Sunday, 28 April 2024
PRESS

‘ก้าวไกล’ จี้รัฐบาลเช็กบิลคดี ‘เสี่ยเบนท์ลีย์’ เชื่อ!! ปล่อยเป่าเช็กเมา มีระดับ ผบ.หนุน

‘สารวัตรเพียว’ ก้าวไกล ไล่บี้รัฐบาลจี้ตำรวจหาคนผิดช่วยคดี ‘เสี่ยเบนท์ลีย์’ เชื่ออาจมีระดับ ผบ. เอี่ยวด้วย ย้ำ!! ผลตรวจเลือดไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ยื้อเวลาสามชั่วโมง ทำแอลกอฮอล์ในร่างกายหายไปแล้วถึง 60 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

(12 ม.ค. 66) ที่รัฐสภา พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ (สารวัตรเพียว) ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความคิดเห็นต่อกรณี สุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ หรือที่ปรากฏตามหน้าสื่อในฐานะ ‘เสี่ยเบนท์ลีย์’ ที่ก่อเหตุเมาแล้วขับจนชนผู้อื่นได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (11 มกราคม) พนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาเมาแล้วขับ จากการที่สุทัศน์ปฏิเสธไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการทดสอบระดับแอลกอฮอล์ในเลือด ณ จุดเกิดเหตุแล้วนั้น

พ.ต.ต.ชวลิต ระบุว่า สิ่งที่เป็นข้อกังวล คือการสื่อสารของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่พยายามทำให้สังคมเน้นจับตาไปที่ผลการตรวจระดับแอลกอฮอล์ในเลือด ซึ่งตนขอยืนยันว่าผลตรวจนี้เชื่อถือไม่ได้ ไม่สามารถนำไปสู่ข้อสรุปได้ว่าผู้ต้องหาเมาแล้วขับ ณ เวลาที่เกิดเหตุหรือไม่ สิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญจริงๆ ของคดีนี้อยู่ที่ความพยายามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาเปลี่ยนจากความผิดเมาสุราแล้วขับขี่ชนผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ ที่มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 – 100,000 บาท หรือทั้งจำและทั้งปรับ มาเป็นการขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ที่มีโทษจำคุกเบากว่า คือไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ต้องหาจะพยายามเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงแต่เป็นความโชคดีที่ในกรณีนี้มีหลักฐานเป็นภาพเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน จึงไม่เป็นที่ถกเถียงว่าผู้ต้องหามีความผิดแน่ ๆ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่มีความพยายามถ้าไม่ใช่จากฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ฝ่ายผู้ต้องหา ในการเปลี่ยนข้อเท็จจริงด้วยการยื้อเวลาให้มีปริมาณแอลกอฮอลล์ในเลือดลดลง

ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ซัด ก.พาณิชย์ อย่าเข้าข้างนายทุน จงใจหยุดรับซื้อผลปาล์ม

ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดกระบี่ สังกัดพรรคก้าวไกล เปิดเผยปัญหาหนักใจจากพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์มในพื้นที่ หลังโรงงานพร้อมใจกันหยุดรับซื้อผลปาล์มดิบเมื่อช่วงหลังปีใหม่ ส่งผลให้ปาล์มล้นตลาด ทำราคาตก พร้อมซัดหนัก!! กระทรวงพาณิชย์ต้องจัดการ อย่ามัวเข้าข้างนายทุน

(13 ม.ค. 66) นายวศิน สิริเกียรติกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดกระบี่ พรรคก้าวไกล ได้กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มในพื้นที่ ซึ่งตกต่ำเป็นอย่างมากอยู่ในช่วงนี้ ว่า วิกฤติราคาน้ำมันปาล์มพื้นที่จังหวัดกระบี่ ส่วนตัวคาดว่าเป็นผลมาจากการจงใจหยุดรับซื้อผลปาล์มน้ำมันในช่วงปีใหม่ของโรงงานสกัดนํ้ามันปาล์มในพื้นที่ โดยต่างพร้อมใจกันหยุดรับซื้อผลปาล์มดิบเร็วขึ้นผิดปกติกว่าทุกปี คือ ประกาศปิดพร้อมกัน ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2565 และเริ่มทยอยกลับมาเปิดรับซื้อในวันที่ 2 มกราคม 2566 ส่งผลให้เกษตรกรที่มีรอบเก็บเกี่ยวในช่วงปีใหม่และมีผลปาล์มสุกเต็มที่ ต้องเร่งเก็บเกี่ยว ผลผลิตจึงล้นตลาด ทำให้ราคาร่วงลงเป็นอย่างมาก อีกทั้งโรงงานสกัดบางแห่ง เดินเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มไม่เต็มกำลังการผลิต ทำให้เห็นรถบรรทุกปาล์มจากลานเท ต้องจอดคอยแถวยาวกันข้ามวันข้ามคืน ซึ่งยิ่งรอนานก็ยิ่งเสียโอกาสทางราคา

