Tuesday, 30 April 2024
เลียบการเมือง

อัปเดต!! ข้อมูลใหม่ 'อุ๊งอิ๊ง' ไม่รอ 'เศรษฐา' ไม่ไหว!! ขึ้นนายกฯ ทันที

อย่าทำเป็นเล่นไป...ในหมู่วงในการเมืองและสภากาแฟเขาวิพากษ์ถกเถียงกันไม่น้อยนะ กับคำทำนายของโหร คมช.นาม 'วารินทร์  บัววิรัตน์เลิศ' ที่ออกมาทำนายทายทักดวงบ้านดวงเมืองในวันกองทัพไทย 18 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า...ภายในปีนี้จะมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ

โหรวารินทร์บอกว่า 'ผู้มีหน้าที่ที่แท้จริง' จะเข้ามาทำหน้าที่นำพาบ้านเมืองสู่ยุคศิวิไลซ์...นักข่าวถามจี้ว่านายกฯ คนใหม่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย...เสียงดังฟังชัดตอบว่า 'ผู้ชาย'

แค่นั้นแหละ...เดากันให้ว้าวุ่นว่า...ผู้ชายคนนั้น คือ มท.หนู อนุทิน หรือ ลุงป้อม พปชร.หรือ ลุงตู่...เพราะทั้งสามท่านล้วนยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ...

'เล็ก เลียบด่วน' ยังไม่อยากเดาตามโหรวารินทร์ แม้จะกล่าวกันว่าลึก ๆ แล้วโหรวารินทร์ท่านนี้จะพยากรณ์แบบมี Hint ข่าวหรือทราบเบาะแสจากผู้หลักผู้ใหญ่ก็ตาม...เอาเป็นว่าบทนิยามการเมืองไทย แคนดิเดตทั้งสามท่านมีโอกาสหมด แม้วันนี้ 'ลุงตู่' จะไปเป็นองคมนตรีแล้วก็ตาม...

แต่ข่าวและความเชื่อของ 'เล็ก เลียบด่วน' นาทีนี้เอียงกระเท่เร่มาทางข่าวนี้มากกว่า...นั่นคือข่าวที่ว่า  พรรคเพื่อไทยโดยเจ้าของพรรคที่แท้จริงเริ่มคิดใหม่ ตัดสินใจใหม่แล้วว่า ถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ จากเศรษฐา ทวีสิน เป็นคนอื่น...

คนอื่น...คนนั้น...จะไม่ใช่ผู้ชาย แต่จะเป็นผู้หญิงที่ชื่อ 'อุ๊งอิ๊ง' แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค/แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย คนที่ 'คุณแม่' แตะเบรกไม่ให้ขึ้นนายกฯ เมื่อเดือน ส.ค.2566 นั่นเอง...

แต่นาทีนี้สถานการณ์เปลี่ยนแล้ว...ระดับสูงของพรรคเพื่อไทยปล่อยข่าวที่น่าเชื่อผ่านหูของ 'เล็ก เลียบด่วน' ว่า ชั่วโมงนี้คุณพ่อ-คุณแม่ของอุ๊งอิ๊งพร้อมแล้วที่จะปล่อยตัวลูกสาวทะยานขึ้นสู่ดวงดาว...โดยไม่จำเป็นต้องไปฝึกปรือเป็นรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าจะเป็นก็ได้ถ้าเป็นมติพรรค...

อย่างไรก็ตาม...ย่างก้าวของ 'อุ๊งอิ๊ง' ไม่รีบเร่ง...นายใหญ่ชินวัตรยังต้องการให้ประคับประคองคนชื่อ 'เศรษฐา' ไปให้นานที่สุด ถ้าได้ครึ่งเทอมก็ยิ่งดี หลังจากนั้นจึงจะเป็นคิวของแพทองธาร...ขึ้นมาโชว์ฝีมือแล้วค่อยยุบสภา สู้ศึกเลือกตั้งกันใหม่...แล้วอุ๊งอิ๊งก็น่าจะได้เป็นนายกฯ รอบสอง

ทั้งนี้ทั้งนั้นการวิเคราะห์สถานการณ์ของแกนนำพรรคเพื่อไทย ผ่าน Hint จากนายใหญ่ก็คือ เกมการเมืองในสมัยหน้าฝั่งอนุรักษ์นิยมยังต้องใช้บริการพรรคเพื่อไทย เพื่อตรึงแนวรบพรรคก้าวไกลให้หยุดอยู่ที่ฝ่ายค้านเหมือนเดิม...นี่คือไพ่ใบสำคัญที่เป็นแต้มต่อของพรรคเพื่อไทย...รัฐบาลสมัยหน้าก็น่าจะเป็นสูตรเดิมแบบปัจจุบัน...

ฟังมาเช่นนี้ก็มาบอกเล่าสู่กันฟัง...แม้ 'เล็ก เลียบด่วน' อาจจะรู้สึกอึดอัดกับทิศทางความเป็นไปประมาณว่า...สิ้นเศรษฐาก็ต้องเป็นอุ๊งอิ๊ง...เท่านั้น  ก็ตาม แต่ถ้าเป็นอีกสูตรคือให้เพื่อไทยไปจับมือกับก้าวไกลยึดประเทศนี้ คิดดูแล้วก็จะหนาวกว่าอยู่กับสูตรเพื่อไทยที่ยังมีพรรคอื่นๆ ค่อยถ่วงดุลได้บ้าง...เฮ่อออ..!!

ยกเว้นความเป็นนักโทษเทวดา...อันนั้น...เห็นจะต้องรอการพิสูจน์ระหว่างกฎหมายกับกฎแห่งกรรม...อีกที!!

จับตาด่านสอง ‘พิธา-ก้าวไกล’ ‘คดี ม.112-ล้มล้างฯ’ มีเสียว!!

