Tuesday, 30 April 2024
เลียบการเมือง

ส่องแนวรบ 'ส.ว.' ผวาทุนใหญ่ยิงกระสุนล็อบบี้ ส่วนสูตรรัฐบาลเสียงข้างน้อยแผ่ว 'ลุงตู่' ไม่เล่นด้วย

ลุ้นกันระทึกว่าวันที่ 13 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ จะม้วนเดียวจบหรือม้วนเดียวจอด ถ้าคะแนนโหวตแตะ 376 เสียงทุกอย่างก็จบ แต่ถ้าไม่ถึงก็ต้องจอด จอดแล้วทำอย่างไรต่อ ท่านประธานรัฐสภา วันมูหะหมัดนอร์ มะทา พูดชัดว่าก็จะนัดประชุมใหม่ในวันพุธที่ 19 ก.ค. เปิดโอกาสให้เสนอชื่อ 'พิธา' ลุ้นโหวตรอบสองอีกครั้ง ถ้ารอบสองไม่ผ่านจะทำอย่างไร ท่านวันนอร์บอกต้องดูหน้างานกันอีกที แต่ท่านพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯจากพรรคเพื่อไทยบอกว่าอาจนัดประชุมต่อในวันที่ 20 ก.ค.ต่อไปเลย

ครับ ท่านสาธุชนในชั้นนี้ เอาเป็นว่าให้รับรู้แค่ว่าถ้าวันที่ 13 ก.ค.พิธาสอบไม่ผ่านก็ต้องไปลุ้นกันอีกทีวันที่ 19 ก.ค. ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ว่ามานี้หมายถึงว่าพิธาไม่มีคู่แข่งนะครับ แต่ถ้ามีคู่แข่งอาจจะชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรืออนุทิน ชาญวีรกูล แล้วบังเอิญคู่แข่งได้คะแนนถึง 376 เสียง ก็จบข่าว

หันมาสำรวจตรวจสอบคะแนนกันอีกครั้ง ก่อนจะถึงวันที่ 13 ก.ค. ตอนนี้ 8 พรรคที่หนุนคุณพิธายังผนึกแน่น 312 เสียง ขาดอีก 64 เสียง ซึ่งทั้งคุณไหม ศิริกัญญา ตันสกุล และคุณต๋อม ชัยธวัช ตุลาธน คนโตแห่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าดูจากฐานข้อมูลแล้วคะแนนสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. มีพอเพียง มั่นใจว่าจะผ่านโหวตตั้งแต่รอบแรก แต่กระนั้นก็ยังจะเดินหน้าหาคะแนนเพิ่มต่อไป

สำหรับ 'เล็ก เลียบด่วน' แอบส่องกล้องมองดูทิศทางลมของ ส.ว. แล้วต้องบอกเหมือนเดิมว่า ไม่พอครับ ไม่พอเพียงเพียงพอที่จะให้คุณพิธาถึงฝั่งฝัน นับไปนับมาตอนนี้อยู่ที่ 15 เสียงบวกลบ แต่กระนั้นก็ต้องกระซิบเบาๆ กับท่านผู้อ่านท่านผู้ฟังทุกท่านว่า คีย์แมนฝ่าย ส.ว. ที่คัดค้านคุณพิธาเพราะติดใจในหลายเรื่องนั้น พวกเขาแอบหวั่นใจลึกๆ กับปฏิบัติการล็อบบี้ ส.ว. ของกลุ่มทุนกลุ่มหนึ่งที่เดินหน้าควักอาวุธลับหลายปึกต่อคน เพื่อให้ยกมือหนุนนายกฯ จากก้าวไกลหรือเพื่อไทย นัยว่าเพื่อสกัดกั้นพรรคสีน้ำเงินแห่งรถไฟฟ้าสายสีส้ม คีย์แมน ส.ว. กลุ่มนี้ฟันธงว่าถ้าพิธาพลิกล็อกเข้าป้าย ก็คงเพราะด้วยเหตุนี้แล

โดยภาพรวม ‘เล็ก เลียบด่วน’ มองข้ามช็อตว่าเมื่อพิธาจอดไม่ต้องแจววันไหน พรรคเพื่อไทยก็ต้องสลัดทิ้งก้าวไกลเพื่อเดินหน้าประเทศไทย เพราะขณะนี้นอกจาก ส.ว. ผูกเงื่อนตายไม่เอาพิธาแล้ว ยังชูธงโต้กระแสทวนอีกว่า รัฐบาลใหม่ของใครก็ตามต้องไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมอยู่ด้วย ดังนั้นพรรคเพื่อไทยโดยต้องเจรจาต่อรองกับพรรคลุงป้อม พรรคอนุทิน ถ้าเกิด 'บิ๊กป้อม' ยื่นคำขาดขอเป็นนายกฯ แต่เพื่อไทยไม่ยอม งานช้างก็จะเกิดขึ้น การเมืองไทยก็คงดูไม่จืด

ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับการเมืองสูตรรัฐบาลอนาคอนดาที่หมายถึงกลุ่มขั้วอำนาจเดิมที่เป็น ครม. รักษาการในปัจจุบันซึ่งมีเสียงรวมกัน 180 กว่าเสียง จะเดินแผนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยโดยชิงตำแหน่งนายกฯ โดยอาศัยเสียง ส.ว. 200 กว่าเสียง ตัดหน้ากลุ่ม 8 พรรคแล้วค่อยดูดเสียงจากพรรคเพื่อไทยภายหลังนั้นต้องบอกว่าโอกาสเกิดขึ้นยากมาก เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติโดยประกาศิตจาก ‘บิ๊กตู่’ บอกว่าไม่เห็นด้วย เพราะหวั่นจะเข้าทางปืนอีกฝ่ายและเกิดความวุ่นวาย   

ดังนั้นไม่แปลกที่หากใครเข้าไปดูเพจพรรค รทสช. วันนี้ จะเห็นแบนเนอร์ประกาศจุดยืนไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อยโดยเด็ดขาด ซึ่งนับเป็นสปิริตที่น่าชื่นชมของบิ๊กตู่โดยแท้ทรู และเพราะจุดยืนนี้ของพรรคลุงตู่ทำให้ปฏิบัติการขาเชียร์ลุงป้อมที่จะให้เดินสูตรรัฐบาลอนาคอนดาเกือบปิดประตู ต้องไปคิดสูตรอื่น

ครับ!! สุดท้ายก็ขออนุญาตจบกันห้วนๆ ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ว่า การจัดตั้งรัฐบาลยังเดินหน้าไปด้วยความยุ่งยากและอาจมีความวุ่นวาย ทั้งๆ ที่ไม่ว่าหมุนไปสูตรไหน นายกฯ ก็หนีไม่พ้นคนใดคนหนึ่งใน 4 คน อุ๊งอิ๊ง เศรษฐา อนุทิน และบิ๊กป้อม ถ้าผิดจากนี้ก็ตัวใครก็ตัวใครล่ะกันค่อยมาว่ากันอีกที

ฉากทัศน์ 13 กรกฎา ตอกย้ำ 'พิธา' ไม่ผ่านด่าน 376 เสียง รัฐบาลหน้าไม่มี 'ก้าวไกล' แต่มี 'รวมไทยสร้างชาติ'

สถานการณ์การเมืองเขม็งเกรียวถึงจุดเลี้ยวโค้งสำคัญ...การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทย ซึ่งนาทีนี้แน่นอนแล้วว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 เหตุเพราะนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศวางเมืองทางการเมือง ด้วยการลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และได้ร่ำลาผ่านเพจของพรรคเรียบร้อยไปแล้ว...

บางคนบอกว่าตราบใดที่ยังเป็นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อย่าเพิ่งตัดชื่อบิ๊กตู่ออกไป แต่ 'เล็ก เลียบด่วน' ขอบอกว่าอย่าไปคิดมากขนาดนั้น ปวดหัวเปล่าๆ

'ลุงตู่' แกบอกเป็นนัยแล้วว่า...ท้องฟ้าแจ่มใส...ไม่ใช่หรือ?

