‘หุ้นไอทีวี’ วิบากกรรมของ ‘พิธา’ จากคดีบ่ายหน้าสู่ศาล รธน. เปิดไส้ใน ม.151 พ.ร.ป. เลือกตั้ง…ดับฝันแคนดิเดตนายกฯ?

แล้วในที่สุด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้กำลังเผชิญหน้ากับปมคุณสมบัติ ‘ถือหุ้นสื่อ’ ซึ่งเป็นปมที่เดิมพันตำแหน่งว่าที่นายกรัฐมนตรีและอนาคตทางการเมือง… ก็เปิดไพ่ เปิดปากออกมาแล้ว ว่าในฐานะผู้จัดการมรดก ได้โอนหุ้นของไอทีวีให้กับทาทายาทเรียบร้อยแล้ว เมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา… นายพิธาได้ตั้งประเด็นในการชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า…

“ผมพร้อมสู้กับความพยายามคืนชีพไอทีวี เพื่อสกัดกั้นพวกเรา”

ซึ่งสรุปความได้ว่า สถานีโทรทัศน์ไอทีวีที่ได้หมดสภาพความเป็นสื่อไปตั้งแต่ปี 2551 แล้วนั้น กำลังถูกปลุกให้คืนชีพเป็นสื่ออีกครั้งด้วยกลเกมบาง…

การตั้งประเด็นดังกล่าว ทำให้เกิดการตั้งคำถาม ตีความกันมันปากของด้อมส้มว่า “ใช่เครือข่ายของเจ้าสัวพลังงานใหญ่ ที่เป็นเจ้าของไอทีวีขณะนี้หรือไม่ที่วางเกม?” ขณะที่อีกฝ่ายก็มองว่า คุณพิธาน่าจะมโนเกินจริง เขาแค่ต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิ์ในใบอนุญาตประกอบธุรกิจสื่อแค่นั้นเอง ไม่ว่าจะอย่างไร… พลันที่ข่าวการชี้แจงของคุณพิธากระจายไปทำให้มือกฎหมายหลายคนบอกว่า โอกาสที่คุณพิธารอดมีสูงมาก… นายไพศาล พืชมงคล เจ้าสำนักกฎหมายธรรมนิติ อดีตกุนซือลุงป้อม ถึงขั้นชมเปาะว่ามือกฎหมายของคุณพิธาแน่มาก เพราะการโอนหุ้นสละหุ้นดังกล่าวเท่ากับว่า คุณพิธาไม่เคยถือหุ้นดังกล่าวมาแต่ต้น…

แต่อีกด้านหนึ่ง นักสังเกตการณ์ทางการเมืองหลายคนฟันธงว่า การโอนหุ้นดังกล่าว น่าจะเป็นการร้อนตัวของคุณพิธา และเท่ากับยอมรับว่าถือหุ้นสื่อมาแต่ต้น ความผิดสำเร็จแล้ว… คุณพิธารอดยาก

ความเชื่อของฝ่ายที่ว่า คุณพิธารอดยาก ดูจะมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อในวันเดียวกันมีรายงานข่าวจาก กกต.ระบุว่า คณะทำงานได้ส่งเรื่องการร้องเรียน กรณีคุณพิธามีความผิดตามมาตรา 151 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ.2561 หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า พ.ร.ป.เลือกตั้ง ถึงมือ กกต.ชุดใหญ่แล้ว

มาดู พ.ร.ป.เนื้อหาเลือกตั้ง 2561 กันแบบเต็มๆ…

วรรคแรก บัญญัติว่า “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกําหนดยี่สิบปี”

วรรคสอง บัญญัติว่า “ในกรณีที่ผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคําสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจําตําแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดํารงตําแหน่ง ดังกล่าวให้แก่สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย”

ครับ… นั่นคือเนื้อหามาตรา 151 ที่น่าสะพรึงกลัวไม่น้อย ไม่เชื่อก็ลองไปถามอดีต ส.ส.สิระ เจนจาคะ ที่ได้สัมผัสรสชาติมาแล้ว

กรณีของคุณพิธา ตามรายงานข่าวระบุว่า ทาง กกต.ชุดใหญ่ได้ส่งเรื่องกลับให้ทำรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาต่อไปโดยไม่ชักช้า ซึ่งเอาเข้าจริงๆ อาจจะมีความผิดในมาตราอื่นๆ ด้วย

คำถามที่น่าสนใจมีอยู่ว่า เรื่องนี้ผ่านจากมือ กกต.แล้วจะไปสู่ศาลฎีกา หรือศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งแม้แต่ ดร.วิษณุ เครืองาม กูรูกฎหมายก็ไม่ยอมตอบคำถามนักข่าว…

สำหรับ เล็ก เลียบด่วน ตรวจสอบดูแล้วก็ขอฟันธงว่า ท้ายที่สุดเรื่องจะถูกส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเลยช่วงการเลือกตั้งมาแล้ว ประเด็นปัญหาเป็นกรณีคุณสมบัติการเข้าสู่ตำแหน่ง ไม่ใช่การทุจริตเลือกตั้งแบบใบเหลืองหรือใบส้ม… และภายใต้ความละเอียดรอบคอบ (ซะไม่มี) ของ 7 เสือ กกต.คุณพิธาก็น่าจะได้รับรองผลความเป็น ส.ส.ไปก่อน… จากนั้นเมื่อยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ศาลจะรับเรื่องหรือไม่ หรือรับแล้วจะสั่งให้คุณพิธายุติการปฏิบัติหน้าที่ในวันใด ช่วงใด โปรดติดตามกันต่อไป… เอวัง!!

เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน