Tuesday, 30 April 2024
เลียบการเมือง

วิพากษ์ภาพรวม ‘เศรษฐา’ เสนอแนะท่วงท่า ‘อุ๊งอิ๊ง’ ถ้าอยากชนะก้าวไกล ต้องเติม ‘กึ๋น-วุฒิภาวะ’ พอดู

ฤกษ์ที่จะมาส่องกล้องมอง (รัฐบาล) พรรคเพื่อไทยให้เป็นเรื่องเป็นราวสักเล็กน้อย… ด้วยข้อมูลและความรู้สึก ความคิดเห็นของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ บนพื้นฐานความรักและปรารถนาดี… แต่รู้สึกขัดอกขัดใจ…

#สถานการณ์ตัวนายกฯ
ว่าด้วย ‘นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน’ ความขยันขันแข็ง มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน บวกกับท่วงท่ากิริยาอาการไหว้สวย อ่อนน้อมถ่อมตนในบางเรื่องบางราว เอาคะแนนไปเต็มร้อย แต่สิ่งที่เรียกว่า ‘วุฒิภาวะ’ โดยรวมๆ แล้ว เท่าที่สดับตรับฟังมาจากหลายทิศทาง ก็ต้องบอกว่ายังสอบไม่ผ่าน… ล่าสุดทริปไปประชุมที่จีน และซาอุฯ ต้องบอกว่า “ดูไม่จืด” เอาแค่ประเด็นเดียว เรื่องการแต่งกายและถุงเท้าสีชมพู ตลอดจนท่วงท่าตอนพบปูติน แทบทุกคนดูคลิปแล้วต้องร้อง “พระเจ้าช่วย กล้วยทอด… ไม่สง่างาม… อยากปิดตา ไม่กล้าดู”

อันที่จริงเวทีต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้ภาษาอังกฤษ… เศรษฐาน่าจะโชว์ให้เหนือกว่า ‘ลุงตู่’ ที่เก้ๆ กังๆ เพราะภาษาปะกิตไม่คล่อง… แต่เอาเข้าจริง เรื่องภาษาก็ถูกเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมมากลบฝังจุดแข็งไปเกือบหมด น่าเสียดาย…

#ผลงานรัฐบาล
อาจจะเร็วไปที่จะมองภาพรวมผลงานรัฐบาล เพราะแต่ละกระทรวงเพิ่งทำงานได้แค่ 2 เดือน… หลายรัฐมนตรี หลายกระทรวงก็พยายามทำงานด้วยความขยันขันแข็ง ก็เห็นๆ กันอยู่ แต่ที่จะกล่าวถึงวันนี้ คือ นโยบายหลัก นโนยบายที่เป็นเรือธงของรัฐบาลคือ ‘ดิจิทัล วอลเล็ต เติมเงิน 1 หมื่นบาท’

นาทีนี้กลับกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลเพื่อไทยที่จะต้องรีบถอดสลัก เพื่อไม่ให้กลายเป็นระเบิดพลีชีพ แบบว่า… พรรคต้องจบชีวิตไปด้วยการถอดสลัก ก็คือ ต้องยอมทบทวน ปรับแต่งกันใหม่… หาไม่แล้วต้องจบชีวิตกันจริงๆ เพราะเท่าที่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ แอบได้ยินแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล 2-3 พรรคเขากระซิบกันก็คือ ถ้าสุ่มเสี่ยงเกินไปก็ไม่ขอเล่นด้วย… บ้านเมืองจะเสียหาย ดีไม่ดีถูกฟ้องร้องติดคุกติดตะรางเอาได้

ก็ดีแล้ว… เมื่อยังไม่พร้อม ข้อมูลไม่พอ… เลื่อนการประชุมกรรมการดิจิทัล วอลเล็ตชุดใหญ่จากวันที่ 24 ต.ค. ออกไปไม่มีกำหนด… แต่การแถลงของนายกฯ และแกนนำพรรคเพื่อไทยจากนี้ไป ต้องไม่พร่ำเพรื่อสะเปะสะปะ อย่าไปปลุกมวลชนในขณะที่แม่ทัพนายกองก็ยังตอบคำถามชัดๆ ไม่ได้ มันจะไปไม่เป็น…

#อุ๊งอิ๊งกับงานช้าง ‘ผู้นำพรรค’
วันที่ 27 ต.ค. ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทย ก็จะได้ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งชาวเพื่อไทยคงไม่มีใครขัดข้องในฐานะลูกสาวนายห้าง และเธอก็ได้พิสูจน์ตัวเองมาระดับหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็รอดูนโยบายเรือธงอีกเรื่องของพรรคคือ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ถ้าทำสำเร็จก็จะเป็นกระดานหกสำคัญ แต่ก็นั่นแหละจากบทเรียนกรณี ‘ดิจิทัล วอลเล็ต’ ถ้าคิดไม่จบจริงๆ ได้แค่เป็นการจุดพลุสุดท้ายจากบวกอาจกลายเป็นลบ…

แต่โจทย์สำคัญไม่แพ้เรื่อง ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ของ ‘อุ๊งอิ๊ง’ คือ การลอกคราบพรรคเพื่อไทยใหม่ ให้ไฉไลกว่าเก่าและยิ่งใหญ่พรรคคู่แข่งอย่างก้าวไกล ที่ทุกวันนี้ยังติดหล่มในเรื่องที่ตัวเองชอบสอนชาวบ้านด่าชาวบ้านแต่เป็นซะเองหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการคุกคามทางเพศ… ซึ่งตอนแรก ‘เล็ก เลียบด่วน’ มองว่าไม่น่าจะสร้างความสั่นสะเทือนให้พรรคส้มได้

แต่ดูไปดูมา… มันหนักสาหัสกว่าที่คิด!!

ดังนั้น หาก ‘อุ๊งอิ๊ง’ ยกระดับวุฒิภาวะด้านต่างๆ ของตัวเองขึ้นอีกหน่อย มองโลกให้กว้างกว่าครอบครัว กระตุ้นให้พรรคเป็นผู้นำในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กล้านำทำจริงเรื่องการนิรโทษกรรมคดีชุมนุมการเมืองให้กับทุกสีเสื้อ ไม่หมกมุ่นอยู่กับอิสรภาพของคุณพ่ออยู่เรื่องเดียว… รวมทั้งโชว์ความคิดการปฏิรูปด้านอื่นๆ ให้เห็น โอกาสที่อุ๊งอิ๊งจะเป็นผู้นำประเทศอย่างสง่างาม ก็อาจจะฉายแววมากกว่าเดิม… เพราะถ้ายังเป็นอยู่แบบทุกวันนี้ยังไม่พอ…

ดู ‘อานิด เศรษฐา’ ก็ได้… สูงยาวเข่าดี ไหว้สวยขนาดไหน ยังเหนื่อยโคตร… ต้องมีกึ๋น มีวุฒิภาวะที่เพียงพออีกด้วย 

สวัสดี!!

'แรมโบ้' กระเด็น!! 'แม่เลี้ยงติ๊ก' ผงาด สส. ประกาศิตจากบุรุษนิรนาม พิกัดชั้น 14

เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่หนังสือลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ 'แรมโบ้อีสาน' น่าสังเกตว่าหนังสือลาออกที่ยื่นต่อ กกต.ดังกล่าว ลงวันที่ 3 ต.ค. แต่เพิ่งนำมาเผยแพร่ ที่น่าสนใจไปกว่านั้นพลันที่ข่าวแรมโบ้กระจายในช่วงสาย ๆ เย็นวันเดียวกัน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ สส.บัญชีรายชื่อลำดับ 2 ของพรรค รทสช. ก็โชว์หนังสือลาออกจาก สส.

