Tuesday, 30 April 2024
เลียบการเมือง

ขุดปมลับล้างใจ ‘เฉลิมชัย-อภิสิทธิ์’ พร้อมจับตาลูกฮึดบ้านใหญ่กู้ซาก ปชป.

สัปดาห์ที่ผ่านมา ลาท่าน บก.ไปทำภารกิจส่วนตัวเสียหลายวัน ไม่ได้ขยับต้นฉบับเลย ขณะที่เหตุบ้านการเมืองก็เปลี่ยนไปเร็ว และบางกรณีก็คาดไม่ถึง เช่นกรณี ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ นอกจากขอถอนตัวจากการลงแข่งขันชิงหัวหน้าพรรคแล้ว ยังประกาศลาออกจากสมาชิกพรรคกลางวงประชุม 9 ธ.ค.2566 อีกต่างหาก…เซอร์ไพรส์!!

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แวะจอดป้ายเรื่องประชาธิปัตย์ซะเลย...พูดไปก็ต้องบอกว่ามีดรามาเล็ก ๆ ตอนที่ ‘อภิสิทธิ์’ ท้า ‘เฉลิมชัย ศรีอ่อน’ คุยกันตัวต่อตัว...ที่ประชุมต้องพักกว่า 10 นาทีให้อดีต ‘คอหอยกับลูกกระเดือก’ เมื่อครั้งอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้า เฉลิมชัยเป็นเลขาพรรค ปี 2556 โน่น…

ไปคุยกันเสร็จแล้ว อภิสิทธิ์ก็มาประกาศถอนตัวจากการถูกเสนอชื่อแข่งขันชิงหัวหน้าพรรค พร้อมลาออกจากสมาชิกพรรค โดยบอกว่าทั้งสองเรื่องมาจากเหตุผลเดียวกัน....ซึ่งถ้าใครที่ดูไลฟ์สดหรือดูเทปการประชุมก็จะได้ยินเต็มสองรูหูว่า..อภิสิทธิ์บอกว่า...

“ยืนยันกับทุกท่านที่นี่ ผมไม่มีพรรคอื่นไม่ไปพรรคอื่น กรีดเลือดมาก็เป็นสีฟ้าจนวันตาย เป็นลูกพระแม่ธรณีที่จะเอาอุดมการณ์ประชาธิปัตย์รับใช้บ้านเมือต่อไป วันข้างหน้าถ้าในพรรคคิดว่าผมจะเป็นประโยชน์มาช่วยได้ ผมก็คงไม่ปฏิเสธ แต่วันนี้เพื่อให้ท่านมีสถานะและจะมีอำนาจในการบริหารต่อไป ทำงานด้วยความสบายใจ ทำงานตามแนวทางอย่างเต็มที่ไม่ต้องหวาดระแวงเรื่องผม เรื่องใครใด ๆ ทั้งสิ้นก็ขออนุญาตที่จะลาออก...”

ตรงนี้ชัดแจ้งว่า ‘อภิสิทธิ์’ ลาออกเพื่อให้ทีมของเฉลิมชัยทำงานได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวทีมอภิสิทธิ์จะไปเลื่อยขาเก้าอี้...

ทั้งนี้ ขอเท้าความกันอีกสักนิดว่า...เมื่อตอนที่อภิสิทธิ์ลาออกจากหัวหน้าพรรค เพราะพ่ายศึกเลือกตั้งปี 2562 และไม่เห็นด้วยที่จะไปร่วมรัฐบาลกับ ‘ลุงตู่’ ต่อมา ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ ก็ขึ้นมานำพรรคจากการสนับสนุนของ ‘ชวน-บัญญัติ-อภิสิทธิ์’ โดยเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นเลขาพรรคสืบเนื่อง แต่การทำงานของ ‘จุรินทร์’ กับเฉลิมชัยนั้นไม่เข้าขากันเท่าที่ควร ไม่เป็นคอหอยกับลูกกระเดือก…

มีอยู่บางช่วงสมาชิกพรรคไม่พอใจ ‘จุรินทร์’ ก็คิดก่อการให้ ‘อภิสิทธิ์’ คัมแบ็ก...ด้วยการให้กรรมการบริหารพรรคลาออก โดยเฉพาะช่วงที่เกิดกรณี ‘ปริญญ์ พานิชภักดิ์’ เรื่องการคุกคามทางเพศ...แต่อภิสิทธิ์ไม่เล่นเกมนี้ด้วย...จนกระทั่ง ปชป.แพ้เลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 แบบยับเยิน...‘จุรินทร์’ ลาออกจากหัวหน้า… ‘เฉลิมชัย’ เองก็ติดกับดักการประกาศเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต...จึงมีกระแสเรียกร้องให้อภิสิทธิ์กลับไปกอบกู้พรรคอีกครั้ง...แต่มุ้งใหญ่ในพรรคคือ สส.ที่หนุนเฉลิมชัย ไม่ตอบรับสูตรอภิสิทธิ์

มีคนกลางพยายามประสานให้เฉลิมชัยคุยกับอภิสิทธิ์เพื่อหาทางออก ประมาณว่าให้อภิสิทธิ์นั่งหัวหน้าพรรค กลุ่มเฉลิมชัยเป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งในทีนี้เป็นที่รู้กันว่าคือ เดชอิศม์ ขาวทอง นั่นเอง...แต่การนัดหมายล้มเหลว...แหละนี่คือ ประเด็นที่อภิสิทธิ์ขอเคลียร์ใจกับเฉลิมชัย

สายข่าวแจ้งว่า...การเคลียร์ใจประเด็นการนัดหมายที่ล้มเหลวใช้เวลาเพียงแป๊บเดียว จากนั้นทั้งสองคุยกันถึงทิศทางพรรคสั้น ๆ เฉลิมชัยยืนยันที่จะทำให้พรรคมีศักดิ์ศรีแม้อาจต้องเข้าร่วมรัฐบาล นอกจากนั้นก็เล่าถึงการทุ่มให้พรรคสุดตัวอยู่คนเดียวตอนเลือกตั้ง 2566…

แม้ว่าดูอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์แล้วอาการน่าเป็นห่วง… ‘อดีต สส.-สมาชิก’ ลาออกตามอภิสิทธิ์กว่าสิบคนแล้ว...แบบว่าไม่ตายแต่ก็ไม่โต...แต่ ‘เสี่ยต่อ’ เฉลิมชัย ก็คงมีลูกฮึดลูกสู้ตามประสาคน ‘ใจถึงพึ่งได้’ สไตล์บ้านใหญ่หาหนทางให้พรรคเดินไปข้างหน้า…

ข่าวแจ้งว่า ‘เสี่ยต่อ’ พยายามจะกวักมือเรียกคนเก่า ๆ ที่ลาออกไปมากอบกู้พรรคกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น สกลธี ภัททิยกุล, อันวาร์ สาและ เป็นต้น...

และหากเป็นไปได้ ‘เฉลิมชัย’ กับคณะก็คงจะปั้นให้ ‘ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์’ เป็นจุดขายเป็นหัวหน้าในการเลือกตั้งสมัยหน้า...

‘เล็ก เลียบด่วน’ ไม่ได้ปรามาสใคร...แต่ต้องบอกว่า ถ้ามองไปข้างหน้า เลือกตั้งสมัยหน้า โอกาสที่ประชาธิปัตย์จะได้น้อยกว่าเดิม 25 เสียง สูงมาก…

และวันนั้นแหละอาจเป็นโอกาสสุดท้ายของ ‘อภิสิทธิ์’ ที่จะกลับมากอบกู้พระแม่ธรณี..!!

