Sunday, 28 April 2024
จีน

'สี จิ้นผิง' ออกเตือน 'ไบเดน' กำลังเล่นกับไฟ หลังข่าว 'ประธานรัฐสภาฯ' เยือนไต้หวันสะพัด

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เตือนประธานาธิบดีไจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ว่า 'กำลังเล่นกับไฟ' ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยทางโทรศัพท์กันในรอบที่ 5 ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยหนึ่งในนั้นประเด็นที่โหมกระพือความตึงเครียดคือ ความเป็นไปได้ที่ประธานรัฐสภาของอเมริกาจะเดินทางเยือนไต้หวัน

สื่อมวลชนแห่งรัฐของจีนรายงานว่า สี ได้บอกกับ ไบเดน ไปว่าสหรัฐฯ ยึดมั่นต่อ 'หลักการจีนเดียว' และเน้นย้ำอย่างหนักแน่นต่อจุดยืนของจีนที่คัดค้านความเป็นเอกราชของไต้หวันและการแทรกแซงจากกองกำลังภายนอก 'ใครที่เล่นกับไฟ รังแต่จะถูกไฟแผดเผา' สีบอกกับไบเดน "เราหวังว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะสามารถเล็งเห็นเรื่องนี้อย่างชัดเจน"

ส่วนทำเนียบขาวระบุในถ้อยแถลง เผยว่าไบเดนได้บอกกับสี ไปว่านโนยายของสหรัฐฯ นั้นไม่เปลี่ยนแปลง และวอชิงตัน "คัดค้านอย่างหนักแน่นต่อความพยายามฝ่ายเดียวในการเปลี่ยนแปลงสถานภาพปัจจุบันหรือบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพข้ามช่องแคบไต้หวัน" อ้างถึงน่านน้ำที่กั้นกลางระหว่างเกาะไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่

การพูดคุยทางโทรศัพท์ครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี (28 ก.ค.) และกินเวลาราวๆ 2 ชั่วโมง มีขึ้นในขณะที่ ไบเดน กำลังเล็งหาหนทางใหม่ๆ ในการทำงานร่วมกับจีน ท่ามกลางการแข่งขันระดับนานาชาติระหว่าง 2 ฝ่ายที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ และความตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติเกี่ยวกับประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน สาธารณสุขโลกและนโยบายเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับประเด็นอื่นๆ

ล่าสุด จีนประกาศเตือนด้วยถ้อยคำแข็งกร้าว เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่นางแนนซี เพโลซี ประธานรัฐสภาอาจเดินทางเยือนไต้หวัน โดยระบุพวกเขาจะมองการเดินทางดังกล่าวว่าเป็นการยั่วยุ

เกาะปกครองตนเองแห่งนี้ได้รับแรงสนับสนุนด้านป้องกันตนเองอย่างไม่เป็นทางการจากสหรัฐฯ แต่ จีน มองเกาะแห่งนี้ในฐานะส่วนหนึ่งของดินแดน

"ถ้าสหรัฐฯ ยืนกรานจะเดินหน้าในแนวทางนี้และท้าทายเส้นใต้ที่จีนขีดไว้ มั่นใจได้เลยว่าจะต้องเผชิญกับการตอบโต้อย่างเต็มกำลัง" จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนบอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ "รับประกันได้เลยว่าสหรัฐฯ ต้องแบกรับผลลัพธ์ที่ตามมาทั้งหมดทั้งมวล"

เพโลซี จะเป็นสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ระดับสูงสุดคนที่ 2 ที่เดินทางเยือนไต้หวัน พันธมิตรใกล้ชิดของอเมริกา ต่อจากประธานรัฐสภา นิวต์ กิงริช เมื่อ 25 ปีก่อน แต่ทางประธานาธิบดีไบเดน แสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บอกกับผู้สื่อข่าวว่า กองทัพคิดว่าโปรแกรมเยือนไต้หวันของเธอในเวลานี้ "ไม่ใช่ความคิดที่ดี"

'ชาวเน็ตจีน' เดือดจัด!! รุมจวกวัฒนธรรมโหมงานหนัก หลังมีคนเสียชีวิตจากการทำงานติดกันรวด 5 วัน