เอาเป็นว่า...เรามาสรุปเหตุบ้านการเมือง และการเลือกนายกรัฐมนตรีกันดีกว่า...

>> อันเนื่องจากการประกาศวางมือการเมืองของบิ๊กตู่ โดยลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ  ไม่เพียงทำให้ตัวเลือกนายกรัฐมนตรีชัดเจนขึ้นเท่านั้น ยังทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียงเป็นตัวแปรในการจัดสูตรรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกลได้ง่ายขึ้น เพราะอย่างน้อยพรรคนี้ 'ไม่มีลุง' แล้ว  หากแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้บทบาทและรับข้อเสนอของพรรค 36 เสียงพรรคนี้ได้ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น...

>> สถานการณ์การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค.ซึ่งผลจากประชุมวิปฝ่ายต่างๆ ทำให้ทราบว่าจะลงคะแนนโหวตกันจริงๆ ก็ประมาณ 5 โมงเย็น  โดยก่อนหน้านั้นจะเป็นการอภิปรายถกเถียงกันในประเด็นต่างๆ รวมถึงการแสดงวิสัยทัศน์แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะมีเพียงผู้เดียวคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

>> ทั้งนี้การอภิปรายที่จะถกเถียงกันให้วุ่นวายแน่นอนก็คือ กฎกติกามารยาทในการโหวต ตั้งแต่การลงมติที่ฝ่ายหนึ่งต้องการให้โหวตแยกทีละสภานัยว่าเพื่อจะเอา 312 เสียงไปเกทับ 250 เสียงของส.ว. อีกฝ่ายบอกต้องคละเคล้ากันไปตามลำดับอักษรรายชื่อ จนไปถึงความพยายามของฝ่ายพรรคก้าวไกลที่คงขอสงวนสิทธิ์ในการเสนอชื่อนายพิธาเป็นครั้งที่สองหรือครั้งที่สามหากครั้งแรกไม่ผ่าน  376 เสียง ในขณะที่ฝ่ายสมาชิกวุฒิสภาหลายคนโดยเฉพาะนายเสรี สุวรรณภานนท์ ได้เงื้อข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 ไว้คัดง้างแล้ว..

เอ้า!! ดูข้อบังคับข้อที่ 41 ประดับความรู้ไว้นิด

“ญัตติใดตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นมาเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติที่ยังมิได้มีการลงมติหรือญัตติที่ประธานรัฐสภาจะอนุญาต ในเมื่อพิจารณาเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป”

ครับ...แค่เรื่องนี้ก็คงเถียงกันลั่นรัฐสภา...แต่ทั้งหลายทั้งปวงไม่มีอะไรน่าสนใจว่าในที่สุดจะมีเสียงโหวตสนับสนุนเกินจาก 311 เสียงของ 8 พรรคไปกี่เสียง มีเสียง ส.ว.สนับสนุนกี่เสียงกันแน่ เพราะข้อมูลของ 'เล็ก เลียบด่วน' มากสุดยังนิ่งอยู่ที่ 15 เสียงบวกลบ...สรุปคือพิธาสอบไม่ผ่าน...ดูอาการของแกนนำพรรคก้าวไกลก็พอจะรู้...ดูออก

>> พูดไปทำไม...สถานการณ์ตอนนี้วงในการเมืองนั้นข้ามช็อตออกแบบสูตรรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกันแล้ว...โจทย์ของพรรคเพื่อไทยตอนนี้คือ ถ้าพรรคก้าวไกลยึดคาถาเพื่อไทยไปไหนก้าวไกลไปด้วยขึ้นมาจะสลัดได้อย่างไร...เพราะทั้งพรรครัฐบาลขั้วเดิมและ ส.ว.ส่วนใหญ่นั้น นอกจากไม่โหวตให้พิธาแล้ว  ยังไม่เอาพรรคก้าวไกลด้วย...

มีการพูดกันถึงขั้นที่ว่า...สมมุติช็อตต่อๆ ไปพรรคเพื่อไทยเสนอ 'เศรษฐา ทวีสิน' เป็นนายกฯ แต่ส่วนผสมรัฐบาลมีพรรคก้าวไกลร่วมอยู่ด้วย คะแนนเศรษฐาก็จะไม่ผ่าน 376 เสียง...สุดท้ายอาจเลี่ยงไม่พ้นที่จะเปลี่ยนเป็น 'อุ๊งอิ๊ง' หรือ 'อนุทิน' หรือ 'ลุงป้อม' เป็นนายกฯ ของรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกล...

แต่มี รวมไทยสร้างชาติ !!

‘พิธา’ จอดป้าย ‘เพื่อไทย’ ไปต่อ ดีลลับ ‘ทักษิณ’ กลับบ้านแลกนายกฯ

ผลการโหวตนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ออกมาตามโผและความคาดหมายของใครต่อใคร… รวมทั้ง ‘เล็ก เลียบด่วน’ ณ คอลัมน์ ‘เลียบการเมือง’ แห่งนี้ ที่ต้องขอบอกว่าไม่ได้โม้… ได้ทำนายทายทักมานานแล้วว่า เสียงสนับสนุนจาก สมาชิกวุฒิสภาหรือ ส.ว.นั้นจะมีประมาณ 15 เสียงบวกลบ… เท่านั้น

สุดท้ายได้มา 13 เสียง เป็นท่านใดบ้าง คงไม่ต้องมาขานชื่อกันตรงนี้อีก… และพรรคก้าวไกลก็ไม่ต้องมาอธิบายความว่า ส.ว.ถูกกดดันถูกสั่งการโน่นนี่นั่นกันให้มากความ เอาเป็นว่า ส.ว.ส่วนใหญ่เขาไม่เห็นด้วย ไม่พร้อมที่จะสนับสนุนคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์และพรรคก้าวไกลให้มาบริหารประเทศ

บันทึกคะแนนโหวตเป็นทางการไว้สักนิด สมาชิกรัฐสภาลงมติโหวตทั้งสิ้น 705 คน เห็นชอบให้พิธาเป็นนายกฯ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 งดออกเสียง 199 พิธาสอบไม่ผ่าน… ด้วยคะแนนที่แม้กระทั่งคนชื่อ ‘นิด’ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยบอกว่า… ต่ำไปหน่อย

‘เล็ก เลียบด่วน’ ใคร่สรุปวิเคราะห์แบบเหลียวหลังแลหน้าเป็นข้อๆ ตามสไตล์ในสาระสำคัญของสถานการณ์ดังนี้… 

1.) ความผิดพลาดจนไปไม่ถึงฝันของพิธาและพรรคก้าวไกลมัดรวมอยู่ตรงที่นโยบายสุดโต่งที่จะทำให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม… แต่เป็นความไม่เหมือนเดิมในเชิงลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการยืนกระต่ายขาเดียวที่จะต้องแก้แบบยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งแม้ ณ นาทีก่อนโหวต ‘พิธา’ หรือสมาชิกพรรคก้าวไกลก็ไม่ยอมลดเพดานหรือถอยแม้แต่ก้าวเกียว… และต้องยอมรับว่าการอภิปรายชี้แจงของพิธาและ ส.ส.พรรคก้าวไกลไม่สามารถหักล้างคำอภิปรายเรื่องมาตรา 112 ของ ส.ส.ชาดา ไทยเศรษฐ์, ส.ว.คำนูญ สิทธิสมาน และอีกหลายคนได้

