Sunday, 28 April 2024
PRESS

‘พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์’ ถอดบทเรียนอวสาน Silicon Valley Bank  โอกาส ‘โดมิโนเอฟเฟกต์’ เป็นไปได้แค่ไหน?

จากกรณี สหรัฐอเมริกา สั่งปิดกิจการ Silicon Valley Bank (SVB) ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับที่ 16 ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีสินทรัพย์ประมาณ 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 7 ล้านล้านบาท เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้ลูกค้าเจ้าของบัญชีแห่ถอนเงิน จนทางการต้องสั่งปิดกิจการ และให้ Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) ซึ่งเป็นสถาบันที่ให้ประกันเงินฝากจากความล้มเหลวของธนาคาร มาเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ของ SVB โดยจะขายสินทรัพย์ของธนาคารเพื่อจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้ธนาคาร จากกระแสข่าวดังกล่าวสร้างความตื่นตัวให้กับภาคเศรษฐกิจ การเงิน การธนาคารของไทย รวมถึงคำถามจากประชาชนผู้ฝากเงินกับธนาคารในประเทศไทยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้หรือไม่ 

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้สัมภาษณ์ คุณพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ถึงกรณีดังกล่าวว่าจะมีผลกระทบวงกว้างต่อโลกและประเทศไทยแค่ไหน โดยกล่าวว่า “SVB เริ่มมีฐานะการเงินเลวร้ายลง โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับขึ้น SVB จึงพยายามที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียน ประมาณ 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อได้ แต่ก็ไม่สามารถเพิ่มทุนได้  ทำให้แผนการเพิ่มทุนจึงล้มไป ส่งผลให้หุ้น SVB ตกต่ำลงอย่างมาก ลดลง 60% ในครั้งแรก และลดลงอีก 70%” 

ส่วนสาเหตุที่ SVB ถูกปิดกิจการนั้น คุณพงษ์ภาณุ กล่าวว่า “SVB ทำหน้าที่เป็นนายธนาคารของธุรกิจ Startup ในสหรัฐอเมริกา ย่าน Silicon Valley ซึ่งเป็นย่านธุรกิจไฮเทค โดย SVB ปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจเหล่านี้ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ธนาคารทั่วไปจะไม่ปล่อย เพราะธุรกิจ Startup ไม่มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะมาวางเป็นหลักประกันเงินกู้ให้แบงก์ โดย Silicon Valley ในช่วงที่ผ่านมาก่อนดอกเบี้ยจะปรับขึ้น มีธุรกิจที่ขยายตัวเร็วมาก มีเงินฝากเพิ่มและปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เงินฝากเพิ่มขึ้นมากกว่าสินเชื่อ เพราะตอนนั้นสภาพคล่องในธุรกิจไฮเทค ค่อนข้างสูง เกิด Mix & Match ระหว่างเงินฝากกับสินเชื่อ สภาพคล่องที่มีมากเกินไปโดยนำไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ถึง 2 ใน 3 ของสินทรัพย์ที่แบงก์มีอยู่ ปล่อยเป็นสินเชื่อเพียง 1 ใน 3 ซึ่งเป็นสถานะของแบงก์ SVB ในช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤต

“พอปี 2022 โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ได้ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว เพื่อต่อต้านเงินเฟ้อที่เกิดในสหรัฐอเมริกาอย่างไม่มีทางเลือก เพราะต้องควบคุมเงินเฟ้อตามที่วางเป้าหมายไว้ เมื่อดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พันธบัตรที่ธนาคาร SVB ลงทุนไป ตอนเริ่มลงทุนรัฐบาลสหรัฐฯ ดอกเบี้ยต่ำ ราคาพันธบัตรแพง เมื่อดอกเบี้ยขึ้น ราคาพันธบัตรก็ลดลง แม้ว่าพันธบัตรรัฐบาลจะไม่มีความเสี่ยงทางด้านเครดิต แต่อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยงทางด้านดอกเบี้ย ถ้าดอกเบี้ยขึ้นแรง ก็จะทำให้ราคาพันธบัตรลดลง พอ SVB เริ่มมีปัญหา จึงจำเป็นต้องขายพันธบัตรนี้ออกไป เพื่อนำเงินมาใช้จุนเจือสภาพคล่องของตัวเองโดยขายพันธบัตรราคาถูก ทำให้ SVB ขาดทุนจำนวนมาก ถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงพยายามเพิ่มทุนโดยเสนอ FDIC ปรากฏว่าเพิ่มทุนไม่สำเร็จ จึงเป็นที่มาของการปิดกิจการ ไม่สามารถชำระคืนเงินผู้ฝากได้ โดยสรุปแล้ว SVB ประสบปัญหาขาดทุนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลซึ่งมีความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย”