อันว่า 'แรมโบ้' นั้นเป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 15 ของพรรครทสช. ในการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 66 พรรครทสช.ได้สส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ 13 คน ต่อมานายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคลาออกจากปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 1 ทำให้ลำดับ 14 คือ นายอนุชา บูรพชัยศร ได้ขยับเป็น สส. แทน 

ดังนั้นคิวต่อไป...หากนายสุพัฒนพงษ์ หรือ สส.ปาร์ตี้ลิสต์คนใดคนหนึ่งลาออกก็จะถึงคิวของ 'แรมโบ้'

แต่รอแล้วรอเล่า ก็ไม่มีการลาออก...

ถามว่าทำไมจึงไม่ลาออกเพื่อเปิดทางให้แรมโบ้?

สืบค้นเบื้องหลังเบื้องลึกแล้วพบว่า...มีประกาศิตจากบุรุษนิรนามที่สถิตย์อยู่ ณ ชั้น 14 ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งว่า...คนชื่อ 'เสกสกล' หรือ 'แรมโบ้' ต้องไม่ได้เข้าสภาฯ ในสมัยนี้...ไม่มีใครอธิบายเหตุผลได้ชัด ๆ ว่าทำไม...

ทว่าสืบสาวแล้วได้คำตอบประมาณว่า อาจเป็นเพราะแรมโบ้เคยปฏิบัติการปะฉะดะกับระบอบทักษิณ และบดขยี้คนแดนไกลในช่วงก่อนและระหว่างศึกเลือกตั้งอย่างเข้มข้น...นั่นเอง

กระแสข่าวยังเล่าลือว่า นอกเหนือจากคนชื่อ 'แรมโบ้' แล้ว บัญชีรายชื่อลำดับที่ 18 อย่าง 'อ้น ทิพานัน ศิริชนะ' ก็เป็นอีกหนึ่งคน ที่คนแดนไกลดังกล่าวขีดเส้นใต้ชื่อเอาไว้เช่นเดียวกัน...

อันที่จริงเรื่องนี้รับทราบกันมานานแล้ว บางคนยังเถียงคอเป็นเอ็นว่าเป็นไปไม่ได้...แต่ทุกอย่างก็แจ่มแจ้งแดงแจ๋ดังกล่าวแล้ว เมื่อ 'แรมโบ้' ลาออก หมดโอกาสเป็น สส.ปุ๊บ นายสุพัฒนพงษ์ก็ลาออกทันทีปั๊บ และเปิดทางโล่งให้ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือ 'แม่เลี้ยงติ๊ก' ผู้สมัครลำดับที่ 16 ขยับเป็น สส. แทนแรมโบ้ และได้ไปรายงานตัวกล่าวปฏิญาณตนทำหน้าที่ สส. เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 25 ต.ค.66

ทั้งหลายทั้งปวง...ก็ต้องยอมรับว่า 'รังสีอำมหิต' ของบุรุษชั้น 14 ที่ว่า...ยังแผ่ซ่านมีอิทธิฤทธ์ในแวดงวงการเมืองมากกว่าที่นึก...พิลึกกว่าที่คิด...งานนี้เอาเข้าจริง พรรครทสช. ก็คงกระอักเลือดอยู่เหมือนกันที่ยอมจำนน...เฮ่ออ..!!

พูดถึงพรรครทสช. ก็ต้องพูดต่ออีกหน่อย...ไม่เพียงแรมโบ้ที่ลาออกไป บุญยอด สุขถิ่นไทย ที่เดินตามหลัง จุติ ไกรฤกษ์ เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคก็ตัดสินใจลาออกแล้วเช่นกัน แต่ก็เป็นการลาออกด้วยท่าทีที่สร้างสรรค์ เป็นมิตร

แต่ในวันเดียวกับที่มีข่าวแรมโบ้ลาออก ข่าวเชิงบวกของ รทสช. ก็เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน นั่นคือการย่างสามขุมมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคของ 'บิ๊กเนม' อย่างถาวร เสนเนียม อดีตประธานไทยภักดี ในช่วงเลือกเดือน พ.ค.2566

การเข้ามาร่วมสังฆกรรม พรรครทสช.ของถาวร เสนเนียม น่าจะเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า พรรครทสช.จะเดินหน้าต่อไป อย่างน้อยศึกเลือกตั้งสมัยหน้า...ซึ่งยังพอมีช่องว่างให้พรรคระดับกลางอย่างรทสช., พปชร.และ ปชป.แย่งชิงเก้าอี้สส.กันได้จำนวนหนึ่ง...ในขณะที่พรรคภูมิใจไทย ของครูใหญ่ 'เนวิน' ที่มี 71 เสียงในวันนี้ สมัยหน้าไม่น่าที่จะเบ่งกล้ามขยายพื้นที่ได้อีก...

ส่วนพรรคเพื่อไทย...วันที่ 27 ต.ค.นี้จะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ 'อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร' เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ และ 'บอย' สรวงศ์ เทียนทอง เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ อาจจะเป็นโมเมนต์ที่ดีอยู่บ้าง แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้เพื่อไทยยังอยู่ในขาลง...เดิมพันจะเป็นขาขึ้นได้หรือไม่อยู่ที่ผลงานรัฐบาลเป็นหลัก...แค่ลอกคราบพรรคยังไม่พอ...

ส่วนพรรคก้าวไกล...'เล็ก เลียบด่วน' ขอรอดูการจัดการปัญหาการคุกคามทางเพศของ สส.ในพรรคก่อน แล้วค่อยมาวิพากษ์วิจารณ์นะครับ 555

'เศรษฐา' เท้าลอย!! 'อุ๊งอิ๊ง' สุกงอม ต่อคิวสอยนายกฯ ขุนพลชกเปิดหน้า!! ในจังหวะ 'พท.-ก้าวไกล' มิตรสะบั้น



และแล้วสภาผู้แทนราษฎร ก็ปิดสมัยประชุมสามัญครั้งที่ 1 ปี 2566 ลงอย่างเป็นทางการวันที่ 31 ต.ค. แต่การประชุมสั่งลานัดสุดท้ายจริงๆ เกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา...

ต้องบันทึกไว้สักนิดว่า...นัดสั่งลาที่ว่าพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเพื่อไทย ได้สำแดงความเก๋าความเขี้ยวทางการเมืองอยู่พอประมาณ...

เรื่องแรก บริหารจัดการเวลาให้ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ไปตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาเป็นผลสำเร็จ ทั้งนี้ด้วยความร่วมไม้ร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างรวมไทยสร้างชาติ และพรรคฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ เป็นอย่างดียิ่ง...

รวมไทยสร้างชาติ ส่ง อัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ มาถามชง...ขณะที่ประชาธิปัตย์ 'เดอะแทน' ชัยชนะ เดชเดโช ที่กำลังคั่วรัฐมนตรีสมัยแรกมาเอง แกล้งแซวนายกฯ ว่า ระวังจะเป็นเบาหวาน เพราะคำถามของ สส.อัครเดช...

