Tuesday, 30 April 2024
เลียบการเมือง

ผวาบัตรโหล ‘สองใบ’ แต่คนละเบอร์ ‘พรรคกระแส’ อาจต้องเติม ‘กระสุน’

หลังจบความคึกคักกับการลงสมัคร ส.ส.เขตในช่วงเช้าจากทุกพรรค ก็อยากขอสรุปสถานการณ์หลักๆ ในรอบวัน รวมถึงสิ่งที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ให้ดูเป็นข้อๆ... 

1. เป็นไปด้วยความคึกคักสำหรับการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในวันแรก 3 เม.ย. ซึ่งเป็น ส.ส.เขตทั่วประเทศ ส่วนวันที่ 4 เม.ย.จะเป็นวันแรกที่รับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ และจะคึกคักและลุ้นกันระทึกยิ่งกว่า เพราะเบอร์พรรคจะเหมือนกันทั้งประเทศ ส่วนเบอร์เขตนั้นเขตใครเขตมัน จับสลากได้เบอร์ไหนก็เบอร์นั้น

2) ระบบเลือกตั้งบัตรสองใบตามกฎหมาย กกต.ได้ออกแบบแล้ว บัตรเลือกตั้งส.ส.เขตสีเขียว มีช่องกาเครื่องหมาย มีเบอร์ผู้สมัคร แต่ไม่มีชื่อและสัญลักษณ์ (โลโก้) พรรค ที่เรียกกันตอนนี้ว่าเป็น ‘บัตรโหล’ ส่วนบัตรเลือกปาร์ตี้ลิสต์นั้นสีฟ้า มีช่องกาเครื่องหมาย, โลโก้พรรคและเบอร์พรรค

3) อธิบายเพิ่มเติมว่า เลือกตั้ง 2566 กำหนดให้เลือกตั้งแบบบัตรสองใบแบบแยกบัตรแยกเบอร์ ต่างจากปี 2554และ 2550 ที่กฎหมายกำหนดให้ทั้งคน (ผู้สมัคร ส.ส.เขต) และพรรคใช้เบอร์เดียวกัน...แบบว่าพรรคจับได้เบอร์ไหน ผู้สมัครก็ใช้เบอร์นั้นเหมือนกันทั้งประเทศ...ซึ่งแบบนี้พรรคใหญ่หรือพรรคที่กระแสดีชอบเป็นยิ่งนัก...  เพราะทำแคมเปญง่าย...

นัยแห่งหมายเลข 22 แม้ 'ตู่' ชูนิ้วได้อย่างอารมณ์ดี แต่มีสัญญาณอันตรายสะเทือนพรรค รทสช.

ถึงตอนนี้พรรคการเมืองขนาดกลาง ขนาดใหญ่หลายพรรคที่จับสลากได้เบอร์ตัวเลขสองตัวประเภท เบอร์ 18 พรรคชาติไทยพัฒนา, เบอร์ 26 ประชาธิปัตย์,เบอร์ 29 พรรคเพื่อไทย ที่มึนตึ้บในวันแรกว่าจะชูนิ้วชูมืออย่างไรก็คงหาวิธีการได้แล้ว...

ต่างกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่แม้จะได้เลขสองตัว แต่เป็นเลขเบิ้ลคือ เบอร์ 22 ทำให้ลุงตู่และลุงตุ๋ยชูนิ้วโชว์นักข่าวกันอย่างอารมณ์ดี...

ไม่เพียงเท่านั้นบรรดาแฟนคลับ...พากันกระพือในสื่อโซเชียลอีกต่างหากว่า เลข 22 เป็นเลขที่ถูกโฉลกกับลุงตู่เป็นที่ยิ่ง จะทำการสิ่งใดก็ประสบผลสำเร็จ ดูอย่างวันแต่งงานก็ 22 มิถุนายน 2527, วันยึดอำนาจยุติการฆ่ากันตายเมื่อปี 2557 ก็วันที่ 22 พฤษภาคม...เป็นต้น

แต่เลข 22 อันเกี่ยวกับการจัดอันดับปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค รทสช. ที่ 'เล็ก เลียบด่วน' กำลังจะพูดต่อไปนี้ไม่น่าจะเป็นผลบวกหรือผลดีกับลุงตู่สักเท่าใดนัก...

อันว่าผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรครทสช.ลำดับปลอดภัยหรือเซฟโซนที่จะได้เป็นส.ส.แน่นอนอยู่แค่อันดับ 12 หรืออย่างมากก็อาจยืดไปถึงอันดับ 15...