2.) พรรคเพื่อไทยเขาอ่านเกมออกตั้งแต่ปีมะโว้แล้วว่าอย่างไรสูตรรัฐบาล 8 พรรคไปไม่ตลอดรอดฝั่ง เพียงแต่เขาติดกับดักคำว่า ‘พรรคฝ่ายประชาธิปไตย’ กลัวด้อมส้มและติ่งแดงจะถล่มหากรีบตีจากก็เลยลากมาถึงวันที่ คุณหมอชลน่าน ศรีแก้ว เสนอชื่อพิธา และให้สหายศรชัย… อดิศร เพียงเกษ อภิปรายสนับสนุนสองสามคำ… เท่านั้นเอง

3.) สถานการณ์ของพิธาและก้าวไกลหนักหนาสาหัส… สมมุติแม้จะดันทุรังจนได้โหวตหนที่สองก็จะไม่ผ่านอีกแต่โอกาสจะไม่ได้โหวตรอบสองมีสูงด้วยกฎกติกามารบาทตามข้อบังคับ… ไม่แต่เท่านั้นที่ประชุมศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 19 ก.ค.อาจสั่งให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามที่ กกต.ร้องขอมาก็ได้

4.) การดิ้นรนแก้เกมด้วยการยื่นร่างแก้ไขมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.ไม่ให้มีสิทธิโหวตนายกฯ นอกจากจะไม่ทันกาลแล้ว โอกาสจะผ่านก็มีน้อยมาก แม้ ส.ว.จำนวนไม่น้อยเขาไม่ติดใจที่จะปิดสวิตช์ตัวเอง แต่ต้องไม่ลืมว่าพวกเขาไม่พร้อมปิดสวิตช์เพื่อให้พรรคก้าวไกลไปเป็นรัฐบาลแล้วแก้มาตรา 112

5.) เกมการเมืองเกือบทั้งหมดกำลังเคลื่อนไปอยู่ในมือพรรคเพื่อไทยที่ปีกหนึ่งเห็นว่าในการจัดตั้งควรจะอุ้มกระเตงพรรคก้าวไกลไปด้วย ทั้งๆ ที่รู้ว่าถ้าขืนทำแบบนั้น ส.ว.ก็จะโหวตคว่ำอีก แต่อีกปีกหนึ่งไม่เห็นด้วย… ที่สุดแล้วเพื่อไทย อาจจะยอมทำ แม้จะถูกด่า ทั้งนี้เพื่อตัวเองจะได้มีความชอบธรรมในการสลัดทิ้งพรรคก้าวไกล… แล้วผสมพันธุ์ข้ามขั้วกับพรรคฝ่ายที่ถูกเรียกว่าอนุรักษ์นิยมหรือขั้วอำนาจเดิม

6.) ประเด็นที่น่าจับตามองที่สุดก็คือ ยังมีความพยายามเจรจาต่อรองให้ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐต่อไปหรือไม่… ซึ่งประเด็นนี้ พรรคเพื่อไทย คิดหนัก เพราะเดิมพันกับคะแนนนิยมในสมัยหน้า...แต่บางกระแสกระซิบมาว่า พรรคเพื่อไทยอาจจะยอมถ้าได้ยึดคุมกระทรวงสำคัญไว้ในมือ… และที่สำคัญคือ แลกกับดีลลับเรื่องทักษิณกลับบ้านที่จะต้องเรียบร้อยสมบูรณ์

7.) สถานการณ์การชุมนุมแสดงความไม่พอใจที่พิธาพลาดหวังจะมีอย่างต่อเนื่อง กึ่งๆ แฟลชม็อบ แต่ฝ่ายความมั่นคงประเมินว่าไม่หนักหนาสาหัสหรือรุนแรงมากนัก ขณะที่บรรดา ส.ว. หรือ ส.ส.ที่มีบทบาทโดดเด่นกรณีโหวตพิธาจะได้รับผลกระทบระดับหนึ่งจากเกมล่าแม่มดของด้อมส้ม

‘เพื่อไทย’ หักดิบ!! ผสมข้ามขั้ว สลัด ‘ก้าวไกล’ จับตาแนวรบ ส.ว. ลุ้นหนัก ‘อนุทิน’ เข้าชิง

ก็ไม่เหนือความคาดหมายแต่ประการใด...ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับเรื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. กรณีพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นสื่อฯ ไอทีวี และมีมติ 7 ต่อ 2 ให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.เอาไว้ก่อนตั้งแต่ 19 ก.ค.จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย...

ไม่กี่นาทีหลังคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เป็นทางการ ‘ทิม พิธา’ ก็ประกาศอำกลางสภาฯ บอกกว่าจนกว่าจะพบกันใหม่..ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง…

และในวันเดียวกันที่ประชุมรัฐสภามีมติประเภทตอกฝาโลงพิธา ด้วยการมีมติว่าการเสนอโหวตนายกฯนั้นเป็นญัตติและเสนอชื่อซ้ำอีกไม่ได้เหตุขัดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา 2563 ข้อที่ 41 ด้วยคะแนน 394 ต่อ 312 งดออกเสียง 8 ไม่ลงคะแนน 1  

น่าสังเกตว่าคะแนน 312 ที่เห็นว่าเสนอชื่อพิธาซ้ำได้อีกนั้น น้อยกว่าคะแนนที่พิธาได้รับการโหวตเลือกเมื่อวันที่ 13 ก.ค. เพราะวันนั้นพิธาได้คะแนนสูงถึง 324 เสียง

สำหรับ ‘พิธา’ ก็ต้องฝ่าวิบากกรรมอีกหลายกรณี กรณีคดีหุ้นสื่อก็ต้องใช้เวลา 3-4 เดือนกว่าจะรู้ผลว่าจะได้กลับสภาฯ หรือต้องลาไกล

กรณีพรรคก้าวไกลนั้นนาทีนี้แม้จะยังไม่ยอมโยนผ้ายอมแพ้หรือประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน แต่เกมการเมืองเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลไปตกอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว...ทั้งพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลอยู่ในสภาพกดดันทั้งคู่

พรรคก้าวไกลนั้นความกดดันคือ...จะเดินหน้าอย่างไร จบแค่นี้อย่างมีศักดิ์ศรีหรือเดินหน้าเกาะเอวพรรคเพื่อไทยขอเป็นรัฐบาลด้วย แล้วในที่สุดจะถูกสลัดออกมา...ให้สังคมและด้อมส้มรู้สึกสงสารมากขึ้น

ส่วนพรรคเพื่อไทย...รู้ดีว่าการเสนอชื่อนายกฯ โดยมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วยนั้นเสียงโหวตไม่ผ่านแน่นอน...ดังนั้นความกดดันคือถ้าพรรคก้าวไกลไม่สลัดออก ก็อาจจะต้องยอมเสนอชื่อนายกฯ ที่ไม่หวังผลได้ หรือเสนอให้รัฐสภาโหวตทิ้งไปสักชื่อหนึ่งก่อน ซึ่งอาจจะเป็นชัยเกษม นิติสิริ

แต่สายข่าวจากพรรคเพื่อไทยรายงานล่าสุดว่าจะพยายามเสนอชื่อแรกแล้วให้ผ่านเลย...ซึ่งแน่นอนที่สุดว่าพรรคเพื่อไทยต้องผสมข้ามขั้วกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐและพรรคอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง...เพื่อบีบให้พรรคก้าวไกลถอนตัวไปโดยอัตโนมัติตั้งแต่ตอนแรก

ทั้งนี้เต็งหนึ่งนายกฯ ของเพื่อไทยตอนนี้คือ เศรษฐา ทวีสิน คนที่เพจของพรรคกำลังทยอยปล่อยคลิปโชว์กึ๋นออกมารัวๆ...แต่อย่างไรก็ตามโอกาสของ ‘เสี่ยนิด-เศรษฐา’ จะถูกปิดตายทันทีถ้าเขายังยืนกรานในจุดยืน...มีเศรษฐาต้องมีก้าวไกล

ทั้งหลายทั้งปวงต้องยอมรับว่า...การจัดตั้งรัฐบาลสูตรที่ไม่มีพรรคก้าวไกลดูเหมือนจะง่ายขึ้น แต่จริง ๆ แล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะรัฐบาลใหม่ไม่เพียงเดิมพันอนาคตบ้านเมืองเท่านั้น ในส่วนของพรรคเพื่อไทยยังแบกเดิมพันการกลับบ้านของคนแดนไกลรวมอยู่ด้วย..และปัจจัยนี้คือราคาที่พรรคเพื่อไทยต้องจ่าย...จ่ายด้วยเงื่อนไขการต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้กระทั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี...