อ่านเกม ปชป.โชว์รุกไล่ชั้น 14 มีแต่ได้มากกว่าเสีย ในจังหวะ 'โทนี่' รอคิวพักโทษปลายเดือน ก.พ.67

ในรอบสัปดาห์ข่าวที่ยึดพื้นที่สื่อมากถึงมากที่สุด ถ้าไม่นับข่าวสังคมชาวบ้านเรื่อง 'พ่อใหญ่บาส' สมรักษ์ คำสิงห์ แล้ว…ในส่วนของข่าวการเมืองก็ต้องบอกว่า...ข่าวระเบียบราชทัณฑ์ 2566 ว่าด้วย 'คุกนอกเรือนจำ' เอื้อ 'โทนี่' ทักษิณ ชินวัตร..!? มาแรงและร้อนแรงยิ่ง...

และน่าประหลาดใจอยู่พอประมาณที่ปรากฏว่า...ข่าวระเบียบราชทัณฑ์และข่าว 'ทักษิณ แวร์ อาร์ ยู?' ทักษิณนอนอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจจริงหรือไม่นั้น?...แทนที่พรรคก้าวไกล โดยกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ที่มีท่านสส.รังสิมันต์ โรม เป็นประธาน จะรีบแย่งซีนตรวจสอบเหมือนเรื่องอื่นๆ... การณ์กลับกลายเป็นว่า...

กมธ.การตำรวจ ที่มี 'เดอะแทน' ชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับเป็นประธานได้ซีนนี้ไปแทนแบบเต็มๆ และค่อนข้างจะเข้าตากรรมการอีกต่างหาก...

ไหนๆ ก็ไหนๆ 'เล็ก เลียบด่วน' ก็ใคร่ขอวิเคราะห์ขยายความสักเล็กน้อยว่า การที่ กมธ.ตำรวจโดยสส.ชัยชนะ โชว์ฟอร์มถึงขั้นจะนำ กมธ.ไปบุกชั้น 14 รพ.ตำรวจ ก่อนวันเด็ก 13 ม.ค. 2567 เพื่อให้เห็นกับตาว่า นช.ทักษิณ อยู่ที่นั่นจริงหรือไม่นั้น หลายคนอาจแอบตั้งคำถามว่า ทำแบบนั้น 'นายใหญ่' ไม่โกรธเอาหรือ? ประชาธิปัตย์ไม่กลัววืดที่จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไง?

แหล่งข่าวระดับสูงพอประมาณบอกว่ากรณีนี้ชี้ได้สองทาง...

>> ทางแรก มีข่าวว่าประชาธิปัตย์ยุคใหม่ ยุคเฉลิมชัย ศรีอ่อน พยายามล้างภาพความเป็นพรรคอะไหล่ของเพื่อไทยออกไปให้ได้ การหยิบฉวยเอากรณีทักษิณของ กมธ.ตำรวจ โดยมอบหมายให้ วัชระ เพชรทอง อดีต สส.ปชป. นักร้องดีเด่นของพรรค เป็นคนร้องเรียน...เป็นกรณีที่ถูกที่ถูกเวลา บวกลบคูณหารแล้ว งานนี้ประชาธิปัตย์ได้มากกว่าเสีย เพราะการจะเข้าร่วมรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายยืนกุมไข่ตัวเองตลอดไป เล่นบทบีบไข่เพื่อนบ้างก็ได้...

>> ทางที่สอง เป็นไปได้ว่าประชาธิปัตย์หรือกมธ.ตำรวจอ่านสถานการณ์ว่า กว่าจะถึงวันเด็กที่ 13 ม.ค. 2567 นั้น นช.ทักษิณ ชินวัตร อาจจะอพยพจากชั้น 14 รพ.ตำรวจไปใช้บริการ 'คุกนอกเรือนจำ' ที่อื่นตามระเบียบราชทัณฑ์ล่าสุดเรียบร้อยแล้ว...ดังนั้นไม่จำเป็นต้องตามไปดมกลิ่นนักโทษเทวดาให้เสียเวลา...

เอาเหอะ...จะเป็นไปตามแนวทางแรก หรือแนวทางที่สอง งานนี้ก็ต้องยกผลประโยชน์ให้กับปฏิบัติการของ กมธ.ตำรวจ...

ถึงตรงนี้ก็ต้องเรียนสาธุชน ท่านผู้อ่านท่านผู้ฟังสักนิดว่าระเบียบราชทัณฑ์ล่าสุดนั้นมีชื่อเต็มว่า 'ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566' โดยสาระสำคัญคือการกำหนดสถานที่คุมขังอื่นที่มิใช่เรือนจำ…โดยมีสารตั้งต้นมาจากพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 มาตรา 33 และมาตรา 34

ตามระเบียบหมวด 3 ข้อ 6 และข้อ 7 นั่น ว่าด้วยสถานที่คุมขังแบบเนื้อๆ เน้นๆ ว่าเพื่อวัตถุประสงค์ใดและมีลักษณะอย่างไร อ่านกี่เที่ยวก็สรุปได้ว่า บรรดาบ้าน, อาคาร, วัด, โรงพยาบาล ฯลฯ ที่มีบ้านเลขที่เข้าข่าย "สถานที่คุมขังอื่นที่มิใช่เรือนจำ..." ได้หมด

ยกตัวอย่างส่งท้ายสักนิด...

ข้อ 6 การคุมขังผู้ต้องขังในสถานที่คุมขังให้สามารถทำได้เฉพาะเพื่อวัตถุประสงค์และสถานที่คุมขังดังต่อไปนี้...

(1)....
(2)....
(3) การรักษาพยาบาลผู้ต้องขัง โดยคุมขังในสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน
(4)....

อยากให้อ่านข้อ 6(3) อย่างเดียว...เล็ก เลียบด่วน ก็ตาสว่างว่า นช.ทักษิณ อาศัยระเบียบนี้สามารถนอนตีพุงดูสนามกอล์ฟและม้าแข่งอยู่ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจได้อย่างชอบธรรมตามระเบียบต่อไปจนกว่าจะได้พักโทษปลายเดือน ก.พ. 2567 หรือถ้าไม่อยากจะวุ่นวายมาก ก็ย้ายไปอยู่ รพ.พระรามเก้า คุณหญิงอ้อไปซะเลย...

จบนะ...
สวัสดีประเทศไทย...

เรื่อง: เล็กเลียบด่วน

‘นิรโทษกรรม’ ไม่ง่าย!! หาก ‘ก้าวไกล’ สอดแทรก 112 ‘พท.-รทสช.’ เดินหน้าปรองดอง แค่ไม่แตะสถาบันฯ

ว่าจะขยับเรื่อง 120 วันของนักโทษเทวดา ว่าจะเดินหน้าถอยหลังหรือออกข้างอย่างไร? แต่ขอขยักกั๊กไว้วันศุกร์สุดสัปดาห์ดีกว่า…

วันนี้ขอเคลียร์คัตชัดเจนเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม ซักหน่อย!!

