Tuesday, 30 April 2024
เลียบการเมือง

'ก้าวไกล' ไม่เฟด 112 ดูท่า 'พิธา' จะอดเป็นนายกฯ แวะบ้าน ปชป.ส่อเละ!! เมื่อซุ้มเฉลิมชัยหนุน 'เดชอิศม์' คุมพรรค

'เลียบการเมือง' วันนี้...ส่งท้ายปลายสัปดาห์ ต้องบอกว่าเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลให้จับตาการแถลงบันทึกความเข้าใจ บันทึกความตกลงของ 8 พรรคการเมือง 313 เสียงที่จะเปิดไพ่กันในในวันจันทร์ที่ 22 พ.ค. - วันที่ครบรอบ 9 ปีการรัฐประหารเมื่อปี 2557...แน่ะ...เข้าใจเลือกวัน 

แต่ 'เล็ก เลียบด่วน' สังหรณ์ใจว่าจะไม่ใช่วันมงคลซักเท่าไหร่นะ...

ได้ฟันธงไปเมื่อกลางสัปดาห์ว่า รัฐบาลสูตรก้าวไกลจะไปไม่ถึงดวงดาว วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ในส่วนลึกของหัวใจ 'เล็ก เลียบด่วน' ก็อยากเห็นสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงกับเขา เหมือนกัน...แต่เมื่อดูกระบวนท่าขบวนทัพของพรรคก้าวไกลแล้ว ต้องบอกว่าถ้ายังดำเนินไปด้วยเนื้อหาและท่วงทำนองข่มขู่กดดันชาวบ้าน โดยเฉพาะสมาชิกวุฒิสภา ไม่ใช้คาถาท่านสุนทรภู่ที่ว่า “ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดั่งใจจง” ที่ดร.วิษณุ เครืองาม ยกมาพูดถึงสองครั้งสองคราก็อย่าหมายว่าจะไปถึงดวงดาว...

ปัจจัยชี้ชะตานายกฯ คนที่ 30 ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์และพรรคก้าวไกลนาทีนี้อยู่ที่...ปมประเด็นจุดยืนการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ที่พรรคก้าวไกลหาเสียงและเคยยื่นต่อสภา ซึ่งถ้ายังยืนยันที่จะแก้ไขหรือยกเลิก หรือแถลงแบบอึมครึมแบบเมื่อวันก่อนก็เหนื่อยหนัก...แต่ถ้าประกาศชัด ว่าจะไม่แตะต้องไม่แก้ไข ก็คงทำให้ได้เสียง ส.ว.หรือแม้กระทั่งส.ส.ที่จะโหวตฟรีจำนวนไม่น้อย...แน่นอนการประกาศอย่างนี้จะมีปฏิกิริยาจากแฟนคลับอื้ออึง...ก็เป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกล ต้องชี้แจงเอาเอง เช่นบอกว่ารัฐบาลจะอำนวยความยุติธรรมให้กับคนที่โดนคดี 112 หรือคดีการเมือง...ประมาณนั้น

พูดไปทำไมมี...นาทีนี้ใครที่ตามลุ้นการจัดตั้งรัฐบาลก็ต้องใจร่มๆ ใจเย็นๆ ให้เหมือนพรรคเพื่อไทยที่เดินเกมเนียนสุดๆ ในการรอส้มหล่น...

สรุปว่า อีกประมาณ 60 วันเราถึงจะได้รู้ว่าใครจะเป็นประธานสภา และหลังจากนั้นอีกครึ่งเดือนจะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี...สิริรวมต้นเดือน ส.ค.เป็นอย่างเร็วถึงจะได้นายกรัฐมนตรี ถึงวันนั้นหวยนายกฯอาจพลิกเป็นอุ้งอิ๊งหรือลุงป้อมไปแล้วก็ได้…!!??

แว้บ!! ไปที่พรรคประชาธิปัตย์กันหน่อย ประการแรกก็ต้องบอกว่า...เลือกตั้งหนนี้ได้ให้บทเรียนกับพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดอย่างเจ็บปวด จาก 52 ที่นั่งเมื่อปี 2562 เหลือ 25 ที่นั่ง  ส.ส.เขต 23 คน ปาร์ตี้ลิสต์ 2 คน คือ คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ และ คุณชวน หลีกภัย...

วันนี้คุณจุรินทร์ได้แสดงสปิริตลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้ว ไม่แปลกที่หลายคนถามหาสปิริต เฉลิมชัย ศรีอ่อน  เลขาธิการพรรคที่ประกาศว่าถ้าได้ ส.ส.น้อยกว่าเดิมจะวางมือทางการเมือง...ตรงข้ามตอนนี้มีข่าวลือสะพัดว่ากลุ่มเฉลิมชัย อันมีสองขุนพลภาคใต้ขนาบซ้ายขวา คือเดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคและชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองเลขาธิการพรรค ได้ทอดไมตรีส่งสัญญาณยินดีเข้าร่วมรัฐบาลก้าวไกล

ว่ากันว่าช่วงกลางสัปดาห์ที่ อลงกรณ์ พลบุตร โพสต์เฟซบุ๊กเสนอให้พรรคประชาธิปัตย์ยกมือโหวตสนับสนุนรัฐบาลก้าวไกลนั้น..เป็นเรื่องเดียวกันกับที่กำลังเป็นข่าว...อย่างไรก็ตาม...ถ้าให้คาดเดาตอนนี้กลุ่มเฉลิมชัยน่าจะลุ้นหนักให้ส้มหล่น คือ ก้าวไกลไปไม่ถึงดวงดาว  และพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แล้วพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลด้วยความสบายใจกว่า...

ครับ!! ก็ต้องจับตามองว่าจากนี้ไปใครจะเป็นผู้กอบกู้พรรคพระแม่ธรณี...บางกระแสลือกันว่า เฉลิมชัย ศรีอ่อน จะเป็นผู้ทรงอิทธิพลใช้ 17 ส.ส.ใต้ชุดใหม่หนุนให้ 'เดชอิศม์' ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค  ซึ่งถ้าเป็นจริงก็ดูไม่จืด...ส่วนอีกกระแสบอกว่ามวลสมาชิกจะอัญเชิญอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-ชัยวุฒิ บรรณวัตน์ ให้คัมแบ็ก...ซึ่งนาทีนี้ก็ยากที่จะคาดหมายได้ว่า...เพราะมิรู้เลือดสีฟ้าของอภิสิทธิ์ยังเข้มข้นแค่ไหน? อย่างไร?


 

รัฐบาล 313 เสียงไปต่อลำบาก สว.รองดออกเสียง ‘ภท.-พปชร.’ พลิกเกม หนุนเพื่อไทยชิงประธานสภาฯ

(22 พ.ค.66) ครบรอบ 9 ปี การรัฐประหาร.... ‘เล็ก เลียบด่วน’ เขียนเรื่องนี้ก่อนหน้า 8 พรรค 313 เสียง เขาจะลงนาม MOU กันประมาณ 7 ชั่วโมง..แต่เชื่อว่าการลงนาม MOU ก็คงจะผ่านไปในลักษณะ ‘แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง’ เท่าที่ทราบมาก่อนหน้านี้เห็นว่าใน MOU มีภารกิจที่จะต้องทำร่วมกัน 23 ข้อ เช่น ยกเลิกการเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจ, สมรสเท่าเทียมเดินหน้า แต่ไม่บังคับกับประชาชนที่เห็นว่าขัดกับหลักศาสนา, เอากัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด เป็นต้น

นอกจาก MOU 20 กว่าข้อแล้ว ยังมีพันธะสัญญาอีก 4-5 ข้อในการบริหารประเทศ ซึ่งดูดี เช่น รัฐมนตรีคนไหนทุจริตต้องออกจากตำแหน่งทันที…