โซเชียลมีเดียจีนวิจารณ์วัฒนธรรมการทำงานหนัก '996' อีกครั้ง หลังเกิดเหตุหญิงอายุ 22 ปี เสียชีวิตหลังจากทำงานหนักมาหลายวัน

รายงานระบุว่า 'ฮุ่ยฮุ่ย' พนักงานบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตในนครหังโจว มณฑลเจ้อเจียงทำงานล่วงเวลาถึงตี 4 ติดต่อกัน 5 วัน ก่อนจะหมดสติ

แพทย์จากโรงพยาบาลของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง เปิดเผยว่า ฮุ่ยฮุ่ยหมดสติไปแล้วเมื่อถูกส่งตัวถึงโรงพยาบาล ผิวของเธอเปลี่ยนเป็นสีม่วง เนื่องจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

พ่อของเธอได้เผยแพร่วิดีโอออนไลน์เพื่อขอความช่วยเหลือเพื่อให้ลูกสาวได้รับการปลูกถ่ายหัวใจ โดยระบุว่า ลูกสาวของเขาทำงานเพื่อช่วยเหลือครอบครัว ขณะที่พวกเขากำลังดิ้นรนกับการจ่ายเงินกู้เพื่อเรียนมหาวิทยาลัยของเธอ

ในที่สุดฮุ่ยฮุ่ยก็เสียชีวิตหลังจากรักษาตัวในห้องไอซียูเป็นเวลา 6 วัน

จีน จัดหนัก ซ้อมยิงขีปนาวุธจริง หลังไม่พอใจประธานสภาคองเกรส บินเยือนไต้หวัน

จากกรณีสหรัฐอเมริกา ส่งนางแนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ (คองเกรส) ฉายา 'เจ้าแม่ป่วนจีน' เหตุเพราะเธอป่วนจีนมานานถึง 31 ปีแล้ว และเคยถูกรัฐบาลจีนจับกุมตัวขณะไปยืนชูป้ายเชิดชูกบฏที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน กว่าสหรัฐฯ จะช่วยออกมาได้ต้องเจรจาจนวุ่นวายอายขายหน้ามาแล้ว 

โดยคราวนี้เธอมุ่งมั่นขอโอกาสป่วนจีนอีกสักครั้ง ซึ่งแผนนี้จะเป็นการย่องบินมาลงไต้หวัน เพื่อยุแยงไต้หวันให้สู้ต่อไป ชนะแบบยูเครนแน่นอน สหรัฐฯ จะมายืนเคียงข้าง รับออเดอร์อาวุธเสมอ ไม่ต้องกลัวหายไปไหน!!

ในขณะที่สหรัฐฯ ส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบิน และเรือคุ้มกันมาจากฐานทัพในสิงคโปร์ มุ่งสู่ไต้หวัน และเครื่องบิน Boeing 737 กองทัพอากาศสหรัฐฯ พร้อมพานางเพโลซี เหินฟ้ามาจากทางตะวันออกสหรัฐฯ ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก และแวะเติมน้ำมันที่รัฐฮาวาย อยู่นั้น กองทัพจีนก็ได้ให้เกียรติแสดงการต้อนรับ โดยระดมยิงขีปนาวุธ PHL-16 MRLS เฉี่ยวเกาะไต้หวันไปมา เสียงกัมปนาทดังปานฟ้าถล่มตลอดเวลา ขีปนาวุธพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นทางยาว และระเบิดสนั่นจนท้องฟ้าไต้หวันสว่างไสวแบบไม่ต้องเปิดไฟฟ้ายามค่ำคืน เป็นภาพตื่นตาตื่นใจมาก

‘สี จิ้นผิง’ มุ่งมั่นรวมชาติ สั่งพรรคคอมมิวนิสต์ ต้อง ‘ชนะใจ’ คนฮ่องกง-มาเก๊า-ไต้หวันให้ได้