นับเป็นโชคดีของ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ที่ได้กลับสู่สภาฯ อีกครั้ง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 วินิจฉัยว่าแม้พิธาจะถือหุ้นไอทีวีอยู่จริง แต่ในขณะนั้นไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการสื่อ ไม่มีรายได้ ฯลฯ จึงไม่นับเป็นหุ้นสื่อ ไม่มีลักษณะต้องห้ามมาตรารัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ที่ห้ามถือหุ้นสื่อ...จึงไม่พ้นสมาชิกภาพความเป็น สส.ตามมาตรา101 (6)

ส่วนตัว ‘เล็ก เลียบด่วน’ ต้องขอแสดงความยินดีกับ พิธา...และเชื่อว่าหากจากนี้ไปหากพิธาซื่อตรงกับข้อเท็จจริงในทุกเรื่อง รวมทั้งชีวิตส่วนตัว...แปลไทยเป็นไทยว่า อย่าพูดโกหกไม่ว่าเรื่องใด ๆ ก็จะจำเริญรุ่งเรือง เพราะคนไทยเชื่อในพุทธภาษิต “คนพูดโกหกไม่ทำชั่วไม่มี” แก้ตรงนี้เสีย...อนาคตก็จะก้าวไกลเหมือนชื่อพรรค เฉพาะหน้าประชุมใหญ่วิสามัญเดือน เม.ย.ก็น่าจะได้คัมแบ็ก นั่งหัวหน้าพรรค และสเตปต์ต่อไปก็คือ เป็นผู้นำฝ่ายค้านสภาผู้แทนราษฎร…

สมัยนี้ก็เป็นผู้นำฝ่ายค้าน เป็นนายกฯ รถแห่ หรือ นายกฯ ว่าวไปก่อน...บำเพ็ญเพียรบารมี ยกระดับวุฒิภาวะอีกขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เลือกตั้งรอบหน้าระเบิดเถิดเทิง

อย่างไรก็ตามวันพุธที่ 31 ม.ค. 67 มีอีกด่านที่ พิธา ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกลผู้ถูกร้องที่ 2 จะต้องลุ้นระทึกคือ คดีที่ถูกร้องเรื่องการหาเสียงที่เดินหน้าแก้ไขมาตรา 112 สืบเนื่องถึงปัจจุบัน เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง...หรือไม่?

ผู้ร้องคือ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษตร ศิษย์เอกคนหนึ่งของอดีตพระพุทธะอิสระ...

เป็นคดีที่ผู้ร้องต่อยอดมาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 10 พ.ย. 64 กรณีการชุมนุมที่ธรรมศาสตร์ ที่มีการเสนอ 10 ข้อแบบ ‘ทะลุเพดาน’ ให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งศาลสั่งให้นายอานนท์ นำภา, ภาณุพงศ์ จาดนอก และ รุ้ง ปนัสยา รวมทั้งองค์เครือข่ายหยุดการดำเนินการเพราะเป็นการเคลื่อนที่ไหวที่ “มีเจตนาซ่อนเร้นเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่เป็นการปฏิรูป..”

นายธีรยุทธเห็นว่าพรรคก้าวไกลดำเนินการขัดกับคำวินิจฉัย จึงใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ยื่นร้อง และศาลมีมติรับคำร้องเมื่อ 12 ก.ค. 66

ตอนท้ายของหน้าที่ 18 ของคำร้อง นายธีรยุทธ ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า…

“...เพื่อเป็นมาตรการป้องกันความเสียร้ายแรงที่อาจจะเกิดกับสถาบันหลักของประเทศไว้ก่อน อันเป็นรัฐประศาสโนบายที่จำเป็นเพื่อดับไฟกองใหญ่ไว้แต่ต้นล้ม ผู้ร้องจึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญโปรดพิจารณาวินิจฉัยสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกดำเนินการใด ๆ หรือกระทำการใด ๆ เพื่อยกเลิกหรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และให้เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  ที่กระทำอย่าและเลิกดำเนินการใด ๆ หรือกระทำการใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสอง”

ดูตามคำร้องคำขอ...คดีนี้ ก็คงไม่ไปไกลถึงขั้นยุบพรรคอะไรที่ไหนหรอก...แต่ที่ควรจับตามองคือ รายละเอียดและข้อเท็จจริงบางช่วงตอนที่ศาลจะวินิจฉัยเกี่ยวกับพฤติการณ์ของพิธาและก้าวไกลว่าเกี่ยวโยงกับคำวินิจฉัยของศาลรธน.10 พ.ย. 64 หรือไม่และอย่างไร?...ซึ่งตรงนั้นอาจเป็นเชื้อหรือสารตั้งต้น ให้บรรดา ‘นักร้อง’ นำไปทำหน้าที่กันต่อไป…

‘พิธา-ก้าวไกล’ อย่ามองข้ามความปลอดภัย...!!

จับตา!! ‘เพื่อไทย’ ขอตั้ง กมธ.วิสามัญ ศึกษานิรโทษกรรม หวังยืดเวลาเพื่อใคร?

เมื่อสัปดาห์ก่อน พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ยื่นร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมในชื่อ ‘ร่างพ.ร.บ.เสริมสร้างสันติสุข พ.ศ....’ นับเป็นร่างนิรโทษกรรมฉบับที่ 3 ต่อจากพรรคก้าวไกลและพรรคครูไทยเพื่อประชาชน หลายคนก็ลุ้นกันว่า แล้วพรรคเพื่อไทยที่ชูธงนโยบายจะสร้างความปรองดองสมานฉันท์ จะเอาไง…ว่าอย่างไร

ล่าสุดก่อนปั่นต้นฉบับชิ้นนี้ตอนเที่ยงวันที่ 30 ม.ค. ‘เล็ก เลียบด่วน’ ได้รับแจ้งว่าพรรคเพื่อไทยยืนยัน นั่งยันที่จะขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาแนวทางการปรองดอง-นิรโทษ โดยจะปฏิบัติการให้จบในวันนี้ พรุ่งนี้

แบบว่า…ยื่นปุ๊บ วันนี้ อีกวันก็ขอให้สภาฯ ลัดคิวเอาญัตตินี้ขึ้นมาพิจารณา เมื่อตั้ง กมธ.วิสามัญแล้วก็ศึกษากันไป 3-4 เดือนตามสูตรสำเร็จ แล้วรายงานต่อสภาฯ จากนั้นสภาฯ ก็ส่งรายงานให้รัฐบาล รัฐบาลก็จะนำไปส่องดูว่าควรดำเนินการอย่างไร

พูดไปทำไมมี…เรื่องนี้แทบไม่ต้องวิเคราะห์กันให้เมื่อยตุ้ม ฟันธงลงไปเลยว่า เป็นเกมยืดเวลา...ขอเวลาตั้งหลักของพรรคเพื่อไทยนั่นเอง...

ขยายความว่า...นาทีนี้พรรคเพื่อไทยยังคิดไม่ตกว่าจะเอาอย่างไรกับกรณีความผิดตามมาตรา 112 ซึ่งตามร่างของพรรครทสช. และพรรคครูไทยนั้นไม่เอาด้วย แต่พรรคเพื่อไทยหลายส่วนเห็นว่าน่าจะครอบคลุมไปด้วย นายใหญ่ที่ชื่อ ‘ทักษิณ’ ที่ติดบ่วงคดี 112 อยู่ด้วยจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย

เช่นเดียวกันกับความผิดคดีทุจริต ตามร่างของพรรครทสช. และพรรคครูไทย ยืนยันว่าจะไม่นิรโทษกรรมให้…ดังนั้นใครต่อใครที่ติดบ่วงคดีนี้ รวมทั้งคนชื่อ ‘ยิ่งลักษณ์’ ก็จะไม่ได้รับอานิสงส์...

