'เพื่อไทย' ชู!! กระจายอำนาจท้องถิ่น เลือกผู้ว่าฯ โดยตรง ยัน!! 'กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน' สำคัญ คอยเชื่อมรัฐต่อเนื่อง

(13 ธ.ค. 65) นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลสะเทือนจากการแสดงวิสัยทัศน์ของคุณแพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธาน พรรคเพื่อไทย ภายใต้สโลแกนใหม่ 'คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน' ส่งผลให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ต่อมาผู้บริหารของพรรคหลายท่านได้ชี้แจงเหตุผลยืนยันความมั่นใจว่าทุกนโยบายเกิดขึ้นได้จริงภายในปี 2570

เลิศศักดิ์ กล่าวว่า “จากความล้มเหลวของการบริหารประเทศตลอดระยะเวลา 8 ปีต่อเนื่องของรัฐบาล คสช. และรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ ประยุทธ์ มีปัญหาทุกด้านทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำของคนในสังคมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เศรษฐกิจ 8 ปี ที่โตเฉลี่ยเพียงแค่ 1% กว่า ขณะที่ในสิ้นปี 2565 ธนาคารโลกคาดว่าจีดีพีของไทยจะอยู่ที่ 3.1% ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามก็เผชิญกับวิกฤตการณ์โควิดเช่นเดียวกับไทย แต่กลับเติบโตสูงถึง 7.2%”

“นอกจากนี้ ความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้ และความมั่งคั่ง ที่ถ่างกว้างขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ จากที่คนไทยสัดส่วนกว่า 31% อยู่ในภาคการเกษตร และในด้านโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐนั้น ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยได้วิเคราะห์ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น และมองเห็นโอกาสจากจุดแข็งของประเทศไทยที่ยังคงแข็งแกร่งไม่เป็นรองใครในภูมิภาค ทั้งด้านการเกษตร การเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคม และการท่องเที่ยว โดยพรรคเพื่อไทยมีวิสัยทัศน์มองเห็นอนาคตประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากได้เป็นรัฐบาลขับเคลื่อนนโยบายที่ได้ประกาศไว้ จึงมั่นใจว่าจีดีพีจะต้องเติบโตปีละไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ทุกปีต่อเนื่องซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ยืนยันว่าค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทในอนาคตนั้นจะเกิดขึ้นได้แนนอน”

เลิศศักดิ์ กล่าวอีกว่า อีกนโยบายสำคัญที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ประกาศเป็นคำมั่นสัญญาต่อพี่น้องประชาชน และเป็นนโยบายสำคัญที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้ดีที่สุด นอกจากเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยนั้น ก็คือ เรื่องการกระจายอำนาจ 

โดยรูปแบบการเลือกตั้งผู้ว่าราชการในจังหวัดที่มีความพร้อม จากการที่ระบบบริหารราชการของไทยจากอดีตถึงปัจจุบันพิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วว่า ไม่สามารถตอบโจย์การเข้าถึงบริการสาธารณะของพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เกิดการรวมศูนย์อำนาจ และการกระจุกตัวของงบประมาณอยู่ที่การตัดสินใจของราชการส่วนกลางจนเรียกว่ารัฐราชการรวมศูนย์ การบริหารจัดการงบประมาณเกิดความล่าช้า และไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน การทับซ้อนในภารกิจหน้าที่ของราชการส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น ขาดความจริงใจในการโอนภารกิจการบริการสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

พรรคเพื่อไทยจึงนำเสนอนโยบายในการปฎิรูประบบราชการไทยครั้งสำคัญ และจะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้เกิดความราบรื่น โดยการจัดรูปแบบของระบบราชการใหม่เป็นการนำร่อง ซึ่งมีราชการส่วนกลาง และให้มีราชการส่วนภูมิภาคในระดับจังหวัด, ระดับเทศบาล และรูปแบบพิเศษ โดยมีการเลือกตั้งผู้ว่าโดยตรงในจังหวัดที่พร้อม ซึ่งจะทำให้เห็นปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ในการบริหารราชการ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างราชการส่วนกลางและราชการส่วนภูมิภาค เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขก่อนที่จะนำรูปแบบการเลือกตั้งผู้ว่าโดยตรงไปใช้ในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป ซึ่งนโยบายของพรรคเพื่อไทยจะเป็นการเปลี่ยนผ่านระบบราชการแบบเดิมไปสู่การกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองท้องถิ่นอย่างราบรื่นและมั่นคง 

ดังนั้นในอนาคตพี่น้องประชาชนในชนบท และพี่น้องประชาชนในเขตเมือง ก็จะได้รับบริการสาธารณะผ่านนโยบายระบบราชการดิจิทัล และการบริการในท้องถิ่นของตัวเองใกล้บ้านในแทบทุกกิจกรรม ถือว่าเป็นการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสาธารณะได้เท่าเทียมกันอย่างแท้จริง และขอยืนยันว่ารูปแบบระบบราชการ และการเลือกผู้ว่าโดยตรงตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้น กำนัน, ผู้ใหญ่บ้านจะยังคงมีอยู่เช่นเดิม เพื่อเป็นตัวแทน เป็นมือเป็นไม้ให้กับราชการส่วนกลาง และเป็นส่วนหนึ่งของการประชาคมท้องถิ่นของตัวเองในการพัฒนาพื้นที่

"ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความมั่นใจ และมองเห็นอนาคตอันสดใสของตัวเองและประเทศไทยในปี 2570 หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล" เลิศศักดิ์ ทิ้งท้าย


โดย : ไอยรา อัลราวีย์ Content Manager