สรุปความตามท้องเรื่อง…เรื่องการนิรโทษกรรมมีการพูดถึงและเคลื่อนไหวกันอย่างกว้างขวางพอประมาณ แต่ในส่วนของการขับเคลื่อนที่จะให้เป็นจริงนั้นยังต้องรอดูของจริงกันต่อไป ในชั้นนี้พอจะสรุปได้ดังนี้…

1) พรรคก้าวไกล ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมาตั้งแต่สมัยประชุมที่แล้ว ชื่อ “ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองพ.ศ....” โดยร่างนี้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นหรือทำประชาพิจารณ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 เรียบร้อยแล้ว มีผู้เห็นด้วยเพียงร้อยละ 28.37 แต่ก็ไม่ได้เป็นข้อห้ามที่จะนำไปบรรจุเป็นวาระการประชุม

ประเด็นที่มีเสียงคัดค้านร่างของพรรคก้าวไกลก็คือ การเปิดทางให้มีการนิรโทษกรรมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับองค์พระมหากษัตริย์-สถาบันฯ

2) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ยกร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ...เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับ 20 สส.ได้ลงชื่อแล้วด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับแก้ข้อความให้กระชับสมบูรณ์กว่าเดิม ทั้งนี้ร่างของพรรครทสช.มี 12 มาตรา นอกเหนือการนิรโทษกรรมให้กับความผิดอันเกี่ยวเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองแล้ว...จุดเน้นหนักคือ จะไม่นิรโทษกรรมกับ3 ความผิดคือ 1.คดีทุจริต 2.คดีความผิดตามมาตรา 112 และ 3.ความผิดอาญาร้ายแรงทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

กล่าวได้ว่าในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลพรรค รทสช.กล้าหาญชาญชัยกว่าพรรคอื่นๆ ในการแสดงจุดยืนให้บ้านเดินหน้าปรองดองสมานฉันท์ โดยไม่ออกอาการ ‘แหยง’ จนออกอาการ ‘กั๊ก’ กับคำว่านิรโทษกรรม...แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าพรรค รทสช.จะยื่นร่างในสมัยประชุมนี้เลยหรือชะลอเอาไว้ก่อน รอไปพร้อมกับขบวนใหญ่ของพรรคร่วมรัฐบาล

3) ในส่วนของพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อไทย เลือกหนทางให้เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการนิรโทษกรรม ในสมัยประชุมนี้นัยว่าเพื่อจะได้หาข้อสรุปเพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.ในสมัยประชุมหน้า (เดือน ก.ค.-ต.ค.2567) ซึ่งหากไม่มีข้อถกเถียงกันมากรัฐบาลอาจเสนอร่างกฎหมายในนาม ครม.หรือรัฐบาลเลยก็เป็นได้…

4) อย่างไรก็ตาม...เนื่องจากรัฐบาลแทบจะไม่มีกฎหมายเสนอต่อสภาฯ นอกจากกฎหมายใหญ่อย่างร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีฯ 2567 ดังนั้นร่างกฎหมายที่รอคิวการพิจารณาส่วนใหญ่จะเป็นร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกล เช่น ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เป็นต้น...ทำให้ขณะนี้วิปฝ่ายรัฐบาลบางส่วนรู้สึกเป็นฝ่ายตั้งรับฝ่ายค้าน หากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับก้าวไกลถึงคิวการประชุมสมัยนี้ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลไม่มีร่างกฎหมายประกบ ซึ่งหนทางเดียวก็คือ ต้องคว่ำร่าง พ.ร.บ.ของพรรคก้าวไกล...อันจะมีทั้งผลดีและผลเสีย…

กรณีดังกล่าว เสียงข้างน้อยในวิปรัฐบาล จึงอยากให้มีการเสนอร่างนิรโทษประกบเอาไว้แบบเผื่อเหลือเผื่อขาด ถ้าไม่ทันสมัยประชุมนี้ ก็ไม่มีอะไรเสียหายประมาณนั้น...

ดังที่ได้วิสัชนามา...ก็พอจะสรุปได้ว่า...การนิรโทษกรรมเพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ก็พอจะเห็นแสงสว่างอยู่ วิบๆ วับๆ...ไม่เจิดจ้าแจ่มชัดเหมือนเส้นทางสู่คุกนอกเรือนจำอันหรูหราก่อนที่จะถึงวันเวลาพักโทษปลายเดือน ก.พ.ของชายไทยวัย 74 ที่อยู่ชั้น 14 มาจะครบ 4 เดือนในอีกวันสองวันนี้

สวัสดีประเทศไทย

เรื่อง: เล็ก เลียบด่วน

ดาบสองคมจาก ‘สมศักดิ์’ หลังออกโรงป้อง ‘โทนี่’ พร้อมจับตา!! ปรับครม.จองเก้าอี้ใหญ่ ฝันไกลมท.1

สรุปว่ากรณี นช.ทักษิณ ชินวัตร ได้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่รพ.ตำรวจ ชั้น 14 จนถูกโจมตีว่าเป็นนักโทษเทวดานั้น บัดนี้ครบ 120 วันแล้ว เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2566 ที่ผ่านมา…ตามกฎกระทรวง (ยุติธรรม) ว่าด้วย ‘การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563’ ที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะรมว.ยุติธรรม ลงนามให้ไว้ ณ วันที่ 25 ก.ย.2563 ระบุไว้ชัดเจนในข้อ 7(3) ว่า

กรณีพักรักษาตัวเกิน 120 วัน ให้ผบ.เรือนจำมีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี (ราชทัณฑ์)พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษา และหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้รัฐมนตรีทราบ…

ปัญหามีอยู่ว่าตอนนี้ที่ นช.ทักษิณ ได้ใช้บริการชั้น 14 ต่อนั้น...ด้วยเหตุผลใด ตามข้อ 7(3) ที่ว่ามา หรือว่า นช.ทักษิณ ได้เปลี่ยนไปใช้สิทธิ์ระเบียบราชทัณฑ์ล่าสุดว่าด้วย ‘คุกนอกเรือนจำ’  หรือรอย้ายไปคุมขังที่รพ.พระราม 9, ที่บ้าน หรือที่อื่น ๆ...

ไม่มีการแถลงจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์คนใหม่หมาด…สหการณ์ เพชรนรินทร์ ว่าอะไรเป็นอย่างไร...มีแต่เสียงปกป้องนายใหญ่ของสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ ที่ตอบคำถามนักข่าวเมื่อ 22 ธ.ค. กรณีกรรมาธิการการตำรวจสภาฯ จะไปตรวจชั้น 14 ว่าหากเขาไม่อนุญาตก็ไปไม่ได้ เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของผู้ป่วย “หากถามว่าเป็นโรคอะไร เจ็บป่วยอะไร และเขาไม่อยากเปิดเผย  หากเปิดเผยจะถูกฟ้องตายห่า...”

ก่อนหน้านั้นวันที่ 21 ธ.ค. ในฐานะรมว.ยุติธรรมเก่า สมศักดิ์อธิบายความเป็นมาตั้งแต่พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 และกฎกระทรวง 2563 จนมาถึงระเบียบราชทัณฑ์ 2566 ที่รับช่วงต่อยอดเรื่องการพัฒนาการคุมขังนอกเรือนจำตามหลักสากล หลักสิทธิมนุษยชนได้อย่างค่อนข้างชัดเจน...ก่อนที่จะฟันธงตรงประเด็นว่า...ทักษิณเข้าเกณฑ์ที่จะใช้สิทธิ์ ‘คุกนอกเรือนจำ’

‘เล็ก เลียบด่วน’ เช็กข่าวจากแนวรบพรรคเพื่อไทยมาแล้วว่า...การออกมาพูดสองรอบของสมศักดิ์ เข้าตา-โดนใจกรรมการบ้านชินวัตรเป็นยิ่งนัก...เป็นการออกมาพูดในจังหวะที่ถูกที่ถูกเวลา

- สมศักดิ์รู้ดีว่าโดยเนื้อแท้สังคมไม่ได้คัดค้านเนื้อหาระเบียบราชทัณฑ์ เพราะมันจะตอบโจทย์นักโทษกว่าหมื่นคนที่จะได้ใช้บริการ ‘คุกนอกเรือนจำ’ ทักษิณก็เป็นเพียงหนึ่งในนั้น..