อันที่จริงผลการศึกษาเกี่ยวกับแนวทางการปรองดองสมานฉันท์ในห้วง 10 ปีมานี้ มีการศึกษากันมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ครั้งในช่วง สปช .และ สปท. หลังการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 และล่าสุด กมธ.กฎหมายและยุติธรรมของสภาฯ ชุดที่แล้ว ก็ศึกษารายงานรัฐบาลลุงตู่ไปเก็บไว้บนหิ้งด้วยเช่นกัน…

ว่ากันตามเนื้อหาของสถานการณ์จริง ๆ ในขณะนี้ การนิรโทษกรรมกลายเป็นของร้อนขึ้นมาก็เพราะความเห็นต่างกรณีจะนิรโทษกรรมให้ความผิดมาตรา 112 ด้วยหรือไม่นั่นเอง พรรคเพื่อไทยไม่อยากถือเรื่องนี้ไว้ในมือ จึงโยนเผือกร้อนไปที่สภา…ซื้อเวลา...เพราะในมือยังมีเผือกร้อนอีกเรื่องที่ต้องจัดการ…

ถึงบรรทัดนี้แทบจะสรุปได้ว่า…มหกรรมการปรองดองภายใต้ดีลลับหรือดีลเปิดจนถึงนาทีนี้คนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดคือคนชื่อ ‘ทักษิณ’ แม้จะได้ไม่เต็มร้อย...แต่ก็ถือว่า..วิน...

ส่วนใครที่วาดหวังว่าดีลลับดีลลึก...เมื่อเอาทักษิณกลับบ้านแล้วจะวิน-วิน กันทุกฝ่าย นิรโทษกรรมคดีกันไป เพื่อปลดล็อกความขัดแย้งของประเทศนั้น...ดูท่าจะมืดมัว

และดูเหมือนเมฆหมอกความขัดแย้งจะก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง…เว้นแต่คนชั้น 14 คิดยอมเสียสละประโยชน์ส่วนตัว กดปุ่มให้พรรคเดินหน้า พ.ร.บ.นิรโทษในสมัยประชุมหน้า...หลัง กมธ.วิสามัญศึกษาสำเร็จ...
เพื่อวิน วิน…กันทุกพรรค วิน..วิน กันทุกฝ่าย!!

เปิดฉาก!! 'แก้นิรโทษกรรม-ประชามติ-รธน.' ปฏิบัติการ 'กึ่งยิงกึ่งผ่าน' ของ 'เพื่อไทย'

ครับ!! เป็นไปตามที่ 'เล็ก เลียบด่วน' รายงานไว้เมื่อต้นสัปดาห์ว่า พรรคเพื่อไทยเขาจะ 'หักเหลี่ยมโหด' เสนอญัตติด่วนเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม และขอลัดคิวพิจารณา...ซึ่งวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ทุกอย่างก็จบลงด้วยความเรียบร้อยโรงเรียนเพื่อไทย...มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้นมา 35 คน เวลาศึกษา 2 เดือน...

ทำใจเป็นกลางก็พอจะพูดได้ว่า...เพื่อไทยต้องการให้รอบคอบ และคงมีความตั้งใจที่จะออกกฎหมายนี้อยู่พอประมาณ...สังเกตจากชื่อญัตติด่วนชื่อ ‘ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม’

แบ่บว่า...มีการยกระดับขึ้นมานิดหนึ่ง ไม่ใช่ศึกษาแนวทางปรองดอง แต่ศึกษา 'การตรากฎหมาย'

พูดก็พูดเหอะ 'เล็ก เลียบด่วน' เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับผู้สันทัดกรณีที่มองว่า...ลีลาฝ่ายกฎหมายและการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่มี 'ชูศักดิ์ ศิรินิล' เป็นเสนาธิการใหญ่...เป็นลีลาเกมฟุตบอลช็อตที่เรียกว่า 'กึ่งยิงกึ่งผ่าน' มีแต่ได้กับได้ เป็นการเช็กกระแสพรรคการเมืองและกระแสสังคมไปในตัว...และได้ยืดเวลาไปตั้งสติได้อีกเล็กน้อย

ไม่เพียงกึ่งยิงกึ่งผ่านเรื่องนิรโทษกรรมเท่านั้น วันเดียวกันพรรคเพื่อไทยนำโดย อ.ชูศักดิ์ แอบไปจัดดีลเล็ก ๆ กับพรรคก้าวไกล ยื่นขอแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประชามติ พ.ศ. 2558 เป้าหมายลึกเป็นที่รู้ ๆ กันมานานว่าต้องการแก้มาตรา 13 ที่บัญญัติการใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้นหรือ Double Majority ว่า...

“การออกเสียงที่จะถือว่ามีข้อยุติในเรื่องที่จัดทำประชามติ ต้องมีผู้ใช้สิทธิออกเสียงเป็นจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงและมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น”

แปลไทยเป็นไทยสมมุติผู้มีสิทธิออกเสียง 50 ล้าน ด่านแรก ต้องมาออกมาใช้สิทธิ์อย่างน้อย 25 ล้านคน ด่านสอง ใน 25 ล้านคนนั้นต้องเห็นชอบไม่น้อยกว่าครึ่งหรือ 12.5 ล้าน...

ซึ่งทั้งเพื่อไทยและก้าวไกลเกิดอาการป๊อดว่า...ถ้าไม่แก้กฎหมายประชามติ อาจจะตกม้าตายตั้งแต่ด่านแรก...การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเดินต่อไม่ได้ เสียหายหลายแสน เพราะไปหาเสียงเอาไว้ใหญ่โต...!!

การยื่นแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติหนนี้จึงเป็นหนึ่งในปฏิบัติการ...กึ่งยิงกึ่งผ่าน...เช่นเดียวกัน

แต่จะว่าไป...กึ่งยิงกึ่งผ่านของพรรคเพื่อไทยก่อนหน้านี้ก็ค่อนข้างชัดเจน นั่นคือการที่ อ.ชูศักดิ์ นำทีม 122 สส.ย่องไปยืนแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ว่าด้วยการแก้ไขจัดทำรัฐธรรมนูญซึ่งต้องถามประชามติ...เป้าหมายส่วนลึก อ.ชูศักดิ์ยอมรับว่า ประธานรัฐสภาคงไม่กล้าบรรจุเป็นวาระประชุม เพื่อไทยจะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าใครถูกใครผิด และจะได้ถามในคราวเดียวกันไปเลยว่าการจัดทำประชามติต้องทำกี่ครั้งกันแน่ แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยเห็นว่าสองครั้งเท่านั้น ประหยัดงบประมาณได้ 3-4 พันล้านบาท...