แต่ไฮไลต์สำคัญ มันอยู่ตรงที่ว่า ผู้ที่ตั้งกระทู้ถามสดอีกคน คือ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน ไม่ได้ถามนายกฯ ด้วย เพราะรัฐบาลบอกว่านายกฯ มาไม่ทัน ส่งนายทวี สอดคล้อง มาตอบแทน แต่ 'ชัยธวัช' ไม่ยอมถามด้วย...สุดท้ายก็กินแห้ว เลยต้องโพสต์ออกมาดังๆ ว่า สิ่งที่ตัวเองจะถามนั้นมันคือสิ่งที่ "ประยุทธ์คิด เศรษฐาทำ ไอ้โม่งสั่ง..." ทำเอาโซเชียลร้อนฉ่า...อดิศร เพียงเกษ ประธานวิปเพื่อไทยต้องออกมาโพสต์โต้ทำนองว่า ... (กู) ไม่กลัว (มึง) ... ประมาณนั้น

อีกเรื่องหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยดันจนผ่านฯ ทั้งๆ ที่พรรคก้าวไกลไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะสภาฯ ชุดที่แล้วได้ศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นคือ ญัตติด่วนตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบริการบันเทิงแบบครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) เพื่อแก้ปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมายฯ...ที่ประชุมลงมติผ่าน ตั้ง 60 กมธ.วิสามัญ เรียบร้อยโรงเรียนเพื่อไทย...

ดูเหมือนว่าสัมพันธภาพระหว่างพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล เริ่มแยกห่างออกไปเรื่อยๆ...สมัยประชุมหน้าตั้งแต่กลาง เดือน ธ.ค. เป็นต้นไป รับประกันซ่อมฟรีว่าต้องปะฉะดะกันมันหยด...และก็เป็นจังหวะที่พอเหมาะพอดีที่พรรคเพื่อไทยได้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

แม้หัวหน้าพรรคคนใหม่ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายห้างไม่ได้อยู่ในสภาฯ ด้วย แต่กรรมการบริหารพรรคส่วนใหญ่ก็นั่งอยู่ในสภา คงจะต้องโชว์ฟอร์มโชว์หน้าโชว์ตา ออกมาประกาศตัวตนความเป็นคนการเมืองรุ่นใหม่...ไม่ใช่ปล่อยให้ สส.เด็กพรรคก้าวไกลโหวกเหวกโวยวายยึดสภาอยู่พรรคเดียวอย่างที่ผ่านมา...

สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคคนใหม่, ดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรค, จิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรค, ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รองเลขาธิการพรรค และ ฯลฯ...ถึงเวลาต้องจูงมือดาวรุ่งดวงใหม่ออกมาพูดจาแสดงกึ๋นแสดงตัวตนให้ประชาชนชื่นชมกันได้แล้ว...

ส่วน 'อุ๊งอิ๊ง' ก็ต้องบำเพ็ญเพียรโชว์กึ๋นและวุฒิภาวะ โดยเฉพาะฝีมือให้เห็นกันจะ-จะ โดยเฉพาะงานช้างงานใหญ่ที่รัฐบาลมอบหมายให้คือ...ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ...

สองตำแหน่งนี้ถ้าไปได้ถูกทาง เห็นแววสำเร็จ ปีหน้าปรับ ครม.ก็เข้าไปเป็นรัฐมนตรี...เพื่อลุ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจาก เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงแต่ขาลอย...'อุ๊งอิ๊ง' สุกงอมวันไหนก็วันนั้น...คุณพ่อแม้วซึ่งถึงวันนั้นก็คงออกมาจ้ออยู่นอกคุกแล้วก็คงส่งลูกสาวถึงฝั่งฝัน...นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ภายในสภาฯ ชุดนี้

แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็อยู่ที่เหตุปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย...โดยเฉพาะผลงานและของพรรคเพื่อไทย ถ้าทำเพียงเพื่อให้ทักษิณพ้นโทษ ลูกสาวนายห้างได้เป็นนายกฯ 'วิน' อยู่สองคน...เห็นท่าจะลำบากครับ!!

‘เพื่อไทย’ ไม่ยุบ!! ‘กอ.รมน.’ ได้ใจ ‘สูงวัย-ชนชั้นกลาง’ เหตุ!! รำคาญพรรคส้มเต็มที ส่วนพี่ๆ กองทัพอ้าแขนโอบกอด

สถานการณ์เหตุบ้านการเมือง แม้จะดูเหมือนยังวนลูป แต่หากส่องกล้องดีๆ จะเห็นความเปลี่ยนแปลงผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว… กลางสัปดาห์ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ติดภารกิจไม่ได้มาขยับ ช่วงสุดสัปดาห์นี้เลยขอหยิบโน่นนิดนี่หน่อย มาเมาท์มอยเอาใจคอการเมือง

เรื่องแรก - แม้จะยังไม่ค่อยแจ่มชัดเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต แต่สังเกตให้ดีช่วงหลังๆ ภาษากาย ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ดูมีความมั่นอกมั่นใจมากขึ้น พูดจาช้าลง มีน้ำหนัก น่าเชื่อถือมากว่าเดิม หนำซ้ำยังได้ใจคนสูงวัยและชนชั้นกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพ กรณีประกาศเปรี้ยง… ไม่ยุบ กอ.รมน. สวนทางพรรคก้าวไกล… ไม่ใช่เพราะ กอ.รมน.ดีเลิศประเสริฐศรีอะไรมาก แต่ชาวบ้านเขาน่าจะรำคาญก้าวไกลที่เอะอะก็จะยุบไปหมด…

มองให้ลึกลงไป… ห้วงเวลานี้ พรรคเพื่อไทยกับกองทัพสมานสมัครรักใคร่กันเป็นพิเศษ… ต่างฝ่ายต่างอยู่เป็น เพื่อไทยเองก็สารภาพบาปผ่าน ‘ฯพณฯ คลังแสง’ แล้วว่า ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วจะรู้ว่าอะไรทำได้ หรือทำไม่ได้ เพราะอะไร… ส่วนกองทัพก็มีความอ่อนตัวโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าไม่ล้มเจ้า ไม่โกงบ้านกินเมืองกันแบบมูมมาม ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใครจะใช้อภิสิทธิ์นอนชั้น 14 ก็นอนไป กองทัพไม่ยุ่งด้วย… แถมตอบสนองนโยบายในฐานะเครื่องมือของรัฐฯ

เรื่องที่สอง - เกี่ยวโยงกับความมั่นคง แม้จะยังไม่เสนอ ครม.ในวันอังคารที่ 7 พ.ย.นี้ แต่ค่อนข้างลงตัวแล้วว่า จะมีการโอนย้าย ‘พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์’ รอง ผบ.ตร. เตรียมทหารรุ่น 24 ข้ามห้วยไปรับตำแหน่งระดับ 11 ก่อนเกษียณ… คือ ตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำให้ท่านรองเลขา สมช. อย่าง ‘ฉัตรชัย บางชวด’ ต้องรอคั่วปลายปีหน้า… ไม่เป็นไร รอได้ เพราะเกษียณปี 2570

ที่น่าจับตามากกว่า เลขา สมช.คนใหม่ คือ หาก พล.ต.อ.รอย ลุกจาก รอง ผบ.ตร.จริง... รอง ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งต้องมาจากอาวุโสเป็นหลัก ก็หนีไม่พ้น ‘พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข’ ผช.ผบ.ตร. ซึ่งจะเกษียณปี 2568 

สำหรับ ‘บิ๊กจวบ’ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 23 นรต.รุ่น 39 เป็นนายตำรวจที่อ่อนตัว วันที่ นช.ทักษิณ กลับบ้านมานอน รพ.ชั้น 14... ‘บิ๊กจวบ’ คือ ผู้รับผิดชอบ ว่ากันว่าอันที่จริงนายใหญ่ชั้น 14 ก็เล็งๆ ที่จะอุปถัมภ์ค้ำชูอยู่แล้ว… ถ้า ‘บิ๊กจวบ’ ขึ้นรอง ผบ.ตร.ปีหน้า คนที่จะชิง ผบ.ตร.มีถึง 4 คน คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์, พล.ต.อ. ธนา ชูวงษ์ และ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข

ไม่ต้องถามว่าใครอาวุโสกว่าใคร… เพราะจากรอง ผบ.ตร.เป็น ผบ.ตร.ใช้ทั้งอาวุธและความสามารถผสมกัน แต่ที่สำคัญที่สุด เจ้าของพรรคเพื่อไทยอยากได้ใคร!!