-อดีตรัฐมนตรี 13 -14 สมัย อย่างสมศักดิ์ย่อมอ่านขาดว่าอีกไม่นาน...หรืออย่างช้าประมาณ พ.ค.-มิ.ย. จะมีการปรับครม.อย่างแน่นอน และรอบนี้เขาน่าจะได้ทำงานใหญ่กว่ารองนายกฯ...อย่างน้อยควรจะได้ดูแลกระทรวงเกษตรฯ อีกสักครั้ง หรือหากให้เขาเลือกได้ก็จะขอเลือกเก้าอี้รมว.มหาดไทยโน่นเลย...แม้จะยากเพราะภูมิใจไทยถือโควต้าอยู่..

อย่างไรก็ตาม แม้จะออกตัวแรงและทำได้เข้าตากรรมการประชาชนชาวพรรคเพื่อไทย แต่ในอีกมุมก็ย่อมมีแรงต้านเป็นธรรมดา..การออกโรงของสมศักดิ์ เมื่อผสมกับคำประกาศของนายทักษิณ ‘วิญญัติ ชาติมนตรี’ ที่ขู่ฟอด ๆ จะฟ้องทุกคนที่ละเมิดสิทธิ์ทักษิณ แบบว่าเมื่ออ่านที่ทนายวิญญัติประกาศแล้ว...เกือบจะทำให้คิดว่า..แค่เอ่ยชื่อทักษิณกรูก็อาจถูกฟ้องได้…

อันนี้แหละมันจะเป็นดาบอีกคมยิ่งทำให้...คนหมั่นไส้และชิงชังในปรากฏการณ์ทักษิณที่ถูกมองว่าเป็นนักโทษเทวดา...ทั้ง ๆ ที่จะไม่มีปัญหาอะไรเลย หากทุกฝ่ายทุกคนพูดความจริง…

แต่ที่มันไม่พูดกันไม่ได้…ใช่หรือไม่ว่าเพราะมีการโกงความยุติธรรม โกงความจริงกัน!?

‘เพื่อไทย’ ดับร้อน!! โยก ‘รองตุ๋ย’ คุมยุติธรรม ขยับ ‘รองสมศักดิ์’ แบ่งเบางาน ‘รองอ้วน’

ปริศนาส่งท้ายปีกระต่ายสลายขั้วที่ยังฟันธงกันไม่สะเด็ดน้ำก็คือ กรณีท่านนายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ หรือ เศรษฐา ทวีสิน ลงนามคำสั่งวันที่ 25 ธ.ค. 66 โยกย้ายสลับงานรองนายกฯ 3 คน ให้รองตุ๋ย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไปกำกับดูแลงานกระทรวงยุติธรรม แทนสมศักดิ์ เทพสุทิน ส่วน รองสมศักดิ์นั้น ได้รับมอบหมายให้ไปกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข แทนภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ เจ้าของฉายา ‘รองกอง’ งานอะไร ๆ ต่อมิอะไรก็โยนมาให้ท่านลองกอง เอ๊ย! รองกอง

นี่ล่าสุดนายกฯ โยนตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 มาให้อีก...ก็ขอเตือนท่านรองกองว่าอย่าล้อเล่นกับกฎหมายงบประมาณน่ะครับ...โปรดพกยาหอมยาดมไปเยอะ ๆ นะครับ

กลับมาที่เรื่องกระทรวงยุติธรรม ทำไมต้องเด้งสมศักดิ์แล้วหันไปใช้บริการพีระพันธุ์...ส่วนใหญ่ฟันธงกันว่าเป็นเพราะสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์แบบอัดยับข้าราชการกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์ว่าล้มเหลวในการทำงาน การชี้แจงเรื่องระเบียบราชทัณฑ์...คุกนอกเรือนจำ เลยโดนโยก…

มีคำถามว่า..อ้าว! คำสั่งนายกฯ ลงวันที่ 25 ธ.ค.นะ แต่ท่านสมศักดิ์พูดวันที่ 26 ธ.ค.น่ะ...ฝ่ายที่เชื่อว่าถูกโยกเพราะเรื่องนี้ก็อธิบายว่า เรื่องวันที่ลงนามคำสั่งนั้นจะลงวันที่เท่าไหร่ก็ได้..แต่เอาเป็นว่าเรื่องนี้นายกฯ ไปกระซิบบอกรองตุ๋ย พีระพันธุ์ให้รับทราบตอนเลิกประชุมครม.วันที่ 26 ธ.ค.แล้ว

การสับขาหลอกลงวันที่ 25 ธ.ค.จึงนับว่าเนียน…

อย่างไรก็ตาม ‘เล็ก เลียบด่วน’ ไม่เชื่อว่าเหตุผลโยกสมศักดิ์ออกจากการดูแลกระทรวงยุติธรรม จะเป็นเพราะสมศักดิ์เริ่ม ‘โอเวอร์ แอ็กชัน’ เท่านั้น แต่ยังมีเหตุผลสำคัญอื่น ๆ ดังนี้

1.การโยกสมศักดิ์ไปดูกระทรวง สธ. แทนภูมิธรรม เป็นการลดโหลดงานรองอ้วนได้อย่างลงตัว อีกทั้งระยะหลัง ๆ พบว่าสมศักดิ์กับ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร ที่ไปมีบทบาทเรื่องสุขภาพแห่งชาติ ประสานการทำงานกันได้ดี

2.การโยกสมศักดิ์ออก และเอาพีระพันธุ์เสียบแทน เป็นการลดความเป็น ‘ตำบลกระสุนตก’ ของพรรคเพื่อไทยได้ไม่น้อย เพราะที่ผ่านมาสมศักดิ์ถูกมองว่าทำเรื่องกฎหมาย กฎกระทรวง เพื่อรองรับวีไอพีชั้น 14

2.1 พีระพันธุ์เป็นนักกฎหมาย เป็นอดีตรมว.ยุติธรรมมาก่อน ภาพลักษณ์ดูตรงไปตรงมา น่าเชื่อถือ จากนี้ไป ‘เผือกร้อน’ ก็จะตกอยู่กับมืออาชีพ

2.2 พีระพันธุ์รู้จักและสามารถพูดคุยกับกลุ่มต่าง ๆ ที่กำลังขับเคลื่อนกรณีนักโทษเทวดาให้เป็นนักโทษธรรมดา..น่าจะหาจุดรอมชอม ลงตัวกันได้โดยไม่เสียหลักการของทุกฝ่าย

2.3 พีระพันธุ์รู้ดีถึงบริบทของบ้านเมืองยุคสลายขั้ว พีระพันธุ์เป็นเพื่อนกับ ‘บิ๊กแดง’ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รู้อุณหภูมิบ้านเมือง ทิศทางลม...เขาคงไม่สุดโต่งถึงขั้นจะทำภารกิจลับแบบ ‘ทักษิณโมเดล’ ในกรณียิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่อาจจะมีภารกิจลึกในเชิงกฎหมายที่เขาอาจให้คำแนะนำได้..!!