ดังนั้นอันดับ 15. ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้ อันดับ 16.ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู 'แม่เลี้ยงติ๊ก', อันดับ 17, เกชา ศักดิ์สมบูรณ์, อันดับ 18  คุณอ้น-ทิพานันท์  ศิริชนะ, อันดับ 19 โรจน์พิศาล  อินทรักษ์,อันดับ 20 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง  อันดับ 21 พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา, อันดับ 22 ชุมพล กาญจนะ บ้านใหญ่สุราษฎร์ธานี อดีต ส.ส.หลายสมัย...

เหล่านี้ต้องลุ้นกันเหนื่อย ลุ้นกันหลายรอบ...กว่าจะได้เป็นส.ส.

แต่ที่ต้องหมายเหตุเป็นพิเศษคือ ลำดับที่ 22 ชุมพล กาญจนะ ไม่มีใครคาดคิดว่าลุงตู่ลุงตุ๋ยจะจัดวางมาอยู่ในลำดับต่ำเตี้ยขนาดนี้...ถือว่าพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย

ชุมพล กาญจนะ คือ บุคคลที่ชวน หลีกภัย เคยพูดถึงว่ามีบางพรรค (ไม่ใช่รทสช.) เสนอเงิน 200 ล้าน เพื่อ กวาด ส.ส.สุราษฎร์ฯ ให้ได้ยกจังหวัด แล้วจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งนายชุมพลไม่เอา แต่สุดท้ายก็ย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์มาอยู่พรรคลุงตู่พร้อมลูกสาวที่เป็น ส.ส.เขต 3 สุราษฎร์ฯ...

ปิดกันไม่มิดว่าตอนนี้...ชุมพลยากที่จะทำใจได้ที่โดนใครต่อใครข้ามหัวยิ่งกว่าการด้อยค่า...จะสบตาคนในพื้นที่ จะนำทัพออกรบก็คงไม่สนุกเสียแล้ว...ลูกสาวลูกสะใภ้ที่ลงสมัครส.ส.เขตด้วยก็คงใจเหี่ยวไปด้วย...

เมื่อ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ จะก้าวข้าม พร้อมผงาดนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

ได้ยินมาเต็มสองรูหูจากปาก ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยว่า เบื้องหลังหมายเลข 7 เบอร์ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคนั้น พระอาจารย์ภัตร อริโย แห่งวัดนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เป็นผู้จัดให้...

ตอนไปกราบพระอาจารย์บอกว่าอยากได้หมายเลข 1 แต่พระอาจารย์บอกว่าเลขที่ถูกโฉลกกับพรรคภูมิใจไทยงวดนี้คือ หมายเลข 7

แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามพระอาจารย์ว่า... แต่แค่นั้นยังไม่พอ อนุทิน เล่าด้วยว่า พระอาจารย์ภัตร อริโย ยังบอกว่า หลังวันที่ 14 พ.ค.วันเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยจะได้เลขสามหลัก ซึ่งตรงกับที่ตนคำนวณไว้ทุกประการ…

ครับ..วันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยอายุครบ14ขวบ ย่างสามขุมสู่ปีที่ 15 ว่ากันตามทฤษฎีการเมืองแบบไทยๆ  พรรคที่อายุเกินรอบนักษัตร 12 ปี ก็พอจะนับเป็น ‘สถาบันทางการเมือง’ ได้แล้ว…

และที่น่าจับตายิ่งปีนี้ หลังการเลือกตั้ง 14 พ.ค.เชื่อตรงกันแทบทุกสำนักว่า ภูมิใจไทย จะเข้าป้ายลำดับสอง รองจาก พรรคเพื่อไทย อยู่ที่ 100 บวกลบที่นั่ง...โดยประการสำคัญยิ่ง พรรคภูมิใจไทย จะเป็นแชมป์ในปีกขั้วอำนาจเดิมหรือรัฐบาลในปัจจุบัน

ดังนั้น ตามคณิตศาสตร์การเมือง...ภูมิใจไทย และ อนุทิน ชาญวีรกูล วันนี้ คือ ตัวเต็งนายกรัฐมนตรีและแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเลยทีเดียว...

คำนวณกันทีเล่นทีจริง ถ้าผลเลือกตั้งออกมาประมาณว่า ภูมิใจไทย 100 เสียง รวมไทยสร้างชาติ, ประชาธิปัตย์, พลังประชารัฐ ได้พรรคละ 50 เสียงเท่ากัน ก็นับได้ 250 เสียงแล้ว บวกกับอีกสองพรรคคือชาติไทยพัฒนาและชาติพัฒนากล้าอีกอย่างน้อย 15 เสียง เท่ากับ 265 เสียง..เป็นเสียงข้างมากในสภาฯ ตอนโหวตเลือกนายกฯ ถ้า ส.ว.ไม่งอแง ยกมือหนุนให้อนุทินเป็นนายกฯ ได้...