ก็ได้แต่ภาวนาว่า...ขอให้ปฏิบัติการกึ่งยิงกึ่งผ่าน 3 ลูกของพรรคเพื่อไทยประสบความสำเร็จหรือเข้าประตูได้สักลูก...โดยเฉพาะกรณีนิรโทษกรรมที่ชายชั้น 14 สามารถไถ่บาปให้ตัวเองได้ด้วยการส่งสัญญาณให้พลพรรคเพื่อไทยเดินหน้า ปลดล็อกความขัดแย้งให้ได้ แม้ปลดได้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย..

ฝากคุณหนูอุ๊งอิ๊งไปกระซิบข้างหูคุณพ่อด้วยนะจ๊ะ!!

‘ทักษิณ’ พลิกเกม!! ข้ามคดี ม.112 พร้อมกู่ก้อง ‘พักโทษกรณีพิเศษ’

ต้องขอบคุณ อ.วิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.) ที่ทำหนังสือสอบถามความคืบหน้าคดีที่ นายทักษิณ ชินวัตร ถูกกล่าวหามีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีไปจ้อที่เกาหลีใต้...และมีคนร้องเอาผิดว่า ‘หมิ่นฯ’ จนกลายเป็นคดีนอกราชอาณาจักร และอัยการสูงสุด (อสส.) ต้องรับผิดชอบ...

ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อสส. ในขณะนั้นมีความเห็นเมื่อ 19 ก.ย.ว่า ‘ควรสั่งฟ้อง’ ตามที่พนักงานสอบสวนเสนอมา...แต่ช่วงนั้นอย่างที่รู้ ๆ กันว่าทักษิณกำลังหนีคดีทัวร์เที่ยวโลก ทาง อสส. จึงให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับ โดยคดีจะหมดอายุความ 21 พ.ค. 2567

นั่นแหละ!! อ.วิรังรอง จึงต้องทำหนังสือสอบถามทั้งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี คือ กองบังคับการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) และสำนักงานอัยการสูงสุด...

และวันนี้ (6 ก.พ. 67) ประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดมือโปร จึงนำทีมมาแถลงข่าวเรื่องนี้…โดยสรุปสาระสำคัญที่สุดได้ว่า...หลังจากทักษิณเดินทางกลับไทยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเมื่อ 22 ส.ค. 67 แล้ว เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 67 ทางสำนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา-พฤติการณ์คดีให้ทักษิณรับทราบพร้อมบันทึกคำให้การ ซึ่งนายทักษิณได้ยื่นเรื่องขอความเป็นธรรม...

ที่สุดของที่สุดจึงต้องรวบรวมเรื่องราวเสนอให้ อสส. พิจารณาเพื่อฟันธงอีกครั้ง ซึ่งการฟันธงมีความเป็นไปได้ 3 ทางคือ 

1) สั่งสอบเพิ่ม 
2) สั่งฟ้อง 
3) สั่งไม่ฟ้อง

โดยที่ระหว่างนี้หากวันที่ 18 หรือ 22 ก.พ. 67 หากทักษิณได้รับการพักโทษ ก็อยู่ที่พนักงานสอบสวนจะดำเนินการอย่างไร...ต้องดูด้วยว่าการดำเนินรวบรวมพยานหลักฐาน ข้อร้องเรียนต่าง ๆ ของทางอัยการเรียบร้อยหรือยัง...

ครับ...นั่นคือสาระจากด้านอัยการ แต่อีกด้านหนึ่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์...นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ ให้สัมภาษณ์ยอมรับแล้วว่าคนชื่อ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เข้าข่ายหลักเกณฑ์ที่จะได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษคือ อายุเกิน 70 ปี ป่วย และรับโทษครบ 6 เดือน เพียงแต่ นายสหการณ์ เขินอายที่จะบอกว่าผู้ที่ได้รับการพักโทษในเดือนนี้มีชื่อทักษิณหรือไม่ แต่ยอมรับว่าเมื่อปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการพิจารณาผู้ได้รับการพักโทษได้จบสิ้นไปแล้ว...

ถึงบรรทัดนี้ก็ต้องขมวดลงตรงประเด็นสรุปว่า...จะด้วยความบิดเบี้ยวของกระบวนการยุติธรรมที่ถูกโกงความยุติธรรมหรือเพราะเหตุผลกลใดก็ตาม...มีแนวโน้มสูงยิ่งที่ ‘ทักษิณ’ จะได้รับการพักโทษโดยไม่ต้องไปตัดผมสั้น หรือต้องนุ่งกางเกงขาสั้นชุดนักโทษในเรือนจำ...ขณะที่คดี ม.112 ก็ยังคาราคาซัง คาสำนักงานอัยการต่อไป...

วันปล่อยตัวทักษิณ...ก็ไม่น่าจะมีใครได้เห็นหน้าเห็นตา...อีกต่างหาก

สวัสดีประเทศไทย

จับตา!! ก้าวใหม่ ‘นายกฯ เศรษฐา’ ปรับแก้เงินดิจิทัลฯ ข้ามกับดัก ป.ป.ช.

ด้วยการทำหน้าที่ประธานวิป ครม. กับรัฐสภาอย่างแข็งขันของ ‘รัฐมนตรีเดือน’ มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ด้วยการปรับวิธีคิดวิธีมองของเจ้าตัว และด้วยแรงเชียร์ของ สส.พรรคเพื่อไทย ทำให้เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่าน นายกรัฐมนตรีสูงยาวถุงเท้าแดง…นายกฯ คนที่ 30 นาม ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ย่างสามขุมไปตอบกระทู้ถามสดกลางสภาฯ

คนถามเป็นอดีตนายกฯ คนที่ 20 นาม ‘ชวน หลีกภัย’ อีกคนคือ อดีตรมว.คมนาคม จากค่ายภูมิใจไทย นาม ‘โสภณ ซารัมย์’

ประธานสภาฯ  วันมูหะหมัดนอร์ มะทา เอ่ยปากขอบคุณและชื่นชมนายกฯ และ ครม. อยู่พักใหญ่

‘เล็ก เลียบด่วน’ นั่งฟังอยู่กลางสี่แยกไฟแดงพอดี ต้องบอกตรง ๆ ว่าขอกดไลก์ให้นายกฯ สักครั้ง ทั้งการตัดสินใจไปตอบกระทู้และเนื้อหาตอบกระทู้ที่ฟังดูมีความเร่าร้อนที่จะแก้ปัญหา...ก็โอเค…