3. การมอบหมายงานกระทรวงยุติธรรม พร้อมกับตำแหน่งประธานบอร์ดอีก 4 บอร์ด เช่น ประธานกรรมการปราบปรามยาเสพติด ฯลฯ อาจมีเป้าประสงค์แอบแฝงเพื่อลดความร้อนแรงการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงราคาพลังงานที่เขากำลังทำ อันนี้อาจมีส่วนบ้าง แต่ฟันธงว่าพีระพันธุ์ไม่ยอม…

สรุปสุดท้ายประสา ‘เล็ก เลียบด่วน’ ก็ต้องบอกว่างานนี้พรรคเพื่อไทยขอใช้บริการ’ รองตุ๋ย’ นัยว่า..ดีลลับพิเศษเรื่องการสลายขั้ว การปรองดองสมานฉันท์ ยังไม่จบ ต้องเดินหน้าต่อไป

มองแบบโลกสวยนิดก็ต้องบอกว่ารองตุ๋ยอาจทำให้กระบวนการยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ กลับมาเป็นผู้เป็นคนมากกว่าเดิม!! 

สวัสดี

เรื่อง: เล็ก เลียบด่วน

'เศรษฐา' คลุกวงในบิ๊กสื่อ ขอแรง 'เชียร์-หนุน' พร้อมเคลียร์ผังนอกแผน ฟาก 'รทสช.' ต้องคงไว้ช่วยค้ำศรัทธา แต่ ‘อุ๊งอิ๊ง' ดวงท่าจะไม่พาถึงนายกฯ

สวัสดีปีมังกรครับท่านผู้อ่านท่านผู้ฟังและท่านผู้ชม...

ว่ากันว่าปี 2567 จะเป็นปีมังกรร้ายมังกรเดือด...อาการของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน จะอยู่จะไปอยู่ในอัตรา 50/50...แบบว่าเป็นตายเท่ากัน

ทบทวนกันอีกที...ระเบิดลูกใหญ่ 5-6 ลูก...

- ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 3.48 ล้านล้านบาท
- ประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญ 
- พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท  
- การเลือกตั้ง สว.ช่วง มิ.ย.-ก.ค. 
- พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

...ล้วนแล้วแต่จะสร้างความร้อนแรงทางการเมืองในมิติต่างๆ...

นั่นยังไม่นับประเด็นสำคัญคือ...การปรับ ครม. ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นแน่ และ 'เล็ก เลียบด่วน' ค่อนข้างเชื่อตามโหรใหญ่หลายสำนักว่าจะเป็นการปรับใหญ่...หลายตำแหน่ง

แต่ยังไงๆ ว่ากันว่ายังไม่ถึงคิวที่จะเอาพรรคสีฟ้า...ประชาธิปัตย์ เข้ามาแทนที่พรรครวมไทยสร้างชาติที่เริ่มมีการปล่อยข่าวกันออกมาตามสภากาแฟบางวงซึ่งวิเคราะห์ว่า การเดินหน้าปฏิรูปราคาพลังงานของ รองตุ๋ย-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อาจไม่สบอารมณ์กลุ่มทุนใหญ่บางกลุ่ม ต้องรีบตัดไฟต้นลม...

ซึ่ง 'เล็ก เลียบด่วน' ไม่คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะคิดสั้นขนาดนั้น พวกเขาต้องรู้ดีว่า ขณะนี้พีระพันธุ์เป็นรัฐมนตรีที่ช่วยค้ำยันความศรัทธาต่อรัฐบาลได้ไม่น้อย เตะ พีระพันธุ์ ออกไปก็เหมือนเตะตัดขาตัวเอง...ปีนี้ปล่อยผ่านไปก่อน ปีหน้าค่อยว่ากันอีกที...

สำหรับอาการของ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน แม้จะยังลนลานอยู่บ้าง แต่เบื้องลึกทีมงานของนายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงคนนี้ได้จัดทัพปรับแถวในหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาคิดว่าจะเป็นผลดีในการทำงานของนายกฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวรบของสื่อมวลชน...

แหล่งข่าวระดับไม่สูงมากแต่เชื่อถือได้ยืนยันกับ 'เล็ก เลียบด่วน' เหยี่ยวชราว่า...ตอนนี้ผู้บริหาร (ข่าว) ของสื่อทีวีหลายต่อหลายช่องและสื่อนสพ.หลายฉบับได้พบกับนายกฯ ตัวเป็นๆ หมดแล้ว...ความเป็นกันเองตรงไปตรงมา และรอบรู้ประเด็นเศรษฐกิจของโลกของไทย ก็เพียงพอที่จะทำให้สื่อน้อยใหญ่ให้กำลังใจ...ให้โอกาสนายกฯ คนนี้

ส่วนการกระชับพื้นที่สื่อเอาหลายรายการออกจากผังวิทยุ / โทรทัศน์ เช่น กรณียกเลิกรายการ 'คุยถึงแก่น' ช่องหอยม่วงแบบไม่บอกกล่าวอะไรนั่น แม้เป็นอะไรที่ไม่สมควรทำ แต่ถึงที่สุดก็ยังไม่ทำให้รัฐบาลรู้สึกระคายเคืองในเสียงโจมตี-ต่อต้าน...

เอาไปเอามาถ้าไม่มีปัจจัยอื่นๆ ที่คาดไม่ถึงเข้ามาแทรกซ้อน รัฐบาลเศรษฐาก็น่าจะลอดข้ามปีมังกรไปได้ เศรษฐาก็ยังจะเป็นนายกฯ ต่อไป เหตุผลสำคัญที่สุดเพราะ 'อุ๊งอิ๊ง' แพทองธาร ชินวัตร ยังไม่พร้อมที่จะย่างสามขุมขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ ในปีนี้...ส่วนปีหน้าก็ต้องตามไปดูกันอีกที...ดูว่า 'คุณแม่' คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ จะเห็นเช่นไร...

แต่พูดก็พูดเหอะ...สำหรับ 'เล็ก เลียบด่วน' คุยกับหมอดูมา 3 สำนัก ล้วนทายทักว่าดวง 'อุ๊งอิ๊ง' จะไปไม่ถึงนายกฯ ดังนั้นถ้าจะสัมผัสกับคำว่า 'รัฐมนตรี' ปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า...ควรจะได้เข้าไปเป็นรองนายกฯ ควบว่าการซักกระทรวง...เพื่อพิสูจน์ฝีมือและเรคคอร์ดประวัติชีวิต...

ด้วยรักและเห็นใจ...จร้า!!

ผลสะเทือนจาก 'ก้าวไกล' โชว์ฟอร์มเด่น 'ใน-นอก' สภาฯ น่าจะได้เวลาพรรค 'ดร.ฮาร์วาร์ด-รทสช.' ปรับขบวน

ได้ฟังบ้างไม่ฟังบ้างสำหรับการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 จำนวน 3.48 ล้านล้านบาท แต่พรรคพวกเพื่อนฝูงที่เป็นสื่อมวลชนและนักวิชาการส่วนใหญ่เขายอมรับกันว่า...งานนี้พรรคก้าวไกลโชว์ฟอร์มได้เหนือกว่าพรรคสีแดงเพื่อไทยแบบเห็น ๆ...