เมื่อถามถึงความกังวลในระดับโลกว่ามีโอกาสเกิดโดมิโนหรือวิกฤติเศรษฐกิจรอบใหม่หรือไม่? คุณพงษ์ภาณุ กล่าวว่า “ไม่น่าจะมีโอกาสสูงนัก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส SVB เป็นแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อน้อย ลงทุนตราสารการเงินค่อนข้างเยอะ แบงก์โดยทั่วไป ถ้าดูงบดุลแบงก์ ทางด้านหนี้สินแบงก์มีเงินฝากจากประชาชนเข้ามา แล้วนำเงินฝากไปปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจ ไปปล่อยลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่ง SVB ปล่อยสินเชื่อน้อย ลงทุนเยอะ แต่แบงก์อื่นๆในสหรัฐอเมริกาจะปล่อยสินเชื่อมากกว่าลงทุน เพราะฉะนั้นสินเชื่อสามารถปรับดอกเบี้ยให้ขึ้นได้ ถ้าเกิดลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็น FIXED INCOME ดอกเบี้ยไม่ขึ้น แต่ถ้าเป็นพันธบัตรระยะยาว ดอกเบี้ยคงที่ เพราะฉะนั้นราคาจึงต้องปรับตัวลดลง แบงก์ส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เป็นแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อ สามารถมีความยืดหยุ่นได้มากกว่า SVB เป็นสิ่งที่คิดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ลุกลามไปยังแบงก์อื่นๆ อาจจะจำกัดอยู่แค่แบงก์ SVB” 

เมื่อถามว่า ประเทศไทยควรถอดบทเรียนจากกรณีข้างต้นเพื่อรับมือได้อย่างไร? คุณพงษ์ภาณุ กล่าวว่า “ประเทศไทยหนีไม่พ้นกับการที่ดอกเบี้ยปรับขึ้น จากที่เป็นดอกเบี้ยขาขึ้น ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนประมาณ 90% ของ GDP หนี้ของประชาชน หนี้ของครัวเรือนสูง ดอกเบี้ยขึ้นเมื่อไหร่ หนี้เหล่านี้ก็พร้อมที่จะเป็นหนี้เสียได้ทุกเมื่อ ในขณะที่หนี้รัฐบาล ซึ่งอยู่ในรูปของพันธบัตรรัฐบาล ก็มีอยู่มากพอสมควร ปัจจุบัน 60% ของ GDP โดยหนี้ส่วนใหญ่ถูกถือโดยสถาบันการเงิน เมื่อดอกเบี้ยขึ้น สถาบันการเงินจะต้องปรับราคาของพันธบัตรเหล่านี้ แม้จะไม่มีความเสี่ยงกับเครดิตเหล่านี้ แต่มีความเสี่ยงทางด้านอัตราดอกเบี้ยอยู่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะต้องใช้เป็นบทเรียน คือ การปรับดอกเบี้ยขึ้นมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่ในภาคธุรกิจจริงเท่านั้น แต่สถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมาก จะต้องบริหารจัดการความเสี่ยงนี้อย่างเต็มที่ 

มัดรวม ‘ศิลปิน-ดารา’ ตบเท้าเข้าเวทีการเมือง ขันอาสาขอเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชน

เลือกตั้งใกล้เข้ามา ผู้สมัครมากหน้าในวงการเมืองก็เริ่มเปิดตัวกันอย่างต่อเนื่องในนามพรรคต่างๆ แต่ก็ไม่ใช่แค่คนในวงการเมืองเท่านั้น แวดวงคนบันเทิง 'ดารานักแสดง-นักร้อง-นางแบบ' ต่างก็ตบเท้าเข้าเวทีการเมือง กันอย่างคึกคักด้วยเช่นกัน 

ว่าแต่...ใครเป็นใคร? สังกัดพรรคไหนกันบ้างนั้น? ทาง THE STATES TIMES ได้รวบรวมมาให้พิจารณากันโดยพลัน...

คนแรกที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ดีกรีนางร้ายตัวแม่แถวหน้าของเมืองไทย 'อ๋อม-สกาวใจ พูนสวัสดิ์' ดาราสาวนักแสดงชื่อดัง หลังจากที่ได้ออกมา Call out แสดงความเห็นกับเรื่องต่างๆ อย่างชัดเจน  ตอนนี้อ๋อมได้เปิดตัวเป็น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตสะพานสูง พรรคเพื่อไทย มาพร้อมกับสโลแกนที่ว่า “มาเพื่อชนะ ไม่ได้มาเพื่อแพ้”

คนต่อมา ขวัญใจสาวๆ จากย่านลาดพร้าว 'ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์' อดีตนักแสดง-นักร้องชื่อดัง ที่ตัดสินใจเข้าสู่บทบาททางการเมือง อย่างเป็นทางการโดยการเป็นรองโฆษกพรรค พลังท้องถิ่นไทย เมื่อปี 2561 และได้ลาออกไปเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย จากนั้นได้ลาออกตามคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาเป็นรองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย และวันนี้ ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้มาทำหน้าที่เป็นโฆษกของพรรคพลังประชารัฐ ของบิ๊กป้อม เพื่อร่วมเสริมทีมสื่อสารนโยบายพรรคสู่สังคม