สายข่าวพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า...บัดนี้นายกฯ เศรษฐาพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าเข้าสู่โหมดผู้นำที่จะลืมตาดวงโตทั้งสองข้างเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต…เริ่มตั้งแต่การประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ในสัปดาห์หน้า อาจจะเป็นวันที่ 15 ก.พ. หรือถ้าติดขัดก็เป็นสัปดาห์ต่อไป...เพื่อหาบทสรุป และจะได้รู้กันว่ากรรมการแต่ละคนคิดอ่านกันอย่างไร...ก่อนที่จะได้สรุปและนำเสนอ ครม. ต่อไป หากว่าไม่มีบทสรุปเป็นอย่างอื่น…

ว่ากันตามเนื้อผ้าก็ระทึกใจดี เพราะไม่ว่าจะอย่างไร คำเตือนจากป.ป.ช. ภายใต้บทสรุป ‘4 ความเสี่ยง 8 ข้อเสนอแนะ’ นั้น อ่านแล้วอาจจะไม่เห็นด้วยแต่มันก็ชวนหลอกหลอนอยู่ไม่น้อย ‘เล็ก เลียบด่วน ขอคัดลอกข้อเสนอแนะข้อที่ 8 ข้อสุดท้าย มาเป็นตัวอย่างไว้ ณ ที่นี้

“7.8 หากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องการช่วยเหลือประชาชน รัฐบาลควรช่วยเหลือกลุ่มประชาชนที่มีฐานะยากจน ที่เปราะบาง ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เท่านั้น โดยแจกจากแหล่งเงินงบประมาณปกติ มิใช่เงินกู้ตามพระราชบัญญัติเงินกู้ และจ่ายในรูปเงินบาทปกติในอัตราที่เหมาะสม เพื่อพยุงการดำรงชีวิตของกลุ่มประชาชนที่ยากจน โดยการกระจายจ่ายเงินเป็นงวด ๆ หลายงวด ผ่านระบบแอปเป๋าตังที่มีประสิทธิภาพ และมีฐานข้อมูลครบสามารถทำได้รวดเร็ว การดำเนินการกรณีนี้หากใช้แหล่งเงินงบประมาณปกติ มิใช่จากการกู้เงินตามพระราชบัญญัติเงินกู้จะลดความเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ ขัดพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561 และขัดพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 ประการสำคัญ ไม่สร้างภาระหนี้สาธารณะของประเทศ ในระยะยาว”

ก็ต้องตามไปดูว่าจะมีการปรับแก้อะไรกันบ้างก่อนจะเดินหน้าก้าวข้ามไปให้ได้....เพราะนาทีนี้ถ้าถอยหลังต้องบอกว่าเสียรังวัด เสียฟอร์มพรรค ที่ว่า ‘คิดใหญ่ทำเป็น’

แต่ก็นั่นแหละผู้สันทัดกรณีชี้ว่า…งานนี้พรรคเพื่อไทยลุยพรรคเดียวก็ไปไม่ได้ ต้องถามพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นด้วย วันไหนนำเข้า ครม. วันนั้นจะได้รู้กัน...แต่ถ้าถามภายใต้เงื่อนไขวันนี้ วันที่ยังไม่มีการปรับแก้อะไรกัน ‘เล็ก เลียบด่วน’ ฟันธงให้ได้เลยก็ได้ว่า...

อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย และพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าค่ายรวมไทยสร้างชาติ...ไม่เอาด้วยแน่นอน… 

ดังนั้นจะแก้อะไรก็รีบแก้ พูดเป็นอย่างเดียวไม่พอ คิดดีอย่างเดียวไม่ได้ต้องทำเป็นด้วย..

วันนี้มาเอาใจช่วยนายกฯ ให้โชคดี เฮงๆ หลังตรุษจีนครับ

'โทนี่' เท่!! เย้ยฟ้าท้าดิน จ่อรับพักโทษก่อนรุ่งสาง 18 ก.พ. ปิดฉาก 'นุ่งกางเกงขาสั้น-เดินออกจากประตูเรือนจำ'

ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์...ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย จากจำนวนทั้งสิ้น 930 คน ที่ได้รับการพักโทษ ซึ่งปรากฏว่ามีชื่อนักโทษชายเด็ดขาด 'ทักษิณ ชินวัตร' รวมอยู่ด้วย

เป็นการได้รับการพักโทษโดยอัตโนมัติ (คำพูดพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม) ก่อนเข้าประชุม ครม.วันที่ 13 ก.พ.67

'อัตโนมัติ' ของ พ.ต.อ.ทวี หมายถึงทักษิณเข้ากฎกติกา...โทษ 1 ปี ได้รับการพักโทษ 180 วัน (6 เดือน) เนื่องจากอายุเกิน 70 ปี และเป็นผู้ป่วย...ซึ่งคุณสมบัติแบบนี้ นับจากปี 2546 จนถึงปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 2,240 คน ปีนี้มี 8 คน และทักษิณเป็น 1 ใน 8

ส่วนจะได้รับพักโทษวันที่ 17 ก.พ. หรือวันไหน ท่านทวี สอดไส้ (ฉายานักข่าวทำเนียบตั้ง) บอกว่าต้องไปไล่วันเอาดู...

แต่ในแวดวงสภากาแฟ...แวดวงสส./สว.เขาพูดกันมาสองสัปดาห์แล้วว่า...ทักษิณจะพักโทษหลังเที่ยงคืนวันที่ 17 ก.พ. แปลว่าพ้นโทษวันที่ 18 ก.พ.นั่นเอง บางคนบอกว่าตีห้า วันที่ 18 ก.พ.

งานนี้ 'โทนี่ วู้ดซั่ม' ไม่ต้องติดกำไลอีเอ็มให้เมื่อยข้อ...แต่ปัญหามีอยู่ว่า พักโทษปุ๊บจะออกจากชั้น 14 รพ.ตำรวจ ไปบ้านจันทร์ส่องหล้า ฝั่งธนฯ หรือย้ายไป รพ.พระราม 9 หรือขอไปนอนตีพุงที่โรงแรมคุณลูกเขย แถวสุขุมวิทหรือคอนโดหรู แถวไอคอนสยาม...หรือสุดท้ายขอนอนเอาเชิงที่ชั้น 14 ถ่ายรูปให้เห็นเป็นเชิงประจักษ์ว่านอนอยู่ชั้น 14 จริงๆ นะ...

