Sunday, 28 April 2024
PRESS

'ลุงตู่' ขอบคุณ 'ลุงสี' ไฟเขียว #พาเด็กไทยกลับจีน แล้วถึง 6 เที่ยวบิน รวมยอด 1,127 คน

เมื่อบ่ายวันที่ 19 พ.ย. 65 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำทีมประเทศไทยประชุมเต็มคณะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และคณะผู้แทนฝ่ายจีน ในโอกาสเยือนไทย ระหว่างการประชุม APEC 2022 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณจีนที่อนุญาตให้นักศึกษาไทยทยอยกลับไปศึกษาต่อในจีนได้ รวมทั้งพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวไทยอีกครั้ง ซึ่งประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า จีนและไทยเป็นเหมือนพี่น้องและญาติมิตร จีนส่งเสริมให้ประชาชนของทั้งสองฝ่ายเดินทางไปมาหาสู่กันได้ หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลสามารถแก้ปัญหาโควิด-19 ได้สำเร็จด้วยดี เชื่อว่าหากทุกฝ่ายสามัคคีร่วมมือกัน จะนำไปสู่ผลประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนได้ในระยะยาว

อดีตแรงงานซาอุฯ ปลื้มใจ ‘ไทย-ซาอุฯ’ ฟื้นความสัมพันธ์ ถือเป็นโอกาสคนรุ่นใหม่ สานต่อวัฒนธรรมทั้ง 2 ประเทศ

โอกาสคนรุ่นใหม่!!
อดีตแรงงานซาอุฯ ปลื้มใจ ‘ไทย-ซาอุฯ’ ฟื้นความสัมพันธ์ ถือเป็นโอกาสคนรุ่นใหม่ สานต่อวัฒนธรรมทั้ง 2 ประเทศ

‘ฝนธิป ศรีวรัญญู’ สาวงามไทยคว้า 2 มงกุฎ จากการประกวด ‘Mrs.Heritage International’

วันนี้ (22 พ.ย. 65) เวลา 12.30 น. ได้มีการจัดแถลงข่าวเปิดตัวผู้ชนะการประกวดสาวงาม Mrs.Heritage International ณ ห้องชมณภา โรงแรมเอสดี 

สำหรับเวที Miss and Miss Heritage Intemational เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงที่สมรสแล้วสามารถเข้าประกวดได้ เนื่องจากเวทีให้โอกาสทุกคนอย่างความเท่าเทียมกัน ถึงแม้ผู้หญิงจะสมรสหรือมีลูกแล้ว ก็สามารถมีมุมมองและประสบการณ์ชีวิตที่สร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้ในอีกรูปแบบหนึ่งได้

ซึ่งปีนี้จัดประกวดอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย สาวงามที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ Miss and Miss Heritage Intemational ได้แก่ น.ส.ฝนธิป ศรีวรัญญู และคว้าอีกรางวัลมาครองคือ Environmental Ambasador 

ฝนธิป กล่าวว่ารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และการไปประกวดครั้งนี้ สิ่งที่ตัวเองเตรียมไปคือ การสร้างภาพลักษณ์ โดยการเป็นตัวแทนของประเทศ ได้เตรียมวิดีโอที่นำเสนอประเทศไทย ซึ่งได้ถ่ายไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศ รวมถึงพวกวัฒนธรรมไทยต่างๆ เช่น มวยไทย สิ่งนี้จะทำให้ต่างชาติรู้จักประเทศไทยมากขึ้น อย่างที่สองที่เตรียมคือ ด้านการแสดงวัฒนธรรมไทย เป็นการรำกินรี ไปรำโชว์ให้ต่างชาติได้เห็นถึงความเป็นไทย อย่างที่สามคือเตรียมในเรื่องของชุดที่สวมใส่ โดยชุดจะต้องแสดงถึงความเป็นไทยได้อย่างดี เพราะในกองประกวดเราสามารถใส่ชุดไทยได้ ซึ่งตนทำให้ชุดมีความโดดเด่น แล้วก็แตกต่างจากชาติอื่น ๆ เพราะว่าชาติอื่นเขาก็เตรียมมาเหมือนกัน ดังนั้นจึงต้องยิ่งแสดงถึงความเป็นไทยให้เด่นชัดยิ่งขึ้นไปอีก

'เสี่ยเฮ้ง' โต้แรงนโยบายหาเสียงเพื่อไทย คิดได้แค่นี้ประเทศไม่รอด ท้า!! แน่จริงขึ้นค่าแรงบริษัทในเครือขั้นต่ำ 600 ให้ดูหน่อย