'บิ๊กป้อม' อวยพร 'ลุงตู่' แม้แยกทางคนละพรรค ยัน!! 'รัก-ผูกพัน' เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

เปิดใจ 'บิ๊กป้อม' แจงความสัมพันธ์ 'ลุงตู่' ยังคงเช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะอยากทำงานการเมือง แต่ยอมรับ มีทั้งเรื่องที่เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย 

(13 ม.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นเพจทางการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ใช้โพสต์ความเคลื่อนไหวและการปฏิบัติภารกิจของ พล.อ.ประวิตร ได้โพสต์จดหมายเปิดใจ ระบุว่า... 

จดหมายเปิดใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

โดยข้อความต้นฉบับระบุว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยครั้งใหญ่ หลังการรัฐประหารโดย คสช. เมื่อ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ด้วยความจำเป็นของกองทัพภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในขณะนั้น ต้องออกจากกรมกองมายุติวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองที่ก่อตัวมานานนับปี จนสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ชื่อเสียงประเทศ และบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ

ขณะนั้น ผมเกษียณอายุราชการจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. ไปตั้งแต่ พ.ศ. 2548 จึงทำได้เพียงเฝ้าติดตามสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วง เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จัดตั้งรัฐบาลเพื่อปฏิรูปบ้านเมืองและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผมก็ได้ตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลในตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เพื่อหวังจะช่วยประคับประคองสถานการณ์ให้คืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ต้องยอมรับความจริงว่า คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการเมือง เพราะต่างก็เป็นทหารอาชีพมาทั้งชีวิต ฝึกฝนเรียนรู้มาในด้านการปกป้องอธิปไตยของชาติ ตัวผมเองก็เช่นกัน แม้จะเคยเป็น รมว.กลาโหม ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการเมือง จึงทำได้เพียงช่วยดูแลเหล่าทัพให้มีเสถียรภาพเท่านั้น

ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้รีบจัดการเลือกตั้งทั่วไป รัฐบาลในขณะนั้นก็ตระหนักดีถึงความต้องการของประชาชน และความชอบธรรมของรัฐบาลจากการเลือกตั้ง รวมไปถึงการยอมรับจากประชาคมโลก จึงเร่งผลักดันกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว

คลินิกกองทุนพัฒนาดิจิทัลฯ ลงพื้นที่นครศรีฯ ให้แนวทาง 'มหาวิทยาลัย-หน่วยงาน' เพื่อยื่นเสนอขอรับทุน

กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อจัดงานสัมมนา คลินิกกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ภาคใต้) โดยมีนายภุชพงศ์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและทีมงานกองทุนฯ

โดยมีคณะครู อาจารย์ นักศึกษา และผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคใต้ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งกิจกรรมภายในงานสัมมนา ประกอบด้วย การบรรยายให้ความรู้หัวข้อ การยื่นเสนอขอรับทุน การพิจารณาข้อเสนอการกลั่นกรองโครงการ การลงนามในสัญญา และหลักการเขียนข้อเสนอโครงการ หรือ กิจกรรม เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ

ทั้งนี้ นายภุชพงศ์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวถึงความสำเร็จของการจัดคลินิกกองทุนฯ ใน 2 ครั้งที่ผ่านมา ทั้งภาคเหนือในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และภาคตะวันออก ในพื้นที่จังหวัดระยอง ว่า การดำเนินการจัดกิจกรรมคลินิกกองทุนฯ เพื่อต้องการให้ผู้ที่สนใจยื่นข้อเสนอขอรับทุนวิจัย ได้รับทราบว่ามีหน่วยงานของภาครัฐ ที่ให้การสนับสนุนเรื่องการวิจัยเกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยี เพื่อนำไปต่อยอดสู้การพัฒนาประเทศได้ในอนาคต

BOI อนุมัติ 3,893 ล้านบาท โครงการแบตเตอรี่ BYD เสริมแรงเศรษฐกิจเกี่ยวเนื่อง 'รถยนต์อีวี' ในระยะยาว

(13 ม.ค. 66) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้แถลงข่าวที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยหลังจากการประชุมบอร์ด BOI ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ รวมมูลค่า 15,784 ล้านบาท ได้แก่ โครงการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานพาหนะไฟฟ้า ของบริษัท บีวายดี ออโต้ คอมโพเนนท์ส (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่า 3,893 ล้านบาท โครงการผลิต Carbon Black ของ บริษัท ไทยโตไกคาร์บอนโปรดักท์ จำกัด มูลค่า 9,490 ล้านบาท และโครงการผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 2,401 ล้านบาท

“โครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนครั้งนี้ เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สอดรับกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่ของบีโอไอ และจะช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศในระยะยาว ทั้งในด้านการสร้างฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญ โดยเฉพาะแบตเตอรี่ และโครงการที่นำขยะชุมชนมาผ่านการคัดแยกและแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง เพื่อนำไปใช้ในโรงปูนซิเมนต์และโรงไฟฟ้าแทนการใช้ถ่านหิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่รัฐบาลกำลังผลักดัน” นายนฤตม์ กล่าว

'ศ.ธงชัย' แนะ!! ลดสูบน้ำเสียเข้าสวนเบญฯ ช่วยแก้น้ำเหม็นคลุ้งจากระบบสวนบำบัด

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีกระแสถึงผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร กรณีมีประชาชนได้โพสต์ถึงประเด็น น้ำเน่าเสีย มีกลิ่นเหม็นที่สวนเบญจกิติ ซึ่งส่งผลรบกวนคนที่เดินทางมาเยี่ยมชมสวนและลดทอนความสุนทรีย์อันพึงได้จากการมาเดินเล่นที่สวนนี้

หลังจากนั้นทางกทม. ก็ออกมาชี้แจงว่า ในบริเวณดังกล่าวของสวนที่มีกลิ่นเหม็น เป็นเพราะนำน้ำที่เหม็นเหล่านี้มาจากคลองไผ่สิงโต มาบำบัดในระบบธรรมชาติโดยการใช้พืชน้ำบำบัด จากนั้นจะส่งน้ำไปตามแต่ละบ่อจึงทำให้น้ำภายในสวนนั้นมีกลิ่นบ้าง แต่ทางกทม. ก็ได้จัดเจ้าหน้าที่มาคอยตรวจสอบเสมอ ว่าหากพบจุดไหนน้ำมีความเข้มข้นมากส่งกลิ่นเหม็น ก็จะนำน้ำจากบ่อมาเติมเพื่อให้ความเข้มข้นและกลิ่นเหม็นจางลง

และล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 66 ทาง กทม. และ ทบ. อาสาร่วมมือกันนำน้ำมารถเฉพาะพื้นที่ เพื่อให้ต้นไม้เกิดความชุ่มชื้น และจัดเครื่องสูบน้ำ เพิ่มเติม 3 ชุด เพื่อสูบน้ำเข้าระบบบึงบำบัด และสระน้ำสวนป่า ทำให้บริเวณบ่อ 3 ที่เกิดปัญหา มีความเข้มข้นน้อยและกลิ่นเหม็นจางลง พร้อมจัดรถน้ำ รดต้นไม้บริเวณพื้นที่ส่วนใช้งานทั่วไป จำนวน 9 คัน ยังนำกำลังพลจิตอาสากองทัพบก จัดจาก พล.ช.กช. และ พล.พัฒนา 1 พร้อมรถบรรทุกน้ำ จำนวน 4 คัน และรถดับเพลิงในอาคารควบคุมระยะไกล จำนวน 2 คัน นำมารดน้ำต้นไม้ ในสวนป่าเบญจกิติ จำนวน 12 เที่ยว ปริมาณ 72,000 ลิตร 

ม.วลัยลักษณ์ ผลิตระบบตรวจจับแกนไม้ยางพารา สำเร็จ!! ช่วยลดต้นทุนให้โรงงานแปรรูป 5 แสนบาทต่อเดือน

กองทุนพัฒนาดิจิทัลฯ ลงพื้นที่เยี่ยมชม พร้อมติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาระบบตรวจจับแกนไม้บนภาพหน้าตัดท่อนซุงไม้ยางพารา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนฯ 

โดยนายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมคณะผู้บริหาร ได้ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเยี่ยมชมและติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาระบบตรวจจับแกนไม้ บนภาพหน้าตัดท่อนซุงไม้ยางพารา โดยใช้เทคนิคโครงข่ายประสาทเทียมแบบลึกและเชื่อมต่อกับระบบโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา ของสำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลฯ เมื่อปี 2563

ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลฯ เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมโครงการฯ ว่า กองทุนฯ ถือเป็นจุดกระตุ้นให้นักวิจัย ได้เกิดการคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยี ใหม่ ๆ ซึ่งหลังจากได้เห็นความคืบหน้าของโครงการฯ ที่ได้รับทุนสนับสนุน ถือว่าประสบความสำเร็จ ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ อีกทั้งงานวิจัยดังกล่าวยังสามารถต่อยอด พัฒนาไปสู่การแก้ปัญหาในด้านอื่น ๆ ได้อีกด้วย

