จับตาด่านสอง ‘พิธา-ก้าวไกล’ ‘คดี ม.112-ล้มล้างฯ’ มีเสียว!!

นับเป็นโชคดีของ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ที่ได้กลับสู่สภาฯ อีกครั้ง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 วินิจฉัยว่าแม้พิธาจะถือหุ้นไอทีวีอยู่จริง แต่ในขณะนั้นไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการสื่อ ไม่มีรายได้ ฯลฯ จึงไม่นับเป็นหุ้นสื่อ ไม่มีลักษณะต้องห้ามมาตรารัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ที่ห้ามถือหุ้นสื่อ...จึงไม่พ้นสมาชิกภาพความเป็น สส.ตามมาตรา101 (6)

ส่วนตัว ‘เล็ก เลียบด่วน’ ต้องขอแสดงความยินดีกับ พิธา...และเชื่อว่าหากจากนี้ไปหากพิธาซื่อตรงกับข้อเท็จจริงในทุกเรื่อง รวมทั้งชีวิตส่วนตัว...แปลไทยเป็นไทยว่า อย่าพูดโกหกไม่ว่าเรื่องใด ๆ ก็จะจำเริญรุ่งเรือง เพราะคนไทยเชื่อในพุทธภาษิต “คนพูดโกหกไม่ทำชั่วไม่มี” แก้ตรงนี้เสีย...อนาคตก็จะก้าวไกลเหมือนชื่อพรรค เฉพาะหน้าประชุมใหญ่วิสามัญเดือน เม.ย.ก็น่าจะได้คัมแบ็ก นั่งหัวหน้าพรรค และสเตปต์ต่อไปก็คือ เป็นผู้นำฝ่ายค้านสภาผู้แทนราษฎร…

สมัยนี้ก็เป็นผู้นำฝ่ายค้าน เป็นนายกฯ รถแห่ หรือ นายกฯ ว่าวไปก่อน...บำเพ็ญเพียรบารมี ยกระดับวุฒิภาวะอีกขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เลือกตั้งรอบหน้าระเบิดเถิดเทิง

อย่างไรก็ตามวันพุธที่ 31 ม.ค. 67 มีอีกด่านที่ พิธา ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกลผู้ถูกร้องที่ 2 จะต้องลุ้นระทึกคือ คดีที่ถูกร้องเรื่องการหาเสียงที่เดินหน้าแก้ไขมาตรา 112 สืบเนื่องถึงปัจจุบัน เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง...หรือไม่?

ผู้ร้องคือ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษตร ศิษย์เอกคนหนึ่งของอดีตพระพุทธะอิสระ...

เป็นคดีที่ผู้ร้องต่อยอดมาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 10 พ.ย. 64 กรณีการชุมนุมที่ธรรมศาสตร์ ที่มีการเสนอ 10 ข้อแบบ ‘ทะลุเพดาน’ ให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งศาลสั่งให้นายอานนท์ นำภา, ภาณุพงศ์ จาดนอก และ รุ้ง ปนัสยา รวมทั้งองค์เครือข่ายหยุดการดำเนินการเพราะเป็นการเคลื่อนที่ไหวที่ “มีเจตนาซ่อนเร้นเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่เป็นการปฏิรูป..”

นายธีรยุทธเห็นว่าพรรคก้าวไกลดำเนินการขัดกับคำวินิจฉัย จึงใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ยื่นร้อง และศาลมีมติรับคำร้องเมื่อ 12 ก.ค. 66

ตอนท้ายของหน้าที่ 18 ของคำร้อง นายธีรยุทธ ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า…

“...เพื่อเป็นมาตรการป้องกันความเสียร้ายแรงที่อาจจะเกิดกับสถาบันหลักของประเทศไว้ก่อน อันเป็นรัฐประศาสโนบายที่จำเป็นเพื่อดับไฟกองใหญ่ไว้แต่ต้นล้ม ผู้ร้องจึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญโปรดพิจารณาวินิจฉัยสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกดำเนินการใด ๆ หรือกระทำการใด ๆ เพื่อยกเลิกหรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และให้เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  ที่กระทำอย่าและเลิกดำเนินการใด ๆ หรือกระทำการใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสอง”

ดูตามคำร้องคำขอ...คดีนี้ ก็คงไม่ไปไกลถึงขั้นยุบพรรคอะไรที่ไหนหรอก...แต่ที่ควรจับตามองคือ รายละเอียดและข้อเท็จจริงบางช่วงตอนที่ศาลจะวินิจฉัยเกี่ยวกับพฤติการณ์ของพิธาและก้าวไกลว่าเกี่ยวโยงกับคำวินิจฉัยของศาลรธน.10 พ.ย. 64 หรือไม่และอย่างไร?...ซึ่งตรงนั้นอาจเป็นเชื้อหรือสารตั้งต้น ให้บรรดา ‘นักร้อง’ นำไปทำหน้าที่กันต่อไป…

‘พิธา-ก้าวไกล’ อย่ามองข้ามความปลอดภัย...!!


เรื่อง: เล็ก เลียบด่วน