หลังจากเมื่อวันที่ (6 ธ.ค. 65) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ประกาศนโยบายหาเสียงเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ด้วยการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และจบปริญญาตรีมีเงินเดือน 25,000 บาท ปักธงเป็นรัฐบาลครบวาระ 4 ปี โดย อธิบายว่าประเทศไทยมี 20 ล้านครอบครัว สามารถสร้างงานทักษะสูงได้ 20 ล้านตำแหน่ง และมีรายได้รวมกันถึงปีละ 4 ล้านล้านบาทนั้น ในปี 2570 คนไทยต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำให้สมกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย คือ ไม่ต่ำกว่า 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนของผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีอยู่ที่ 25,000 บาทขึ้นไป 

ขณะเดียวกันก็จะใช้ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เป็นพลังขับเคลื่อน โดยการดึงศักยภาพของอย่างน้อย 1 คนในทุกครอบครัวให้ได้รับโอกาสในการอบรม บ่มเพาะ ทักษะสร้างสรรค์ที่มีความถนัดให้ดีขึ้น รวมทั้งการสร้างทักษะสร้างสรรค์ Soft Power ด้านต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้มีรายได้คนละไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อปี 

จากนโยบายดังกล่าวนี้ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้สัมภาษณ์ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ว่ามีความคิดเห็นในนโยบายดังกล่าวอย่างไร?

โดยในประเด็นการสร้างงานทักษะสูง 20 ล้านตำแหน่ง สุชาติ กล่าวว่า “วันนี้มีคนไทยอยู่ในระบบประกันสังคม 11 ล้านกว่าคน แรงงานนอกระบบอีก 20 ล้านคน หาบเร่แผงลอย นายจ้าง ธุรกิจส่วนตัว รวมแล้ว 2 ระบบ ประมาณ 30 ล้านคน ข้าราชการอีกกี่ล้านคน นักศึกษาอีกกี่ล้านคน เด็กที่ยังเรียนอยู่อีกกี่ล้านคน แล้วถ้าบอกว่า 20 ล้านตำแหน่ง คุณจะเอาคนไทยที่ไหนมาทำงาน ผมไม่เข้าใจเลย เพราะเค้าทำงานกันเกือบหมดแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาการบริหารงานของผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในช่วงไตรมาสที่ 1 ถึง ไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 หลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัวด้วยนโยบายของรัฐบาลต่างๆ เราได้จ้างงานไปกว่า 1,590,000 อัตรา มากกว่าก่อนที่ไม่มีโควิด-19 เพราะฉะนั้นตัวเลขที่บอกว่าสามารถสร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง มันโอเว่อร์ไป” 

ในส่วนของค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนนั้น สุชาติ แสดงความเห็นว่า “ค่าแรง 600 บาท ผมเรียนอย่างนี้นะครับ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นำเข้าสู่คณะรัฐมนตรีเป็น ร้อย ๆ อาชีพ ในการปรับค่าแรงให้กับวิชาชีพต่าง ๆ เช่น ช่างปูกระเบื้อง ค่าแรงเกือบ 1,000 บาท ทุกอย่างถ้ามีฝีมือปรับตามกระทรวงแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่นำเข้าสู่คณะรัฐมนตรีประกาศออกมาใช้แล้ว เป็นร้อยอาชีพ 

"ส่วนค่าแรง 600 บาท กำลังพูดถึงค่าแรงคนที่ไม่มี Skill ไม่มีฝีมือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว ที่ค่าแรงส่วนใหญ่ของประเทศเค้ามีค่าแรง 100 บาทต้นๆ และถ้าเกิดปรับค่าแรงเป็น 600 บาท ผมถามว่าแรงงานต่างด้าวก็มาบ้านเราหมด ซึ่งอัตราแรงงานไร้ฝีมือในบ้านเราก็เพียงพออยู่แล้ว ประมาณ 2 ล้านกว่าคน โดยเป็นคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทย แบบนี้ก็จะทำให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้ามามากขึ้นได้