วันที่ 27 ก.ค.รัฐสภานัดประชุมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง สภากาแฟยังไม่ตัดชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ ‘บิ๊กป้อม’ และ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ ออกจากตัวเต็งนายกฯ คนที่ 30 โดยเฉพาะ อ.อนุทิน นั้นราคาหุ้นพุ่งแรงแซงลุงป้อมไปเป็นช่วงตัวแล้ว บรรดา ส.ว.หลายสายกำลังลุ้นหนักให้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง

ทราบแล้วเปลี่ยน..!!

เปิดสูตรใหม่ 312 ผสานเสียง 9 พรรค กึ่งรัฐบาลปรองดอง เชื่อ ‘ส.ว.’ หนุนพรึ่บ

หลังจากเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 66 ที่ทั้ง 8 พรรคนำโดย ‘พรรคก้าวไกล’ ลงนามในแถลงการณ์ร่วมหรือ ‘MOU’ จนถึงวันนี้ 22 ก.ค. 66 รวมสองเดือนพอดี… ก็ต้องฟันธงว่า MOU ที่ว่า กำลังจะถูกฉีกลงในไม่กี่เพลาข้างหน้านี้… ถูกฉีกลงพร้อมกับพรรคอย่างน้อย 2 ใน 8 พรรค คือ ‘ก้าวไกล’ และ ‘ไทยสร้างไทย’ ที่จะต้องออกจากสมการ

ถ้าทวนความทวนสถานการณ์สั้น ๆ จะพบว่า...

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 66 นายเศรษฐา ทวีสิน แสดงความพร้อมมากที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และเป็นครั้งแรกที่เขาพูดเสียงดังฟังชัดว่า… การแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะ ส.ว.ไม่เล่นด้วย

จนกระทั่ง ในวันศุกร์ที่ 21 ก.ค. 66 พรรคก้าวไกลยกธงขาวเลิกเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โยนเผือกร้อนให้พรรคเพื่อไทย โดยที่ตัวเองขอลงเรือร่วมรัฐบาลต่อไป ขณะที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์รับลูก 4 ข้อ โดยมีข้อสำคัญที่แสดงความเหนือชั้นว่า ถ้าหาเสียงจาก ส.ว.ไม่พอที่จะได้รับเลือกนายกฯ จะไปขอเสียงจากพรรคการเมืองอื่นเพิ่มเติม

วันเดียวกันกับที่ประชุม 8 พรรค… แถลงที่จะเดินหน้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลต่อไป พรรคก้าวไกลขอให้พรรคเพื่อไทยไปสอบถาม ส.ว.ว่าจะให้พรรคก้าวไกลลดเพดานเรื่องมาตรา 112 แค่ไหน อย่างไร… ขณะที่คุณหมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศว่า คำตอบสุดท้าย หากดำเนินการอย่างเต็มที่แล้วยังไม่สำเร็จ อาจจะมีบางพรรคต้องออกจากสมการนี้… 

ไม่เพียงเท่านั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยยังแถลงตบท้าย… โดยมีสาระสำคัญฟังได้ว่า อยากให้พรรคก้าวไกล ‘เสียสละ’

เป็นอย่างไรบ้างครับ ท่านผู้อ่านคุณผู้ฟัง มันชัดยิ่งกว่าชัดว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ไปด้วยกันลำบากแล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่มีใครกล้าเอ่ยปากบอกเลิก เลยต้องลากลู่ถูกังกันไป เหมือนคู่รักหนุ่มสาวที่ไปด้วยกันไม่ได้แล้ว แต่อยากให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อนเท่านั้นแหละ

อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ก็ถึงจุดแยกทาง บนทาง 3 แพร่ง เหมือนที่นายสุทิน คลังแสง ขุนพลพรรคเพื่อไทยบอกกับบางสำนักนั่นแหละว่า… จำเป็นต้องตัดพรรคก้าวไกลออก เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ แบบว่า ‘เจ็บแต่จบ’ และพยายามจบให้ได้ภายในวันที่ 27 ก.ค.นี้

สายข่าวเปิดเผยกับ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ว่า นาทีนี้สูตรรัฐบาลใหม่มีทั้งหมด 9 พรรค รวมกันได้ 312 เสียง โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย

- พรรคเพื่อไทย 141 เสียง
- พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง
- พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง
- พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง
- พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง
- พรรคประชาชาติ 9 เสียง
- พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง
- พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง
- พรรคเสรีรวมไทย 1 

ส่วนผสมนี้ มีความเป็นไปได้มากที่สุด เป็นการผสมข้ามขั้ว ทุกพรรคไม่มีใครแตะต้องข้องแวะมาตรา 112 เป็นกึ่งๆ รัฐบาลปรองดอง สูตรนี้รับประกันซ่อมฟรีว่า ส.ว.หนุนพรึ่บ อย่างน้อย 200 เสียง เพราะมีทั้งพรรคลุงป้อมและพรรคลุงตู่ผสมอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าวันนี้ลุงตู่จะวางมือแล้ว และบางกระแสระบุว่าลุงป้อมเองอาจไม่รับตำแหน่งใด ๆ อีกก็ตาม

ทั้งนี้ เหตุที่ยังไม่นับพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในสูตรผสม เพราะหากในวันที่ 6 ส.ค. 66 หัวหน้าพรรคคนใหม่เป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์ก็คงไม่เข้าร่วมรัฐบาล

แต่ก็นั่นแหละ สูตรนี้เกิดขึ้นวันไหน พรรคเพื่อไทยก็ต้องยอมเจ็บแต่จบเพื่อชาติ เพราะม็อบด้อมส้มคงจะพรึ่บหน้าพรรคเพื่อไทยหรือหน้ารัฐสภา

อย่างไรก็ตาม สายข่าวรายงานว่า หากพรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในวันที่ 27 ก.ค.นี้ ที่ประธานรัฐสภานัดประชุมไว้ ก็อาจจะประสานงานให้เลื่อนไปเป็นสัปดาห์ต่อไป ราว ๆ วันที่ 2 หรือ 3 ส.ค.

ซึ่งเมื่อได้ตัวนายกฯ คนใหม่แล้ว ก็เดินหน้าฟอร์มรัฐบาล...

ขณะที่ราว ๆ กลางเดือน ส.ค. เขาปิดกันให้แซ่ดว่า… ได้เวลา ‘คนแดนไกล’ จะเดินทางกลับบ้าน!!

จบดีลลับ 10 ส.ค.ทักษิณกลับบ้าน เดินหน้ารัฐบาลปรองดอง ‘ก้าวไกล’ วืด!!

วันนี้ 26 ก.ค...วันคล้ายวันเกิดของอดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23  ของประเทศไทย...อายุครบ 74 ปีเต็ม ‘เล็ก เลียบด่วน’ ในฐานะรุ่นน้องอายุน้อยกว่าก็ขออนุญาต “แฮปปี้ เบิร์ธเดย์” กับคุณโทนี่ วู้ดซั่ม หรือ ทักษิณ ชินวัตร ด้วยคน...ส่วนเกร็ดประวัติผู้ชายคนนี้เป็นอย่างไร เห็นแว่บๆ THE STATES TIMES ได้รีวิวไปแล้ว...