สำหรับปมร้อนอย่างกรณีการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้นไม่มีใน MOU แปลว่า พรรคไหนใครจะขับเคลื่อนก็ให้เป็นเรื่องของพรรคนั้น ไม่เกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล…

สุดท้ายแล้ว ความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล 313 เสียง แม้อาจจะมีเสียงสนับสนุนจากพรรคเล็กมาเติมให้ฟรี 4-5 เสียง ก็ไม่พออยู่ดี… ต้องอาศัยเสียงสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.อีก 60 เสียง เพื่อให้ผ่าน 376 เสียง ซึ่ง ‘เล็ก เลียบด่วน’ ยังฟันธงว่ายากที่จะไปถึง อย่างเก่งเสียงของ สว.ก็น่าจะอยู่แค่ระดับ 25-30 เสียง…

ต้องบอกว่า ประเด็นแนวทางการแก้ไขมาตรา 112 ที่พรรคก้าวไกลเคยยื่นต่อสภานั้นมันก้าวเกินกว่าการแก้ไข แทบไม่ต่างจากการยกเลิก เช่นเดียวกับการปฏิรูปกองทัพที่ใช้โมเดลของสหรัฐฯ ที่เป็นการด้อยค่า ‘จอมทัพไทย’ ทางอ้อม.. .นี่คือสองประเด็นใหญ่ที่ สว.เขาไม่เล่นด้วยหรือใช้เป็นเหตุ ‘งดออกเสียง’
.
แต่พูดไปทำไมมี… กว่าจะถึงวันโหวตเลือกนายกฯ ที่ สว.จะลงมาร่วมวงด้วยนั้น ต้องผ่านด่านการรับรอง ส.ส.โดย กกต.และจากนั้นคือด่านเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร… ซึ่งขณะนี้ สายข่าวหลายทางวิเคราะห์ตรงกันว่า เกมจะพลิกกันตั้งแต่เลือกประธานสภาฯ… และคนพลิกเกมก็คือพรรคพลังประชารัฐ… และภูมิใจไทย

กระซิบเบาๆ กับแฟนๆ คอลัมน์ ‘เลียบการเมือง’ เป็นการเฉพาะตรงนี้ว่า… ประชุมพรรคพลังประชารัฐเมื่อวันก่อนโน้นนน… ที่ประชุมเห็นพ้องให้ทุกคนรูดซิปปากเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล โดยให้ ‘ผู้กอง’ คนดังเป็นคนคอยประสานงานบอกกล่าวถึงทิศทางการเมือง… ทิศทางการเมืองที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคและในบ้านป่ารอยต่อรับรู้กันว่า… คำตอบสุดท้ายจะออกมาอย่างไร…

และคำตอบสุดท้ายที่ว่าก็คือ… พรรคเพื่อไทยจะจับมือกับพลังประชารัฐเป็นแกนนำ โดยมีพรรคอื่นๆ เข้าร่วมด้วย… ส่วนรายละเอียดใครจะเป็นประธานสภาฯ ‘สุชาติ ตันเจริญ’ หรือ ‘นพ.ชลน่าน  ศรีแก้ว’ และใครจะเป็นนายกฯ อุ๊งอิ๊ง, เศรษฐา หรือลุงป้อม หรือแม้แต่ หนู อนุทิน… เป็นประเด็นที่จะดำเนินไปในทางลึก…

เช่นนี้แล้วก็ต้องขอย้ำว่า ทริปฮ่องกงของ ‘อนุทิน-ศักดิ์สยาม’ ที่มีข่าวว่าไปจิบไวน์กับคนแดนไกลเมื่อสองสามวันก่อนนี้… ก็ไม่ใช่ข่าวลือแต่อย่างใด

สรุปก็คงเป็นความลำบากแสนสาหัสของพรรคน้องใหม่อย่างก้าวไกล ที่จะฝ่าค่ายกลทางการเมืองที่ซับซ้อนและหฤโหดไปได้ แต่จะว่าไปถ้าพรรคก้าวไกลไม่มาติดกับดักมาตรา 112 การปฏิรูปกองทัพปฏิรูปสถาบัน...หันไปขับเน้นนโยบายอย่างอื่น มันก็คงไม่ประสบชะตากรรมเยี่ยงนี้…

กลัดกระดุมเม็ดแรกผิดก็เป็นอย่างนี้แล… และถ้าใครคิดจะขนม็อบปลุกมวลชนออกมากดดัน สว.กดดันประเทศในยามนี้ก็มีแต่จะทำให้ตัวเอง ‘เสียการเมือง’

สวัสดีครับ

เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน

ไทม์ไลน์ระทึก!! วัดกึ๋น วัดเกม ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ หลัง ส.ว.ส่งสัญญาณ ให้มันจบที่ตำแหน่งประธานสภาฯ

(24 พ.ค. 66) สวัสดีครับ… เริ่มต้นวันนี้ก็ต้องยอมรับว่ากระบวนท่าของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์และคณะก้าวไกล หลังพิธีกรรมเอ็มโอยู โดยเดินสายไปพบกับสภาอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา แม้ใครหลายคนจะขัดหูขัดตากิริยาอาการนั่งไขว่ห้างระหว่างพูดคุยอยู่บ้าง แต่ก็ได้รับคำชมเปาะจากนายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมว่า “ว่าที่นายกฯ ทิม พิธา นุ่มลึกและลุ่มลึก เข้าใจปัญหาต่างๆ ดีมาก”

เท่าที่ทราบ นายพิธาและพรรคก้าวไกลออกแบบว่า ระหว่างนี้ คณะกรรมการ 2 ชุด คือ ชุดเจรจา และชุดเปลี่ยนผ่านจะทำงานทุกวัน ส่วนหนึ่งก็เพื่อสร้างความยอมรับ เสียงขานรับให้กับว่าที่นายกฯ คนที่ 30 แบบว่าไม่ปล่อยให้เวลาหรือไทม์ไลน์อันยืดย้วยของระบบการเมืองไทย มาทำให้รัฐบาลผสม 313 เสียง หลุดจากพื้นที่ข่าวไปแม้เพียงนาทีเดียว…

อย่างไรก็ตาม บรรทัดนี้ สาธุชนก็พึงรับทราบและฟังอีกครั้ง ถึงไทม์ไลน์การเมืองที่ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้แจกแจงไว้ว่า ไทม์ไลน์น่าจะเป็นไปตามนี้…

- 13 ก.ค. คือวันสุดท้ายที่ กกต.จะรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.
- 20 ก.ค. คือวันสุดท้ายที่ ส.ส.จะรายงานตัว
- 24 ก.ค. พิธีเปิดประชุมรัฐสภา
- 25 ก.ค. เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร
- 26 ก.ค. โปรดเกล้าแต่งตั้งประธานสภา
- 3 ส.ค. ประชุมรัฐสภาเลือกนายกรัฐมนตรี
- 10 ส.ค. ได้ ครม.ชุดใหม่
- 11 ส.ค. ครม.ชุดใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณ และเป็นวันสุดท้ายของ ครม.รักษาการ

ดูไทม์ไลน์ดังที่ว่ามาแล้ว อีกตั้ง 2 เดือนเศษกว่าจะถึงวันโหวตนายกรัฐมนตรี แต่เป็นที่รู้กันว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี จะรู้กันตั้งแต่วันเลือกตำแหน่งประธานสภาแล้ว ซึ่งสรุปความตามท้องเรื่องในขณะนี้ให้สั้นที่สุดก็คือ พรรคก้าวไกลฮึ่มฮั่มกันทั้งจากนอกพรรคและในพรรค ว่าต้องเป็นของพรรคก้าวไกลเท่านั้น… ขณะที่พรรคเพื่อไทยตั้งธงว่า ขอตำแหน่งนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า แม้จะเป็นพรรคอันดับ 2 แต่คะแนนเสียงห่างกันแค่ 11 เสียงเท่านั้น…