‘สวนป่าเบญจกิติ’ ชุ่มชื้นขึ้นหลังหน่วยทหารได้มีการสูบน้ำเข้าในบริเวณเกาะต้นไม้และพืชไม้ในบ่อตื้น แต่ยังคงเห็นร่องรอยความทรุดโทรมของสวนป่า ประชาชนวอนช่วยดูแลสวนป่าให้ดีกว่านี้ ล่าสุดเกิดดราม่าเดือด ‘ลบโพสต์ทำไม’ ในเพจสวนเบญจกิติ 

จากกรณีมีชาวเน็ตจำนวนมากแห่แชร์ภาพ ‘เกาะต้นไม้กลางบึงน้ำ’ (จาก Traffy Fondue) ซึ่งเป็นไฮไลต์ของ ‘สวนป่าเบญจกิติ’ ที่เปลี่ยนไปเป็นต้นหญ้าตายซาก มีน้ำเน่าเสีย เหมือนไม่ได้รับการดูแล จนกลายเป็นไวรัลและกระแสดราม่าบนโลกโซเชียล  ซึ่งเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2566 เพจ ‘สวนเบญจกิติ’ ได้อัปเดตความคืบหน้าภาพในสวน โดยได้โพสต์ภาพเจ้าหน้าที่จิตอาสาจากกองทัพบก สำนักการระบายน้ำ สำนักสิ่งแวดล้อม เข้ามาช่วยพัฒนาปรับปรุงบรรยากาศภายในสวน 

จากข้อร้องเรียนดังกล่าว ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้ลงพื้นที่ ‘สวนป่าเบญจกิติ’ เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2566 พบว่า มีการสูบน้ำเข้าในบริเวณเกาะต้นไม้และพืชไม้ในบ่อตื้นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นโดยกองทัพบกและหน่วยงานต่างๆ แล้ว แต่ยังคงเห็นร่องรอยความทรุดโทรม ต้นไม้ใบหญ้าแห้งเหี่ยว กลายเป็นสีเหลืองในบางจุด โดยเฉพาะใบบัวและดอกบัวที่แห้งเหี่ยวจำนวนมาก โดยทีมข่าวได้พูดคุยกับผู้มาใช้บริการ ‘สวนป่าเบญจกิติ’ อย่างคุณวิทยา สอนเนียม แสดงความเห็นว่า เคยมาใช้บริการ ‘สวนป่าเบญจกิติ’ ในช่วงที่ปรับปรุงใหม่ๆ สวนป่ามีความเขียวขจีมากกว่านี้อาจเป็นเพราะช่วงหน้าฝน ซึ่งตอนนี้กำลังเข้าสู่หน้าแล้ง ฝนมันไม่ตก สวนป่าจึงต้องการการดูแลเรื่องน้ำอย่างสม่ำเสมอ

วิทยา สอนเนียม

ส่วนคุณศิริมา โมนะ แสดงความเห็นว่า มาใช้บริการที่สวนฯ ประมาณเดือนละ 1 ครั้ง หรือ 2 เดือนครั้ง และรู้สึกว่าบริเวณสวนป่าในช่วงนี้ต้นไม้มันเหี่ยว โดยเฉพาะดอกบัวตายไปค่อนข้างเยอะ อยากให้เพิ่มต้นไม้มากขึ้น  

ศิริมา โมนะ

DSI จับตัว ‘ดาริล ยัง’ ผู้ต้องหาคดี Forex-3D

(16 ม.ค. 66) ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธ์ (อาคารเอ) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจาก ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้จับกุมตัวนายดาริล ยัง ผู้ต้องหาคดี Forex-3D ได้แล้วที่จังหวัดภูเก็ต แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่า จับกุมได้ที่ใดของจังหวัดภูเก็ต หรืออยู่ระหว่างการหลบหนีหรือไม่  

ทั้งนี้จะคุมตัวนายดาริล มาสอบสวนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษภายในเย็นวันนี้ โดยจะมีการสอบปากคำ พิมพ์ลายนิ้วมือ และแจ้งข้อหา หากนายดาริล มีพฤติการณ์หลบหนีก็จะคัดค้านการประกันตัว และนำตัวไปฝากขังที่ศาล 

รวบเครือข่ายคลินิกผลิตซิลิโคนศัลยกรรมไร้ อย. ป้อน!! คลินิกย่านงามวงศ์วาน และขอนแก่น