อีกหนึ่งนักแสดงรุ่นใหม่ ที่ออกมา Call Out ในหลายประเด็น อย่าง 'หมิว-สิริลภัส กองตระการ' นักแสดงคนรุ่นใหม่ ก็ได้เข้ามาร่วมงานกับกับพรรคก้าวไกล เตรียมเป็น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางกะปิ 

ด้าน 'นายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง' อยากทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน จึงหันมาเล่นการเมืองอย่างจริงจัง ในนามของ 'พรรคไทยภักดี'

ตามรุ่นพี่ปราปต์ปฎลมาติดๆ กับ 'เค-ภัทรพล แก้วสกุณี' ดารานักแสดงสังกัดช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ ประกาศลงสมัครชิงเก้าอี้ ส.ส. ปทุมธานี ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ 

'จอนนี่ แอนโฟเน่' สามีของนก จริยา ก็ขออาสาเข้ามาทำงานแก้ปัญหาความทุกข์ยากที่ประชาชนได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยอาสาเป็น ส.ส.กทม. ดูแลประชาชนในเขตมีนบุรี คันนายาว คลองสามวา ในนามของพรรคไทยสร้างไทย

ด้าน 'กุ้งพลอย-กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ' หรือ 'ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์' ได้เข้ามาร่วมงานกับพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ลั่นว่าจะนำประสบการณ์เรื่องการพนันออนไลน์ เข้ามาแก้ไขในสภา เตรียมลงสมัคร ส.ส.อ่างทอง

'ผู้เชี่ยวชาญ' ชี้!! 'ซีเซียม-137' ที่หายไม่อันตรายอย่างที่คิด พบมีค่าปริมาณกัมมันตรังสีที่ต่ำ ประชาชนอย่าตื่นตระหนก

(20 มี.ค.66) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงการติดตามผลกระทบต่อสุขภาพหลังมีท่อบรรจุสารซีเซียม-137 หายออกจากโรงงานผลิตไฟฟ้า อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี และพบว่ามีการหลอมไปตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.แล้วนั้น ในขณะนี้ยังต้องรอความชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามีการระบุพื้นที่ใดบ้าง แต่เบื้องต้น ต้องมีการตรวจสุขภาพทั่วไปของพนักงานโรงงานหลอมเหล็กดังกล่าว และตรวจหาสารตกค้างในปัสสาวะ 

ทั้งนี้เนื่องจากสารดังกล่าวเป็นสารอันตรายพิเศษ ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขไม่สามารถตรวจได้ ทางสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ซึ่งมีห้องปฏิบัติการพิเศษจึงเป็นผู้ตรวจสอบ โดยมีการตรวจพื้นที่รอบ ๆ โรงงาน ประชาชนในอำเภอนั้น ๆ และใน จ.ปราจีนบุรี

ขณะที่ด้าน นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการสํานักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวว่า ขณะนี้ เราพบว่าวัตถุบรรจุซีเซียม-137 หายไป และพบเบาะแสที่โรงหลอมเหล็กว่า มีการหลอมเหลว ต้องเรียนว่าของต้นทางหายไปโดยมนุษย์ ที่เราจะต้องติดตามต่อว่าหายไปได้อย่างไร เหตุการนี้เป็นอุบัติการ ที่ยังไม่กระทบต่อชีวิตมนุษย์ ยังไม่ใช่อุบัติเหตุทางนิวเคลียร์แบบเชอร์โนบิล หรือ ฟุกุชิมะ โดยกฎหมายฉบับใหม่ หากรู้ว่าอุปกรณ์รังสีสูญหายต้องแจ้งโดยพลัน แต่เมื่อไม่แจ้งโดยพลันจึงเกิดเหตุการณ์นี้ เราจึงติดตามได้โดยเครื่องมือของปรมาณูเพื่อสันติ หลังรับแจ้งทีมเข้าตรวจสอบโรงงานในวันรุ่งขึ้น แต่ตอนนี้ทางโรงงานยังไม่รู้ว่าหายเพราะอะไร 

ย้อนไทม์ไลน์ความสัมพันธ์ ‘ไทย-ซาอุดีอาระเบีย’ รอยร้าวฉานที่กำลังถูกผสานให้เชื่อมต่อกันอีกครั้ง

หากย้อนอดีตกลับไป จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ร้าวฉาน กรณีความสัมพันธ์ไทย – ซาอุดีอาระเบีย คือ การที่เจ้าหน้าที่ทูตซาอุดีอาระเบียถูกลอบสังหารกลางเมืองกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2532 โดยที่ตำรวจไทยไม่สามารถสืบสวนจับคนร้ายมาดำเนินคดีได้

ต่อมาในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2533 คนร้ายได้ลงมือฆ่าเจ้าหน้าที่การทูตซาอุดีอาระเบียอีก 3 ศพรวดในเวลาเดียวกัน และในเดือนเดียวกัน ‘นายมูฮัมหมัด อัลรูไวลี’ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบียและเป็นสมาชิกราชวงศ์ของตระกูลอัล-ซะอูด ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ จนทำให้มีการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลชุดหนึ่ง ข้อหา ‘อุ้ม’ นายอัลรูไวลีไปเค้นข้อมูล เพราะเชื่อเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายของเจ้าหน้าที่การทูตของซาอุดีอาระเบียที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

กรณีนี้ ทำให้ทางการซาอุดีอาระเบียไม่พอใจอย่างยิ่ง จนถึงขั้นลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต ออกข้อจำกัดเกี่ยวกับแรงงานไทย ห้ามประชาชนของซาอุดีอาระเบียเดินทางมาประเทศไทย และลดระดับความร่วมมือระดับสูงในทุกด้านลงมาอยู่ระดับต่ำสุด

ความสัมพันธ์ระหว่างไทย - ซาอุดีอาระเบียไม่ได้เลวร้ายลงเพียงเพราะคดีฆาตกรรมเท่านั้น แต่ยังเกิดจากกรณีที่คนงานไทย ‘นายเกรียงไกร เตชะโม่ง’ ซึ่งไปทำงานในวังของเจ้าชายแห่งซาอุดีอาระเบีย แล้วได้ลักลอบโจรกรรมเพชรกลับประเทศไทย แต่ตำรวจไทยก็ยังไม่สามารถติดตามเพชรของกลางหลายรายการส่งกลับคืนให้ซาอุดีอาระเบียได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเพชร ‘บลูไดมอนด์’ ซึ่งเป็นเพชรเม็ดใหญ่ที่สุด

ความสัมพันธ์กลับเลวร้ายลงไปอีก เมื่อของกลางส่วนหนึ่งที่ติดตามกลับมาได้ มีการเอาไปปลอมแปลงก่อนนำกลับไปคืนให้ซาอุดีอาระเบีย ทั้งหมดจึงเป็นเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ของไทยกับซาอุดีอาระเบียสะบั้นลงทันที

และในสมัยรัฐบาลของ ‘นายกทักษิณ ชินวัตร’ จะหมดอำนาจ เขาได้เสนอเงินจำนวน 2 หมื่นล้านบาท ให้แก่รัฐบาลซาอุฯ เพื่อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และเพื่อให้แรงงานไทยกลับไปทำงานได้ตามปกติ แต่ยังไม่ทันได้รับการตอบรับหรือปฏิเสธก็มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจในประเทศไทยเสียก่อน

และเมื่อปี 2563 ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง หลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ‘นายดอน ปรมัตถ์วินัย’ ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ณ ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 11-13 มกราคม 2563 ว่าตนเองได้เดินทางเยือนประเทศบาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และโอมาน พร้อมทั้งกล่าวว่า การเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียนั้น เป็นการเดินทางเยือนตามคำเชิญของฝ่ายซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมีการนัดหมายกันไว้ล่วงหน้าและยังถือเป็นการเดินทางเยือนซาอุดิอาระเบียครั้งแรกของรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยในรอบ 30 ปี

ระหว่างการเยือนได้มีการหารือกับ ‘เจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อัลซะอูด’ รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย กับ ‘นายอาดิล บิน อะหมัด อัล-นูบีร’ รัฐมนตรีแห่งรัฐด้านกิจการต่างประเทศและอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย  โดยประเด็นหลักที่ได้มีการพูดคุยกันคือ การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ รัฐมนตรีดอน ปรมัตถ์วินัย ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “การเยือนครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดี และถือเป็นพัฒนาการในทางบวกที่จะเป็นประโยชน์สำหรับทั้งสองประเทศต่อไป”

และในปี 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไป เยือนซาอุฯ ตามคำเชิญของ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมานฯ มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งซาอุดีอาระเบีย การฟื้นความสัมพันธ์ครั้งนี้ ถือเป็นความสัมพันธ์ทางการทูตที่พัฒนาขึ้นสู่ระดับสูงสุด หลังจาก 32 ปี ไทยมีตัวแทนซาอุฯ แค่ระดับอุปทูต ซึ่งจะส่งผลให้ความสัมพันธ์ทุกด้านยกระดับตามไปด้วย เช่น ด้านแรงงาน, การท่องเที่ยว, วัฒนธรรม, การลงทุน, การส่งออกอาหารฮาลาล การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ของชาวมุสลิมในไทย การสนับสนุนการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของชาวมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ความสัมพันธ์กับองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ ‘โอไอซี’ แม้การส่งแรงงานไปซาอุฯ อาจไม่ได้มากเท่าเดิม แต่ก็รับทราบว่า ซาอุฯ ยืนยันจะใช้แรงงานไทย