แต่ที่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ จะขอแจมเรื่องคุณทักษิณในวันนี้ก็มีเพียงว่า อันเนื่องจากเกมการจัดตั้งรัฐบาลที่เผือกร้อนมาตกอยู่ในมือพรรคเพื่อไทยตั้งแต่วันที่ 21ก.ค.นั้นมีทีท่าว่าบรรดาแม่ทัพนายกองของพรรคจะเอาไม่อยู่ บริหารจัดการไม่ดีนาทีทองโอกาสทองอาจจะล่มสลายหายวับไปกับตาก็ได้...

ดังนั้นไม่แปลกที่วันเกิดปีนี้ ทักษิณ ชินวัตร จึงเดินทางมาปักหลักอยู่ที่ฮ่องกง ฝั่งเกาลูน...และภาพลับทางการเมืองก็ค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมาผ่านสื่อสำนักต่างๆ เช่นภาพของ ประภัตร โพธสุธน จากพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นต้น...ทั้งนี้ทั้งนั้นสายข่าวกระซิบว่าปีนี้ทักษิณค่อนข้างจำกัดวง เน้นหนักไปที่การต้อนรับขับสู้กลุ่มขั้วอำนาจเดิม..หรือตัวแทนพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลรักษาการอยู่ในขณะนี้...

ขณะที่มีกระแสข่าวเล่าลือว่า แม้แต่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แห่งคณะก้าวหน้า ผู้มีบารมีเหนือพรรคก้าวไกล ก็ดอดไปพบเช่นเดียวกัน พร้อมๆ กับการคาดหมายว่า...ธนาธร พยายามเดินเกมให้พรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลเป็นข้าวต้มมัด รักษาแนวรบฝ่ายประชาธิปไตย...ขณะที่อีกฝ่ายไม่ได้คิดเช่นนั้น...เพราะเดิมพันของเพื่อไทยและทักษิณในนาทีนี้ มีสองเรื่องสำคัญคือ..

เรื่องแรก จัดตั้งรัฐบาลกึ่งสมานฉันท์ ‘เหลือง-แดง’...มีนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย หรือหากผิดแผนก็จะไหลไปสู่แผน บีหรือแผนสอง ยอมยกเก้าอี้ให้ที่ อ.อนุทิน ชาญวีรกูล

เรื่องที่สอง เดือน ส.ค. ช่วงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทักษิณจะกลับบ้าน...เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม...ล่าสุดขณะปั่นต้นฉบับนี้ได้ยินว่าคุณอุ๊งอิ๊ง บุตรสาวยืนยันแล้วว่าคุณพ่อจะใช้ฤกษ์วันที่ 10 ส.ค. เดินทางกลับบ้าน...

ดังนั้นใครที่เสนอสูตรลากยาวประเทศไป 10 เดือน เพื่อรอให้สมาชิกวุฒิสภาชุดนี้หมดวาระ ไม่มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกฯแล้วนั้นเป็นสูตรที่ฝันเพ้อ...เพ้อฝัน เพราะปฏิบัติการจัดตั้งรัฐบาลกำลังจะจบลงแล้วในอีกไม่กี่วันนี้...ทั้งนี้สูตรรัฐบาลใหม่ไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในสมการ แม้จะมีกระแสข่าวว่าพรรคก้าวไกลจะยอมลดเพดานเรื่อง มาตรา 112 ลงแล้วก็ตาม...

สรุปรวมความว่า...ไทม์ไลน์หรือปฏิทินทางการเมืองที่ถูกทอดยาวออกไป พรรคเพื่อไทยล้มเลิกการประชุม 8 พรรคเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างเหตุว่าเพราะยังไม่มีอะไรคืบหน้าก็เป็นการส่งสัญญาณว่า...MOUของ8พรรคเมื่อวันที่ 22พ.ค.นั้นไร้ความหมาย..แทบจะไม่มีค่าใดๆ แล้ว...สูตรรัฐบาลใหม่  MOUฉบับใหม่ กำลังร่างกันที่เกาลูน-ฮ่องกง...

ส่วนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โน่น...แถวๆ วันที่ 9-16 ส.ค. โหวตรอบหน้าคงไม่มีอะไรทำให้เกิดเหตุสะดุดอีกแล้ว แต่อาจจะมีม็อบต่อต้านบ้างเป็นหย่อมๆ ด้อมส้มประปราย...

อ้อ!! ส่วนกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความมติรัฐสภาเมื่อวันที่ 19ก.ค.กรณีการโหวตนายกฯ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ‘เล็ก  เลียบด่วน’ นั่งทางในดูแล้วไม่มีอะไรในกอไผ่...ศาลท่านน่าจะไม่รับไว้พิจารณา  เพราะไม่อยู่ในเขตอำนาจ หรือถ้ารับไว้พิจารณาในที่สุดก็จะยก

วันนี้ขอจบแบบดื้อๆ ตามนี้นะครับ..ขอไปเช็คโผ รมต.-ครม.ที่ฮ่องกงต่อหน่อย...วันเสาร์จะมาเล่าให้ฟัง

‘เศรษฐา’ วืดนายกฯ ถ้าไม่ยอมเจ็บ พรรคส้มป่วน ‘ไพร่หมื่นล้าน’ ก้าวพลาด!!

ช่วงวันหยุดยาว ‘เล็ก เลียบด่วน’ ใคร่สรุปสถานการณ์ ด้วยการหมายเหตุสถานการณ์น่าสนใจเพียง 3 เรื่องก็พอจะเห็นภาพใหญ่ทางการเมืองเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลและเรื่องที่เกี่ยวเนื่อง ตามมาครับ...

เรื่องแรก – กรณีการเดินทางของไพร่หมื่นล้าน อดีตหัวหน้าพรรคไปพบ ‘คนแดนไกล’ ที่ฮ่องกง เมื่อ 24-25 ก.ค.ที่ผ่านมา สื่อมวลชนงัดหลักฐานเที่ยวบินชัดเจน พร้อมรายงานผลการเจรจาว่าไพร่หมื่นล้าน ผู้นำทางจิตวิญญาณเจรจาสูตรรัฐบาลว่า… พรรคสอง ก. หรือ ก้าวไกลยอมถอยเป็นฝ่ายค้านและจะโหวตให้พรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ แต่มีเงื่อนไขว่าเพื่อไทยต้องไม่เอาพรรคสองลุง เข้าร่วมรัฐบาล…

งานนี้ถูก ส.ว.ตัวตึง ‘สมชาย แสวงการ’ ออกมาดักคอว่าเป็นสูตร ‘ซ่อนปมซ่อนเงื่อน’ วางแผนให้พรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาลในภายหลัง...

ประการสำคัญยิ่ง งานนี้ผู้นำทางจิตวิญญาณเสียหายชนิดประเมินค่ามิได้ เพราะบรรดานักวิชาการ ปัญญาชน ชนชั้นกลาง รวมทั้งมวลมหาประชาชาวด้อมส้มที่ศรัทธาอุดมการณ์พรรคก้าวไกลเห็นว่าวิธีการดังกล่าวเป็นการเมืองแบบเดิมๆ ดังนั้นขอให้ชายชื่อ ‘ธนาธร’ แถลงด่วนว่าอะไรเป็นอะไร...