ไขปม!! ต้นเหตุเข็นแคมเปญแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท อุปสรรคแลนด์สไลด์ ที่อาจไม่ได้มาจากแค่ 2 ลุง

โพลสายความมั่นคงที่ว่ากันว่าเป็นของ กอ.รมน. เมื่อเดือน มี.ค.ประเมินให้พรรคเพื่อไทยได้จำนวน ส.ส.ต่ำเตี้ยแค่ 164 ที่นั่ง แยกเป็น ส.ส.เขต 137 ปาร์ตี้ลิสต์ 27 ที่นั่ง ขณะที่ให้พรรคสองลุง คือ รทสช.และ พปชร.ได้คะแนนเว่อร์วังอลังการเท่ากันที่พรรคละ 84 เสียง...

ถ้าเป็นจริงตามโพลนี้พรรคเพื่อไทยก็มีทางเลือกเดียวคือ ช้อยเก็บฉาก...ไปรับบทฝ่ายค้านอีกสมัยได้เลย...

อย่างไรก็ตามอุปสรรคและหลุมขวากของพรรคเพื่อไทยที่ 'วงใน' ของพรรคสรุปวิเคราะห์กันในขณะนี้มิได้อยู่ที่พรรคของสองลุง...หากแต่อยู่ที่ 'พรรคส้ม-ก้าวไกล' ที่มาแย่งคะแนนตลาดเดียวกันหรือตกปลาบ่อเดียวกัน...

ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยพยายามหาเสียงตอกย้ำในพื้นที่อีสานและภาคเหนือว่า...เพื่อไทยไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง นัยว่าเพื่อให้ชาวบ้านร้านตลาดชัดเจนว่าพรรคก้าวไกล ตลอดจนพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงหน่อยกับพรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยวกัน มีแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่เป็นพรรคของคนเสื้อแดงจริงๆ...เป็นพรรค 'ของจริง' ในฝ่ายประชาธิปไตย...

แต่กลยุทธ์ดังกล่าวก็ดูเหมือนจะไม่ตอบโจทย์สักเท่าใดนัก...มิหนำซ้ำยังโดนพรรคก้าวไกลโยนโจทย์กลับมารัดคอพรรคเพื่อไทยอีกด้วย นั่นคือโจทย์ที่ว่า...พรรคเพื่อไทยโปรดตอบให้ชัดว่าจะร่วมรัฐบาลกับพรรคของสองลุงโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐหรือไม่... เจอเข้าโจทย์นี้พรรคเพื่อไทยไปแทบไม่เป็น พยายามใช้คำว่าแลนด์สไลด์ เป้าหมาย 310 เสียงมากลบเกลื่อนก็เอาไม่อยู่...ช่วงหลังๆ ถึงค่อยหลุดออกมาว่ายังไงๆ ก็ไม่ร่วมกับพรรคเผด็จการสืบทอดอำนาจออกมาบ้าง...

นั่นยังไม่นับเกมที่ปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกลชักธงรบเรื่องการลบผลพวงการรัฐประหารเมื่อไม่มีกี่วันก่อนอีกด้วย...

วันนี้พรรคก้าวไกลจึงเป็นเสมือน 'ก้อนกรวดในรองเท้า' ของพรรคเพื่อไทยโดยแท้...ไม่เพียงมาประชันขันแข่งนโยบายการต่อเผด็จการ แต่นโยบายด้านเศรษฐกิจ นโยบายก้าวทันโลกพรรคก้าวไกลก็ไม่บันเบา เก็บกวาดตลาดคนรุ่นใหม่ไปได้เป็นกอบเป็นกำ...

ว่ากันว่าทั้งหมดดังกล่าวมาเป็นเป็นแรงผลักดันสำคัญส่วนหนึ่ง ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องงัดแคมเปญนโยบาย แจกเงินดิจิตัลคนละหนึ่งหมื่นบาทให้กับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งมีประมาณ 54 ล้านคน...ใช้งบประมาณ 5.4 แสนล้านบาท...

'พลังประชารัฐ' ล้มดีลลับ 'เพื่อไทย' แค่เกมปรับกระบวนท่า ดูลมบนการเมือง

ทำเอาวงการการเมือง 'ช็อกซีนีมา' ไปพอประมาณ เมื่อไพบูลย์ นิติตะวัน มือกฎหมายและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาแถลงเสียงดังฟังชัดเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ว่า พรรคพลังประชารัฐจะไม่ขอร่วมงานทางการเมืองหรือร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย....