เรื่องที่สาม - แถมท้าย อินเทรนด์กับเขาหน่อย เรื่องการขับ สส.คุกคามทางเพศที่เขาบอกว่า ‘คาวไม่เท่ากัน’ งานนี้พรรคก้าวไกลเสียรังวัดเสียหายหลายแสน… มติที่ออกมาขับ ‘สส.แจ้ ปราจีนฯ’ แต่คาดโทษ ‘สส.ปูอัด จอมทอง’ ถูกวิจารณ์แซดว่า ‘คนไม่เท่ากัน-สองมาตรฐาน’ ตอนหลังดูท่า สส.ปูอัด จอมทอง ที่ว่ากันว่าเส้นใหญ่ไม่ยอมขอโทษผู้เสียหายแบบตรงๆ คงจะถูกขับด้วยในที่สุด… 

พูดถึง ‘ก้าวไกล’ ปลายปีนี้ก็ต้องลุ้นกันว่า ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ จะรอดไม่รอด กรณีถือหุ้นสื่อ… ในขณะที่มีกระแสข่าวเล่าลือหนาหูว่า หากพิธาไม่เป็นอะไรไปหรือต้องพ้นจาก สส.ก็เถอะ… โปรดจับตา ดีลการเมืองใหม่ล่าสุด ระหว่าง ‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์’ กับ ‘พิธา’ และน่าจะรวมถึง ‘น.ต.ศิธา ทิวารี’ ที่เพิ่งลาออกจากพรรคไทยสร้างไทย เมื่อ 27 ต.ค.นี้ด้วย… 

การพบกันของคุณหญิงและคณะกับพิธาที่สหรัฐฯ เมื่อหลายวันก่อน แม้จะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็เป็นความบังเอิญอย่างร้ายกาจ… ขอบอก!! 

ไพ่เด็ด!! ‘ซอฟต์พาวเวอร์-ดิจิทัล วอลเล็ต’ สมการอำนาจละมุน ในกำมือ ‘อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา’

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่เอี่ยมอ่อง ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร’ นั่งเป็นประธานการประชุมพรรควันแรก นอกจากบอกกล่าวลูกพรรคเรื่องการได้พบทูตหลายประเทศแล้ว ยังได้เลี้ยวมาพูดถึงงานถนัดที่รับผิดชอบอย่าง ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ที่เกิดอาการดรามามาจากผู้กำกับหนัง ‘สัปเหร่อ’ ที่พึมพำออกมาว่า “ซอฟต์พาวเวอร์หมายถึงอะไรกันแน่…??”

คุณหนูอุ๊งอิ๊งบอกกับที่ประชุมพรรค สรุปสั้น ๆ ว่า…

“ซอฟต์พาวเวอร์ อธิบายอย่างง่ายว่า เป็นอำนาจละมุน ไม่ต้องใช้อาวุธหรือความรุนแรง แต่เป็นอำนาจในการชนะใจผ่านวัฒนธรรม อาทิ ช็อกมิ้นต์ พอได้ความนิยมในช็อกมิ้นต์ขึ้น ช็อกมิ้นต์ขายดีขึ้น อันนี้คือวัฒนธรรมที่ถูกโอบรับโดยคนในประเทศ แต่นี่เป็นเพียงภาพเล็ก...สำหรับซอฟต์พาวเวอร์ที่กำลังเกิดขึ้นเราต้องการผลักดันให้ Global มากขึ้น โดยเรามี 11 สาขาที่ได้แถลงไปแล้ว…”

ก็ไม่มีอะไรผิดหรอก...กับคำว่า ‘อำนาจละมุน’ อะไรที่ว่า เพราะคำว่า ‘ซอฟต์แวร์’ ราชบัณฑิตยังแปลว่า ‘ละมุนภัณฑ์’ เลย แต่ถ้าไปถาม สว.กวีซีไรท์ อย่างเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ แกจะบอกว่า ซอฟต์พาวเวอร์ หากจะแปลตรง ๆ คือ ‘ไม้นวม’ แต่ความหมายจริง ๆ ของมันน่าจะเป็นว่า…

‘ภูมิพลังวัฒนธรรม’

อันนี้ เล็ก เลียบด่วน ค่อนข้างเห็นด้วยกับคำของอาจารย์เนาวรัตน์นะ แต่ที่สุดของที่สุด ตอนนี้ไม่มีใครยอมเรียกขานด้วยภาษาไทยหรอก…

คงจะใช้ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ทับคำทับศัพท์กันสถานเดียว…

ก็ต้องรอ ‘อุ๊งอิ๊งค์’ เธอโชว์ผลงานชิ้นโบแดง หนึ่งในนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ปีหน้าก็คงมีการเสนอกฎหมายรองรับองค์กรของซอฟต์พาวเวอร์ ที่จะแข็งแกร่งกว่าองค์การมหาชน…

แต่นโยบายเรือธงที่ร้อนฉ่ากว่า ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ คือ นโยบายเติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ที่ทั้งนายกฯเศรษฐา และคุณอุ๊งอิ๊ง เรียกร้องให้ สส. ของพรรคช่วยกันตีปี๊ป...แต่จะตีปี๊ปว่าอย่างไรต้องรอการแถลงของนายกฯ ในวันที่ 10 พ.ย. เพียงคนเดียว…

‘เล็ก เลียบด่วน’ พยายามเลียบ ๆ เคียง ๆ กระซิบถาม สส.พรรคเพื่อไทย 2-3 คนว่า เค้าโครงรูปร่างของดิจิทัล วอลเล็ต เป็นอย่างไร ได้รับคำตอบเหมือนกันว่า.. “ตอบไม่ได้จริง ๆ เพราะนายกฯ ยังไม่บอก…” ก็ว่ากันไป...รอลุ้นระทึก ว่าจะ ‘เปรี้ยงปร้าง’ หรือ ‘โป้งจอด’ 

แต่ก่อนถึงวันที่ 10 พ.ย. ก็คือ วันที่ 9 พ.ย. นายกฯ มีออร์เดิร์ฟร้อน ตอน 19.00 น. ทางช่อง 11 หอยม่วง รายการพิเศษ ‘Chance of Posibility จากนโยบายสู่การลงมือทำจริง 60 วันภายใต้รัฐบาลนายกเศรษฐา ทวีสิน’ ให้ดูชม…

แถลงผลงานวันที่ 9 และ 10 พ.ย. เสร็จ วันที่ 12 พ.ย. นายกฯ ของเราก็จะเหาะเหินไปประชุมเอเปกในวันที่ 12 พ.ย. ให้ ‘บิ๊กอ้วน’ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รักษาราชการแทน…

ไป ๆ มา ๆ นายกฯ เศรษฐา ‘นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงของเรา’ ที่ดูเก้ ๆ กัง ๆ และพลาดพลั้งบ่อยในการพูดจา…ทำท่าจะตีตั๋วยาว เพราะสายข่าวแจ้งว่า คุณหนูอุ๊งอิ๊งต้องใช้เวลาบ่มเพาะบารมีอีกพักใหญ่ ๆ ด้วยความละมุน ในขณะที่เศรษฐาก็ปรับตัวเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความละมุนกว่าเดิม

ถ้าไม่สะดุดขาตัวเอง หรือก้าวพลาดจริง ๆ รัฐบาลเพื่อไทยก็ลากยาวต่อไปเรื่อย ๆ...ทั้งหัวหน้าพรรคและนายกฯ อยู่ในช่วงอำนาจละมุน…

ใครเสี้ยมให้ระแวงให้ทะเลาะกันช่วงนี้เสียเวลา…ไม่เชื่อไปถามคนป่วยชั้น 14 รพ.ตำรวจ!!