และวันนี้… เริ่มแล้ว เมื่อนายอดิษร เพียงเกษ หัวหมู่ทะลวงฟันของพรรคเพื่อไทย ออกมาเปรี้ยงปร้างสอนน้องๆ ก้าวไกลว่า อย่าริกินรวบ ตำแหน่งประธานสภาต้องเป็นของเพื่อไทย หลังจากที่เมื่อวันก่อนนายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ทรงบารมีนอกพรรคของก้าวไกล บอกว่าเก้าอี้ประธานสภาปล่อยให้ใครไม่ได้ เพราะก้าวไกลถอยมามากแล้ว…

จะว่าไปงานนี้ ทั้งก้าวไกลและเพื่อไทยอึดอัดจนจุกอกทั้งคู่… พรรคก้าวไกลนั้น หากเก้าอี้นี้หลุดมือ เก้าอี้นายกฯ ก็อาจหลุดตาม หรือต่อให้ได้เป็นนายกฯ แต่ประธานสภาเป็นของพรรคอื่น การจะขับเคลื่อนแก้ไขมาตรา 112 และอีก 44 กฎหมายของพรรค คงเดินหน้าลำบากขึ้น ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้น หากยื่นคำขาดว่า ถ้าไม่ได้เก้าอี้ประธานสภาก็ไม่ร่วมรัฐบาล แล้วพลิกเกมไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ… ก็คงจะโดนกระหน่ำจาก ‘ด้อมส้ม’ และคนทั่วไปกระอักเหมือนกัน

ตำแหน่งประธานสภาจึงเป็นตำแหน่งวัดใจ วัดเกม และวัดกึ๋นของพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย หนนี้หวยคงไม่ไปออกที่พรรคเล็กเหมือนเมื่อปี 2526 ที่พรรค 3 เสียงของนายอุทัย พิมพ์ใจชน ส้มหล่นได้เป็นประธานสภา แต่จะเป็นใคร? รอกันอีกไม่กี่อึดใจ…

ไม่เพียงแต่เราๆ ท่านๆ เท่านั้นที่ลุ้นระทึก นาทีนี้บรรดาท่านสมาชิกวุฒิสภาได้ส่งสัญญาณไปยังบางพรรคแล้ว ว่าเกมทั้งหมดอย่าให้ถึงมือ ส.ว.เลย ขอให้จบกันที่การโหวตเลือกประธานสภาเถอะ ประธานจะชื่อนายสุชาติ หรือชื่อนายชลน่านก็ว่ากันไป จากนั้นค่อยเสนอชื่อนายกฯ จะชื่อ อุ๊งอิ๊ง ชื่อประวิตร หรือชื่ออนุทิน… ส.ว.ส่วนใหญ่จะจัดให้

เอวัง – สวัสดี

เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน

สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาล ‘ก้าวไกล’ อาจต้องยกเก้าอี้ ประธานสภาฯ ให้เพื่อไทย เพื่อให้ ‘พิธา’ เป็นนายกฯ

(26 พ.ค. 66) เลียบการเมือง..สุดสัปดาห์   ก็ต้องมาขมวดสถานการณ์ส่งท้ายกันให้สะเด็ดน้ำอีกนิดว่า..แม้จะบอกว่าพรรคฝ่ายตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย  ยึดผลประโยชน์ชาติและประชาชน  แต่สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกลไม่ได้ราบรื่นแบบโรยด้วยกลีบกุหลาบแม้แต่นิดเดียว...ยิ่งนานวันก็ออกอาการแบบการเมืองเดิมๆ..
เอาล่ะ ไม่พูดพล่ามทำเพลง  เล็ก  เลียบด่วน  ขอหน้าแหกฟันธงไว้สัก 3ประการดังนี้..
ประการที่หนึ่ง –ศึกชิงตำแหน่งประธานสภา   หลังจากมีการประดาบ สำแดงพลังกันพักใหญ่ ในที่สุดพรรคเพื่อไทยก็คงเป็นฝ่ายชนะ..แต่อาจมีข้อแลกเปลี่ยนพิเศษให้กับพรรคก้าวไกล...

ประการที่สอง  - เมื่อตกลงชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยได้ตำแหน่งประธานสภาแล้ว   เพื่อไทยก็จะโอบอุ้มหนุนส่งพิธา   ลิ้มเจริญรัตน์  ไปจนถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีช่วงปลายเดือนก.ค.หรือต้นส.ค.....แน่นอนพรรคเพื่อไทยยกมือหนุนให้พิธา....แต่คะแนนของพิธาจะผ่าน 376 เสียงหรือเกินครึ่งของรัฐสภาเพื่อจะได้เป็นนายกฯหรือไม่อยู่ที่มือของสว.เป็นหลัก...

ประการที่สาม- พิธาคงไปไม่ถึงฝันเพราะสว.ส่วนใหญ่ไม่ยกมือให้  ถึงตอนนั้น พรรคก้าวไกลอาจหนุนนายกฯของพรรคเพื่อไทย  แต่เสียงอาจไม่ถึง 376 เสียงอีกเพราะสว.อาจตั้งแง่ว่า  ตราบใดที่มีพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะไม่โหวตให้...เกมการเมืองก็จะพลิ กโฉมหน้าไปอีก  โดยโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือกับขั้วรัฐบาลเดิม   พรรคก้าวไกลต้องไปเป็นฝ่ายค้านมีสูงมาก...

อาจมีบางฝ่ายในปีกอนุรักษ์นิยมเชื่อว่า   เมื่อพิธาสอบไม่ผ่าน...ก้าวไกลประกาศไปเป็นฝ่ายค้าน ลุงตู่หรือลุงป้อมอาจพลิกเกมลงสู้ชิงนายกฯแข่งกับพรรคเพื่อไทย  ซึ่งน่าจะชนะแน่เพราะมี250 เสียงจากสว.หนุน  จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย    ลากไปซักปีค่อนปีแล้วค่อยยุบสภานั้น...สูตรนี้”เล็ก  เลียบด่วน”  เห็นว่าคิดได้..ทำได้  แต่ถ้าทำจริงๆน่าจะเข้าทางด้อมส้ม..เลือกตั้งรอบหน้าฟ้าถล่มดินทลายแน่นอน...ขณะที่สูตรยอมหนุนพรรคเพื่อไทย เอาไว้ถ่วงดุลกับก้าวไกล  น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า...

นั่นเป็นการคาดหมายสถานการณ์...ซึ่งไม่ว่าหวยจะออกมาอย่างไรก็ต้องขอบอกว่า  วันก่อนเห็นภาพว่าที่นายกฯทิม  พิธา  ยกคณะไปตัดสูทตัดชุดกันที่ร้านทรงสมัยซั่งฮี้แล้วก็อยากบอกว่าแม้ที่สุดฝันเก้าอี้นายกฯอาจไม่เป็นจริง..แต่กับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านสภาผู้แทนราษฎรก็ถือว่าทรงคุณค่า  เท่ระเบิดเถิดเทิงเหมือนกัน.....

มีคนถามไถ่กันมากว่าทำไม..ผู้พันปุ่น  ศิธา  ทิวารี  หนึ่งในแคนดิเดทนายกฯพรรคไทยสร้างไทย   ต้องเล่นบทผู้สื่อข่าวตั้งคำถามและแนะนำให้พรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลทำแอ๊ดวานซ์  เอ็มโอยู  ผูกขากันเดิน..ห้ามพรากจากกัน จนเกิดเรื่องบานปลาย..ก็ตองบอกว่าหากมองชั้นเดียวผู้พันปุ่นน่าจะทำเพื่อพรรคตัวเอง..เพราะตราบใดมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำพรรคไทยสร้างไทยก็จะเป็นตัวช่วยสำคัญตัวหนึ่ง  แต่ถ้าเกมพลิกพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ..เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงคงไม่แฮปปี้ที่จะเห็นคุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธ์   หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย มาร่วมวง..?..