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำการบ้าน ความพร้อม รูปแบบการเสนอ...ที่น่าสะพรึงกลัวกว่านั้นคือ สามารถปล่อย สส.หน้ามลหน้าใหม่สมัยแรกออกมาร่ายมนต์สะกดผู้ฟังแบบเข้าตากรรมการได้หลายคน...แม้กระทั่ง สส.ปากน้ำอดีตแอร์โฮสเตสอย่าง สส.ผึ้ง-พนิดา มงคลสวัสดิ์ ที่อภิปรายงบประมาณสำนักงานตำรวจแห่งชาติอะไรนั่น...หลายเสียงบอกว่าเข้าท่า...

อย่างไรก็ตามภายใต้การแจ้งเกิดของหน้าใหม่ก้าวไกลหลายคน จะพบว่ามีจำนวนหนึ่งที่มีข้อมูลหลวม อาจจะเป็นเพราะถูกจัดมาให้โดยตัวเองไม่มีเวลาตรวจสอบ ดังกรณี สส.ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ ถูก 'รมว.พลังงาน-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค' จับโป๊ะเรื่องตัวเลขการเงินของ กฟผ.ว่าเป็นตัวเลขคาดการณ์เหตุการณ์ที่เลวร้ายสุดนานมาแล้ว ไม่ใช่ตัวเลขที่เกิดขึ้นจริง...เป็นต้น

หรือกระทั่งตัวเลขการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ ที่หลายตัวเลขก็ยังไม่ใช่ตัวเลขที่เป็นทางการ แต่นำมาวิเคราะห์ตีความ ชี้นำกันแบบเอาเป็นเอาตาย...

แต่เอาเหอะถึงอย่างไร ‘เล็ก เลียบด่วน’ ก็เป็นอีกหนึ่งเสียงที่ยกมือให้ว่า ชาวก้าวไกลทำการบ้านเหนือชั้นกว่าทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย

หากคุณหนู 'อุ๊งอิ๊ง' แพทองธาร หัวหน้าพรรค และ 'คุณบอย' สรวงศ์ เลขาฯ พรรคไม่รีบติวเข้มลูกพรรค...เรตติ้งจะยิ่งถูกทิ้งห่าง...

นักวิชาการที่ปรึกษา 'เล็บ เลียบด่วน' ชี้ว่า หากภาพรวมทางการเมืองยังดำเนินไปแบบนี้...ก็ยากที่จะหยุดเครื่องจักรสีส้มที่รุกใหญ่ในสภา ขณะที่นอกสภาก็ทำงานจัดตั้งเก่งวันเก่งคืน ใจกล้าหน้าทนในการยัดเยียดชุดความคิดผิด ๆ ถูก ๆ ให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่...

เหลือบมองพรรคการเมืองฝั่งอนุรักษ์นิยม หากมองข้ามพรรคเพื่อไทย ณ ชินวัตร ไป ก็พอจะมองเห็นพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่คงจะรู้สัญญาณดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นในสมัยหน้า...วันนี้ก็พอจะเห็นความพยายามที่จะปรับตัวเองให้เป็นผู้นำหรือหัวขบวนของฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่...เชิดชู 3 สถาบันหลัก

แต่ความพยายามปรับตัวให้ทันยุคทันสมัยดังกล่าว...ก็ไม่รู้จะไปได้สักแค่ไหน...เพราะส่องกล้องมองลงไปในพรรคก็ยังไม่เห็นความเป็นเอกภาพและความเสียสละมุ่งมั่นกันเท่าที่ควร เห็นแต่ความใจกล้าตรงไปตรงของของหัวหน้าพรรค...ซึ่งถ้ามีแค่นี้...ตอบได้ว่ายังไม่พอ...!!

จะด้วยเพราะความจำกัดของสินค้าฝ่ายอนุรักษ์นิยมหรือเปล่าก็มิทราบได้... 'เล็ก เลียบด่วน' แว่วข่าวมาตามสายลมว่า ขณะนี้มี ดร.หนุ่ม ศิษย์เก่าฮาวาร์ด รอบรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์ เก่งกาจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านงานระดับ Tech Startup กำลังได้รับแรงหนุนให้เป็นแกนจัดทำพรรคแนวคนรุ่นใหม่ แต่ตอบโจทย์ประเทศ หรือ ออกแนวเสรีนิยมแต่หัวใจสีน้ำเงิน...เทิดทูนสถาบัน...

ดร.หนุ่มคนดังกล่าว กำลังคิดหนัก พร้อม ๆ กับการบ้านความเป็นไปได้...

ก็ได้แต่ภาวนาขอให้เป็นไปได้ จะได้เป็นทางเลือกมาทำให้ประเทศไทยเสถียร...เสถียรไทย...เติบโตทันสมัยโดยไม่จำเป็นต้องแซะสถาบัน!!

จับตา!! ‘คปท.’ ปักหลักชุมนุม 12-14 ม.ค.นี้ ไล่ล่าความยุติธรรม-หยุดระบอบทักษิณภาค 2

ในที่สุด ก็ต้องลงท้องถนนจนได้ ส่วนเมื่อลงแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป ชวนให้ติดตามเป็นอย่างยิ่ง...

ครับ ‘เล็ก เลียบด่วน’ กำลังหมายถึงการลงถนนชุมนุม กรณีนักโทษเทวดา ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ของเครือข่ายประชาชนเพื่อการปฏิรูป (คปท.) ซึ่งนึกถึง คปท. นาทีนี้ใบหน้าของสามหนุ่มก็ผุดลอยขึ้นมา ได้แก่ ทนายนกเขา นิติธร ล้ำเหลือ ดาราหน้าจอคู่กับจตุพร พรหมพันธ์ แห่งคณะหลอมรวม, ตั้ม พิชิต ไชยมงคล อดีตเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) 2546 และเคยเป็น ‘เพื่อนเอก (ธนาธร)’ และ น้านัส นัสเซอร์ ยี่หมะ คนสงขลา อดีตหัวหน้าการ์ดคปท. ที่ผ่านคุกผ่านตะรางคดีพันธมิตรฯ มาแล้ว

วันก่อนเห็นภาพพิชิต-นัสเซอร์ ไปวัดพื้นที่ตั้งเวทีชุมนุมเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ แถว ๆ ทำเนียบรัฐบาลแล้วได้แต่บอกตัวเองว่า…ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัย…จะเข้ากฎอทิปปัจจยตาหรือเปล่าก็มิอาจวิสัชชนาได้..

ก่อนตั้งเวทีชุมนุม 12-14 ม.ค.นี้ ดูเหมือนว่าคปท.ได้เดินสายทำเอ็มโอยู หาพันธมิตรการชุมนุมหลายกลุ่ม วันก่อนโน้นไปพบ ‘นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม’ แห่งพรรคไทยภักดี วันอังคารที่ 9 ม.ค. กินเข้าแถลงข่าวกับ ‘นิพิษฏ์ อินทรสมบัติ’ อดีตสส.หลายสมัย และวันพุธที่ 10 ม.ค. นัดแถลงข่าวตอนบ่ายโมง เชิญใครต่อใครที่ไปร่วมแถลงรวมทั้ง ‘เดอะแจ๊ค’ วัชระ เพชรทอง อดีต สส. 2 สมัยที่วันนี้เล่นบทนักร้อง (เรียน) ที่สู้ไม่ถอย..