เรื่องที่สอง – วันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดการรัฐประหารเงียบในการประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ ‘บิ๊กป้อม’ ขอลาออกจากหัวหน้าพรรค ณ เวลา 08.30 น.ทำให้กรรมการบริหารพรรคชุดเก่าสิ้นสภาพ ต้องล้างไพ่เลือกกันใหม่ได้ ‘บิ๊กป้อม’ เป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม แต่เลขาธิการพรรคเปลี่ยนจาก ‘สันติ พร้อมพัฒน์’ เป็น ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ ...ไม่แต่เท่านั้นหัวหน้าพรรคป้อมมีคำสั่งทันทีแต่งตั้งน้องชาย ‘พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ’ หรือ ‘บิ๊กป๊อด’ เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค

เป็นที่รู้กันว่าสำหรับ ‘บิ๊กป๊อด’ อดีต ผบ.ตร.คนดังนั้นเป็น มาสเตอร์ไมด์ ในพรรคพลังประชารัฐมาโดยตลอด งานนี้เปิดตัวมาอยู่เบื้องหน้า เท่ากับว่าพรรคนี้มี ‘พัชรวาท-ธรรมนัส’ เป็นเพลย์เมกเกอร์ เปิดซุปเปอร์ดีลกับพรรคเพื่อไทย… ถึงขนาดมีข่าวลือลอยลมล่วงหน้าว่ามานานแล้วว่า บิ๊กป๊อดขอนั่งมหาดไทย ผู้กองขอคุมเกษตรฯ…

เรื่องที่สาม – เรื่องการกลับบ้านของทักษิณ ชินวัตร ที่ฮือฮากันไม่เสร็จก็คือ ทันทีที่จอมแฉ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ โพสต์เฟซบุ๊กว่า “เกมพลิก ทักษิณถอย ยกเลิกกลับไทย สถานการณ์เปลี่ยน” ไม่กี่นาทีหลังเพจกรรมการข่าวเอาไปโพสต์ต่อ… ปรากฏว่า ‘อุ๊งอิ๊ง’ ลูกสาวนายห้างโพสต์สวนทันทีว่า “เพ้อเจ้อ” ซึ่งถ้าแปลความตามนี้ก็หมายถึงว่า คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ยืนยันว่าวันที่ 10 ส.ค.นี้ คุณพ่อทักษิณกลับบ้านแน่…

และนั่นก็ต้อง… ขยายความกันต่อว่าดีลการเมืองเกมใหญ่ก็ยังไม่พลิกไปจากเดิมคือ เพื่อไทยเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล โดยเอาพรรคก้าวไกลออกจากสมการ กำหนดวันโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 4 ส.ค.นี้

การเมืองในช่วงวันหยุดยาวนี้คือ การเจรจาหาความลงตัว… โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจทย์ที่ไพร่หมื่นล้านตั้งไว้ว่าต้อง ‘ไม่มีสองลุง’ ถึงแม้จะฟังดูเพ้อเจ้ออยู่บ้าง แต่ก็ทำเอาพรรคเพื่อไทยปวดหัวอยู่ไม่น้อย เพราะหากเศรษฐา ทวีสิน จะเป็นนายกฯ ต้องกลืนคำพูดที่ว่าไม่เอาพรรคสองลุงของตัวเอง… ต้องยอมเจ็บแต่จบ… แต่ถ้างอแงมากๆ หวยนายกฯ คนที่ 30 อาจจะพลิกไปออกที่ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’

สรุปสูตรข้ามขั้ว… ไม่มีก้าวไกล แต่มีพรรคภูมิใจไทยและขั้วเดิมไปเติมแทนยังเป็นทิศทางหลัก… และเป็นไปได้โดยที่พรรคเพื่อไทยต้องยอมเจ็บ ไม่ป๊อดมาก แต่ขณะเดียวกันพรรคสองลุงก็ต้องลดการต่อรองหรือต้องสร้างสภาพเงื่อนไขให้การเมืองเดินหน้าไปได้… ไม่อย่างนั้น อาจทำให้มวลมหาประชาชาวด้อมส้มอันบางเบามีลูกฮึดขึ้นมา… ขอบอก!!

ได้เวลานับหนึ่งรัฐบาลข้ามขั้ว 'ไม่แตะ 112' หมากบังคับต้องมีลุง...ลุ้น 4 ส.ค.จบหรือเลื่อน?

ยังไม่ฟังคำแถลงโดยละเอียด แต่อ่านแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยก็ชัดเจนว่า ได้บอกเลิกพรรคก้าวไกลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหตุเพราะพรรคการเมืองส่วนใหญ่ และ สว.ส่วนมากที่พรรคเพื่อไทยไปพูดคุย 'ไม่เอาพรรคก้าวไกล' เหตุผลหลักก็เรื่องมาตรา 112 นั่นแหละ...

สรุปว่า ณ วันที่ 2 ส.ค.66 (เพื่อไทย-ก้าวไกล) สิ้นสุดทางเลื่อน...เลื่อนต่อไปไม่ได้แล้ว พรรคเพื่อไทยต้องไปต่อ ร่วมจัดตั้งพรรครัฐบาลโดยสูตร 'ผสมข้ามขั้ว' แต่จะมีพรรคลุง...หรือไม่มีพรรคลุง หรือเป็นไปตามสูตรดีลลับฮ่องกง 'ไม่มีก้าวไกล ไม่มีลุง' ที่ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกลบินไปพูดคุยกับคนแดนไกล เมื่อ 24-25 ก.ค.66 ดังที่ 'เล็ก เลียบด่วน' ได้รายงานไปเมื่อ 4-5 วันก่อน...หรือไม่? ต้องรอการแถลงอีกครั้งจากพรรคเพื่อไทยพรุ่งนี้

แต่ดูตามสถานการณ์แล้ว...อุตส่าห์หาญกล้าฝ่าข้ามเรื่องมาตรา 112 มาได้ จะด้วยเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม พรรคเพื่อไทยก็คงไม่โง่พอที่จะไปติดกับดักกับวาทกรรม...มีเราไม่มีลุง…เพราะถ้าไม่เอาลุงเลยเสียงสนับสนุนจะหายไปถึง 76 เสียง...คือ พลังประชารัฐ 40 รวมไทยสร้างชาติ 36 ในขณะที่พอสลัดก้าวไกลออกไป เสียงจะหายไปมากถึง 151 เสียง

ดังนั้นนาทีนี้ในเชิงคณิตศาสตร์การเมือง เมื่อสลัดก้าวไกลออกไป อีก 2 พรรคที่น่าจะติดตามไปด้วยก็คือ ไทยสร้างไทย 6 เสียง / เป็นธรรม 1 เสียง รวม 3 พรรค 157 เสียง และตัวเลขที่จะเหลืออยู่ในมือเพื่อไทยจะมีแค่ 154 เสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องหาเพิ่มอีกจำนวนมาก เพื่อให้ได้ 375 ผ่านโหวตนายกฯ  และมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎรเพียงพอที่จะบริหารประเทศไปได้...

เป็นงานหิน...โดยแท้!!

- ต้องหาเสียงทั้ง สว.และ สส.อีก 211 เสียง เพื่อโหวตผ่านนายกฯ
- ต้องหาเสียง สส.อีกอย่างน้อย 100 เสียงเพื่อให้เสียงในสภาล่างเกิน 250 พอประคองตัวไปได้ไม่กี่วัน - แต่หากจะให้มีเสถียรภาพต้องหา สส.เพิ่ม อีก 150 เสียง..

เบื้องหน้าที่พอมองเห็น ภูมิใจไทย 71 / ชาติไทยพัฒนา 10 / ชาติพัฒนากล้า 2 / พรรคเล็ก 4 รวมได้แค่ 87 เสียง...ซึ่งพอรวมกับเสียงในมือเพื่อไทย 154 ก็ได้เพียง 241 เสียงเท่านั้น...เช่นนี้แล้วพรรคเพื่อไทยหนีไม่พ้นจะต้องใช้บริการพรรคลุง...จะทั้ง 'สองลุง' หรือ 'ลุงเดียว' ก็ว่ากันไป...ซึ่งดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้แถลงปิดทางพรรคลุงแต่อย่างใด

ก็ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยสำหรับการจัดสูตรผสม...วันที่ 2 และ 3 ส.ค.ทุกอย่างจะต้องลงตัวคร่าวๆ เพื่อให้วันที่ 4 ส.ค.ม้วนเดียว...เจ็บแต่จบ...ดังที่ 'เล็ก เลียบด่วน' ได้เคยกล่าวเอาไว้...