ไปที่พรรคประชาธิปัตย์...ไม่เกินความคาดหมาย  เกมการประชุมใหญ่วิสามัญ  เลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในอีกไม่นานนี้  จากองค์ประชุม 19 ประเภทนั้น..จะให้น้ำหนักการโหวตอยู่ที่ ส.ส.ชุดใหม่  25 คน 70 เปอร์เซ็นต์  อีก 18 ประเภทองค์ประชุม เช่น ประสาขา,ตัวแทนจังหวัด,อดีตส.ส. ฯลฯ  30 เปอร์เซ็นต์...เช่นนี้แล้วใครอยากรู้ว่าหัวหน้าและเลขาคนใหม่เป็นใครก็ต้องไปถาม.”.เลขาต่อ”...กับนายกฯชาย..ที่คุมเสียงส.ส.ชุดใหม่เบ็ดเสร็จ...และขณะที่หลายคนบอกอย่าสิ้นหวัง ฟื้นคืนชีพพรรคได้แน่  แต่อีกไม่น้อยบอกว่า..ที่นี่มืดจริงหนอ..!!!

สวัสดีครับ

เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน

จับตา!! บรรดา ‘งูเห่า-อนาคอนดา’ ส่อแว้งฉก ‘เพื่อไทย’ อาจพลิกเกมหนุน ‘ลุงตู่’ คนเดิม หากผลประโยชน์ไม่ลงตัว

ผ่านมาได้ 20 วัน กระบวนท่าและขบวนทัพการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ ของ 8 พรรค 312 เสียง ยังดำเนินไป ซึ่งในวันที่ 30 พ.ค.นี้ จะมีการนัดเจรจาหารือกันที่พรรค 9 เสียง คือ ‘พรรคประชาชาติ’ ด้วยความเชื่อกันว่าบรรยากาศต่างๆ จะดีขึ้น หลังจาก ‘ประดาบ’ กันมา 2 สัปดาห์…

ถึงวันนี้จับความได้ว่า… สองพรรคใหญ่คือ ก้าวไกลกับเพื่อไทยยังตกลงปลงใจกันไม่ได้ว่า ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นของใคร… ขณะที่ข่าวการจัดตั้งรัฐบาลสูตร 14+1 ที่หมายถึง ก้าวไกลเอาไป 14 รัฐมนตรีกับ 1 นายกรัฐมนตรี เพื่อไทยเอาไป 14 รัฐมนตรีกับ 1 ประธานสภานั้น เชื่อกันว่า น่าจะถูกโยนออกมาจากฝั่งพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่จากฝั่งพรรคก้าวไกลอย่างแน่นอน เพราะวันนี้ ‘ด้อมส้ม’ ยังยืนกรานให้ก้าวไกลยึดเก้าอี้ประธานสภาไว้ให้มั่น…

อย่างไรก็ตาม ‘เล็ก เลียบด่วน’ ยังขอแทงหวยเหมือนเดิมว่า ประธานสภาจะเป็นของพรรคเพื่อไทย โดยมี ชลน่าน ศรีแก้ว คือ เต็งหนึ่ง, สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ คือ เต็งสอง, สุชาติ ตันเจริญ คือเต็งสาม…

แต่ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ยอม แล้วเกมไถลไปถึงขั้นฟรีโหวต รับรองพรรคก้าวไกลก็ไม่ได้กิน โอกาสยังเป็นของพรรคเพื่อไทยอยู่ดี และดีไม่ดี เกมอาจพลิกไถลไปเป็นของอีกฝั่ง ดังนั้น ในที่สุดพรรคก้าวไกลก็คงต้องยอมพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยเองก็จะโอบอุ้มนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไปถึงที่ประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตชิงนายกฯ ซึ่ง ‘เล็ก เลียบด่วน’ ได้ฟันธงไปแล้วว่าเสียงโหวตพิธาจะไม่ถึง 376 เสียง… สอบไม่ผ่าน…

เมื่อพิธาสอบไม่ผ่าน ไปไม่ถึงดวงดาว โอกาสก็เป็นของพรรคเพื่อไทยที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งท้ายที่สุด สูตรหลักก็คือ จับมือข้ามขั้วกับภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา… ยอมถูกด่าว่าผสมพันธุ์กับพรรคลุง… มุ่งหน้าทำงานสร้างผลงานทดแทนเสียงด่า

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจับตาเป็นพิเศษในพรรคเพื่อไทยยามนี้ ก็คือทิศทางความเป็นไปของพรรค หลังจากพรรคพ่ายแพ้หมดรูปเหลือ 141 เสียง แยกเป็น ส.ส.เขต 112 บัญชีรายชื่อ 29 สายข่าว รายงานว่า แนวคิดของปีกคนรุ่นใหม่ที่นำโดย ‘อุ๊งอิ๊ง’ นั้น ต้องการให้ยกเครื่องพรรคครั้งใหญ่ ซึ่งตามแนวทางจะกระเทือนกับบรรดาผู้เฒ่าชแรแก่ชราในพรรคกันโดยทั่วถ้วน

ดังนั้น วาระนี้บรรดาซุ้มบ้านใหญ่ ส.ส.ผู้เฒ่าทั้งหลายโดยเฉพาะ 70 กว่าคนจากภาคอีสาน คงจะสำแดงเดช ต่อรองผลประโยชน์กันเต็มแม็กซ์… และหากพรรคไม่ตอบสนอง โอกาสที่จะเกิดการรวมตัวรวมมุ้ง พลิกเกมไปหนุนขั้วรัฐบาลเดิม ก็อาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้ไม่ยาก

ดูเหมือนว่า ‘เดอะเต้น’ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ผู้ช่วยหาเสียงกิตติมศักดิ์ของพรรคเพื่อไทยจะจับสัญญาณและส่งสัญญาณได้ชัดกว่าใครเพื่อน ว่าขณะที่ฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ต้องการอีก 65 เสียงเพื่อให้ผ่าน 376 เสียง ฝ่ายอนุรักษ์หรือขั้วรัฐบาลเดิม 118 เสียง ต้องการอีกเพียง 62 เสียง เพื่อให้ครบ 250 เสียงเพื่อพลิกเกมจัดตั้งรัฐบาล ได้ 250 เสียง ส.ส.เมื่อไหร่ บรรดา ส.ว.250 คนก็พร้อมจะโหวตหนุนให้เป็นนายกฯ และตั้งรัฐบาล… ดีไม่ดี นายกฯ คนนั้นอาจจะชื่อ “ประยุทธ์” ณ รวมไทยสร้างชาติ คนเดิม....

ตามไทม์ไลน์ที่ ดร.วิษณุ เครืองาม กางเอาไว้นั้น คือ วันที่ 25 ก.ค. จึงจะถึงวันเลือกประธานสภา เดือนหน้า มิ.ย.และต้นเดือน ก.ค. ก็ทยอยรับรองผลเลือกตั้งไปเรื่อยๆ วันไหนที่มีการรับรองผลและไปรายงานตัวเรียบร้อย วันนั้นแหละ บรรดา ส.ส.ของแต่ละพรรคจะสำแดงฤทธิ์เดช… โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของพรรคเพื่อไทย หากจัดสรรผลประโยชน์ไม่ลงตัว ดังกล่าวมา อะไรก็เกิดขึ้นได้..ปรากฎการณ์งูเห่าอาจจะน้อยไป อาจจะถึงขั้นอนาคอนดากันเลยทีเดียว.. หมอมิ้งค์,หมอชลน่าน,บิ๊กอ้วน,คุณอุ๊งอิ๊ง… โปรดอย่ามองข้ามความปลอดภัยเป็นอันขาด สิบอกให้!!

เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน

‘หุ้นไอทีวี’ วิบากกรรมของ ‘พิธา’ จากคดีบ่ายหน้าสู่ศาล รธน. เปิดไส้ใน ม.151 พ.ร.ป. เลือกตั้ง…ดับฝันแคนดิเดตนายกฯ?

แล้วในที่สุด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้กำลังเผชิญหน้ากับปมคุณสมบัติ ‘ถือหุ้นสื่อ’ ซึ่งเป็นปมที่เดิมพันตำแหน่งว่าที่นายกรัฐมนตรีและอนาคตทางการเมือง… ก็เปิดไพ่ เปิดปากออกมาแล้ว ว่าในฐานะผู้จัดการมรดก ได้โอนหุ้นของไอทีวีให้กับทาทายาทเรียบร้อยแล้ว เมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา… นายพิธาได้ตั้งประเด็นในการชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า…

“ผมพร้อมสู้กับความพยายามคืนชีพไอทีวี เพื่อสกัดกั้นพวกเรา”

ซึ่งสรุปความได้ว่า สถานีโทรทัศน์ไอทีวีที่ได้หมดสภาพความเป็นสื่อไปตั้งแต่ปี 2551 แล้วนั้น กำลังถูกปลุกให้คืนชีพเป็นสื่ออีกครั้งด้วยกลเกมบาง…

การตั้งประเด็นดังกล่าว ทำให้เกิดการตั้งคำถาม ตีความกันมันปากของด้อมส้มว่า “ใช่เครือข่ายของเจ้าสัวพลังงานใหญ่ ที่เป็นเจ้าของไอทีวีขณะนี้หรือไม่ที่วางเกม?” ขณะที่อีกฝ่ายก็มองว่า คุณพิธาน่าจะมโนเกินจริง เขาแค่ต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิ์ในใบอนุญาตประกอบธุรกิจสื่อแค่นั้นเอง ไม่ว่าจะอย่างไร… พลันที่ข่าวการชี้แจงของคุณพิธากระจายไปทำให้มือกฎหมายหลายคนบอกว่า โอกาสที่คุณพิธารอดมีสูงมาก… นายไพศาล พืชมงคล เจ้าสำนักกฎหมายธรรมนิติ อดีตกุนซือลุงป้อม ถึงขั้นชมเปาะว่ามือกฎหมายของคุณพิธาแน่มาก เพราะการโอนหุ้นสละหุ้นดังกล่าวเท่ากับว่า คุณพิธาไม่เคยถือหุ้นดังกล่าวมาแต่ต้น…

แต่อีกด้านหนึ่ง นักสังเกตการณ์ทางการเมืองหลายคนฟันธงว่า การโอนหุ้นดังกล่าว น่าจะเป็นการร้อนตัวของคุณพิธา และเท่ากับยอมรับว่าถือหุ้นสื่อมาแต่ต้น ความผิดสำเร็จแล้ว… คุณพิธารอดยาก

ความเชื่อของฝ่ายที่ว่า คุณพิธารอดยาก ดูจะมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อในวันเดียวกันมีรายงานข่าวจาก กกต.ระบุว่า คณะทำงานได้ส่งเรื่องการร้องเรียน กรณีคุณพิธามีความผิดตามมาตรา 151 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ.2561 หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า พ.ร.ป.เลือกตั้ง ถึงมือ กกต.ชุดใหญ่แล้ว

มาดู พ.ร.ป.เนื้อหาเลือกตั้ง 2561 กันแบบเต็มๆ…

วรรคแรก บัญญัติว่า “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกําหนดยี่สิบปี”

วรรคสอง บัญญัติว่า “ในกรณีที่ผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคําสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจําตําแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดํารงตําแหน่ง ดังกล่าวให้แก่สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย”

ครับ… นั่นคือเนื้อหามาตรา 151 ที่น่าสะพรึงกลัวไม่น้อย ไม่เชื่อก็ลองไปถามอดีต ส.ส.สิระ เจนจาคะ ที่ได้สัมผัสรสชาติมาแล้ว

กรณีของคุณพิธา ตามรายงานข่าวระบุว่า ทาง กกต.ชุดใหญ่ได้ส่งเรื่องกลับให้ทำรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาต่อไปโดยไม่ชักช้า ซึ่งเอาเข้าจริงๆ อาจจะมีความผิดในมาตราอื่นๆ ด้วย

คำถามที่น่าสนใจมีอยู่ว่า เรื่องนี้ผ่านจากมือ กกต.แล้วจะไปสู่ศาลฎีกา หรือศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งแม้แต่ ดร.วิษณุ เครืองาม กูรูกฎหมายก็ไม่ยอมตอบคำถามนักข่าว…

สำหรับ เล็ก เลียบด่วน ตรวจสอบดูแล้วก็ขอฟันธงว่า ท้ายที่สุดเรื่องจะถูกส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเลยช่วงการเลือกตั้งมาแล้ว ประเด็นปัญหาเป็นกรณีคุณสมบัติการเข้าสู่ตำแหน่ง ไม่ใช่การทุจริตเลือกตั้งแบบใบเหลืองหรือใบส้ม… และภายใต้ความละเอียดรอบคอบ (ซะไม่มี) ของ 7 เสือ กกต.คุณพิธาก็น่าจะได้รับรองผลความเป็น ส.ส.ไปก่อน… จากนั้นเมื่อยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ศาลจะรับเรื่องหรือไม่ หรือรับแล้วจะสั่งให้คุณพิธายุติการปฏิบัติหน้าที่ในวันใด ช่วงใด โปรดติดตามกันต่อไป… เอวัง!!

เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน

ประเมินทิศทางการเมืองไทย ‘พิธา’ อาจไปไม่ถึงดวงดาว? และการนับถอยหลังสู่คราวอวสานของรัฐบาลในโลกเสมือนจริง

เลียบการเมืองส่งท้ายสัปดาห์… ‘เล็ก เลียบด่วน’ ขออนุญาตจุ๊บจิ๊บซุบซิบข่าวการบ้านการเมืองแบบห้วนๆ สั้นๆ อ่าน-ฟังกันพอเพลินๆ แต่รับประกันไม่ใช่ข่าวโคมลอย…

ประเดิมที่เรื่องร้อนสุดในสัปดาห์นี้และอีก 2-3 สัปดาห์หน้า คือ ‘หุ้นไอทีวี’ ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แม้จะงัดไม้เด็ดโดยการโอนหุ้นให้ทายาท แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าเป็นการ ‘โอน’ หรือ ‘สละมรดก’ กันแน่… ถ้าแค่โอนก็เป็นการขว้างงูไม่พ้นคอ…

เอาเข้าจริงๆ เชื่อเถอะว่าไพ่ใบสำคัญที่มือกฎหมายฝ่ายพิธาจะงัดออกมาต่อสู้ คือ ไอทีวียังเป็นสื่ออยู่หรือไม่ และการถือหุ้นแค่ 0.0035% มีนัยยะในเชิงการสั่งการครอบงำได้จริงหรือ?