อ่านกันไม่ยาก เหตุที่ คปท. เลือกเอาวันที่ 12 ม.ค. เป็นวันแรกของการชุมนุมแบบ ‘ปักหลักพักค้าง’ ก็เพราะวันที่ 12 ม.ค. เป็นวันเดียวกับที่คณะกรรมาธิการการตำรวจ ของสภาฯ ที่มีชัยชนะ เดชเดโช เป็นประธานกมธ. ประกาศว่าจะนำทีมไปตรวจรพ.ตำรวจชั้น 14 เพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนช.ทักษิณว่าเป็นนักโทษเทวดา ตามที่เขากล่าวหากันจริงหรือไม่…

งานนี้ สส.แทนชัยชนะ มีเดิมพันติดปลายนวมสูง...ถูกจับตามองว่าทำจริงหรือทำเล่น ถ้าทำเล่นคนเมืองคอน (นครศรีฯ) คงไม่ให้อภัยและเสื่อมเสียถึงพรรคปชป.ที่พระแม่ธรณีกำลังร่ำไห้อยู่ในเพลานี้...แน่นอน

ประสาเหยี่ยวชราอย่าง ‘เล็ก เลียบด่วน’ ก็ต้องวิเคราะห์ว่า การชุมนุมของ คปท. หนนี้ค่อนข้างถูกที่ถูกเวลาอยู่พอสมควร แต่ถ้าจะให้บอกว่าเงื่อนไขสุกงอมหรือยังต้องบอกว่า ‘ยัง’ แกนนำ คปท. ก็คงรู้ แต่ก็นั่นแหละการจะนั่งรอให้เงื่อนไขสุกงอม ก็อาจต้องรอจนถึงวันทักษิณพักโทษไปนอนตีพุงอยู่ที่บ้านแล้วก็เป็นได้…

สรุปว่า..อย่างน้อย ๆ การชุมนุมโดยสันติ เป็นไปตามพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2560 หนนี้น่าจะทำให้ความจริงอันชั่วร้ายหลายอย่างถูกเปิดเผย ซึ่งเป็นไปได้ว่าข้อเท็จจริงเหล่านั้นจะยิ่งทำให้ทั้งคนที่เคยขับไล่ระบอบทักษิณและคนที่เคยเป็นองครักษ์พิทักษ์ทักษิณเจ็บปวดรวดร้าว…

‘เล็ก เลียบด่วน’ เลาะเลียบไปตามสภากาแฟวันนี้…ได้ยินเสียงซุบซิบสนทนาของบางโต๊ะว่า...ที่สุดของที่สุดใช่หรือไม่ว่า...บ้านนี้เมืองนี้ระบอบทักษิณกำลังกลับจะกินรวบอีกครั้ง…ทั้งเหลืองทั้งแดงที่หวังบ้านเมืองสมานฉันท์ล้างไพ่มาปรองดองกันใหม่ถึงขั้นนิรโทษกรรมดูท่าจะถูกต้มอีกรอบ…

เหตุผลหลักเพราะวันนี้ ‘แม้วถึงฝั่งแล้ว’
ข้ามขั้ว-ปรองดองทั้งที ทั้งทักษิณกินคนเดียว…

ซึ่งประเด็นนี้อาจจะเพิ่มจุดเดือดให้กับการชุมนุม!!??

ถอดรหัสก๊วนกอล์ฟบิ๊กเนม 'บิ๊กหนู-บิ๊กทิน-บิ๊กออฟ-เสี่ยกลาง'

เคยยลยินฝีมือในการร้องเพลง เล่นเปียโน เป่าแซ็กโซโฟน ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ/รมว.มหาดไทย สรุปว่าไม่ธรรมดา...แต่กับกีฬากอล์ฟไม่เคยได้เห็นวงสวิงของเจ้าสัวหลายหมื่นล้านรายนี้ว่าจะแค่ไหน..อย่างไร...ทราบแต่ว่าท่านเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟดัง...Rancho Chanvee Resort & Golf Club ที่ปากช่อง โคราช แต่คาดว่าวงกอล์ฟของ ‘เสี่ยหนู’ ก็คงไม่ธรรมดา

อุตส่าห์นำร่องเรื่องนี้มา ก็เพื่อจะโยงเข้ากับรายการกอล์ฟการทหาร-การเมือง ที่น่าสนใจเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง ‘มท.หนู’ ได้โพสต์เอาไว้ในเฟซบุ๊กวันที่ 14 ม.ค. โดยโชว์ภาพที่ตัวเองยืนถือไดรฟ์เวอร์หรือหัวไม้ คู่กับ รมว.กลาโหม สุทิน คลังแสง แล้วเขียนแคปชันว่า...

“Big (สุ)ทินSmall(อนุ)ทิน”

ขณะเดียวกันยังได้โพสต์ภาพก๊วนกอล์ฟคนดัง ที่ประกอบด้วยทีมกลาโหม...อันประกอบด้วย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี 'บิ๊กออฟ' ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ 'บิ๊กต่อ' ผบ.ทบ., พล.รอ.สุวิน แจ้งยอดสุข รองผบ.ทร., พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รองผบ.ทอ., พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขารมว.กลาโหม, พล.ท.สุเมธ พรหมตรุษ ที่ปรึกษาสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ 

และหนึ่งเดียวพลเรือนที่เป็นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ คือเจ้าสัวแสนล้าน...นายสารัชถ์ รัตนาวดี หรือ 'เสี่ยกลาง' เจ้าสัวธุรกิจพลังงาน แห่งบริษัทกัลฟ์ 

มองให้ลึกก็ไม่น่าแปลกใจอะไรมากว่าทำไม 'เจ้าสัวแสนล้าน' มาร่วมก๊วนกอล์ฟนี้ด้วย เพราะเมื่อมองจากวิวสนามกอล์ฟตามภาพถ่ายแล้ว มันชัดเจนว่าเป็นสนามกอล์ฟ StoneHill ที่ อ.สามโคก ปทุมธานี ของเสี่ยกลางนั่นเอง...

ในแวดวงกอล์ฟ-นักธุรกิจ ใคร ๆ ก็รู้ว่าในอดีตหรือแม้ปัจจุบันเสี่ยกลางหลงในกีฬากอล์ฟ ฝีมือกอล์ฟไม่ธรรมดา เขามาซุ่มสร้างสนามนี้ในนามบริษัทสโตน ฮิลล์ เมื่อ 3 ปีก่อน เคยเป็นสนามจัดแข่งกอล์ฟระดับโลกของ Liv Golf มาครั้งหนึ่งแล้ว...

แต่มิติที่น่าสนใจและเม้ามอยที่สุดของเบื้องหลังภาพก๊วนกอล์ฟรอบนี้ก็คือตัวละครที่ชื่อ...บิ๊กออฟ, สุทิน, อนุทิน และสารัชถ์...ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทรงอำนาจ ทั้งสิ้น...

'บิ๊กทิน' แม้อาจจะแซวกันเล่นว่าได้เป็นรมว.กลาโหม เพราะนามสกุล 'คลังแสง' แต่ในนาทีนี้ผลงานกำลังขึ้นหม้อ เข้าตากรรมการหลายฝ่าย...ทำให้ 'กองทัพ' กับ 'เพื่อไทย' เชื่อมแนบแน่นแบบไร้รอยต่อ...

'บิ๊กออฟ' เหลือราชการอีกร่วมสองปี เป็นคนที่นายกฯ เศรษฐาถูกชะตาชอบใช้บริการ...และบิ๊กออฟเองก็เป็นนายทหารที่มั่นคงในชาติ ศาสน์ กษัตริย์

'อนุทิน' ยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่มีพรรค 71 เสียงหนุนหลัง และระยะหลัง ๆ ดูเหมือนจะไม่ขี้เล่นเหมือนเมื่อก่อน พูดจาอะไรก็เป็นหลักเป็นการมากขึ้น แสดงว่าพร้อม (มาก) แล้วที่จะเป็นนายกฯ (ส้มหล่น) ในสถานการณ์ที่อาจพลิกผัน...