วันนี้ (22 มี.ค. 66) ด้านโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอนุชา บูรพชัยศรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยินดีกับความสำเร็จหลังการฟื้นความสัมพันธ์ประเทศไทยและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ช่วงต้นปี 2565 เป็นผลสำเร็จ เปิดโอกาสความร่วมมือระหว่างกัน 9 ด้าน ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยว, ด้านแรงงาน, ด้านอาหาร รวมถึงความร่วมมือใน ด้านสุขภาพ, ด้านพลังงาน, ด้านการศึกษาและศาสนา, ด้านความมั่นคง, ด้านกีฬา และด้านการค้าและการลงทุน ทั้งภาครัฐและเอกชนของทั้ง 2 ฝ่าย โดยภาคเอกชนไทยสนใจลงทุนธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าตกแต่งภายใน

‘แพทย์’ ห่วง ปชช. กังวล เหตุซีเซียม-137 แนะใช้สมุนไพรไทย สร้างเกราะป้องกันสารพิษ

หลังจากมีข่าวว่าซีเซียม-137 หายจากโรงไฟฟ้าไอน้ำ ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี และมีรายงานจากภาครัฐว่า วัตถุดังกล่าวถูกหลอมจนกลายเป็นฝุ่นเล็กปนเปื้อนกัมมันตรังสีไปแล้ว สร้างความกังวลให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และหลายคนเกรงว่าอาจมีผลกระทบต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม

ทางทีมข่าว THE STATES TIMES ได้เข้าสัมภาษณ์ ดร.ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โดยระบุว่า…ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก เพราะอุบัติเหตุในลักษณะนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ โดยก่อนหน้านี้ประเทศไทย เคยเกิดเหตุเครื่องฉายรังสีโคบอลต์-60 ที่ไม่ใช้แล้วถูกแยกชิ้นส่วนออกมา ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้ เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ และการดูแลสุขภาพเมื่อมีความจำเป็น

ดังนั้นการสัมผัสสารอันตราย จำเป็นต้องรู้ว่าเราสัมผัสที่ตัวสารกัมมันตรังสี หรือสัมผัสรังสี ซึ่งผลจะต่างกัน หากสัมผัสสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 อาการที่พบ อาจมีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ถ่ายเหลว  ส่วนผิวหนังบริเวณที่โดนรังสีจะเกิดแผลไหม้พุพอง กรณีได้รับในปริมาณมาก จะส่งผลกระทบต่อระบบเลือด กดไขกระดูก ระบบประสาท ชักเกร็ง และอาจเสียชีวิตได้ 

ประชาสังคมจังหวัดปราจีนบุรี ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี กรณี 'ซีเซียม-137' หลุด ลั่น!! บริษัทต้นเหตุ ต้องรับผิดชอบ

(23 มี.ค.66) ประชาสังคมจังหวัดปราจีนบุรี เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้แก้ไขปัญหา จากกรณี ซีเซียม-137 ซึ่งหลุดออกมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี อย่างเร่งด่วน โดยมีนายสมภาส นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับเรื่องแทนนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ข้อความในหนังสือของประชาสังคมจังหวัดปราจีนบุรี ระบุว่า กรณีวัสดุกัมมันตรังสี 'ซีเซียม-137' สูญหายจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนของบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ แพลนท์ 5 เอ จำกัด ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 304 อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี มีการแจ้งความเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 และมีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องนั้น ส่งผลกระทบต่อชีวิตคนปราจีนเป็นอย่างมาก จากการที่มีข้อมูลมากมาย จากผู้เชี่ยวชาญที่หลากหลาย จนไม่รู้จะเชื่อใครดี และหน่วยราชการที่ออกมาแถลงข่าวไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงและเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส

ภาคประชาสังคมจังหวัดปราจีนบุรี เห็นว่ากรณีนี้เป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าที่จะให้จังหวัดปราจีนบุรีเป็นผู้รับผิดชอบโดยลำพัง ทั้งในเรื่องการสื่อสาร การบริหารจัดการ องค์ความรู้ เทคโนโลยี จึงใคร่ขอเสนอดังนี้...

1. มีกรรมการในระดับชาติ โดยมีภาคประชาสังคมร่วมเป็นกรรมการ ภายใน 1 อาทิตย์ เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้น ต้องเร่งตรวจสอบการปนเปื้อน หาปริมาณรังสีและการกระจายตัว ระดมเครื่องมือและผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานต่าง ๆ มาช่วยและสรุปผลให้เร็วที่สุด เพื่อลดความสับสนของสังคม พร้อมมาตรการการดูแลผลกระทบที่เกิดขึ้น มีมาตรการจัดการ ฝุ่นเหล็กและวัสดุต่าง ๆ ที่ปนเปื้อนรังสีซีเซียม-137 ให้ปลอดภัยอย่างชัดเจน ว่าไปอยู่ไหน จนขั้นตอนสุดท้าย มีการติดตาม มีการรายงานอย่างโปร่งใส ทำให้ประชาชนมั่นใจ และต้องมีการสื่อสาร การให้ข้อมูลที่เป็นมืออาชีพ สร้างความมั่นใจให้ประชาชน บนพื้นฐานของความจริง ทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นและสาเหตุของการสูญหายโดย มีการระบุเวลาและเหตุการณ์ตลอดเส้นทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ส่วนในระยะยาว ต้องมีการติดตามผลกระทบในระยะยาว ทั้งทางด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อมและทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งมีมาตรการเยียวยาและฟื้นฟู มีการเปิดเผยรายงานต่อสาธารณะ ตลอดจนมีการเปิดเผยข้อมูล ชนิด จำนวน ความรุนแรง มาตรการการรับมือของวัสดุกัมมันตรังสี ที่มีในพื้นที่ทั้งหมดและมีมาตรการ โดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการกำกับดูแลและการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกินขึ้นซ้ำ 

2. มีมาตรการชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เช่น การยกเลิกการรับซื้อสินค้าทางการเกษตร รายได้ที่หายไปของภาคการบริการและท่องเที่ยว โดยผู้ก่อปัญหาต้องรับผิดชอบกับความเสียหายนี้ทั้งทางแพ่งและทางอาญา

และ 3. เพื่อลดผลกระทบในการจำหน่ายพืชผลทางการเกษตร ขอให้หน่วยงานออกหนังสือรับรองความปลอดภัยจากกัมมันตภาพรังสีฟรี

9 ปีวงโยฯ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย 'ตัน' ไร้วี่แววได้เงินคืน

ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ในวันที่ 23 มีนาคม 2557 ได้เกิดเหตุการณ์ที่ดึงดูดความสนใจและเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนเป็นจำนวนมาก เมื่อสมาชิกกลุ่มดรัมไลน์ ‘Max Percussion Theathre’ จากวงโยธวาทิต โรงเรียนสตรีวิทยา 2 จำนวน 30 คน พร้อมครูผู้ฝึกสอน บุกยึดพื้นที่สนามฟุตบอลโครงการอารีน่า 10 ใจกลางทองหล่อ พร้อมป้ายแบนเนอร์ขนาดใหญ่ ว่า...

“พวกเรามายืมเงินคุณตัน 3.1 ล้าน เพื่อไปประกวดดรัมไลน์โลก ต้องจ่ายเงินพรุ่งนี้ก่อน 9 โมงเช้า” โดยนักเรียนกลุ่มนี้ได้ชูป้ายขอเงินตั้งแต่ 2 ทุ่ม จนถึงเวลาตี 5 ของวันถัดไป เมื่อนายตัน ภาสกรนที ได้เดินทางมาถึงบริเวณดังกล่าว และพูดกับเด็ก ๆ ว่า “ขอโทษนะ พี่ไม่ใช่รัฐบาล และก็ไม่ใช่สปอนเซอร์ และพี่ก็ไม่มีปัญญาไปช่วยทุกคน ต่อไปนี้อย่าได้นำใครมาแบบนี้อีกนะ พี่จะไม่ให้อีกเด็ดขาด ไม่ว่าเรื่องอะไร”  

ทำให้สังคมเห็นใจคุณตัน ที่จำต้องมอบเงินให้เด็กกลุ่มนี้ เพราะถูกกดดันและมัดมือชก 

ต่อมามีการสืบค้นแล้วพบว่า การไปเนเธอร์แลนด์ของ วงโยฯ คือการสมัครไปร่วมประกวด ประเภทที่ไปแข่งก็มีอยู่ทีมเดียว เหมือนไปเล่นโชว์มากกว่าไปประกวด แถมรายการที่ไปก็เป็นรายการเล็กๆ และการที่วงไม่ได้เงินสนับสนุนก็เพราะไม่เคยชนะเลิศ รายการที่กรมพลศึกษาจัดแข่งขันในแต่ละปีเลย จากนั้นได้มีคลิปเสียงหลุดออกมาจาก ผอ.สตรีวิทยา 2 คุยกับสมาชิกวงโยฯ บอกด้วยว่า...

"มีทางเดียวที่จะไปได้ ครูเห็นทางสว่างคือ ยืมเงินเอกชนไป ได้ถ้วยกลับมาเมื่อไหร่นะ ไอ้พวกนี้มันเทให้หมดหน้าตัก แล้วเราจะได้เงินฟรีอีกประมาณ 8-9 ล้าน"

สพฐ. จึงได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบผอ.โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ว่าเป็นเสียงของผู้อำนวยการหรือไม่? ที่ให้นักเรียนไปขอเงินสนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้จากภาคเอกชน 

วันที่ 3 เมษายน 2557 เมื่อนักดนตรีที่เดินทางกลับมาจากการแข่งขันฯ ผู้ควบคุมวงได้ยืนยันว่าคลิปเสียงนั้นเป็นของผอ.จริง แต่พวกตนไม่ได้เป็นคนอัดคลิปเสียงนั้น

สตาร์ตอัปไทยเจ๋ง!! SheRio & Co ผุด Eveden สุดยอดการ์ดเกมสัญชาติไทย

เมื่อวันที่ (5 เม.ย.66) บริษัท SheRio & Co ได้จัดกิจกรรม EVEDEN CHAPTER GENESIS ได้เปิดตัวการ์ดเกมน้องใหม่ล่าสุดภายใต้ฝีมือคนไทย กับเกมที่ชื่อว่า 'Eveden : Next Level Card Game' ด้วยการนำการ์ดเกมเข้าสู่โลกของ Digital

นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวถึงผู้พัฒนาเกม Eveden ว่า บริษัท SheRio & Co ถือเป็นบริษัทคนไทยที่มีความโดดเด่น สามารถนำเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลมาต่อยอดในเกมได้ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีในการช่วยกระตุ้นให้อุตสาหกรรมเกมในประเทศเกิดแรงกระตุ้น และมีการพัฒนาให้เกิดนักพัฒนาหน้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ภายใต้โอกาสและความเซ็กซี่ของธุรกิจในเซกเตอร์นี้ ที่ไม่ว่าจะมีมรสุมต่างๆ เข้ามากี่ระลอก ตัวอุตสาหกรรมเกมก็ยังโตต่อเนื่องได้ตลอดเวลา

ด้าน นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ศักยภาพของอุตสาหกรรมเกมไทย มีโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมระดับโลกได้ไม่ยาก แต่รัฐบาลต้องเข้าใจ ผลักดัน และคอยช่วยเหลือธุรกิจสตาร์ตอัปเหล่านี้ รวมถึงให้การสนับสนุนวงการ eSports ควบคู่กันไป เพื่อให้ระบบนิเวศของอุตสาหกรรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องนี้เดินหน้าและกล้าที่จะพัฒนานวัตกรรมเกมในรูปแบบใหม่ๆ ป้อนสู่ตลาดโลกและต่อยอดไปสู่เวทีแข่งขัน eSports ในระดับนานาชาติต่อไป

‘ม.รังสิต’ ระดมความคิด ดึง ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง-ภาคประชาชน’ ถก!! วาระประเทศไทย อนาคตที่ต้องมองให้ไกลกว่าการเลือกตั้ง

(6 พ.ค. 66) สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) จัดงานเสวนา ‘วาระประเทศไทย ไปให้ไกลกว่าเลือกตั้ง’ ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น โดย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ผู้ก่อตั้ง สถาบันปฏิรูปประเทศไทย เป็นประธาน ซึ่งภายในงานมีการพูดคุยเรื่องแนวทางการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล ในหัวข้อ ‘ประเทศไทยกับภัยคุกคามใหม่ ที่ประชาชนต้องรู้’ โดยมี นายสำราญ รอดเพชร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ 

โดยในงานนี้ ยังได้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองมารวมปาฐกถาในการเสวนาในครั้งนี้ รวมถึงตัวแทนประชาชนจากหลายหน่วยงานมาร่วมฟังการเสวนา เพื่อหาทางออกให้ประเทศร่วมกันในครั้งนี้ 

ดร.อาทิตย์ กล่าวว่า การเมืองจะเป็นสิ่งที่ดีงาม และเป็นสิ่งจำเป็นต่อสังคม ถ้าการเมืองทำทุกวิถีทางเพื่อประโยชน์ของประชาชน หากต้องการเห็นบ้านเจริญรุ่งเรืองและประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น การเมืองก็ต้องดีด้วยเช่นกัน แต่ปัจจุบันการเมืองที่เราเห็นเป็นการเมืองสามานย์ระบบ ที่ล้มเหลวในทุกระดับ ขาดจิตสำนึกที่ดีและขาดความรับผิดชอบในบ้านเมือง ทำให้ประชาชนต้องกลายเป็นทาสอีกครั้งหนึ่ง คำถามคือ ทำไมเราถึงต้องยอมตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังเช่นนี้ สภาพการเมืองที่มีแต่การแบ่งพรรคแบ่งพวก มีแต่ความขัดแย้งแตกแยกแย่งชิงผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง

“ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องลุกขึ้นมาร่วมกันปฎิรูป เพื่อพาประเทศไทยฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ เราต้องปฏิรูปประเทศให้เป็นสังคมธรรมาธิปไตย เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเหนือสิ่งอื่นใด เพราะประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ เราต้องสร้างสังคมแบ่งปัน ลดความขัดแย้ง ต้องรวมพลังประชาชนโดยยึดถือประโยชน์ของชาติเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งทุกคนต้องตระหนักว่าประเทศชาติจะดำรงอยู่ได้ ก็ด้วยคนไทยทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยความปรองดอง บนผืนแผ่นดินเดียวกันนี้ ผลักดันประเทศชาติสู่ความสำเร็จและความมั่งคั่งประชาชนทุกคนทุกกลุ่มทุกส่วนในทุกภูมิภาคภาค ซึ่งเป็นการปฏิรูปประเทศที่บรรลุผลอย่างแท้จริง” ดร.อาทิตย์ กล่าว