มีสุภาษิตทางการเมืองที่บอกว่า ถ้าอยากรู้จักตัวเองให้หมดจดล่อนจ้อนก็จงลงเล่นการเมือง… ไม่เชื่อก็ดูกรณีพิธาที่กำลังถูกขุดอดีตในแทบทุกมิติแบบว่า “ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก” มีมากหลายเรื่องที่ถาโถมเข้ามา ทั้งเรื่องธุรกิจและชีวิตส่วนตัว สำหรับ ‘เล็ก เลียบด่วน’ แม้จะยึดมั่นในพุทธภาษิตที่ว่า “คนโกหกไม่ทำชั่วไม่มี” ก็ตาม แต่ส่วนลึกภาวนาให้พิธาฝ่าด่านต่างๆ ไปให้ถึงดวงดาว… เพียงแต่ให้ตระหนักสำนึกมั่นว่า “ไม่มีใครสมบูรณ์” ต่อไปนี้ ขอให้พูดแต่เรื่องจริง อย่าปรุงแต่งตนเองให้ดูดีดูหล่อจนเสียผู้เสียคน…

แล้วในที่สุด กกต.ก็ประกาศออกมาแล้ว 47 หน่วยเลือกตั้ง ใน 16 จังหวัดที่จะต้องนับคะแนนใหม่ เหตุเพราะ ‘คะแนนเขย่ง’ อันหมายถึง จำนวนบัตรกับคนหย่อนบัตรเท่ากัน แต่คะแนนดันไปมากกว่าหรือน้อยกว่า… ซึ่งจำนวน 47 หน่วยจากทั้งหมด 95,000 กว่าหน่วยคงไม่เป็นเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง เพราะแต่ละหน่วยก็มีแค่ 500-600 คะแนนเท่านั้น

อีกทั้งเมื่อส่องไปที่สนาม กทม.แล้ว ปรากฏว่าไม่มีการนับคะแนนใหม่ที่เขต 20 ลาดกระบัง ที่พรรคเพื่อไทยหลุดรอดมาได้ด้วยคะแนนที่เหนือกว่าคู่แข่งเพียง 4 คะแนน แต่อย่างใด ดังนั้น ความระทึกใจเลยแทบไม่มี และคนที่โล่งใจที่สุด นาทีนี้ก็น่าจะเป็น ดร. ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ หรือ ‘ดร.อิ่ม’ ว่าที่ ส.ส.ลาดกระบัง โฆษกพรรคเพื่อไทย นั่นแล…

ส่งท้ายหมายเหตุให้คอการเมืองไปลุ้นกันต่อ นาทีนี้ต้องสรุปว่าไทม์ไลน์โหวตเลือกนายกฯ ก็จะไปตกเอาต้นเดือน ส.ค.

ประเมินสถานการณ์ทิศทางการเมืองในความเชื่อของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ จะมี 3 แพร่ง คือ

1.) พิธาไปไม่ถึงดวงดาว ด้วยเหตุอาจจะถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ผ่านด่านโหวตของรัฐสภา

2.) ส้มหล่นใส่เท้าพรรคเพื่อไทย ได้เป็นนายกฯ ยอมผสมข้ามขั้วภายใต้ความอ่อนน้อมถ่อมตัว

3.) ลุงป้อมหรือลุงตู่ผนึกแน่น 188 เสียง จัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกฯ โดยได้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคร่วม หรือหากเพื่อไทยไม่ยอมร่วม ก็จะมีบ้านใหญ่… ระดับอนาคอนดาจากพรรคเพื่อไทยข้ามฝั่งมาร่วมรัฐบาล ดังที่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ เคยวิสัชนามาแล้ว

สรุปว่า คณะเปลี่ยนผ่านรัฐบาลก้าวไกลที่ลงนามเอ็มโอยู 23 ข้อ 5 แนวปฏิบัติ พร้อมตั้งคณะทำงานขึ้นมาถึง 14 ชุด ในขณะนี้ จะว่าไปก็เป็นรัฐบาลในโลกเสมือนจริง คำถามสำคัญมีอยู่ว่า ณ วันที่สิ้นสุดรัฐบาลเสมือนจริง อะไรจะเกิดขึ้น?

คิดขึ้นมาแล้วก็ร้อน ๆ หนาว ๆ

ต้องขอลาไปคิดต่อ… สวัสดีครับ

ส.ว.’ เพื่อนบิ๊กตู่ งัดไม้เด็ด ม.157 ขู่เตรียมสับ ‘กกต.’ เอาผิดฐานแทงกั๊ก ปมตรวจสอบคุณสมบัติ ‘พิธา’

ถ้าไม่มีอะไรผิดคิว สัปดาห์นี้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ ‘กกต.’ ก็คงจะเริ่มทยอยประกาศรับรองผลเลือกตั้งได้แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องดีที่จะได้ช่วยให้บรรยากาศทางการเมืองให้ผ่อนคลายขึ้น…

แต่สำหรับเรื่องของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แม้จะมีความชัดเจนส่วนหนึ่งแล้ว แต่ดูเหมือนจะยังมีความร้อนแรง และเงื่อนปมความยุ่งเหยิงซุกซ่อนอยู่ไม่น้อย…

มาทำความเข้าใจกันแบบช้าๆ ชัดๆ อีกครั้ง ว่ากันแบบเนื้อๆ เน้นๆ

ปลายสัปดาห์ที่แล้ว กกต.มีมติตีตกไม่รับเรื่องของปมคุณสมบัติกรณีถือหุ้นไอทีวี อ้างเหตุเพราะยื่นเรื่องร้องช้ากว่าที่ระเบียบกฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม กกต.โดยคุณแสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงาน กกต.ได้ตอบคำถามพอที่จะสรุปทิศทางได้ว่า เรื่องคุณสมบัตินายพิธาจะดำเนินการได้ต่อเมื่อเป็น ส.ส.แล้ว ส่วนเรื่องคดีอาญาตามมาตรา 151 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง หรือ พ.ร.ป เลือกตั้ง 2560 นั้น ตอนนี้จะพิจารณาดำเนินการ

คำสัมภาษณ์ดังกล่าว คือที่มาของการจับประเด็น และพาดหัวไปในทิศทางเดียวกันของสื่อมวลชนน้อยใหญ่ว่า ‘พิธารอด” รับรองผลก่อน… สอยทีหลัง…

บางสำนักฯ ก็พาดหัวข้ามช็อต เอาบทลงโทษของ พ.ร.ป.เลือกตั้งมาตรา 151 มาพาดหัวว่า “พิธาหนักกว่าเดิม ลุ้นระทึกโดนตัดสิทธิ-ติดคุก…”

อย่างไรก็ตาม คุณแสวง บุญมี ก็ได้พูดกว้างๆ เอาไว้ตามหลักกฎหมายว่า เรื่องคุณสมบัตินั้นสมาชิกรัฐสภาและ กกต.สามารถยื่นเรื่องตาม “ความปรากฏ” ต่อ กกต.ได้ ตามมาตรา 82 (วรรคสี่) แต่ไม่ได้บอกว่า กกต.จะดำเนินการหรือไม่
.
ความที่ชอบแถลงกันแบบกำกวม หรือการ์ดสูงของ กกต.ชุดนี้นี่เอง ที่ทำให้นาทีนี้ กกต.ตกเป็นเป้าการวิพากษ์วิจารณ์ว่า หลายต่อหลายครั้งออกอาการ “เหยาะแหยะ และขาดความคมชัด”

และด้วยความไม่ชัดเจนกรณีการดำเนินการเรื่องคุณสมบัติของนายพิธานี่เอง ที่กลุ่มสมาขิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะ ส.ว.สายบิ๊กตู่ เตรียมทหารบกรุ่น 12 ได้จับกลุ่มหารือกันเมื่อวันสองวันที่ผ่านมา และมีความเห็นคล้ายๆ กันว่า “ใช่หรือไม่? ว่าตอนนี้ กกต.กำลังโยนเผือกร้อนให้ ส.ว.และ ส.ส.โหวตคว่ำพิธาไปก่อน” จากนั้น กกต.ค่อยไปคิดอีกทีว่าจะทำอะไรหรือไม่ อย่างไร