'สารัชถ์' ชัดเจน แจ่มแจ้งว่าแม้สองเจ้าสัวใหญ่ 'เสี่ยเจริญ-เสี่ยธนินทร์' อาจจะยังเป็นผู้มีบารมีในแวดวงต่าง ๆ อยู่มากก็ตาม แต่ว่ากันว่าในแวดวงการเมือง วงการอำนาจแล้ว นาทีนี้ผู้ที่ทรงบทบาทที่กำหนดทิศทางการได้มากมาย หากไม่นับคนชั้น 14 ก็น่าจะเป็นสารัชถ์ กับ คีรี กาญจนพาสน์...นี่เอง

ประสาเหยี่ยวชราวัยอย่าง 'เล็ก เลียบด่วน' เชื่อว่าทั้งสามคนย่อมมีผลประโยชน์ร่วมกันหลาย ๆ เรื่องอย่างแน่นอน...

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ หน่วยก้าน-ความหล่อ ความรู้ความสามารถและความหล่ออย่าง 'สารัชถ์' สามารถเป็นนายกฯ ของประเทศนี้ได้สบาย ๆ คนชั้น 14, คุณคีรี และบิ๊ก ๆ คนมีสีทั้งหลายน่าจะกล่อมให้ 'ชายกลาง' หันหัวเรือเข้าสู่การเมือง เป็นว่าที่นายกฯ ในอนาคตซะเลย...แบบว่า...รำคาญพวก 'หล่อกลวง' อย่างเสี่ยพิธาอ่ะครับ...

จริงๆ นะ ไม่ได้ล้อเล่น!!

'2 โหรฯ' อ่านดวง 'การเมืองไทย' ปีมังกร ฟันธง!! นายกฯ คนใหม่เร็วๆ นี้ 'ไม่ใช่ผู้หญิง'

วันก่อนนั่งอ่านคำพยากรณ์ของโหรฯ โสรัจจะ นวลอยู่ เจ้าของฉายา ‘นอสตราดามุสเมืองไทย’ แกบอกว่าปี 2567 เป็นปีมังกรไฟ นอกจากจะเกิดภัยพิบัติมากมายมหาศาลแล้ว ยังจะเกิดความขัดแย้งของคนในชาติ และหน่วยงานของรัฐชนิดแตกหัก แกยกตัวอย่างชัด ๆ ว่าจะเกิดสงครามระหว่างกระทรวงการคลังกับธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ 

และที่สุดบ้านเมืองอาจเกิดรัฐประหาร ทหารต้องย่ามสามขุมมารัฐประหารอีกครั้ง แถว ๆ เดือนมิ.ย.

เฮ่อ…ฟังแล้วสยอง…ยิ่งสยองกว่าเดิมเมื่อเห็นปรากฏการณ์วันที่ 19 ม.ค. ท่านเลขานุกา รมว.คลัง ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาให้ความเห็นแบบดับเครื่องชนแบงก์ชาติ 6 ข้อ 

‘เล็ก เลียบด่วน’ ขออนุญาตฉายหนังตัวอย่าง 2 ข้อ

1.ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ติดลบ 14 เดือนติด สัญญาณอันตรายภาคการผลิตของประเทศ และยอดขายรถเชิงพาณิชย์ ตัววัดสำคัญของการลงทุน ติดลบ 4 ไตรมาสติด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายการเงินที่ผ่านมา เพิ่มต้นทุนการเงินเอกชน เป็นลบต่อการลงทุนในวงกว้างหรือไม่

ข้อ 2.....3.....4.....5..... ขอไม่เอ่ยถึง

มาต่อกันที่ข้อที่ 6.นโยบายการคลัง (รัฐบาล) และนโยบายการเงิน (ธปท.) ควรสอดประสานกันหรือไม่ ปัจจุบันรัฐบาลเห็นความจำเป็นในการกดคันเร่งนโยบายการคลัง (ซึ่ง Digital Wallet เป็นหนึ่งในนั้น) แต่นโยบายการเงินยังคงอยู่ในช่วงการกดเบรกหรือไม่ และการขับรถคันเดียวกัน ขาหนึ่งกดคันเร่ง ขาหนึ่งกดเบรก พร้อมกัน รถจะพังหรือไม่ ประเทศจะมีปัญหาหรือไม่...

พูดกันชัด ๆ ตรงนี้ หลังจากที่ร่างเอกสารข้อเสนอแนะเรื่อง Digital Wallet 177 หน้า ของ ป.ป.ช. ที่มีท่านสุภา ปิยะจิตติ เป็นประธานคณะทำงานหลุดรอดออกมา เมื่อวันที่ 16 ม.ค. อ่านกันกี่ตลบก็ต้องบอกว่าโครงการแจก 1 หมื่นบาทผ่าน Digital Wallet มีความเสี่ยงทางกฎหมายสูงยิ่ง และเอาเข้าจริงภาวะเศรษฐกิจก็ไม่ถึงขั้นวิกฤต...

นี่แหละเป็นเหตุให้ ท่านจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง, หมอมิ้งค์ พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ และดร.เผ่าภูมิ ดาหน้ากันออกมาชน ป.ป.ช. และเลยไปถึง ‘แบงก์ชาติ’

ถึงขั้นนี้ก็ต้องฟันธงว่าอย่างไรเสียพรรคเพื่อไทยไม่ถอยแน่ แม้จะไม่ทัน เดือนพ.ค. ส่วนจะปรับรูปแบบเป็นอย่างไรนั้นต้องตามไปดูกันอีกครั้ง...

ขอกลับไปที่คำพยากรณ์เรื่องรัฐประหารของโหรฯ โสรัจจะอีกครั้ง ก็ต้องขอบอกว่าอีกโหรฯ หนึ่งที่คาดว่าอาจมีรัฐประหารในปี 2567 ก็คือ อาจารย์ภิญโญ พงศ์เจริญ ที่ระบุว่าอาจจะเกิดแถว ๆ เดือน ก.ย.

ส่วนโหรฯ อีกคู่หนึ่ง ทำนายเหมือนกันว่าจะมีการเปลี่ยนนายกฯ ในปีนี้ และนายกฯ คนใหม่ที่ว่านี้ ‘ไม่ใช่ผู้หญิง’ ซึ่งแปลว่าไม่ใช่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร นั่นเอง

โหรฯ สองท่านที่ว่าคือ ซินแสภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล และวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรฯ คมช. โดยโหรฯ วารินทร์เรียกนายกฯ ผู้ชายคนที่กำลังจะมาว่า ‘ผู้ที่มีหน้าที่ที่แท้จริง’ ซึ่งหากใครที่รู้ปูมหลังของโหรฯ วารินทร์ และอ่านที่ท่านให้สัมภาษณ์เต็ม ๆ ทำให้ใบหน้าผู้ชายที่ละม้ายคล้าย ‘ลุงตู่’ ประยุทธ์, อนุทิน และพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ลอยมาเข้าตา…แบบเต็ม ๆ ตา

ส่วนจะเป็นใครโหรฯ วารินทร์ไม่บอก บอกเพียงว่าเป็นผู้ที่มั่นคงในชาติ ศาสน์ กษัตริย์


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top