ส่งท้ายวันนี้...ทั้งหลายทั้งปวง...ต้องไม่ลืมสาระสำคัญที่พรรคเพื่อไทยแถลงไว้ อย่างน้อย 3 ประการคือ..

ประแรกแรก – แยกทางกับพรรคก้าวไกล 

ประการที่สอง – พรรคเพื่อไทยยืนยันรัฐบาลใหม่ไม่แก้ไขมาตรา 112

ประการที่สาม – จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ-การเมืองที่สำคัญๆ จะดำเนินการตั้ง สสร.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วยุบสภาคืนอำนาจประชาชน

ก็ถือว่ามีความชัดเจนในระดับที่น่าจะรับกันได้เป็นการทั่วไป...อาจจะติดใจเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กันบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองไม่น้อย ก็อยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ  เพียงแต่ดีกรีอาจจะไม่เข้มข้นเท่ากับ 'พรรคเพื่อไทย-พรรคก้าวไกล'

ก็สรุปได้ตามนี้ครับ...ถ้าวันที่ 3 ส.ค.ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับเรื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีญัตติซ้ำโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค.การโหวตนายกฯ ก็คงเดินหน้าไปได้...

อ้อ!! แว่วๆ ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมตำรวจจากต่างจังหวัดเข้ามาเสริมกำลังเผื่อเหลือเผื่อขาด เพื่อความไม่ประมาทเอาไว้แล้วด้วย ทุกอย่างน่าจะจบ

เพียงแต่สายข่าวแจ้งมาเมื่อตะกี้ว่า ฝั่ง สว.มีเงื่อนไขสำคัญว่าวันที่ 3 ส.ค.นี้พรรคเพื่อไทยต้องจูงมือพรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่มาแถลงให้เห็นตัวเป็นๆ

ไม่งั้นมีโอกาส...เลื่อนกันต่อ!!

‘เศรษฐา’ ร่อแร่!! ‘ชัยเกษม’ วอร์มอัป!! จับตาเกมไหล ‘อนุทิน’ แหกโค้งเข้าป้าย

‘เล็ก เลียบด่วน’ แห่ง ‘เลียบการเมือง’ มาตามกำหนดครับ… ทุกวันพุธและเสาร์… ไม่มีการเลื่อน… หนำซ้ำท่านบรรณาธิการบอกห้ามเบี้ยวอีกต่างหาก… อ้าว!! จัดปายยย… 

เมื่อวันศุกร์ที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา หากไม่มีการเลื่อนวาระการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีออกไป… ป่านนี้คงได้รู้กันไปแล้ว ว่าคนชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ จะได้สักกี่คะแนน จะถึง 375 พอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่… 

แต่ข่าวของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ยืนยันนอนยันและตีลังกายันมาว่า… ไม่ผ่าน!!

ไม่ผ่านด้วยเหตุผลหลัก 3-4 ประการ… 

ประการแรก – พรรคเพื่อไทยไม่สะเด็ดน้ำเรื่องโครงสร้างพรรคร่วมรัฐบาล

ประการที่สอง – จุดยืนเรื่องไม่แตะมาตรา 112 ตามแถลงการณ์ของพรรคนั้นพอฟังได้ แต่ยังกำกวมอยู่บ้าง ยิ่งไปพ่วงเอาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การปฏิรูปกองทัพ โน่น นี่ นั่น คล้ายๆ นโยบายพรรคก้าวไกลเข้ามาอีก ทำให้คุณพี่ สว.หลายท่านละล้าละลัง

ประการที่สาม – เรื่องความโปร่งใสธรรมาภิบาลด้านธุรกิจของคุณเศรษฐา ที่ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์’ แฉรัวๆ ก็มีผลไม่น้อย และ… 

ประการที่สี่ – สว.ส่วนหนึ่งกลัวว่าเพื่อไทยแอบเล่นละคร ‘ลับ ลวง พราง’ กับพรรคก้าวไกล… สว.บางกลุ่มถึงขนาดเล็งเป้าตอนโหวตว่า ในจำนวนสมาชิกรัฐสภา 10 ชื่อแรก ที่มี สส.ก้าวไกล 4 คน คือ ลำดับ 1 นางสาวกมลทรรศน์ กิตติสุนทร, ลำดับ 7 นายกรุณพล เทียนสุวรรณ, ลำดับ 8 นายกฤช ศิลปะชัย และ ลำดับ 10 นางสาวกฤษฎ์ ชีวะธรรมานนท์… หาก 4 คนนี้โหวต ‘เห็นชอบ’ นายเศรษฐา… พวกเขาจะโหวตสวน หรือ งดออกเสียงทันที

นั่น… เขาตั้งป้อมปฏิเสธพรรคก้าวไกล แต่กระทบถึงพรรคเพื่อไทยกันถึงขนาดนั้น!!

ถึงตอนนี้คำถามมีอยู่ว่า… หลังวันที่ 16 ส.ค.หากพ้นผ่านศาลรัฐธรรมนูญต้องโหวตนายกฯ กันต่อ... ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ยังจะเป็นนายกฯตัวจริงของพรรคเพื่อไทยหรือไม่… ตอบได้เพียงว่าในห้วงสี่ซ้าห้าวันนี้พรรคเพื่อไทยก็คงจะผลักดันต่อ… ดูกระแสสังคม ดูกระแสลมและพายุคลั่งจากชูวิทย์… ถ้าดูแล้ว ‘เสี่ยนิด ณ แสนสิริ’ ไปไม่ไหว ก็คงต้องหันไปใช้บริการชายชื่อ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ แคนดิเดตคนที่สามของพรรค… 

ทราบว่าตอนนี้อาการด้านสุขภาพของชัยเกษมทำท่ากลับมาฟิตปั๋งอีกครั้ง… ปูมประวัตินอกเหนือจากถูกครหาเรื่องช่วยเหลือเอื้ออวยให้ทักษิณตอนเป็นอัยการสูงสุดแล้ว นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรเสียหายมากนัก… แต่ถ้าจะให้แน่ก็ต้องรอวันที่ถูกพรรคประกาศว่าจะเสนอชื่อโน่นแหละ รับรองว่าลำไส้กี่ขดต่อกี่ขดถูกสาวออกมาให้เห็นจนหมดสิ้นแน่… 

ว่ากันว่ากรณีของพรรคเพื่อไทย หากยังเก้ๆ กังๆ ผสมข้ามขั้ว แต่ยังท่องคาถา “มีเราไม่มีลุง” รับรองว่า… เกมจะไหลไปสู่พรรคที่สามอย่างพรรคภูมิใจไทย… ซึ่ง ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็ใช่คนอื่นคนไกล เป็นอดีตศิษย์เก่า ได้ดิบได้ดีมาก็เพราะพรรคเพื่อไทยเมื่อครั้งเป็นพรรคพลังประชาชน… ถ้าพรรคเพื่อไทยไปต่อไม่ได้… ก็คงไม่เป็นอย่างอื่น… นายกฯ คนที่ 30 จะจอดป้ายที่ชายชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล ตามที่แม่หมอสมัครเล่น… ฟองสนาน จามรจันทร์ พยากรณ์ยืนยันมาแล้วหลายเพลา… และบรรดาเหล่า สว.เองก็แอบเชียร์อนุทินอยู่ครึ่งค่อนวุฒิสภา

ส่วนโอกาสของ ‘ลุงป้อม – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้น ฐานเสียง สว.เหลืออยู่ในระดับ 50 เสียงเท่านั้น หากยังดำรงจุดมุ่งหมายที่จะเป็นายกฯ ให้ได้ ก็ต้องไปเจรจาล็อกคอพรรคเพื่อไทยมาให้ได้เป็นลำดับแรก…