...และไม่แค่การปล่อยตัวพักโทษทักษิณ แต่ 'เล็ก เลียบด่วน' เชื่อว่าจะไม่มีการอายัดตัวกรณีถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 เพราะมีการสอบปากคำและทักษิณได้ปฏิเสธ พร้อมยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปแล้วตั้งแต่ 17 ม.ค.67 (ตามคำแถลงทีมโฆษกอัยการ)

สรุปว่า...ท้ายสุดสุดท้าย...คงยากที่ใครอยากเห็นทักษิณนุ่งกางเกงขาสั้น เดินออกจากประตูเรือนจำ...แล้วตำรวจรวบตัวไปดำเนินคดีมาตรา 112  ให้เลิกฝัน...งานนี้ไม่มีการติดคุก (ในเรือนจำ) แม้แต่วันเดียวจริงๆ...หลายคนคงรู้สึกกระอักเลือดกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น  

ไม่เพียงแค่นั้น...ในอนาคต ใครกลุ่มไหนจะไล่ล่าเอาความผิดกับทักษิณก็คงยาก...อย่างมากอาจจะมีข้าราชการที่ถูกร้องเรียนเอาผิดโทษฐานช่วยเหลือทักษิณ...ประเด็นที่ คปท.ล่ารายชื่อเพื่อให้ศาลไต่สวนเอาผิด ป.ป.ช.ที่ทำงานล่าช้าไม่ดำเนินการก็ยังไม่แน่ว่าจะเข้าเป้าหรือไม่...

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การออกมาชุมนุมสองรอบของคปท.ที่เข้าตาเข้าเป้ามากที่สุดก็คือ การให้ข้อเท็จจริง การออกมาจี้ติดและประจานขบวนการสมคบคิด...โกงการติดคุก...ติดคุกยังโกง....อันเป็นที่มาของข้อเรียกร้องใหญ่ตามป้ายที่แลเห็นจนชินตาว่า 'save กระบวนการยุติธรรม'

ปล.ก่อนที่ ทักษิณ หรือ โทนี่ วู้ดซั่ม จะออกมาพักโทษวันที่ 16 ก.พ.นี้ ท่านผู้อ่านโปรดเงี่ยหูฟังการประชุมรัฐสภาสักเล็กน้อย เพราะพรรคเพื่อไทยนำโดยท่านชูศักดิ์ ศิรินิล กับคณะ เสนอแก้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและ พ.ร.ป.ว่าด้วยการพิจารณาคดีศาลฎีกาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง...หลักการใหญ่คือเปลี่ยนนิยามคำว่า 'ผู้เสียหาย' และเปิดโอกาสให้ผู้เสียหายฟ้องได้เอง แม้จะเป็นการฟ้องย้อนหลัง...

สว.วันชัย สอนศิริ ออกมาดักคอเบาๆ ว่า อาจจะมีวาระซ่อนเร้นหรือเป็นเงื่อนไขให้เกิดความวุ่นวาย  แต่ก็ถูกตอบโต้มาแล้ว ส่วน 'เล็ก เลียบด่วน' ไปอ่านร่างแก้ไข 2 พ.ร.ป. คร่าวๆ แล้วสรุปได้สั้นเพียงว่า...งานนี้เพื่อไทยอาจคิดผิดก็ได้ เพราะดีไม่ดีอาจเข้าเนื้อตัวเอง มากกว่าที่จะเอาผิดคนอื่น..!!

'ก้าวไกล' กับพื้นที่ ที่เริ่มไม่ปลอดภัย ส่วน 'ทักษิณ' พักโทษ แต่ 'คปท.' รุกต่อ

ต้องบอกว่าสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์เดือดของเหตุบ้านการเมือง โดยเฉพาะวันที่ 14 ก.พ. 67 กลายเป็นวาเลนไทน์เดือด หวุดหวิดจะได้เลือด...หากสถานที่ดังกล่าวไม่ใช่สภาฯ...ขณะเดียวกันมีเหตุการณ์หลายอย่างที่ควรแก่การ 'สรุป-บันทึก' หมายเหตุให้แฟนรายการคอลัมน์ 'เลียบการเมือง' ได้รับทราบ ติดตามดังนี้...

1) กรณีญัตติด่วนเรื่อง การทบทวนมาตราการ การรักษาความปลอดภัยขบวนเสด็จ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติเสนอ และประชาธิปัตย์ขอพ่วงท้าย และอภิปรายกันจนเป็นวาเลนไทน์เดือด

บทสรุปก็คือ ส่งผลการพิจารณาญัตติด่วนให้รัฐบาลและ กมธ.วิสามัญ พิจารณากฎหมายนิรโทษกรรม  ส่วนที่ กมธ.ความมั่นฯ ที่รังสิมันต์ โรม ขอกลางสภาฯ ด้วยนั้น ประธานสภาฯ จะจัดส่งให้เป็นกรณีต่างหาก ซึ่งดูเหมือนจะสร้างความผิดหวังให้กับพรรคก้าวไกลพอประมาณ เพราะพรรคก้าวไกลถูก 'ชาดา ไทยเศรษฐ์' รมช.มหาดไทย ที่อภิปรายตอบโต้รังสิมันต์ โรม แฉกลับว่ามีผู้ช่วย สส.ของบางพรรคให้เงินสนับสนุนเยาวชนเคลื่อนไหวด้อยค่าสถาบัน

จากญัตติด่วนฯ ครั้งนี้ แม้พรรคก้าวไกลจะพยายามอภิปรายประเด็นสิทธิเสรีภาพ การสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยของสังคม ฯลฯ โดยไม่มีน้ำเสียงตำหนิ 'ตะวัน' ที่ก่อเหตุ หนำซ้ำยังอภิปรายเชิงปกป้องด้วยวาทกรรมร้อยแปด...นักสังเกตการณ์ทางการเมืองต่างเชื่อว่าจะทำให้กลุ่มกลาง ๆ ที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ถอยห่างออกมาไม่น้อย

2) กรณีทักษิณ ชินวัตร ได้รับการพักโทษโดยไม่ต้องติดกำไลอีเอ็ม คาดว่าทักษิณจะยังไม่เปิดตัวในมิติที่มีความสุขสดชื่นอย่างแน่นอน เพราะจะย้อนแย้งกับข่าวอาการป่วย เป็นไปได้ที่จะมีการปล่อยภาพการนอนพักรักษาตัวหลุดออกมาโชว์ให้เห็น

ทั้งหลายทั้งปวง ใช่หรือไม่ว่า...ขณะที่ครอบครัวชินวัตรมีความสุขที่ได้ต้อนรับทักษิณกลับบ้าน พร้อมบริการราชทัณฑ์จันทร์ส่องหล้า แต่ประเด็นทางสังคม...ผลทางอ้อมเชิงลบที่ 'อุ๊งอิ๊ง' แพทองธาร ชินวัตร จะได้รับอันเนื่องจากกรณี 'นักโทษเทวดา' ก็จะเป็นมลทินที่ยากจะลบล้าง...