"ผมขอฝากข้อคิดไว้ข้อคิดหนึ่ง การทำแบบนี้แรงงานไทยที่กำลังทำงานอยู่ จะสุ่มเสี่ยงตกงาน ถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการต้องจ้างแรงงาน 25,000 บาท ตามกฎหมายกำหนด แบบนี้ผู้ประกอบการจ้างเหมาดีกว่าไหม มีงานก็จ้างไม่มีงานก็ไม่จ้าง กระทบต่อแรงงานแน่นอน ภาคเอกชนไม่รับคนเพิ่มและอาจใช้วิธีแบบนี้เพื่อลดต้นทุน ส่วนในประเด็นปรับเงินเดือน 25,000 บาท ถ้าคนทำงานเดิมที่มีเงินเดือน 20,000 กว่า และคนใหม่เข้ามาทำงาน เงินเดือนขึ้นไป 25,000 บาท ระบบเงินเดือนจะปรับยังไง ต้นทุนบริษัทจะไปทางไหน นโยบายสุดโต่งแบบนี้ สุ่มเสี่ยงทำให้ลูกจ้าง แรงงานตกงานได้เลยและจะทำให้บริษัทต่างชาติที่จะมาเปิดและใช้แรงงานในไทย ย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นแน่นอน ตรงนี้คุณคิดหรือเปล่าถ้าคุณเสนอตัวเป็นผู้นำประเทศ” 

เจ้ากระทรวงแรงงานยังกล่าวอีกว่า “คุณอุ๊งอิ๊ง ไม่เคยลำบากยากจนมากก่อน ไม่เคยเป็นนักธุรกิจ ไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการที่ก่อร่างสร้างตัวมาด้วยตนเอง เกิดมาก็พ่อรวยแล้ว ถามว่าวันนี้คุณรู้ไหมว่าต้นทุนในแต่ละบริษัท ต้นทุนการตลาดต่างๆ ระบบเงินเดือน มันมีที่มาที่ไปอย่างไร ไม่ใช่อยู่ ๆ อยากจะขึ้นค่าแรงก็พูดได้ คุณรู้ไหมว่าการที่คุณหาเสียงโดยการเอาความยากลำบาก หรือความเสี่ยงปิดกิจการของนายจ้างเอามาเล่นแบบนี้ไม่ได้ คุณกำลังจะทำให้ธุรกิจในประเทศมีปัญหา นายจ้างต้องเลิกกิจการนะ

"คุณกำลังเล่นการเมืองโดยเอาเงินเอกชนมาหาเสียงตัวคุณเอง นักลงทุนที่จะมาลงทุนใน EEC (โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก) หรือต่างชาติ อย่างซาอุดีอาระเบีย จะมาลงทุนในเอเปคที่เราคุยไว้ ใครจะมาลงทุน ผมถามหน่อย คุณอุ๊งอิ๊งรู้ไหมว่าแรงงานขั้นต่ำที่คุณอุ๊งอิ๊งพูดมีคนไทยอยู่ในระบบประกันสังคม ที่เหลือเป็นแรงงานต่างด้าว 1 ล้านคน ที่เหลือก็เป็นระบบเงินเดือนฐานเงินเดือน ถ้าเราทำให้เอกชนแข็งแรง เอกชนที่ไหนเค้าจะปล่อยให้ลูกน้องเค้าเงินเดือนน้อยล่ะ 

"ถ้าคุณมีกิจการดี ส่งออกดี คุณไม่กลัวลูกน้องคุณไปอยู่บริษัทอื่นที่เงินเดือนเยอะกว่าเหรอ คุณก็ต้องปรับ วันนี้บริษัทผลิตรถยนต์ โบนัส 7 ถึง 8 เท่า เพราะนโยบายกระทรวงแรงงานเราแข็งแรงส่งเสริมเอกชน พอเค้าแข็งแรง เค้าก็ดูแลลูกน้องในระบบได้ คุณอุ๊งอิ๊ง พรรคเพื่อไทยออกนโยบายแบบนี้คุณไม่เคยลำบาก คุณรวยแล้ว คุณรู้ไหมความลำบากเป็นอย่างไร การบริหารกระทรวงแรงงานเราไม่ได้ขึ้นที่ค่าแรงงานอย่างเดียว แต่เราลงไปดูแลสวัสดิการต่าง ๆ ด้วย 

'สันธนะ' ตั้งข้อสังเกต บัญชีงบดุล 'ชูวิทย์' ขาดทุนตลอด เป็นการตกแต่งบัญชีเพื่อหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีหรือไม่