เหตุเพราะพรรคก้าวไกลนั้นมีจุดยืนชัดเจนที่จะแก้มาตรา 112 ซึ่งพลังประชารัฐไม่เห็นด้วย ส่วนพรรคเพื่อไทยก็ไม่แสดงจุดยืนที่ชัดเจน อีกทั้งกรณีการเสนอนโยบายแจกเงินดิจิตัล 1 หมื่นบาท ถือเป็นนโยบายที่อันตรายสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาใหญ่...

หะแรก...ทั้งนักข่าวและคนโตในพรรคให้ค่าเพียงความเห็นส่วนตัวของไพบูลย์ แต่วันที่ 11 เม.ย.เมื่อ 'ลุงป้อม' พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมาปั๊มตราประทับรับรองสั้นๆว่า "นโยบายไม่ตรงกัน..."

ผู้สันทัดกรณีแทบจะวิเคราะห์ไปในทิศทางเดียวกันว่า...ความพยายามเดินทางแนวทางสายกลางในนามของการ 'ก้าวข้ามความขัดแย้ง' ทำให้ผู้คนไม่น้อยตีความและเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐมีดีลลับจะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยนั้น รังแต่จะทำให้พรรคตกต่ำในสถานการณ์ที่กระแสหลักของการเลือกตั้งเริ่มโน้มเอียงถูกลากไปในทางการเมืองสองข้างสองขั้ว...คล้ายๆ กับปี 2562...เอาทักษิณกับไม่เอาทักษิณ...อะไรประมาณนั้น...

“เราถูกกล่าวหามาโดยตลอดเรื่องดีลลับว่าจะจับมือกับพรรคเพื่อไทย ตอนแรกคิดว่าจะค่อยๆ เงียบหาย แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น วันนี้ก็เลยต้องประกาศให้ชัด...” นี่คือคำให้สัมภาษณ์ของไพบูลย์   

แต่ทั้งนี้นายไพบูลย์ก็ยืนยันว่าลุงป้อมและพรรคพลังประชารัฐยังยึดมั่นในแนวทางก้าวข้ามความขัดแย้ง...และมั่นใจว่าถึงอย่างไรลุงป้อมก็จะได้รับการโหวตจากรัฐสภาให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 อย่างแน่นอน...

จับตายุทธการล้ม 'ชลน่าน' รวมไทยสร้างชาติจ่อคอหอย ฟากบ้านใหญ่ชลบุรี แอบหวั่น!! มาดามเบียร์ถูกคว่ำ

'เล็ก เลียบด่วน' พบกับท่านสัปดาห์ละ3ครั้ง...เลียบการเมือง วิเคราะห์การเมืองเบื้องลึก...แต่จากนี้ไปจำเพาะวันศุกร์สุดสัปดาห์ ท่านบก.กระซิบบอกให้ช่วยเลาะขอบสนามเลือกตั้งแบบว่า หยิบกอสซิป หรือไฮไลต์เลือกตั้งที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังบ้าง...ก็จะขอดำเนินการตั้งแต่บัดนาว...

ประเดิมเริ่มแรกขอโฟกัสไปที่ภาพรวมเลือกตั้ง..นาทีนี้พรรคเพื่อไทยเร่งทำผลสำรวจด้วยตัวเอง พร้อมๆ กับแสวงหาผลสำรวจสำนักต่างๆ กันจ้าละหวั่นเพราะอยากรู้ว่า หลังยิงปืนใหญ่นโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทออกมา...บวกลบคูณหารแล้วขาดทุนหรือกำไร...คะแนนพุ่งหรือพัง...คิดใหญ่ทำเป็นยังขลังหรือไม่...เพราะดูเหมือนแรงต้านจะมีมากเหลือเกิน..

พรรคเพื่อไทยอีกซักข่าว...ข่าวนี้ถ้าเป็นไปได้จริงก็ถือว่าเป็นการล้มช้างกันเลยทีเดียว...นั่นคือมีการปิดกันให้แซ่ดว่า พรรครวมไทยสร้างชาติหมายมั่นปั้นมือที่จะปลุกปั้นให้ 'พิชิต โมกศรี' ผู้สมัครส.ส.น่านเขต 2 ของพรรคเข้าวิน...เบียดส.ส.5 สมัยอย่างนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ให้ตกเหวการเมืองสอบตกเป็นสมัยแรกให้ได้...ซึ่งหากดูโปรไฟล์ของอดีตปลัดเทศบาลเมืองแพร่อย่างพิชิต โมกศรี ก็ไม่ธรรมดา เคยลงสมัคร นายกอบจ.น่าน เมื่อปี 2563 มาแล้ว ได้ลำดับสอง แพ้ไปเพียง 2 หมื่นกว่าคะแนน...