วันนี้ (16 ม.ค. 66) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลงานการขยายผลจับกุมเครือข่ายคลินิกรายใหญ่ ยึดซิลิโคนศัลยกรรมเสริมความงามเถื่อนกว่า 16,164 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 2,932,000 บาท

โดย พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก. ปคบ. ร่วมกับ อย. และ สสจ.สุพรรณบุรี นำหมายค้นเข้าตรวจค้นโรงสีร้างในพื้นที่ หมู่ 1 ต.วังหว้า อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ที่ใช้เป็นฐานการลักลอบผลิตชิ้นส่วนซิลิโคนศัลยกรรมเสริมจมูกและหน้าผาก เพื่อกระจายไปยังคลินิกต่าง ๆ โดยสามารถตรวจยึดเครื่องจักรสำหรับผลิตซิลิโคนจมูกและหน้าผาก, แม่พิมพ์ซิลิโคนทรงต่างๆ จำนวน 68 แบบ, ซิลิโคนเสริมจมูกและหน้าผากสำเร็จรูป จำนวน 1,098 ชิ้น และอุปกรณ์ส่วนควบในการผลิตซิลิโคนศัลยกรรม กว่า 16 รายการ มูลค่าความเสียหาย 3,500,000 บาท โดยดำเนินคดีกับ น.ส.ณัฐปภัสร์ หรือน้ำตาลผู้ผลิตซิลิโคนเถื่อนในความผิดฐาน “ผลิตเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต และผลิตเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับใบรับแจ้งรายการละเอียด” ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา และรับว่าทำมาแล้วประมาณ 2 ปี

จากการสืบสวนขยายผลปรากฏพบว่า ซิลิโคนส่วนใหญ่ มีพนักงานฝ่ายจัดซื้อของบริษัทแห่งหนึ่งเป็นผู้สั่งผลิต เมื่อผลิตเสร็จจะถูกส่งไปที่ คลินิก ก. (นามสมมุติ) สาขางามวงศ์วาน และสาขาขอนแก่น และพบหลักฐานการจ่ายเงินค่าซิลิโคนในห้วงปี 2565 มากกว่า 2 ล้านบาท

ด้าน บก.ปคบ. - อย. จึงเข้าตรวจค้นคลินิก ก.สาขางามวงศ์วาน และอาคารสต๊อกเครื่องมือทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่จะใช้ในคลินิก ตรวจยึดชิ้นส่วนซิลิโคนรูปจมูก 12,282 ชิ้น, ซิลิโคนทรงหน้าผาก 27 ชิ้น, ซิลิโคนทรงคาง 3,855 ชิ้น ซึ่งพนักงานที่ดูแลคลังรับว่าซิลิโคนเหล่านี้จะถูกส่งไปยังคลินิก ก. ทั่วประเทศ ตามคำสั่งของผู้บริหาร ขณะที่ น.ส.ณัฐปภัสร์ หรือน้ำตาลฯ ยอมรับว่ามีการกระจายซิลิโคนไปอีกกว่า 30 สาขา ตำรวจจึงขยายผลตรวจค้นและยึดของกลางชิ้นส่วนซิลิโคนและคลินิกสาขาใหญ่รวม 7 สาขา สามารถยึดชิ้นส่วนซิลิโคนรูปจมูก 12,282 ชิ้น, ซิลิโคนหน้าผาก 2,775 ชิ้น, ซิลิโคนคาง 1,107 ชิ้น, เครื่องมือแพทย์เถื่อนจำนวน 998 รายการ, ยาเถื่อนจำนวน 474 รายการ, เครื่องสำอางเถื่อน จำนวน 428 รายการ, ผลิตภัณฑ์ผิด พ.ร.บ. อาหาร จำนวน 55 รายการ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,932,000 บาท

จากการตรวจสอบพบว่าเมื่อ น.ส.ณัฐปภัสร์ เผยว่าต้นทุนซิลิโคนชิ้นละ 60-80 บาท ขายคอร์สผ่าตัดศัลยกรรมในราคา 4,900-50,000 บาท และจากการตรวจสอบผู้รับบริการศัลยกรรม ตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 ถึงปัจจุบันพบว่าคลินิก ก.ทั้ง 5 สาขา มีการผ่าตัดศัลกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชิ้นส่วนซิลิโคนกว่า 1,621 ราย เป็นการเสริมจมูก 1,436 ราย, คาง 154 ราย และเสริมจมูกกับคางพร้อมกัน 31 ราย

ทั้งนี้พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ได้ออกหมายเรียกกลุ่มผู้ต้องหาให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เบื้องต้นการกระทำของกลุ่มผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top