(7 ธ.ค. 65) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า ตั้งแต่ปี 2543 บัญชีงบดุลของบริษัทของนายชูวิทย์มีภาวะขาดทุนมาตลอด โดยตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการตกแต่งบัญชีเพื่อหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีหรือไม่ อีกทั้งการปล่อยให้กรรมการบริษัทมากู้ยืมเงินบริษัทประมาณกว่า 400 ล้านบาท ทั้งที่มีภาะขาดทุน เป็นไปได้อย่างไร ทั้งนี้ยังนำโฉนดที่ดินของ 3 บริษัทมาแสดงเพื่อยืนยันว่าบริษัทดังกล่าวเป็นของนายชูวิทย์จริง โดยจะนำเอกสารทั้งหมดนี้ไปยื่นต่อกรมสรรพากรให้ดำเนินการตรวจสอบบริษัทนายชูวิทย์

ส่วนวันนี้ยืนยันว่าจะเดินหน้าเอาผิดนายชูวิทย์ แม้ว่าตอนนี้ตนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษนายชูวิทย์ไปแล้วถึง 9 คดี ซึ่งจะรอดูความชัดเจนอีกครั้งในบ่ายวันนี้ แต่เบื้องต้นตั้งข้อสังเกตุว่าการที่นายชูวิทย์ไปมอบแบริเออร์ให้กับ สน.ทองหล่อนั้น ตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมายเนื่องจากตนมีคดีความกับนายชูวิทย์อยู่ที่นั่น

ทั้งนี้นายสันธนะ ยังได้โชว์ภาพอดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่ไปร่วมงานแต่งลูกชายนายชูวิทย์ว่าตั้งข้อสังเกตุถึงความใกล้ชิดสนิทสนมกัน ซึ่งสันนิษฐานว่าบุคคลในภาพนั้นน่าจะอยู่เบื้องหลังนายชูวิทย์หรือไม่ เนื่องจากกระแสสังคมมีการสร้างวาทะกรรมให้ตนเป็นคนขายชาติ ซึ่งเชื่อว่าเป็นปฏิบัติการไอโอ

ส่วนกรณีของนอร์ท กองสลากพลัส ได้ออกมาแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่านายสันธนะไม่มีอำนาจใด ๆ ในการตรวจสอบบริษัทของตนเองนั้น วันนี้นายสันธนะชี้แจงว่าตนมีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ที่ให้สิทธิพลเมืองในการตรวจสอบความผิดปกติหรือความไม่ชอบมาพากลได้ และพร้อมโชว์เอกสารทางการเงินของบริษัท กองสลากพลัส โดยระบุว่าเป็นการดาวน์โหลดมาจากเว็บไซต์กรมธุรกิจการค้าภายใน โดยฝากบอกว่าอย่ามัวแต่เล่นติ๊กต่อก ให้รู้จักอ่านข้อมูลทางกฎหมายด้วย และท้าให้นอร์ทนำเงิน 200 ล้านบาทมาวางเป็นกองกลาง และไปออกรายการทีวีร่วมกัน หากคนนำเอกสารด้านการเงินของบริษัทมาได้ให้มอบเงิน 200 ล้านบาทให้ตน 

ในกรณีที่นายชูวิทย์ได้แฉไปก่อนหน้านี้ว่าเป็นนายทุนใหญ่ 5 เจ้า ได้ส่งเงินให้กับนายเจ้าเหว่ยเจ้าของคาสิโนคิงโรมันใน สปป.ลาว ที่นายสันธนะบอกว่านายชูวิทย์รู้จริงหรือไม่ เพราะตอนนี้คิงโรมันได้มีนายทุนจากสิงคโปร์เข้าไปเช่ากิจการ และเปลี่ยนเป็นขื่อลูซี่ ซึ่งตามหลักกฎหมายสิงคโปร์แล้วมีโทษรุนแรงหากทำผิดกฎหมายเรื่องยาเสพติด โดยเชื่อว่าไม่มีธุรกิจผิดตัวหรือธุรกิจสีเทาที่เขื่้อมโยงกับลูซี่ 

ทั้งนี้ได้โชว์ภาพถ่ายตนเองคู่กับสกายนักธุรกิจจากสิงคโปร์ระดับหมื่นล้าน ซึ่งเป็นบุคคลหนึ่งที่ไปเช่ากิจการลูซี่

นายสันธนะ บอกด้วยว่าตนได้แจ้งความเอาผิดนายชูวิทย์และพวกทั้งหมด 9 คดี...

คดีแรกเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.ในข้อหาโรงแรมเดอะ เดวิส มั่วสุมยาเสพติดและเปิดสถานบันเทิงเกินเวลาที่กำหนด พื้นที่ สน.ทองหล่อ

'ชูวิทย์' แฉ 3 พลตำรวจตรี 'เรียกรับส่วย' ขบวนการแปลงวีซ่า เอื้อ 'นายทุนจีนสีเทา'

(7 ธ.ค. 65) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมสุนัขคู่ใจ โดยตั้งชื่อเล่นให้ใหม่ว่า 'สัน' ซึ่งในการแถลงได้กล่าวถึงการเปิดหลักฐานขบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด ตม. ที่อำนวยความสะดวก ให้กลุ่มทุนจีนสีเทา รวมถึงเปิดหลักฐานการจัดตั้งมูลนิธิรับจดทะเบียนให้คนจีนเข้าพักอาศัยในไทยโดยผิดกฎหมาย

นายชูวิทย์ ตั้งชื่อการแถลงวันนี้ว่า 'ปฏิบัติการทลายภูเขาน้ำแข็งใต้น้ำ' โดยเปิดเผยว่า มีนายตำรวจ ยศ พล.ต.ต. จำนวน 3 นาย ซึ่งมี 2 นาย เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติท่านหนึ่ง เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแปลงวีซ่า และ สมาคมเถื่อน โดยมีการเรียกรับเงินกับ 'นายทุนจีนสีเทา' ที่เข้ามาในประเทศไทย และ ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย

ทั้งนี้กลุ่มนายทุนจีนสีเทา จะอยู่ในประเทศไทยได้ 30 วัน โดยวีซ่านักท่องเที่ยว หลังจากนั้น หากต้องการเปลี่ยนประเภทวีซ่าเป็น วีซ่าสำหรับประกอบธุรกิจ (non b visa) หรือ อาสาสมัครมูลนิธิ (non o visa) จะติดต่อผ่านคนกลาง และไปสมัครเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของมูลนิธิเถื่อน จากข้อมูลที่มีอยู่ 8 แห่ง ซึ่งหลอกว่า จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนการศึกษาภาษาจีนของเด็กและเยาวชน โดยจะจ่ายเงินตรงให้ตำรวจ ตม.รายละ 100,000 - 300,000 บาท พบข้อมูลดำเนินการระหว่างปี 2563 ถึง 2564 มีการอนุมัติเปลี่ยนประเภทวีซ่า ไปกว่า 3,325 ราย 

นายชูวิทย์ ยังบอกอีกว่า เรื่องที่พูดทั้งหมด ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง อย่าเอาไปเชื่อมโยง เป็นแค่การตั้งคำถาม ไปยังผู้ที่มีอำนาจในรัฐสภา และ ทำเนียบรัฐบาล

'บิ๊กตู่' นั่งประธานประชุมใหญ่คณะกรรมการนโยบายตำรวจ ย้ำ!! ทุกความเคลื่อนไหว สตช. ต้องทำให้ปชช.กระจ่าง

(7 ธ.ค. 65) ที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และ ประชุม คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ครั้งที่ 2/2565 โดยมีพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้การต้อนรับ

หลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น โดยเดินตรงดิ่งไปขึ้นรถที่จอดเตรียมรอไว้ หลังจากนั้นไม่นาน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้ออกมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ถึงการประชุมที่ได้หารือถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) โดยได้สรรหาและคัดเลือกในด้านต่าง ๆ จำนวน 5 คน ดังนี้...

1. ด้านยุทธศาสตร์
2. ด้านกฎหมาย
3. ด้านพัฒนาองค์กร
4. ด้านสื่อสารมวลชนหรือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรือการสื่อสาร
และ 5. ด้านภาคประชาชน

ดราม่าโลกโซเชียล ตู้ชาร์จสาธารณะรถอีวี เสียบแช่คาไว้ทั้ง ๆ ที่ชาร์จไฟแบตเตอรี่เต็มแล้ว ทำให้ผู้อื่นที่จะขับรถมาชาร์จ ไม่สามารถชาร์จได้  ซึ่งก็ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่างๆมากมาย จากประสบการณ์ตรงของแต่ละบุคคล ที่ได้เจอกับเหตุการณ์คล้ายๆกัน