เลือกตั้งหนนี้ ทั้ง 'แม่เลี้ยงติ๊ก' ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู, เสธ.หิ-ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ...ขุนพลภาคเหนือของพรรคลุงตู่ แว่บไปเมืองน่านถี่ยิบ...ลุ้นระทึกยิ่งกว่าลงสมัครเองเลยทีเดียว...

ครับ...ถ้าล้มหมอชลน่านได้จริงก็เป็นเรื่องใหญ่ เพราะหมอชลน่านเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นส.ส.เขตแบบชนะขาดมาแทบทุกครั้ง รอบนี้เป็นหัวหน้าพรรคคนเดียวที่ลง ส.ส.เขต ไม่ยอมลงปาร์ตี้ลิสต์ โดยให้เหตุผลว่าหากให้คนอื่นลงมีโอกาสแพ้...และจะทำให้พรรคเสียที่นั่ง ตัวเองจะรู้สึกผิด...อะไรประมาณนั้น...อย่างไรก็ตามหลายคนก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าความที่เป็นหัวหน้าพรรค ต้องเดินทางไปปราศรัยช่วยลูกพรรคทั่วประเทศ อาจทำให้หมอชลน่านเกิดอาการ 'ห่วงหน้าพะวงหลัง'...ดีไม่ดีอาจพลาดท่าเสียเก้าอี้ได้เหมือนกัน...

แว่บไปดูแนวรบด้านตะวันออกกันหน่อย...วันก่อนโน้นดีเบตที่ชลบุรีเดือดพล่าน...เมื่อ 'เสี่ยเฮ้ง' สุชาติ ชมกลิ่น  แม่ทัพพรรค รทสช.ลุกขึ้นชี้หน้า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  แห่งค่ายก้าวไกล...ซึ่งอันที่จริงคู่ชิงเก้าอี้เมืองชล 10 ที่นั่งนั้นไม่ใช่พรรคก้าวไกลที่อาจจะรักษาเก้าอี้ไว้ได้ซัก 1 ที่นั่ง คือ จรัส คุ้มไข่น้ำ...แต่สนามนี้ปีนี้มวยคู่หลักคือ 'บ้านใหญ่' นำโดย แป๊ะ-สนธยา คุณปลื้ม กับ 'บ้านใหม่' นำโดย 'เสี่ยเฮ้ง' สุชาติ ชมกลิ่น ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้สูสีดู๋ดี๋ระดับที่อาจจะต้องแบ่งครึ่งกัน....

‘หญิงหน่อย – ฐากร’ พา ทสท.ปักธงอีสาน เป้าใหญ่!! เขี่ยเพื่อไทยเขต 2 เมืองน้ำดำ

ซูเปอร์โพลกลางเดือนเม.ย.2566 น่าสนใจไม่น้อย เมื่อระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะได้รับเลือกตั้งแค่ 160 ที่นั่ง (เขต 133 ปาร์ตี้ลิสต์ 27) ภูมิใจไทย 121 (เขต 101 ปาร์ตี้ลิสต์ 20) ฯลฯ...ดูภาพรวมของโพลคงมีคนอยากเถียงด้วยไม่น้อยทีเดียว...

อย่างไรก็ตามที่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ให้ความสนใจก็คือ ผลโพลในการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 133 ที่นั่ง ของ 20 จังหวัดอีสานที่ออกมาว่า...

พรรคเพื่อไทยได้ 78, ภูมิใจไทย 36, พลังประชารัฐ 10, ประชาธิปัตย์ 2, ก้าวไกล 2, รวมไทยสร้างชาติ 1 อื่น ๆ 4

ซูเปอร์โพลไม่ได้ระบุว่า อื่น ๆ อีก 4 ที่นั่ง หมายพึงพรรรคชาติพัฒนากล้าและไทยสร้างไทยหรือไม่...เพราะคาดหมายกันว่าชาติพัฒนากล้ามีโอกาสได้ 1-2 ที่นั่งที่โคราช ส่วนพรรคไทยสร้างไทย มีโอกาสสูงในพื้นที่อีสานเหนือ โดยเฉพาะที่เขต 2 กาฬสินธุ์...

