพื้นที่ที่ไกลออกไปอาจจะรับรู้ได้เล็กน้อย แต่ไม่ถึงอันตรายใด ๆ แต่มีบ้านเก่าและอาคารเก่ามีฝ้าเพดานร้าว เพราะว่าอยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว เนื่องจากบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวอยู่ใกล้กับชุมชน ทำให้ชาวบ้านบางส่วนได้รับผลกระทบบ้าง แต่สถานการณ์ล่าสุดยังปกติ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top