วิเคราะห์!! วิบากกรรม ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ชี้ชะตา ‘เศรษฐา’ บอกอนาคต ‘อุ๊งอิ๊ง’

ในที่สุดก็แจ่มแจ้งแดงแจ๋ไปแล้วว่า… โฉมหน้าค่าตานโยบายเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลเศรษฐา เป็นอย่างไร

ต้องยอมรับว่าทุกค่ายทุกสำนักพูดออกมาเป็นเสียงเดียวแทบจะพร้อมๆ กันว่า… ไม่ตรงปก!!

ครับ!! ‘เล็ก เลียบด่วน’ พูดด้วยใจนิ่งๆ เป็นกลางอย่างที่สุดว่า… ไม่ตรงปกจริงๆ… คำว่า ‘ไม่ตรงปก’ ในความหมายก็คือ ไม่ตรงกับที่ตัวเอง (พรรคเพื่อไทย) พูดตอนหาเสียงและยื่นเอกสารให้กับ กกต.

ไม่ตรงทั้งวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ ไม่ตรงทั้งรูปแบบและเนื้อหาว่างั้นเถอะ… หนำซ้ำที่บอกกับ กกต. ว่าจะใช้เงินจากระบบงบประมาณและรายได้ภาษีปกติ… 

แต่ที่สุดของเศรษฐา คือ ‘กู้’ ออก พ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท พร้อมคำยืนยันว่าจะผ่อนใช้ทัน 4 ปีช่วงรัฐบาลนี้

เหนื่อยครับ… อยากเอาใจช่วย แต่อ่านและฟังที่ท่านนายกฯ แถลงเมื่อวันที่ 10 พ.ย.แล้วเหนื่อยแทน… เหนื่อยแทนพรรคเพื่อไทย เหนื่อยแทนประเทศไทย… 

‘เล็ก เลียบด่วน’ ไม่ขอลงรายละเอียดหน้าตาของโครงการ แต่จะแลไปข้างหน้าว่า นโยบายที่ไม่ตรงปกนี้จะต้องฝ่าหลุมขวาก เป็นวิบากกรรมอย่างไรบ้าง… 

ประการแรก - ต้องลุ้นกันระทึกว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท จะฝ่าข้าม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 ไปได้หรือไม่… ไม่จำเพาะมาตรา 53 ที่พูดถึงกันเท่านั้น แต่มาตราอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 3-4 มาตรา ก็เป็นกับดัก… ซึ่งก็ต้องให้กรรมการกฤษฎีกายืนยันออกมาดังๆ อีกทีว่า ‘โน พรอมแพลม’ ถึงจะยอมๆ กันไปได้บ้าง…

ประการที่สอง - โดยส่วนลึก เชื่อ ‘เล็ก เลียบด่วน’ เถอะว่า พรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ได้แฮปปี้กับนโยบาย 5 แสนล้านบาทนี้ ยิ่งต้องมาร่วมยกมือผ่านกฎหมายด้วยแล้ว… งานนี้อย่าคิดว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ แม้ทั้งสองพรรคยังอยากจะเป็นรัฐบาลต่อไปก็เหอะ… 

ประการที่สาม - ต่อให้กฎหมายกู้เงินผ่านสองสภาฯ ไปแล้ว แต่เชื่อว่า ในที่สุดจะมีคนไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ… ดีไม่ดีอาจล้มคว่ำซ้ำรอย พ.ร.ก.กู้เงิน 2 ล้านล้าน สมัยรัฐบาล ‘ยิ่งลักษณ์’ ก็ได้ ทำเป็นเล่นไป… 

เอาแค่สามประการดังว่ามาก็พอ… พื้นที่ที่เหลือ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ใคร่ขมวดปมสถานการณ์เหตุบ้านการเมืองที่เกี่ยวเนื่องมาเล่าสู่กันฟังว่า… 

ทว่า ณ นาทีนี้ สถานการณ์ของตัวนายกฯ เศรษฐาที่มั่นคงแบบป้อแป้ แต่ก็ยังโชคดีที่ใครต่อใคร รวมทั้งนายห้างชั้น 14… ยังเห็นใจในความมุ่งมั่น ขยันทำงาน

สายข่าวในพรรคเพื่อไทยกระซิบให้ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ฟังว่า… หลายวันก่อนโน้น นายห้างชั้น 14 ได้ส่งสัญญาณตรงๆ ถึง นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงว่า ต้องปรับตัวให้เข้ากับ สส.ให้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะ สส.เหนือกับอีสาน ซึ่งขณะนี้ นายเศรษฐาได้ไหว้วานให้ ‘มาดามนครพนม’ อย่าง ‘มนพร เจริญศรี’ รมช.คมนาคม เป็นตัวช่วยประสานเรียบร้อยแล้ว… 

และช่วงปลายเดือน พ.ย. ต่อต้นเดือน ธ.ค. ‘วาระงาน’ ของนายกฯ ถุงเท้าแดงก็จะขึ้นเหนือ ไปอีสานแบบรัวๆ กันเลยทีเดียว!!

สำหรับ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร ที่พักหลังออกงานบ่อย และปรากฏตัวที่ทำเนียบรัฐบาลถี่ขึ้น… ย่อมเป็นธรรมดาที่จะถูกจับจ้องมองว่า เห็นท่าจะหนีไม่พ้นปีหน้า 2567 จะย่างสามขุมขึ้นเป็นนายกฯ แน่นอนนั้น… 

ยังต้องยืนยันฟันธง ว่า นายห้างชั้น 14 ต้องการให้ลูกสาวเป็นนายกฯ แน่นอน แต่ไม่ได้ขีดเส้นว่าต้องเป็นภายในปีหน้า… 

ครึ่งเทอมหลัง หรือสมัยหน้าก็รอได้… ให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ บำเพ็ญบารมีไปก่อน เว้นแต่ว่า… เศรษฐาเดินสะดุดบันไดทำเนียบ เดินต่อไปไม่ได้จริงๆ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง… 

เป็นนายกฯ ไม่ยากเท่ากับอยู่ให้ได้ ไปให้เป็น… ให้ประชาชนยอมรับ… 

ถ้าไม่ดื้อด้านหน้ามืดตามัว… แค่ ดิจิทัลวอลเล็ต เรื่องเดียวก็คงทำให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ในฐานะหัวหน้าพรรคคนใหม่ คงได้คิดและนำไปถอดรหัสเป็นกรณีศึกษาได้ไม่น้อยทีเดียว

ฤๅ 'ปชป.' 77 ปี จะเรียบร้อยโรงเรียน 'ต่อ' เอาใคร!! 'นราพัฒน์-มาดามเดียร์-เฉลิมชัย'

รอบนี้น่าจะ ‘เจ็บแต่จบ’...ซะที สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ภายในวันที่ 9 ธ.ค.ปีนี้ จะได้หัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่...