เลือกตั้งกาฬสินธุ์ปี 2562 พรรคเพื่อไทยกวาดยกจังหวัด 5 เขต ปี 2566 นี้เพิ่มอีก 1 รวม เป็น 6 เขต พรรคไทยสร้างไทยภายใต้การนำของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประกาศที่จะปักธงเขต 2 เมืองน้ำดำให้จงได้ และดูเหมือนสถานการณ์หลายอย่างจะเป็นใจ...

รอบนี้ พรรคหญิงหน่อยได้ผู้สมัครดี คือ วันเพ็ญ เศรษฐรักษา เจ้าของฉายา ‘เจ๊นาง โรงทาน’ นักธุรกิจ มีฐานะเสบียงกรังเพียบ ประสบการณ์และความทะยานอยากทางการเมืองพร้อม ปี 2554 และ 2562 เคยสวมเสื้อภูมิใจไทยลงสมัครแต่สู้กระแสพรรคเพื่อไทยไม่ได้

‘เจ๊นาง’ ได้รับการปูนบำเหน็จเป็นที่ปรึกษา รมช.เกษตรและสหกรณ์...แต่ที่สุดเธอก็ต้องต้องขอแยกทางมาร่วมทางกับ ‘ไทยสร้างไทย’

แน่นอนพรรคไทยสร้างไทยได้รับการตอบรับค่อนข้างดีในพื้นที่อีสาน ‘หญิงหน่อย’ เองก็เป็นนายกฯ ของอีสานโพลมาหลายรอบ ความพุ่งแรงของไทยสร้างไทยถึงขั้นทำให้พรรคเพื่อไทยต้องประกาศบนเวทีว่า...พรรคเพื่อไทยไม่มีพรรคพี่พรรคน้องไม่เป็นพรรคพี่พรรคน้องกับใคร นัยว่า เพื่อสกัดกั้นพรรคหญิงหน่อยกันเลยทีเดียว

อีกปัจจัยบวกสำหรับไทยสร้างไทยก็คือ เพื่อไทยเปลี่ยนผู้สมัครเขต 2 จาก วีรวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ ที่ชราภาพเป็นคนรุ่นใหม่ที่ข้ามมาจากเขต อ.เมือง

และปัจจัยสำคัญที่มาถูกที่ถูกเวลาและน่าจะหนุนส่งให้ฝันของเจ๊นางเป็นจริงยิ่งขึ้นก็คือ...พรรคไทยสร้างไทยเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคคนใหม่เป็น ‘ฐากร ตัณฑสิทธิ์’ อดีตเลขาธิการ กสทช.สองรอบ...

'เพื่อไทย' ผวา 'แลนด์ไถล' หลัง 'คะแนนนิยมนิ่ง-คู่แข่งจ่อ' ต้องออกใบเตือนผู้สมัคร 'เสาไฟฟ้า' ให้ทำงาน-ลงพื้นที่

อาการของพรรคเพื่อไทยยามนี้ไม่สู้ดีนัก..ประมาณว่า 'พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก' ก็มิปาน

วันที่ 5 เม.ย.2566 จัดบิ๊กแคมเปญ เปิด 3 แคนดิเดทฝตนายกฯ ภายใต้ธีม 'ONE TEAM FOR ALL THAIS' และให้หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ 'เศรษฐา ทวีสิน'   ประกาศนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท กะว่าจะเปรี้ยงปร้างระเบิดเถิดเทิงสมราคาคุย...คิดใหญ่ทำเป็น

แต่อนิจจา...ที่ไหนได้ นโยบายนี้กลายเป็นบั้งไฟที่ไปไม่สุด เกิดอาการแป๊ก...เสียฟอร์ม เสียรังวัดไม่น้อย...ว่ากันว่าถ้าเป็นโค้ง 7 วันสุดท้ายคงหวิดตายหมู่...แบบว่าคงแลนด์ไถลเหลืออย่างมากแค่ 170 ที่นั่งเหมือนที่โพลลับฝ่ายความมั่นคงเขาทำไว้เป็นแน่แท้...

ตอนนี้บรรดาเสนาธิการ และนักรบในห้องแอร์ทั้งหลายต้องช่วยกันแก้เกมเรื่องนโยบายหมื่นบาท ทั้งในส่วนคำชี้แจงต่อ กกต.และคำอธิบายต่อสาธารณชน ซึ่งอย่าว่าแต่ชนชั้นกลางเลยที่มีคำถามเลย ระดับรากหญ้าเองก็เริ่มมีคำถาม เพราะผู้บริหารพรรคบางคนพูดชัดเจนว่า...ใครที่มารับบริการเงินดิจิทัลหมื่นบาท ต้องสละสิทธิ์การรับสวัสดิการจากบัตรคนจน...