หลังจากนั้น ด้าน ผศ.ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กล่าวชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ โดยเผยว่า ท่ามกลางการเลือกตั้งที่มีการเอาประเทศเป็นเดิมพัน แข่งกันแทงหวยว่าเราจะเลือกพรรคไหนเป็นรัฐบาลโดยปราศจากข้อเท็จจริง เพราะการเลือกตั้งเป็นต้นทางของการสร้างประชาธิปไตย สถาบันปฏิรูปประเทศไทย มหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้มีการร่วมกับหลายหน่วยงานเพื่อจัดงานในครั้งนี้ขึ้นมา 

“การเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย แต่การเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดทุกเรื่อง การเลือกตั้งอาจจะได้รัฐบาล แต่ปัญหาจะหยุดได้ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของประชาชน เพราะนักการเมืองมาแล้วก็ไปตามวาระของรัฐธรรมนูญ แต่ปัญหาไม่ได้มาแล้วก็ไป จะมีก็แต่ประชาชนที่ต้องแบกรับปัญหาต่อไป นี่จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องสรรสร้างทางออกที่แท้จริงและยั่งยืน ภายใต้เครือข่ายภาคประชาชนในฐานะส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ประชาธิปไตย จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดเวทีนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นเป็นเวทีประชาธิปไตยของประชาชนโดยแท้จริง”

TPN GLOBAL เปิดโอกาสให้หญิงแต่งงานแล้ว เข้าร่วมเวทีประกวด MUT 2023 ได้เป็นครั้งแรก

‘TPN GLOBAL’ เปิดโอกาสให้หญิงแต่งงานแล้ว ร่วมเวทีประกวด MUT 2023 ได้ครั้งแรก ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Unlimited’ จักรวาลไร้ขีดจำกัด ยกระดับคุณค่าคุณผู้หญิงทุกคน

(6 พ.ค. 66) บริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด (TPN Global) ผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดการประกวด Miss Universe Thailand (มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์) แถลงการจัดเวทีประกวด ‘มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023’ (MUT 2023) ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Unlimited’ จักรวาลไร้ขีดจำกัด 

โดยแม่ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก ผู้บริหารการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ กล่าวว่า “เวที MUT2023 มีเป้าหมายในการค้นหาความสามารถ ความกระตือรือร้น และความมุ่งมั่นของผู้หญิงไทย ที่พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น และยกระดับวัฒนธรรมและสังคมของประเทศไปสู่ระดับสากล ดังนั้น ผู้เข้าประกวดในปีนี้จะต้องผ่านการคัดเลือก และทำลายทุกข้อจำกัดในตัวเอง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต”

สำหรับในปีนี้ ยังถือเป็นปีแรก ที่เปิดโอกาสให้กับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเข้าร่วมประกวดได้ เพื่อให้ตรงกับบริบทของเวที Miss Univers แต่ยังคงต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามแนวคิดหลัก 5 ด้าน ของ MUT ได้แก่...

- LEADERSHIP (ความเป็นผู้นำ) มีความสามารถในการส่งต่อแรงบันดาลใจ และนำพาคนอื่น ๆ ไปสู่เป้าหมายร่วมกัน 
- INSPIRATION (แรงบันดาลใจ) มีความสามารถในการกระตุ้นให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวเอง และสร้างสรรค์สิ่งใหม่
- MOTIVATION (แรงจูงใจ) มีความสามารถในการส่งเสริมให้สู้ฝ่าความยากลำบาก และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง 
- INNOVATION (สร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรม) มีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนา นำวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ เพื่อสร้างความสำเร็จที่แตกต่าง
- และ TEAMWORK (มุ่งทำงานเป็นทีม) มีความสามารถในการร่วมมือในการสร้างความสำเร็จของตัวเองและทีมเวิร์คได้อย่างดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นพลังบวกของหญิงไทยให้ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่าง ๆ และมุ่งหน้าไปสู่จุดสูงสุดของ ‘จักรวาลของความสำเร็จ’ นั่นคือการเป็น Miss Universe Thailand 2023

นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่ MUT จัดการประกวดโดยคัดเลือกสาวงามจากทุกภาคทั่วประเทศไทย ในระดับตัวแทนจังหวัด ซึ่งผู้ที่ชนะในระดับจะได้รับเทียร่า MUT 2023 จาก God Diamonds ในรูปแบบเดียวกันไว้ในครอบครอง ซึ่งดีไซน์ขึ้นภายใต้แนวคิด ‘The Beginning of Across the Universe’ จุดเริ่มต้นของการเดินทางตามความฝันของหญิงสาว เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จ บนทิศทางที่มั่นคงและแข็งแกร่งแห่ง ‘ศึกความฝันสู่ดวงดาว’ ด้วยการใช้สัญลักษณ์ ‘ดวงดาวแปดแฉก’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สากลหมายถึงเข็มทิศหรือดวงดาว แทนความหมายของการเริ่มต้นเดินทางสู่ความฝันที่ต้องข้ามจักรวาลกว้างใหญ่ ที่ต้องใช้เข็มทิศนำทางเดินไปสู่ความสำเร็จที่อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top