ต้องทวนความสักนิดว่าวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้ลาออกจาก 'รักษาการหัวหน้าพรรค' โดยให้เหตุผลลาออกว่า “เพื่อให้การประชุมใหญ่เลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ดำเนินการไปโดยสิ้นข้อสงสัยในเรื่องข้อกฎหมายกรณีรักษาการหัวหน้าพรรค...”

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ 'เล็ก เลียบด่วน' ต้องขอแส่รู้สักนิดว่า ทาง กกต. นั้นเขาระบุว่า เมื่อนายจุรินทร์ลาออกจากหัวหน้าพรรคเมื่อ 14 พ.ค. ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไปเลย กรรมการที่เหลือก็รักษาการกันไปโดยมีรองหัวหน้าพรรคลำดับแรกคือ นราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการหัวหน้าพรรค...

นั่นคือมองต่างมุมของ กกต. กับ ประชาธิปัตย์...

อ้าว ก็ว่ากันไป...ตอนนี้ท่าน 'อู๊ดด้า จุรินทร์' ก็ตัดปัญหาลาออกไปแล้ว ที่ประชุมพร้อมใจกันเลือก 'เสี่ยต่อ' เฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค มารักษาการหัวหน้าพรรค...พร้อมมีมติแก้ข้อบังคับให้เพิ่มองค์ประชุมอีก 150 คน จาก 5 ภาค ๆ ละ 50 คน เป็นองค์ประชุมสำรองป้องกันองค์ประชุมล่มหรือไม่ครบเหมือนสองครั้งที่ผ่านมา...

นับเป็นวิวัฒนาการที่น่าอนาถใจยิ่งของพรรคการเมืองเก่าแก่อายุ 77 ปี...

สาเหตุที่การประชุมสองครั้งล่มไม่เป็นท่า ก็ไม่มีอะไรอื่น...นอกจากสองฝ่ายที่ห้ำหั่นเชือดเฉือนไม่ยอมซึ่งกันและกัน...

- ฝ่ายหนึ่งนำโดยเฉลิมชัย ศรีอ่อน เสนอสูตร นราพัฒน์ แก้วทอง เป็นหัวหน้าพรรค เดชอิศม์ ขาวทอง เป็นเลขาธิการพรรค

-อีกฝ่ายนำโดยผู้อาวุโสชวน หลีกภัย / บัญญัติ บรรทัดฐาน เสนอ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คัมแบ็กกู้พรรค...

เมื่อตกลงกันไม่ได้ เกมก็ถูกลากยาวมาเรื่อย ๆ กระทั่ง สส. ฝ่ายเฉลิมชัยเข้าชื่อยื่นโนติ๊สให้ 'จุรินทร์' เรียกประชุมใหญ่วิสามัญภายใน 60 วัน..

ปัญหาว่า...เวลาเปลี่ยน โผเปลี่ยนมั้ย...

ฝ่ายผู้อาวุโส คงไม่เปลี่ยน ถ้ายังคิดสู้ก็ส่งอภิสิทธิ์ลงสู้ ยกเว้นอภิสิทธิ์เกิดอาการเซ็งโลก...ไม่เล่นด้วย

ส่วนฝ่ายเสี่ยต่อ เฉลิมชัย ตอนนี้สายข่าวแบบลึกแต่ไม่ลับ กระซิบกระซาบมาว่าตำแหน่งหัวหน้ามีถึง 3 ทางเลือก คือ 

1) นราพัฒน์ แก้วทอง ตามโผเดิม 
2) มาดามเดียร์ วทัญญา บุนนาค ที่เจ้าตัวพร้อมมาก 
และ 3) เฉลิมชัย ศรีอ่อน ยอมผิดคำพูดขอกู้พรรค 2 ปี

ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค ของสูตรเสี่ยต่อ...ตอนนี้ไม่มีเพียง เดชอิศม์ ขาวทอง หรือ 'นายกฯ ชาย' ชื่อเดียวแล้ว หากแต่มี 'เดอะแทน' ชัยชนะ เดชเดโช ดาวรุ่งจากเมืองคอน โผล่มาลุ้นด้วยคน...

ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ตอนนี้ มีการพูดถึงสูตร 'มาดามเดียร์-เสี่ยแทน' กันหนาหู

แต่สำหรับ 'เล็ก เลียบด่วน' สังหรณ์ใจว่า...นาทีสุดท้าย 'เสี่ยต่อ' จะล่อซะเอง...ขออภัยหากไม่สุภาพ 

สวัสดี!!

โจทย์ว้าวุ่น 'เพื่อไทย' วันนี้ 'นายกฯ เศรษฐา' จะหลุดอะไร? ภาวนาลึกๆ ทำงานให้เข้าตา-โดนใจ แปลงแรงต้านให้เป็นแรงเชียร์

'เล็ก เลียบด่วน' สารภาพ...แม้จะเป็นสื่อมวลชน แต่อีกมิติหนึ่งก็เป็นประชาชน มีรักชอบโกรธหลง...แม้จะไม่ได้เป็นปลื้มกับ เศรษฐา ทวีสิน ที่ขึ้นมาเป็นนายกฯ แต่เมื่อมาตามวิถีทาง...วิถี (ประชาธิปไตย) ไทย ก็เอาใจช่วยและภาวนาอยู่ลึกๆ ขอให้ไปได้ด้วยดี...

พรรคเพื่อไทยแม้จะมีภาพลักษณ์ทั้งที่อาจเป็นอยู่จริงหรือถูกใส่ร้ายใส่สีตีไข่...ก็ต้องยอมรับว่าออกอาการเทาๆ เรื่องความโปร่งใส แต่เมื่อเทียบกับความน่ากลัวของ 'วิถีใหม่' ของบางพรรค ที่บอกว่าเป็นวิถีแห่งความหวัง มองยังไงนาทีนี้ก็ยังเป็นวิถีแห่งความน่ากลัว...มากกว่า

เพื่อไทยจึงยังเป็นวิถีที่ต้องเลือกของคนจำนวนไม่น้อย...

และเศรษฐาจะเป็นหุ่นเชิดหรือไม่เชิดอะไรนั้น...ยังไม่สำคัญเท่ากับเมื่อมีโอกาสแล้ว 'เศรษฐา' คงได้โชว์กึ๋นให้เห็นกันได้บ้าง...

แต่ก็นั่นแหละ...ประเมินว่าบรรดาแฟนคลับที่มีสติของ 'นายกนิด' ในนาทีนี้ คงซีเครียดว้าวุ่นอยู่กับการลุ้นระทึกในแต่ละสัปดาห์ว่า...เศรษฐาหลุดอะไร...หัวใจจะวายกับประเด็นที่หลุดมั้ย...

เป็นนายกฯ มาสองเดือนเศรษฐา...ภาพจำของนายกฯ เศรษฐา...เริ่มกลายเป็นว่า...

- นายกสูงยาวถุงเท้าแดง (ดีที่ยังไหว้สวย)
- ปากไวพูดเรื่องถล่มอิสราเอลแบบไม่ทรงภูมิความเป็นนายกฯ
- ออกอาการซีอีโอ โยนปากกา/ชอบปรี๊ดแตกอัดข้าราชการกลางวง (สื่อ)
- ใช้คำว่า 'ขี้ข้า' ขณะแนะนำลูกหลานนักศึกษาที่สหรัฐฯ
- หลุดพูดเรื่อง (ฝาก) ย้ายตำรวจ...ผู้กำกับใหม่กลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
- ฯลฯ-

ส่วนภาพจำในเชิงบวกที่พอจะเห็นๆ ก็คือ...ขยันขันแข็ง ลุยงาน...แต่บางครั้งก็ออกอาการเหมือนนักบริหารที่ลนลาน ประเภท 'คิดไม่จบ' แต่พูดล้ำหน้า...