ร้อนจนวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ทั้ง 'ภูมิธรรม เวชชชัย' รองหัวหน้าพรรค และตัวนายเศรษฐาเอง ต้องรีบออกมาดับไฟเสียแต่ต้นลมว่า...นโยบายนี้จะเดินหน้าโดยไม่ยกเลิกบัตรคนจน...

จะเป็นเพราะนโยบายแจกเงินหมื่นบาทด้วยหรือเปล่าก็มิทราบได้...ผลปรากฏว่าการทำโพลของค่ายต่างๆ ระบุว่า แม้คะแนนของแพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง และพรรคเพิ่อไทยจะยังคงนำ แต่เป็นการนำในลักษณะหยุดนิ่ง ในขณะที่คู่แข่งดีวันดีคืน โดยเฉพาะคู่ต่อสู้อย่างพรรคก้าวไกลเริ่มหายใจรดต้นคอ...

ไม่แต่เท่านั้น โพลของค่ายมติชน-เดลินิวส์ ที่ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 8-14 เม.ย.ระบุชัดว่าคะแนนตำแหน่งว่าที่นายกฯ นั้น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แห่งก้าวไกล แซงอุ๊งอิ๊ง ห่างในระดับ 29 ต่อ 23 เปอร์เซ็นต์กันเลยทีเดียว...

ขณะเดียวกันบรรดา FC ของพรรคได้ร้องเรียนไปยังพรรคว่า มีผู้สมัครจำนวนไม่น้อยที่ไม่ลงพื้นที่ หวังโหนกระแสพรรคเป็นหลัก...ทำให้เมื่อวันที่ 16 เม.ย. กองอำนวยการเลือกตั้งต้อง ทำจดหมายน้อยกระตุกเตือนบรรดาผู้สมัคร ทั้งที่เป็นอดีตส.ส.และผู้สมัครหน้าใหม่ที่ทำตัวเป็นพวก 'เสาไฟฟ้า' แบบประชาธิปัตย์ภาคใต้เมื่อหลายปีก่อนโน้น คือไม่หาเสียง โหนกระแสพรรค อาศัยยี่ห้อพรรคเข้าสภา...

“...ถ้าพวกท่านยังขยันไม่พอและไม่เข้าหาประชาชน..เราคงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการแลนด์สไลด์ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยวดยิ่ง...” ตอนหนึ่งของจดหมายเตือนระบุ

ติ่งส้มทิ้งบอมบ์!! เลือก ‘เพื่อไทย’ ได้ป้อม ภท.มีเฮ!! โพลพรรคใหญ่ยกให้ 2 เขต กทม.

ทุกปลายสัปดาห์...เลียบการเมืองก็จะเลาะขอบสนาม และล้วงลึกศึกเลือกตั้งด้วยข่าวสารสีสันประเภทลึกแต่ไม่ลับ...จับประเด็นจับกระแส..มาบอกกล่าวกัน...

ยื่นชี้แจงกกต. เรียบร้อยโรงเรียนเพื่อไทยไปแล้วเมื่อต้นสัปดาห์ หมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคบอกว่าไม่เพียงเรื่องนโยบายแจกเงิน 1 หมื่นบาทเท่านั้น แต่ยังชี้แจงนโยบายเรื่องอื่นๆ ไปด้วยรวมทั้งสิ้น 169 นโยบายเลยทีเดียว เรียกว่านาทีนี้ พรรคเพื่อไทย ก็คงผ่อนคลายได้นิดหน่อยที่กระแสถล่มนโยบายแจกหมื่นบาทเบาบางไปบ้างแล้ว…

แต่เชื่อหรือไม่ว่า ระเบิดลูกสำคัญที่พรรคเพื่อไทยยังปลดชนวนไม่ได้...แม้ว่าระยะหลังคุณหนูอุ๊งอิ๊งจะพัฒนาการพูดเก่งขึ้นแค่ไหนก็ตาม...นั่นคือระเบิดเรื่องดีลลับจับมือกับพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาล...ซึ่งเรื่องนี้พอจะอ่านทางกันออกว่าพรรคเพื่อไทยโคตรลำบากใจ...ไม่อาจจะเล่นบทผีไม่เผาเงาไม่เหยียบแบบพรรคก้าวไกลได้...

อันว่าพรรคก้าวไกลนั้นหัวหน้าพรรคประกาศชัดว่าร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยนั้นเป็นไปได้ แต่ต้องไม่มีพรรค 2ป. ร่วมด้วย กล่าวคือ… ‘มีลุงต้องไม่มีเรา’ ...ดังนั้นพอเพื่อไทยพูดไม่ชัดในเรื่องนี้ ยามนี้บรรดา ‘ติ่งส้ม’ ก็ทยอยปั่นแคมเปญด้อยค่า เพื่อไทยว่า…’เลือกเพื่อไทยได้ป้อม’ ประโยคเดียววลีเดียวเสียวทั้ง 400 เขต...