ส.ว.กลุ่มนี้ตั้งคำถามด้วยว่า จะดำเนินคดีอาญา ตามมาตรา 151 กับนายพิธาได้อย่างไร ถ้าปัญหาคุณสมบัติยังไม่ได้ถูกพิจารณา และใครต่อใครก็รู้ว่า คดีอาญาตามมาตรา 151 นั้นใช้เวลาอีกนานและโอกาสรอดก็มีสูง เหมือนที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เคยรอดมาแล้ว เพราะอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องเมื่อปี 2565 หลังจากใช้เวลาทั้งหมด 2 ปีครึ่ง…

หลายเสียงใน ส.ว.กลุ่มนี้ เลยตั้งประเด็นขึ้นมาว่า หาก กกต.ไม่ดำเนินการประเด็นคุณสมบัติของนายพิธาให้เป็นที่แจ้งชัด อาจจะต้องฟ้อง กกต.ผิดอาญามาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ก็ได้…

“ขอเวลาให้พวกผมดูข้อกฎหมาย รายละเอียดต่างๆ ให้รอบคอบ หาข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมอีกหน่อย” ส.ว.เตรียมทหารรุ่น 12 ท่านหนึ่งกล่าว

พูดถึง ส.ว.จากเตรียมทหารบก รุ่น 12 ก็ต้องบอกว่าพวกเขาคือขุมกำลัง ส.ว.สายทหารที่ใหญ่ที่สุดมีถึง 28 คน เสียชีวิตไปหนึ่งคน คือ พล.ร.อ.ชุมนุม อาจวงศ์ เหลือ 27 คน ที่ชื่อคุ้นๆ เช่น พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ, พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ, พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์, พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร, พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร เป็นต้น

สรุปว่า ในชั้นนี้… พิจารณาจากไทม์ไลน์แล้วอีกเดือนเศษ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็จะเดินเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ในฐานะแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี… แต่โอกาสผ่าน 376 เสียงนั้นยังมืดมิด ส่วนหลังจากนั้น จะถูกสอยด้วยปัญหาคุณสมบัติหรือไม่อย่างไร ก็รอดูกระบวนท่า กกต.อีกนิด ก็จะชัดเจนขึ้น

 

กอ.รมน.ภาค4 โฟกัสฟ้อง 3 กลุ่ม ประชามติ.. แยกดินแดนปาตานี

วันนี้ขอเลียบการเมืองไปที่แนวรบด้านความมั่นคงที่กำลังร้อนฉ่าอยู่ที่ปลายด้ามขวานสักหน่อย  กองทัพภาคที่ 4 แถลงชัดเจนแล้วว่าอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์ก็จะดำเนินการฟ้องคดีเอาผิดกับบุคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดกรรมทำประชามติจำลองแยกปาตานีเป็นเอกราช..ในงานเสวนา “สิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง (Selt Determination) กับสันติภาพปาตานี” เมื่อวันที่ 7มิ.ย.ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี..

ยังไม่รู้ว่ากองทัพภาคที่ 4 จะฟ้องร้องกล่าวโทษกี่คนและเป็นใครบ้าง  “เล็ก  เลียบด่วน” ฟังพล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์  รองแม่ทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ทางรายการ “รู้ทันข่าว92.5” ของกรมประชาสัมพันธ์ท่านบอกกว้าง ๆ เพียงว่ามีอยู่ 3 กลุ่ม  คือ

1)กลุ่มที่จัดกิจกรรม  

2)คนที่มาร่วมงาน และ

3)ผู้ที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง..

พล.ต.ปราโมทย์ให้ข้อมูลว่า  ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการทำไประชามติจำลอง แต่เป็นการทำประชามติเรื่อง” การกำหนดใจตนเอง” เท่านั้น ไม่เลยธงเหมือนในครั้งนี้ที่ถึงขั้นถามว่าเห็นด้วยกับการแยกตัวเป็นเอกราชหรือไม่..ครั้งนี้จึงเป็นการยกระดับการเคลื่อนไหว  ที่พยายามขยายผลต่อยอดเรื่อง “สิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเอง” ตามข้อมติสหประชาชาติที่ 1514 ออกในปี ค.ศ. 1960  ซึ่งแม้ไทยจะร่วมรับรองแต่เราก็สงวนสิทธิเรื่องการแบ่งแยกดินแดนไว้อย่างชดเจนว่าทำไม่ได้..

ที่น่าสนใจกว่านั้น ฟังแล้วไม่สบายใจเอามากๆ คือ พล.ต.ปราโมทย์.. สถานการณ์ปลายด้ามขวานวันนี้กลุ่มบีอาร์เอ็นยังคงปฏิบัติการทางการทหารเพื่อหล่อเลี้ยงสถานการณ์  ช่วงเดือนรอมฎอนที่ผ่านมาเป็น “รอมฎอนเดือด”ที่สุดในรอบ 10ปี  แต่ที่น่ากลัวไปมากกว่านั้นคือความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ได้ชำแรกแทรกซึมความคิดไปยังกลุ่มต่างๆ ทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชน   เยาวชนนักศึกษา  นักการเมืองและพรรคการเมือง..ซึ่งสนับสนุนแนวคิดในลักษณะเลยธง..

ครับ...ก็น่าลุ้นกันด้วยความระทึกใจว่า..ใครบ้างที่จะถูกฟ้องร้องกล่าวโทษ และในข้อหาอะไร  แน่นอนเป็นคดีความมั่นคง แต่จะหนักหนาสาหัสแค่ไหน...และมีใครจาก3พรรคการเมืองโดนด้วยหรือไม่

3 พรรคที่ว่าคือ พรรคเป็นธรรม  พรรคประชาชาติ ที่มีตัวแทนไปเป็นวิทยากรเสวนา  และพรรคก้าวไกลที่มีรูปโฆษณาเด่นหรากว่าใครเพื่อนอย่าง นายรอมฎอน  ปันจอร์ ว่าที่ ส.ส. บัญชีรายชื่อ  แต่ยกเลิกกะทันหันเหมือนนกรู้...

รายงานข่าวแจ้งว่า กอ.รมน. ภาค4 ส่วนหน้าได้จัดประชุมทีมกฎหมาย นักวิชาการ อัยการ ทหาร ตำรวจมาแล้ว 3 ครั้งเพื่อสรุปรูปคดี  ขณะที่ฝ่ายข่าวกอ.รมน.ภาค4 นั้นได้สรุปข้อมูลย้อนหลังโยงใยมาจนถึงวันจัดงานก็รู้แจ้งเห็นชัดว่าใครเป็นใคร ใครคิดอะไร..โดยเฉพาะพฤติการณ์ของนักการเมืองและพรรคการเมืองบางคนบางพรรค ที่ปลุกระดมความคิดการปกครองตนเอง  ความเป็นเอกราชมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และโหมหนักช่วงเลือกตั้งด้วยหวังผลคะแนนเสียงเข้าข่ายที่จะดำเนินการกล่าวโทษให้ยุบพรรคในข้อหาล้มล้างการปกครองได้ แต่ประเด็นนี้ทางกองทัพหรือทหารจะไม่ดำเนินการ...ปล่อยให้เอกชนหรือภาคประชาชนอาศัยช่องทางรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ไปดำเนินการกันตามความเหมาะควรกันเอง...

แม้ว่านาทีนี้  บรรดาว่าที่ ส.ส. และนักการเมืองจาก 3 พรรคตั้งการ์ดสูงเวลาให้สัมภาษณ์จนบรรดาแนวร่วมเกิดอาการหมั่นไส้รำคาญกันเอง ก็ไม่ได้ทำให้พฤติการณ์ที่บรรดาว่าที่ ส.ส. และพรรคการเมืองดังกล่าวมาลบหายไปได้...  