ครับ...ในฐานะที่หัวใจให้โอกาส ก็ต้องสารภาพรักด้วยวิธีสะท้อนภาพให้รับทราบแบบนี้...ถ้าเห็นด้วยก็นำไปปรับปรุง คนเราพลาดกันได้ เพียงแต่สองเดือนเศษ 'นายกนิด' พลาดมาก...พลาดที่ปากไว...ปากพาจน...

"ผู้กำกับใหม่...คงมีผู้ผิดหวัง มากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ ที่ขอตำแหน่งไปเพราะขอมาเยอะเหลือเกิน..." คำพูดแบบนี้ในห้องประชุมที่มี สส.ของพรรคนั่งกันเต็ม ต้องบอกว่าอันตรายยิ่ง...มีทางเดียวต้องไปคิดแก้ปัญหาให้มันเจ็บน้อยที่สุด

จะฝ่าข้ามมาตรา 185(3) มาตรา 186 ประกอบมาตราอื่นๆ ของรัฐธรรมนูญไปได้อย่างไร และที่สำคัญนักร้องอันดับหนึ่งประเทศ ศรีสุวรรณ จรรยา ไปร้องป.ป.ช.เรื่องผิด-ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม 2561 เอาไว้แล้วด้วย...ถ้าเรื่องเดินทางไปถึงศาลฎีกานักการเมืองวันไหนมีโอกาสพักงานเหมือนกัน...!!

ดังนั้นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดของนายกฯ เศรษฐาตอนนี้ก็คือ ทำงานหนัก สร้างผลงานให้เข้าตากรรมการ (ประชาชน) ให้มากๆ สร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในบ้านในเมือง...แปลงแรงต้านเป็นแรงเชียร์

ภาพรวมผู้คนที่เขามั่นคงในสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่เคยถูกเพื่อไทยมองเป็นพวกจารีต...พวกเขายังให้โอกาส เหตุผลสำคัญเพราะยังไงๆ เพื่อไทยก็ไม่ถึงกับคิดล่มชาติล้มสถาบัน..!!

เฮ่อออ...วันนี้ตอนแรกจะเขียนเรื่อง 'ตั๋วผู้การ'...'ตั๋วอดีตนายกฯ'...โยงกับ 'ตั๋วผู้กำกับ'...แต่ความที่อยากกระตุกนายกฯ นิดเลยร่ายซะยาว...หลังย้ายระดับรองผบก.-ผกก.สิ้นเดือน พ.ย.นี้ค่อยว่ากันเรื่องตั๋วอีกที!!

'นายกฯ' ทาบอก!! พรหมลิขิต 'ดีเอสไอ' ขั้วอำนาจเก่าผงาด-หมูเถื่อนข้ออ้าง

วันอังคารที่ 28 พ.ย. เพิ่งจะนำทีมไปตรวจค้นสำนักงานใหญ่บริษัทแม็คโครที่ย่านพัฒนาการ กรณีรับซื้อเนื้อและเครื่องในหมูจากสองบริษัทพ่อลูกที่กำลังถูกดำเนินคดีนำเข้าหมูเถื่อน...

วันรุ่งขึ้น 29 พ.ย. 'พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล' อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ คนที่ 12 ก็ถูกเด้งดึ๋ง...ครม.โยกไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ตามข้อเสนอของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม อดีตอธิบดีดีเอสไอคนที่ 5 ที่ให้เหตุผลว่า “พ.ต.ต.สุริยามีความเหมาะสมที่จะไปขับเคลื่อนงานด้านต่าง ๆ เพราะประสบการณ์สูง...ขอยืนยันว่าเหตุย้ายไม่เกี่ยวกับการปราบหมูเถื่อน”

ขณะที่ท่านโฆษกรัฐบาล คุณหมอชัย วัชรงค์ ยอมรับว่าสาเหตุการจับกุมเรื่องหมูเถื่อนล่าช้าเป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ยังมีเรื่องคดีโกงหุ้น บมจ.สตาร์ค และเหตุผลในเชิงการบริหารอื่น ๆ ด้วย...

จะด้วยเหตุผลกลใดก็ว่ากันไป...แต่สำหรับเจ้าตัว พ.ต.ต.สุริยา ทำแบนเนอร์สวยงาม โพสต์ชัด ๆ ว่า “ทำใจอยู่ตลอดเวลานับแต่มานั่งเป็นผู้บริหารสูงสุดที่นี่แล้วครับว่าต้องถึงวันนี้ แต่ผมเลือกทางเดินและวิถีผมเองตั้งแต่ต้น ไม่เสียใจครับเพราะทำเต็มที่แล้ว -เป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับทุกท่านครับ 28 พ.ย. 66 / พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล”

ก็นับว่า...อธิบดีท่านนี้มีหัวใจสิงห์อยู่ไม่น้อย...แม้ข้อความที่โพสต์อ่านแล้วก็ดูออกว่าน้อยใจ เสียใจอยู่พอประมาณ...

'เล็ก เลียบด่วน' ขอทวนความจำสักนิดว่า พ.ต.ต.สุริยา มาเป็นอธิบดีดีเอสไอ เมื่อ 18 ม.ค. 66 ช่วงที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรมว.ยุติธรรม ขณะนั้น พ.ต.ต.สุริยา เป็น ผอ.สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ โดยย้ายสลับกับนพ.ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ ซึ่งขณะนั้นถูกครหากรณีทีมงานมีพฤติกรรมเทา ๆ ในปฏิบัติการปราบทุนจีนสีเทา...

และที่คนทั้งประเทศรู้จักและออกอาการสงสาร พ.ต.ต.สุริยา ก็คือวันที่ 12 พ.ย. วันที่นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ปรี๊ดแตก...เฉ่งปี๋เรื่องคดีหมูเถื่อนว่าล่าช้า...ทำไมไม่จับตัวการใหญ่ซะที...ผมสั่งไปแล้ว...

ครั้น พ.ต.ต.สุริยา ไปลุยห้างใหญ่...ค้าปลีกใหญ่อย่างแม็คโคร และจัดคิวจะไปห้างโลตัสวันที่ 1 ธ.ค.ก็ถูกเด้งดึ๋งซะก่อน...ใครต่อใครคาดว่า คดีหมูเถื่อนยังไงก็ไปไม่ถึงตัวการใหญ่ โดยเฉพาะนักการเมืองที่คนชื่อ 'เศรษฐา' รู้อยู่เต็มอกว่าใครบ้าง...

ครับ...จากนี้ไปก็มานั่งลุ้นกันแบบไม่ระทึก เพราะพอจะรู้ ๆ กันอยู่แล้วว่า...หวยอธิบดีดีเอสไอจะไปออกที่ใคร...ตอนนี้คนที่จะมานั่งรักษาการก็ต้องเป็นรองอธิบดีคนที่ 1 คือ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ลูกน้องเก่าของ พ.ต.ต.ทวี สอดส่อง และเป็นมือทำงานร่วมก๊วนกับ พิชิต ชื่นบาน เจ้าของฉายา 'ทนายถุงขนม' มือกฎหมายของนายกเศรษฐาด้วย

ไม่แต่เท่านั้น...ถ้ายังจำกันได้ พ.ต.ต.ยุทธนา หรือ 'รองแพร' ของชาวดีเอสไอ ยังเป็น 1 ใน 4 ผู้ต้องหาที่ถูก 'อภิสิทธิ์-สุเทพ' ฟ้องข้อหาประพฤติมิชอบกรณีดำเนินคดีเขาทั้งสองเรื่องสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อ 2553 ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ศาลฎีกาตัดสินจำคุก ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอเพียงคนเดียว ส่วนดีเอสไออีก 3 คนคือ 'รองแพร' กับพวก ศาลยกฟ้อง...