ปลายเดือนนี้สองลุงจะล่องใต้เดินตามรอยกันไป...ลุงป้อมนั้นปราศรัยใหญ่ที่นครศรีธรรมราช วันที่ 29 เม.ย.66 ส่วนลุงตู่จัดคิว 29-30 เม.ย.66 ลุยหาเสียงจังหวัดตรัง, พัทลุง, สงขลา และสตูล...แว่วว่าคืน 29 เม.ย.66 จะปักหลักพักค้างที่ อ.หาดใหญ่กันเลยทีเดียว....ทิ้งช่วงสักพักจะเลี้ยวกลับไป สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช...สมรภูมิสำคัญของภาคใต้อีกครั้ง

สงครามยังไม่จบ!! 'ลุงตู่' ไม่ถอดใจ ก้มหน้าก้มตาเก็บปาร์ตี้ลิสต์อีสาน

ส่องแนวรบพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) วันนี้ ส่วนใหญ่ยังสู้สุดตัว แต่หลายคนในกทม.เริ่มแอบออกอาการถอดใจ...ก็อยากจะบอกว่า...สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร...

การเลือกตั้งยังไม่ถึงเจ็ดวันสุดท้ายอย่าเพิ่งถอดใจ...แบบว่า “เลือกความสงบจบที่ลูงตู่” เวอร์ชั่นใหม่อาจเกิดขึ้นก็ได้ แม้วันนี้เจ้าของวลีดังกล่าวคือ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ต้องไปทำหน้าที่ตอกเสาเข็มอยู่ที่พรรคภูมิใจไทยเสียแล้วก็ตาม...

ตัวเลขเฉลี่ยที่โพลสำนักต่างๆ ระบุจำนวนที่นั่งของพรรครทสช...ในสนามกทม.อยู่ที่ 3-4 ที่นั่ง จากทั้งหมด 33 เก้าอี้...เล็ก เลียบด่วน ก็เห็นด้วยกับตัวเลขนี้

ในขณะที่ตัวเลขรวมทั้งประเทศของพรรครทสช.นั้น ดูจาก 3 โพล ก็ยังบอกอาการที่ไม่ชัดเจนนักว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร...ซึ่ง เล็ก เลียบด่วน ใคร่ขอยกตัวเลขคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 16 ที่นั่ง ที่คาดว่าพรรค รทสช.จะได้ ไปรวมกับ ส.ส.เขต ที่แต่ละโพลสำรวจไว้จะออกเป็นจำนวน ส.ส.ทั้งหมดดังนี้...

>> ซูเปอร์โพล 51 ที่นั่ง (35+16)
>> เนชั่น โพล 37 ที่นั่ง (21+16)
>> โพลความมั่นคง 69 ที่นั่ง  (53+16)

ดูจาก 3 โพลก็ต้องบอกว่า...โพลใครก็โพลใคร...'เล็ก เลียบด่วน' ก็แอบทำโพลตัวเองแปะข้างฝาไว้เหมือนกันว่า นาทีนี้พรรคลุงตู่คะแนนอยู่ที่ประมาณ 56 ที่นั่ง ส.ส.เขต 40 บัญชีรายชื่อ 16 ในจำนวนนี้ ส.ส.เขต 40 คน นี้คาดหมายว่าจะมาจากภาคอีสานเพียงคนเดียวคือ ถ้าไม่จากจังหวัดเลยของครอบครัวเร่งสมบูรณ์สุข ก็อาจจะเป็น กำนันประนอม โพธิ์คำ เขตวังน้ำเขียว โคราช...

น่าเสียดายที่ 20 จังหวัด 133 เขตในดินแดนที่ราบสูง พรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถดึงอดีตส.ส.เกรดเอมาร่วมทัพได้ ที่พอมีลุ้นอยู่บ้างก็กลายเป็นผู้สมัครที่มาจาก ส.จ.และนักธุรกิจ เช่นที่ เขต 1, เขต 2 อุดรธานี เขต 4 สกลนคร ดังนั้นวันนี้ 24 เม.ย.2566 จึงไม่แปลกที่ 'ลุงตู่' จะนำคณะชุดใหญ่ไฟกระพริบลุยพบปะประชาชน 2-3 จุด...ที่อุดรฯ เมืองหลวงของคนเสื้อแดง  


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top