ครับ!! ว่ากันอย่างถึงที่สุด… ทุกอย่างยังไม่ง่าย… โอกาส ‘เศรษฐา’ มีน้อยลง เริ่มน้อยกว่า ‘ชัยเกษม’ ที่เริ่มถูกพูดถึง ขณะที่ ‘อนุทิน’ ปัจจัยชี้ขาดอยู่ที่ความกล้า ในจังหวะที่ดวงดาวเป็นใจ เรียกว่ามีโอกาสมาก ส่วนลุงป้อมโอกาสน้อยกว่าอนุทินหลายเท่า…

ปล. กรณีทักษิณเลื่อนการกลับบ้านจากกำหนดเดิม 10 ส.ค. ออกไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ อ้างว่าหมอขอตรวจร่างกายนั้น… เป็นใบเสร็จยืนยันว่าทักษิณรอความชัดเจนว่า นายกฯ คนที่ 30 เป็นของพรรคเพื่อไทยหรือไม่?... ถ้าไม่ใช่ อาจต้องเลื่อนต่อไปและต่อไป… รอจนกว่าจะถึงช่วงปลอดภัยปลอดโปร่งตามคำทำนายของแม่หมอฟองสนาน คือ หลัง เม.ย. 2567

แต่ถ้าให้ดีกว่านั้นอีกคือ ช่วง พ.ค.2568 - พ.ค.2569

เลื่อนไหวไหม… โทนี่

เผยไต๋!! หงายไพ่ 'มีเรา-ไม่เอาลุง' แต่เอางูเห่า ฟาก สว.ปักธง!! คงค้านแคนดิเดต 'เศรษฐา'

"...การแก้ที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ ต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกคน เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็นวาระประเทศ ที่สำคัญอย่างสูงสุด..."

ครับ...นั่นเป็นหนึ่งในย่อหน้าสำคัญของการแถลงข่าวการจัดรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเมื่อบ่ายวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีพรรคประชาชาติและอีก 5 พรรคเล็ก (พรรคชาติพัฒนากล้า, พรรคเพื่อไทรวมพลัง, พรรคพลังสังคมใหม่, พรรคเสรีรวมไทย และ พรรคท้องที่ไทย) มารวมแถลงข่าวด้วย...และวันที่ 10 ส.ค.ก็จะเป็นคิวของพรรคชาติไทยพัฒนา มาร่วมแถลง

หมอชลน่าน ศรีแก้ว และภูมิธรรม เวชยชัย สองแม่ทัพใหญ่ของเพื่อไทยยืนยันว่า ขณะนี้เมื่อรวมเสียงพรรคและกลุ่มต่าง ๆ ที่จะสลายขั้วมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเกิน 250 เสียงแล้ว...โดยแคนดิเดตนายกรัฐมนตรียังจะเป็น 'เศรษฐา ทวีสิน' เหมือนเดิม

'เล็ก เลียบด่วน' ดูภาษากายของ 'หมอชลน่าน' และ 'อ้วน ภูมิธรรม' แล้ว รอบนี้ดูจะมีความมั่นอกมั่นใจในการชูคำขวัญกับการเดินหน้าว่า...นี่คือการสลายขั้ว ในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษท่ามกลาง 3 วิกฤต...คือวิกฤตเศรษฐกิจ, วิกฤตรัฐธรรมนูญ และวิกฤตความขัดแย้งแบ่งสี แบ่งขั้ว...

จริง ๆ แล้ว แค่เพื่อไทยไปทาบทามเจรจาพรรครวมไทยสร้างชาติที่ 'ลุงตู่' วางมือไปแล้วสักพรรค แล้วซุ่มเจรจากับมุ้งใหญ่ในประชาธิปัตย์ หรือพลังประชารัฐ คณิตศาสตร์การเมืองก็จบ แถมได้เสียง สว.สายลุงตู่หนุนพรึ่บ...จบข่าว!!

แต่กลับไม่ทำ...ทำไม?

'เล็ก เลียบด่วน' ตรวจสอบข่าวข้างเคียงแล้วพบว่า งานนี้ สส.พรรคเพื่อไทยจำนวนมากยังติดใจคำว่า 'พรรคลุง' อ้างว่าชาวบ้านในพื้นที่ไม่เห็นด้วย รอบหน้าหาเสียงลำบาก

แต่ในความจริง 'สมการ' การเมือง หากเพื่อไทยไม่ได้เอาเสียงจากพรรคลุงมาร่วม การจัดตั้งรัฐบาลก็เดินหน้าไม่ได้ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงเดินหน้าดีลลับ...ดึงซุ้มใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติไปร่วมรัฐบาลเพื่อไทย...

อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าปฏิบัติดีลลับดึงงูเห่าจากสองพรรคหรือสามพรรครวมทั้งประชาธิปัตย์ด้วยนั้น สุ่มเสี่ยงเป็นยิ่งนัก...

ประการแรก - แน่ใจไหมว่าพรรคภูมิใจไทยจะเออออห่อหมกหรือไม่กับสูตรดึงงูเห่า

ประการที่สอง - ปัญหากรณีงูเห่าก็ไม่แน่ใจว่า สว.จะเห็นด้วยหรือไม่...รวมทั้งกรณีที่เพื่อไทยน้อมใจน้อมกายไปขอคะแนนจากพรรคก้าวไกล ทำให้เกิดความระแวงว่าในอนาคตสองพรรคนี้จะหันมาจูบปากคืนดี ก่อกรรมทำเข็ญให้กับบ้านเมืองหรือไม่...ขณะที่มีกระแสข่าวอื้ออึงว่ามีการใช้ยุทธปัจจัยกันหลายกิโลขีดเพื่อขอความเห็นใจจาก สว.

ประการที่สาม - แม้ฝั่ง สว.จะเบาใจเรื่องไม่แตะต้องสถาบัน ไม่แตะต้องมาตรา 112 แล้วก็ตาม...แต่กรณีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ยังชื่อ เศรษฐา ทวีสิน นั้น สว.จำนวนไม่น้อยยังติดใจในปัญหาจริยธรรม-ธรรมาภิบาล เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) นั้นบัญญัติชัดเจนว่าต้องมีคุณสมบัติ… ‘มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์’...สว.บางส่วนยังติดใจเรื่องการเสียภาษีและสะพานข้ามคลองอันอื้อฉาวของบริษัทแสนสิริ...และรอขออภิปรายซักถาม..!!

คาดหมายกันว่าคะแนนของ เศรษฐา ทวีสิน จะสูงกว่า 324 คะแนนของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.อยู่หลายขุม แต่ซาวเสียง สว. ณ วันนี้ดูแล้ว ส่วนใหญ่บอกว่ายังไม่ผ่าน 375 เสียง และนั่นเองที่เป็นเหตุให้พรรคเพื่อไทยอยากได้เสียงจากก้าวไกลซักจำนวนหนึ่ง...แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้าเป็นจริงแค่ได้ยินชื่อ สส.พรรคก้าวไกล ชื่ออักษร ก.ไก่ 4 คนใน 10 ชื่อแรกสมาชิกรัฐสภา...ก็คงทำให้ สว.ชักมือกลับกันหลายคน...

ก็ติดตามกันต่อไปครับ...อีกหลายวัน วันที่ 16 ส.ค. ต้องลุ้นศาลรัฐธรรมนูญกันก่อนว่าศาลจะรับไม่รับเรื่องจากผู้ตรวจไว้พิจารณาหรือไม่...

มีเวลาเหลือเฟือที่จะลากลู่ถูกังกันไปเพื่อสลายขั้ว...ลากกันไปจนขั้วสลาย...ดีไม่ดีสูตรพรรคอันดับ 2 อาจสลาย ไปสู่พรรคอันดับ 3...

อย่ามองข้ามความปลอดภัย!!


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top