พวกของ 'รองแพร' อีกสองคนที่ศาลยกฟ้องคือ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ตอนนี้โอนไปเป็นใหญ่ในตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต. อีกคนคือ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ตอนนี้เป็นรองอธิบดีดีเอสไอ

พูดไปทำไมมี...เรื่องการปราบปรามหมูเถื่อนหรือเรื่องการดำเนินคดีกับแก๊งโกงหุ้นสตาร์ค น่าจะเป็นเพียงเหตุผลข้ออ้างหนึ่งเท่านั้น...แต่ที่สำคัญที่สุดน่าจะอยู่ตรงที่รัฐบาลเพื่อไทย โดยเฉพาะผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรค ที่นอนตีพุงอยู่ที่ รพ.ชั้น 14 และรวมทั้ง พ.ต.อ.ทวี ร่วมกันจัดทัพปรับแถววางคนของตัวเองให้ตอบสนองตอบโจทย์ให้ได้มากที่สุดในทุก ๆ มิติ...รวมทั้งโจทย์การเมือง

น่าติดตาม...น่าดูชม...พรหมลิขิตเวอร์ชันดีเอสไอเป็นยิ่งนัก 

สวัสดี

ศึก ปชป. 'มาดามเดียร์' & 'ชัยชนะ เดชเดโช' ตัวแปรล้มสูตรเต็ง 'นราพัฒน์-เดชอิศม์'

อ่านข่าวของ THE STATES TIMES วันที่ 2 ธ.ค.2566 ซึ่งย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว 2 ธ.ค.2551 ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ 3 พรรคการเมือง คือ พลังประชาชน, มัชฌิมาธิปไตย และชาติไทย อันเนื่องจากปมทุจริตแล้วก็อยากจะขอต่อยอดสักเล็กน้อยว่า...

ทันทีที่มีการยุบ 3 พรรคการเมืองส่งผลให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ จากพรรคพลังประชาชนหลุดจากเก้าอี้ ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ชุมนุมกันหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อขับไล่นายสมชายยุติการชุมนุมลงในวันรุ่งขึ้นคือ 3 ธ.ค.

หลังจากนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กลุ่มเนวิน ชิดชอบ ประกาศ 'มันจบแล้วครับนาย' แยกทางกับทักษิณไปร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ ได้เก้าอี้ รมว.มหาดไทยและคมนาคม ใหญ่คับประเทศ...

ส่วนฝ่ายมิตรฯ ทั้งแกนนำฯ แกนตาม 98 คนถูกดำเนินคดีข้อหาก่อการร้าย-กบฏ อั้งยี่ ซ่องโจรฯ วันที่ 18 ธ.ค.2566 นี้ศาลจะตัดสินคดีชุดแรก 31 คน  นำโดย 'สนธิ-จำลอง' และใครต่อใครหน้าเดิมๆ ทั้งที่ติดคุกคดีชุมนุมคดีอื่นมาแล้วและจ่อจะติดคุกติดตะรางกันอีกหลายคน...

แต่พื้นที่ที่เหลือ...จากนี้ 'เล็ก เลียบด่วน' จะขอไฮไลต์ศึกชิงเจ้าสำนักพระแม่ธรณี...หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9 ในวันที่ 9 ธ.ค. หลังจากล่มมาแล้วสองครั้งเมื่อเดือน ก.ค. และ ส.ค. สาเหตุหลักคือความขัดแย้งทำให้องค์ประชุมไม่ครบ...

ทำให้ที่ประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรควันก่อนจึงมีมติแก้ข้อบังคับให้ตั้ง สมาชิกองค์ประชุมสำรอง 150 คน จาก 5ภาคๆ ละ 30 คน...องค์ประชุมขาดเท่าไหร่ก็จะใช้องค์ประชุมสำรองเติมเข้าไป รับรองไม่ล่มแน่...

ส่วนกติกาการโหวตเลือกอื่นๆ ก็เหมือนเดิม ประการสำคัญคือใช้ระบบ 70:30 หมายถึงน้ำหนักโหวตของสส.25 คนจะคิดเป็น 70% โหวตเตอร์ที่เหลืออีก 200 กว่าคน น้ำหนัก 30% เทียบบัญญัติไตรยางศ์ดูแล้ว 1 โหวตของ สส.จะเท่ากับ 25โหวตของคนอื่นๆ...

ชัดเจนว่า...ใครคุมเสียง สส.มากกว่าก็ชนะ...ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า กลุ่มเฉลิมชัย ศรีอ่อน-เดชอิศม์ ขาวทอง คุมอยู่ 21 เสียง อีกฝั่งหนึ่ง 'ชวน-จุรินทร์' คุมอยู่ 4 เสียงเท่านั้น...

เช่นนั้นแล้ว...ทำไม 'มาดามเดียร์' วทันยา บุนนาค เธอจึงกล้าออกมาแข่งขันชิงชัย...แน่นอนข่าวยืนยันว่า 4 เสียงของผู้อาวุโส คือ ชวน หลีกภัย, บัญญัติ  บรรทัดฐาน, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, สรรเพชร์ บุญญามณี ต่างหนุนมาดามเดียร์...

แต่ที่มากกว่าที่นึก ลึกกว่าที่คิดก็คือ...ฝั่งนี้ได้ทาบทาม 'เดอะแทน' ชัยชนะ เดชเดโช ให้มาร่วมทัพ ถ้ามาดามเดียร์ชนะก็รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคไปครอง...ซึ่งสูตรนี้ ทำให้ ชัยชนะ หวั่นไหวไม่น้อยทีเดียว...

'เดอะแทน' มีสส.ในมือที่นครศรีธรรมราช 6 คน หาเพิ่มอีก 2-3 คน ไปรวมกับ 4 เสียง ก็จะกลายเป็น 12-13 เสียงสูสีดู๋ดี๋กับฝั่งเฉลิมชัยที่ชูสูตร หัวหน้า-นราพัฒน์ แก้วทอง & เลขา-เดชอิศม์ ขาวทอง

อย่างไรก็ตาม...ด่านแรกของมาดามเดียร์ที่จะต้องฝ่าข้ามคือ ปัญหาคุณสมบัติที่เธอเป็นสมาชิกพรรคยังไม่ถึง 5 ปีลงสมัครไม่ได้ ยกเว้นขอให้ที่ประชุมยอมงดใช้ข้อบังคับ...ถ้าที่ประชุมไม่ยอมก็จบข่าว..ถ้ายอมเธอก็ได้สู้ แต่ถ้าจะให้ได้ลุ้นก็อยู่ที่ 'เดอะแทน' ยอมที่จะแหกก๊วน 'เฉลิมชัย-เดชอิศม์' ออกมาหรือไม่..

ส่วนสูตรที่ยุให้ 'เฉลิมชัย' กลับคำพูดมารับตำแหน่งเสียเองกอบกู้พรรค เขาบอกว่ายาก แต่ก็ห้ามกะพริบตา!!


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top