อนึ่งสำหรับ กลุ่มผู้ชุมนุมที่นำโดยเครือข่ายประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) คาดว่าจะมีการชุมนุมไปอีกระยะ เพราะล่าสุดมีการเติมเสบียงและเสริมทัพจากกองทัพธรรม ทั้งนี้เพื่อรอสถานการณ์สะเด็ดน้ำ

3) รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของเศรษฐา ทวีสิน ดูเหมือนจะออกอาการบ้านหมุน ประคับประคองตัวตั้งหลัก...โดยเฉพาะกรณีดิจิทัล วอลเล็ต...คณะกรรมการมีมติยืดเวลาออกไป 30 วันเพื่อศึกษาข้อเสนอ และหาแนวทางป้องกันการทุจริต ซึ่งไป ๆ มา ๆ รวมเวลาทางธุรการกว่าจะกลับมาประชุมกันอีกครั้งก็ร่วมสองเดือน ซึ่งก็ไม่มีหลักประกันที่แข็งแรงใด ๆ ว่าจะจบ...

4) ขณะที่พรรคเพื่อไทย...ฝ่ายกฎหมายก็ออกอาการเสียรังวัด เมื่อจู่ๆ เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 67 นายชูศักดิ์ ศิรินิล ก็ทำหนังสือขอถอนร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ...ที่กำลังจะเข้าที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 16 ก.พ. จนต้องมีการแจ้งยกเลิกประชุมกะทันหัน

สาระหลักของร่างกฎหมายดังกล่าวเปิดโอกาสให้ 'ผู้เสียหาย' สามารถฟ้องร้องได้เองหาก ป.ป.ช.หรืออัยการสูงสุดสั่งยุติเรื่อง เท่ากับเปิดโอกาสให้มีการรื้อคดีสำคัญๆ ในอดีตขึ้นมา กลายเป็นดาบสองคม  เพราะฝ่ายตัวเองก็มีสิทธิ์โดนด้วย...นี่น่าจะเหตุผลหนึ่งที่ถูกสั่งให้ถอนร่างออกมา...

เปิดราคาที่แท้ทรู ‘ทักษิณ’ ณ จันทร์ส่องหล้า ผู้บัญชาการตัวจริง ‘ชิงกระแส-หยุดก้าวไกล’

แทบจะเป็นไปตามความคาดหมายทุกประการ…‘ทักษิณ ชินวัตร’ ได้รับการพักโทษวันที่ 18 ก.พ.2567 และเดินทางออกจากชั้น 14 รพ.ตำรวจ ตอน06.09น.

สายตาเก็บอาการไม่โศกเศร้าดีใจ ที่โดดเด่นคือมีเฝือกคอและห้อยแขนให้พอรู้ว่าเป็นคนป่วย...

แต่กิริยาอาการตอนนั่งรถครึ่งชั่วโมงไปบ้านจันทร์ส่องหล้า และตอนสายออกมานั่งชิลๆ ริมสระน้ำรับแดดให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ลูกสาวคนโปรดถ่ายภาพโพสต์นั้น ชัดเจนว่าไม่ใช่ผู้ป่วยหนักอย่างที่ออกข่าวกันก่อนหน้านี้...

เชื่อ ‘เล็ก เลียบด่วน’ เถอะว่า กรณีป่วยจริงหรือป่วยทิพย์...เรื่องนี้จะมีการตรวจสอบร้องเรียนกันเป็นเรื่องเป็นราว  เช่นเดียวกับกรณีอื่นๆ...อย่างแน่นอน

ไหนๆ ก็ไหนๆ เอาเป็นว่ากรณีปม ‘นักโทษเทวดา’ ที่ว่าๆ กัน...สุดท้ายจะมีการร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.และต่อศาลอาญาคดีทุจริตหรือ ‘ศาลปราบโกง’...บุคคลที่อยู่ในข่ายจะถูกร้องไล่ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีจนถึงอดีตแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ 

‘เล็ก เลียบด่วน’ นั่งนับนิ้วดูแล้วมีประมาณสิบคน...ซึ่งอยู่หน่วยงานไหนบ้างท่านผู้อ่านก็พอจะเดาๆ กันได้...

กลับมาโฟกัสกันที่ทิศทางของทักษิณและครอบครัวชินวัตร...จากนี้ไปบ้านจันทร์ส่องหล้าก็จะเป็นรัฐบาลนอกทำเนียบหรือทำเนียบรัฐบาล 2 เพราะศูนย์อำนาจตัวจริงอยู่ที่นี่...เหตุที่ใช้บ้านจันทร์ส่องหล้าก็เพราะไม่พร้อมที่จะเปิดพื้นที่อื่นหรือบ้านอื่นเอิกเกริกวุ่นวาย...โดยเฉพาะอาณาจักรชินวัตรย่านนวมินทร์...

สำหรับอาณาจักรย่านนวมินทร์...วันที่ 20 ก.พ.ได้มีการดวลแข้งกระชับมิตรระหว่างนักการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลกับสื่อมวลชนที่สนามอัลไพน์ ฟุตบอล แคมป์ เทรนนิ่ง กรุงเทพฯ ของ ‘โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร’ ซึ่งเป็นมุมหนึ่งในอาณาจักร...

ไม่แน่ว่า..แต่เดิมอาจจะวางโปรแกรมเอาไว้ให้ ‘นายใหญ่’ มาปรากฏตัวที่สนามแห่งนี้ด้วยหรือไม่? แต่สำหรับวันนี้สถานการณ์คงไม่เอื้ออำนวยซะแล้ว...

กล่าวกันถึงที่สุด...ราคาและความสำคัญของทักษิณในนาทีนี้ก็คือ ความเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงเสียงจริง...พรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำของรัฐบาลผสมกับกลุ่มอนุรักษ์นิยมหรือกลุ่มอำนาจเดิม...จนสื่อและสังคมหยวนๆ เรียกขานกันวันนี้ว่า...พรรคเพื่อไทยเป็นหัวขบวนของกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่...

การหยุดและตรึงแนวรบก้าวไกล...นี่คือ ราคา-ความสำคัญของทักษิณ คือที่มาของ ‘ดีลลับ’ คือการกลับบ้านอย่างเท่ๆ ของทักษิณ...ไม่ติดคุกไม่นอนคุกแม้แต่วันเดียว...เป็นบาดแผลของกระบวนการยุติธรรมครั้งใหญ่...

เป็นราคาที่สังคมประเทศต้องจ่าย...