เล็ก  เลียบด่วน เชื่อว่าถึงที่สุดวันใดวันหนึ่งคงมีคนไปฟ้องร้องกล่าวโทษให้มีการยุบพรรคแน่นอน..เพราะมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญบัญญัติชัดเจนว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกัน  จะแบ่งแยกมิได้”..

เปิดสถานการณ์ 'เศรษฐา-บิ๊กป้อม-เสี่ยหนู' เบียด 'นายกฯ'  ตอกย้ำ!! ชื่อนายกฯ จากรัฐบาลใหม่ที่ไม่มีก้าวไกลร่วมขบวน

สถานการณ์ทางการเมืองเดินทางมาถึงจุดสำคัญ...ได้เสีย...ไม่ถึงกับสลับซับซ้อนอะไรมากนัก  แต่เหตุการณ์รายละเอียดมีมาก   

วันนี้ 'เล็ก เลียบด่วน' ถือเสียว่าท่านผู้อ่านท่านผู้ชมคือ ผู้บริหาร และต่อไปนี้คือ บทสรุปย่อสถานการณ์ 7 ประการสำหรับผู้บริหาร

ประการที่ 1 – หวยประธานสภาฯที่มาออกที่ 'วันมูหะหมัดนอร์ มะทา' หรือ 'อาจารย์วันนอร์' จากพรรคประชาชาติโดยไม่มีคู่แข่งนั้น คนที่เป็นข้อมูลใหม่หรือคนที่เคาะสุดท้ายจริงๆ ก็คือ 'คนแดนไกล'...ที่ฟังเสียงลูกสาวและคนรุ่นใหม่ในพรรค  ไม่หักดิบก้าวไกลแบบไร้เยื่อขาดไย...ทั้งๆที่คนแดนไกลรู้ดีว่าโดยคะแนน 151 กับ 141 เสียงนั้น...ในชีวิตจริงแล้วพรรคเพื่อไทยขาดก้าวไกลได้ แต่ก้าวไกลขาดเพื่อไทยไม่ได้...

ประการที่ 2 - ไม่เพียงแต่หนุนให้ 'หมออ๋อง' ปดิพัทธ์ สันติภาดา ได้เป็นรองประธานสภา คนที่ 1 เท่านั้น  เพื่อไทยจะอุ้มพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ขึ้นเวทีรัฐสภาเพื่อลุ้นโหวตเก้าอี้นายกฯ จะรอบเดียวหรือสองรอบก็ว่ากันไป  แต่ถ้าไม่ผ่านก็ไม่อาจมาด่าว่าพรรคเพื่อไทยได้...ซึ่งเกมนี้เพื่อไทยรู้ตั้งแต่ปีมะโว้แล้วว่าจะจบลงตรงที่พิธาไปไม่ถึงดวงดาว!!  

ประการที่ 3 – พึงรู้ว่าอันที่จริงในพรรคก้าวไกลเองก็มีความแปลกแยกและแตกแยกในแนวคิดแนวทางกันมาก...พวกหนึ่งเห็นว่าเป็นตายร้ายดีต้องเข้าสู่อำนาจรัฐเป็นฝ่ายบริหารให้ได้ อีกพวกเห็นว่าต้องเล่นบทฝ่ายค้านอีกครั้ง เลือกตั้งเที่ยวหน้าต้องไต่เพดานให้ถึง 25 ล้านเสียง...ทั้งนี้ ส.ส.ส่วนใหญ่ซึ่งเป็นหน้าใหม่มีความโน้มเอียงที่อยากจะเป็นฝ่ายรัฐบาล โดยเห็นว่าถ้าพิธาพลาดไม่ได้เป็นนายกฯ พรรคต้องเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ใต้ชายคารัฐบาลเพื่อไทยก็ไม่เป็นไร

ประการที่ 4 – พรรคที่เป็นตัวแปรสำคัญยิ่งในขณะนี้ไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐของบิ๊กป้อม หากแต่เป็นพรรคภูมิใจไทย จากฉากทัศน์หลังพิธาจบภารกิจสำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์ 'รุกได้ ถอยเป็น' จนตกสวรรค์แล้ว พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลเองโดยจะสลัดพรรคก้าวไกล 151 เสียงทิ้ง แต่ก่อนสลัดพรรคก้าวไกลต้องเจรจากับภูมิใจไทย 71 เสียง และพลังประชารัฐ 40 เสียงให้เรียบร้อยเสียก่อน...ซึ่งการเจรจาก็ไม่ถึงกับง่ายนักโดยเฉพาะกับภูมิใจไทย แต่อยู่ในวิสัยของคนแดนไกลที่จะร้องขอ 'ครูใหญ่' แห่งบุรีรัมย์ได้

ประการที่ 5 - สำหรับ 'ลุงป้อม' แม้จะยังมีโอกาสที่จะผงาดขึ้นมาเป็นศูนย์กลางอำนาจ แต่ดูจากปรากฏการณ์ที่ 'สมยศ  พุ่มพันธ์ม่วง' กล้าให้สัมภาษณ์สวนทางปืนเรื่องสมาคมฟุตบอลอยู่ในขณะนี้แล้วก็น่าคิด...เพราะใครๆ ก็รู้ว่า 'สมยศ' กับครูใหญ่บุรีรัมย์นั้นเขาผูกพันกันแน่นหนึบขนาดไหน ก็เลยน่าเป็นห่วงว่าท้ายที่สุดแล้วพรรคภูมิใจไทยที่ผูกเป็นแพ็กเกจเดียวกับพรรคลุงป้อมก่อนเลือกตั้งจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือไม่

ประการที่ 6 - จุดยืนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของสมาชิกวุฒิสภาหรือ ส.ว.ส่วนใหญ่ ในขณะนี้พอจะอนุมานได้ว่า...เป็นใครก็ได้ในบรรดาแคนดิเดตที่มี แต่ต้องไม่ใช่ 'พิธา'...และด้วยตรรกะนี้ ทำให้คนชื่อเศรษฐา ทวีสิน, บิ๊กป้อม และอนุทิน ชาญวีรกูล จึงมีโอกาสลุ้นเป็นนายกฯ สูงมากตามลำดับ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นนายกฯ ของรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย

ประการที่ 7 - สำหรับกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติที่เสนอ 'วิทยา แก้วภราดัย' รองหัวหน้าพรรค ลงชิงรองประธานสภาคนที่ 1 ทั้งๆ ที่รู้ว่าแทบไม่มีโอกาสชนะนั้น ก็ชัดเจนตามที่ 'พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค' และวิทยาให้สัมภาษณ์ว่า รวมไทยสร้างชาติคิดไม่เหมือนพรรคก้าวไกล อยู่คนละฝ่ายกับก้าวไกล ต้องแสดงออกให้สังคมแลเห็น...ทั้งนี้สายข่าวกระซิบ 'เล็ก เลียบด่วน' ว่า แกนนำพรรคเพิ่งตัดสินใจเรื่องนี้ก่อนประชุมแค่วันเดียวเท่านั้น

ส่วนคะแนนโหวตชิงรองประธานสภาคนที่ 1 หมออ๋อง ปดิพัทธ์ ได้ 312 วิทยาได้ 105 งดออกเสียง 77 บัตรเสีย 2 โดยคะแนนงดออกเสียงส่วนใหญ่เป็นพรรคภูมิใจไทย ที่แสดงออกถึงการคัดค้านการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลนั่นเอง...ดังนั้นใครที่อยากเห็นคุณหนู อนุทิน จะเทคะแนน 71 เสียง ของพรรคเพื่อทำฝันของพิธาให้เป็นจริงนั้น ปิดสวิตช์ความหวังไปได้เลย  


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top