ซึ่งจริง ๆ แล้วช่องชาร์จรถอีวีนั้น มีวัตถุประสงค์ทำขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้รถอีวีนำรถของตนเองมาชาร์จ เมื่อชาร์จเต็มแล้วก็ควรจะขับไปจอดที่ช่องจอดอื่น เพื่อเปิดให้ช่องชาร์จว่าง เพื่อให้ผู้ใช้รถอีวีท่านอื่นๆ นำรถมาชาร์จได้ แต่กลับมีผู้ใช้รถอีวีบางท่าน ยึดช่องชาร์จ เป็นที่จอดรถ โดยจอดทิ้งไว้ทั้ง ๆ ที่รถของตนเองชาร์จไฟเต็มแล้ว ส่งผลให้ผู้ใช้รถท่านอื่น ๆ เดือดร้อนเป็นอย่างมาก 

หลายท่านก็ได้แสดงความคิดเห็นถึงแนวทางแก้ไข ไว้ว่า ควรจะมีการคิดเงินค่าปรับในอัตราที่สูงสำหรับผู้ที่จอดรถแช่ไว้ในช่องชาร์จ ทั้ง ๆ ที่ชาร์จเต็มแล้ว โดยอาจจะให้คำนวนเป็นช่วงรายนาที โดยจะมีอัตราค่าปรับสูงขึ้นเรื่อย ๆ เป็นขั้นบันได

'เพื่อไทย' ชู!! กระจายอำนาจท้องถิ่น เลือกผู้ว่าฯ โดยตรง ยัน!! 'กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน' สำคัญ คอยเชื่อมรัฐต่อเนื่อง

(13 ธ.ค. 65) นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลสะเทือนจากการแสดงวิสัยทัศน์ของคุณแพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธาน พรรคเพื่อไทย ภายใต้สโลแกนใหม่ 'คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน' ส่งผลให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ต่อมาผู้บริหารของพรรคหลายท่านได้ชี้แจงเหตุผลยืนยันความมั่นใจว่าทุกนโยบายเกิดขึ้นได้จริงภายในปี 2570

เลิศศักดิ์ กล่าวว่า “จากความล้มเหลวของการบริหารประเทศตลอดระยะเวลา 8 ปีต่อเนื่องของรัฐบาล คสช. และรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ ประยุทธ์ มีปัญหาทุกด้านทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำของคนในสังคมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เศรษฐกิจ 8 ปี ที่โตเฉลี่ยเพียงแค่ 1% กว่า ขณะที่ในสิ้นปี 2565 ธนาคารโลกคาดว่าจีดีพีของไทยจะอยู่ที่ 3.1% ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามก็เผชิญกับวิกฤตการณ์โควิดเช่นเดียวกับไทย แต่กลับเติบโตสูงถึง 7.2%”

“นอกจากนี้ ความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้ และความมั่งคั่ง ที่ถ่างกว้างขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ จากที่คนไทยสัดส่วนกว่า 31% อยู่ในภาคการเกษตร และในด้านโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐนั้น ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยได้วิเคราะห์ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น และมองเห็นโอกาสจากจุดแข็งของประเทศไทยที่ยังคงแข็งแกร่งไม่เป็นรองใครในภูมิภาค ทั้งด้านการเกษตร การเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคม และการท่องเที่ยว โดยพรรคเพื่อไทยมีวิสัยทัศน์มองเห็นอนาคตประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากได้เป็นรัฐบาลขับเคลื่อนนโยบายที่ได้ประกาศไว้ จึงมั่นใจว่าจีดีพีจะต้องเติบโตปีละไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ทุกปีต่อเนื่องซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ยืนยันว่าค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทในอนาคตนั้นจะเกิดขึ้นได้แนนอน”

เลิศศักดิ์ กล่าวอีกว่า อีกนโยบายสำคัญที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ประกาศเป็นคำมั่นสัญญาต่อพี่น้องประชาชน และเป็นนโยบายสำคัญที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้ดีที่สุด นอกจากเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยนั้น ก็คือ เรื่องการกระจายอำนาจ 

โดยรูปแบบการเลือกตั้งผู้ว่าราชการในจังหวัดที่มีความพร้อม จากการที่ระบบบริหารราชการของไทยจากอดีตถึงปัจจุบันพิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วว่า ไม่สามารถตอบโจย์การเข้าถึงบริการสาธารณะของพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เกิดการรวมศูนย์อำนาจ และการกระจุกตัวของงบประมาณอยู่ที่การตัดสินใจของราชการส่วนกลางจนเรียกว่ารัฐราชการรวมศูนย์ การบริหารจัดการงบประมาณเกิดความล่าช้า และไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน การทับซ้อนในภารกิจหน้าที่ของราชการส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น ขาดความจริงใจในการโอนภารกิจการบริการสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top