อย่างไรก็ตามว่ากันว่า..ถ้าทักษิณกลับใจสู่ฟากฝั่งจริงๆ สะกดคำว่าทุจริตเชิงนโยบาย หรือคำว่าธุรกิจการเมืองไม่เป็น...หันมาชูธงอนุรักษ์นิยมทันสมัยแต่ปกป้องสถาบัน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการผลักดันให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยสร้างความปรองดองสมานฉันท์ นิรโทษกรรมคดีชุมนุมทางการเมืองที่กำลังศึกษากันอยู่...ก็จะเป็นอานิสงส์กับตัวเองและสังคม...

พูดกันตรงๆ ถ้าทักษิณสำนึกและปฏิบัติการล้างบาปความผิดพลาดของตัวเอง ให้อภัยกับคู่กรณีคู่ขัดแย้งกันแบบเห็นๆ ทักษิณก็อาจจะพลิกกลับเป็นวีรบุรุษได้ในพริบตา และจะเป็นกระดานหก ส่งผลเชิงบวกให้กับ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ที่เป็นแคนดิเดทนายกฯ ได้ไม่น้อย..

‘เล็ก เลียบด่วน’ ขออนุญาตมองโลกสวยบนพื้นฐานการวิเคราะห์ข่าวสักเล็กน้อยว่า...อีกไม่นานจนเกินรอ  เมื่อถอดเฝือกออกจากคอและแขนได้ ทักษิณจะได้เวลาแสดงออกถึงความจงรักภักดีในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง...และถ้าภาพนั้นเกิดขึ้นจริงก็จะเป็นภาพมงคล ส่งผลให้เรื่องร้อนสงบเย็นลงได้พอประมาณ...

สาธุ!!

คดีเว็บพนัน ส่อเละเป็น ‘โจ๊ก’ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ วืด ‘ผบ.ตร.’ อีกรอบ!?

ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า...ศึกครั้งนี้ใครจะเละเป็นโจ๊ก..ใช่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง หรือว่าเป็นอีกฝ่ายที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าฝ่ายบิ๊กต., บิ๊กป., บิ๊กย. หรือบิ๊กอะไรดี...เพราะเท่าที่ดู ๆ มีส่วนผสมของหลายบิ๊ก…

แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ ‘บิ๊กเต่า’ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) ในฐานะโฆษกทีมพนักงานสอบสวนคดีบิ๊กโจ๊ก ออกมาชักธงรบด้วยท่าทีท่วงทำนองมั่นอกมั่นใจ…ถึงขั้นบอกว่าระวัง ‘แมวเก้าชีวิต’ จะไม่มีชีวิตที่สิบ

สืบสาวราวเรื่อง สรุปสั้น ๆ นี่คือความเก่าคดีเก่าที่ค้างปี ที่ตำรวจไซเบอร์จับกุมนาย ‘บอสตาล’ นายพงษ์ศิริ ฐานราชวงศ์ศึก ประธานทีมฟุตบอลลำพูนริเวอร์ กรณีเว็บพนัน, ฟอกเงิน เมื่อ 20 มิ.ย.2566 และขยายผลกันมาจนถึง ‘มินนี่’ ธนัยนันท์ สุจริตชินศรี และเครือข่าย ลามมาถึงค้นบ้าน ‘บิ๊กโจ๊ก’ เมื่อ 25 ก.ย. และดำเนินคดีกับลูกน้องบิ๊กโจ๊ก...บลา..บลา..บลา...

ความร้อนแรงเรื่องนี้เมื่อปลายปี 2566 ควบคู่ไปกับการช่วงชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. ที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ‘บิ๊กต่อ’ ผู้อาวุโสน้อยสุดแต่โชคดีสุด...เข้าป้าย…

สถานการณ์วันนี้ คดีต่าง ๆ ท่าน ‘บิ๊กต่อ’ มอบหมายให้พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ ที่เพิ่งขึ้นตำแหน่งรองผบ.ตร. เมื่อต.ค. 2566 (เกษียณ 2569) เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน คุมคดี โดยมี ‘บิ๊กเต่า’ เป็นทีมงานและโฆษก 

คดีในส่วนที่เกี่ยวกับ 8 ตำรวจ (ทีมงานบิ๊กโจ๊ก) ที่ถูกกล่าวหา ทาง ป.ป.ช. มีมติส่งกลับให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อ แต่คดีที่กล่าวหาตัวบิ๊กโจ๊กกับลูกน้องรวม 5 นาย ป.ป.ช. ยังสงวนท่าทีว่าจะส่งกลับหรือรับไว้ดำเนินการเอง...ข่าวว่าสัปดาห์หน้ากรรมการ ป.ป.ช. จะฟันธงว่าเอาไง…

วันสองวันก่อน…สื่อโซเชียลขอบคุณบิ๊กโจ๊กกับบิ๊กเต่าที่เปิดแอร์วอร์ตอบโต้กันเดือดพล่าน ยอดวิวทุกสำนักกระฉูด…ทางทีมสอบสวนนั้นอยากให้ ป.ป.ช. ส่งสำนวนกลับไปทำคดีต่อ ฝ่ายบิ๊กโจ๊กดักคอว่าอย่าก้าวก่าย ป.ป.ช...!!??

กล่าวถึง ป.ป.ช. ก็ต้องอัปเดตสักเล็กน้อยว่าอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน สรรหาทดแทน 5 ท่านที่ครบวาระ สว. โหวตเห็นชอบและโหวตคว่ำกันมาโดยลำดับ…

สรุปว่า ณ นาทีนี้ ป.ป.ช. ครบองค์ประชุม (ไม่น้อยกว่า 5 ท่าน) แล้ว ประกอบด้วยพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ, นางสุวณา สุวรรณจูพะ, นายวิทยา อาคมพิทักษ์, นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข และที่เพิ่งโปรดเกล้าฯ เมื่อ 3 ม.ค.ปีนี้ นายเอกวิทย์ วัชวัลคุ

5 ท่านนี้จะชี้ชะตาคดีในส่วนที่เกี่ยวกับตัวบิ๊กโจ๊กโดยตรงว่าจะรับดำเนินการต่อเองหรือส่งกลับตามพนักงานสอบสวนขอ…

แต่ไม่ว่าจะออกมุมไหน...สายข่าวแทบทุกสำนักเขาฟันธงกันแล้วว่า สำหรับเก้าอี้ ผบ.ตร. นั้น แม้ปีนี้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ จะอาวุโสเป็นลำดับ 1 แต่หวยจะไปออกที่คนอื่นค่อนข้างแน่นอน...ส่วนจะเป็นใคร ‘เล็ก เลียบด่วน’ ขอยกไปวันอังคารที่ 27 ก.พ. ครับ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top