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนเรียกร้องให้พรรคคอมมิวนิสต์ดำเนินนโยบายเพื่อ “เอาชนะใจ” ประชาชนทั้งในฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวันให้ได้ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายในการฟื้นฟูชาติจีน (national rejuvenation)

คำสั่งซึ่งมีขึ้นระหว่างการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่ผู้นำจีนได้มอบหมายให้แก่กรมการแนวร่วม (United Front Work Department) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีหน้าที่แผ่ขยายอิทธิพลของจีนทั้งในและต่างประเทศ

“การสร้างแนวร่วมถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นที่สำคัญ (ว่าพรรคคอมมิวนิสต์) จะสามารถเอาชนะศัตรู บริหาร และฟื้นฟูชาติบ้านเมืองได้ และยังเป็นการรณรงค์ให้คนจีนทั้งในและนอกประเทศตระหนักถึงความสำคัญของการฟื้นฟูชาติ” สำนักข่าวซินหวาอ้างถ้อยแถลงของ สี ในการประชุมซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง

ผู้นำจีนย้ำว่า โลกกำลังเผชิญ “ความเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง” ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ดังนั้นภารกิจของกรมการแนวร่วมจึงยิ่งมีความสำคัญ และจำเป็นที่จะต้อง “สร้างสมดุลระหว่างความธรรมดาสามัญ (Commonality) กับความหลากหลาย (Diversity)” เพื่อ “เอาชนะใจประชาชนในฮ่องกง, มาเก๊า และไต้หวัน รวมไปถึงชาวจีนที่อาศัยอยู่ในต่างแดน”

สถานทูตจีนในไทย จวกสหรัฐฯ ใช้ไต้หวันในการควบคุมจีน บิดเบือนทำลายหลักการประเทศจีนเดียวอย่างต่อเนื่อง

สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า...

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2565 นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาได้เดินทางเยือนไต้หวันของประเทศจีน โดยไม่สนใจการคัดค้านอย่างรุนแรงและการแสดงท่าทีอย่างจริงจังของฝ่ายจีน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนหลักการประเทศจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 3 ฉบับอย่างร้ายแรง เป็นการบ่อนทำลายรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อย่างร้ายแรง เป็นการรุกล้ำอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศจีนอย่างร้ายแรง เป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างร้ายแรง และก็เป็นการส่งสัญญาณผิดพลาดอย่างร้ายแรงไปยังกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน สำหรับเรื่องนี้ ฝ่ายจีนคัดค้านอย่างเด็ดขาดและขอประณามอย่างรุนแรง ได้แสดงท่าทีอย่างจริงจังและประท้วงอย่างรุนแรงต่อฝ่ายสหรัฐฯ

ในโลกนี้มีแค่ประเทศจีนเดียว ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนจีนที่แบ่งแยกไม่ได้ รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงแต่รัฐบาลเดียวที่สามารถเป็นตัวแทนของทั่วประเทศจีน มติ 2758 ของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อปี ค.ศ.1971 ได้มีการรับรองในเรื่องนี้อย่างชัดเจน นับตั้งแต่การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1949 เป็นต้นมา มีทั้งหมด 181 ประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศจีนบนพื้นฐานหลักการประเทศจีนเดียว ซึ่งเป็นฉันทามติทั่วไปของประชาคมโลกและหลักการขั้นพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

'อ.ปิติ' ดึงสติคนไทย ต้องไม่เป็นแฟนกีฬาบ้าคลั่ง ชี้ 'การเมืองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ' ไม่ใช่เชียร์มวย

รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความ ผ่านเฟซบุ๊ก 'Piti Srisangnam' ระบุว่า...

ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน จะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล

Status quo ที่สหรัฐคิดแบบ Strategic Ambiguity และจีนคิดแบบ Strategic Patience จนเราได้เห็นสันติภาพแบบมีกระทบกระทั่งกันบ้างตลอดมา แต่ก็สามารถทำการค้าการลงทุนระหว่างกันได้ ตั้งแต่ทศวรรษ 1970 กำลังจะเปลี่ยนไป

"การเดินทางเยือนไต้หวันของนาง Pelosi คือการ ทำลายล้างรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน และเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดพลาดต่อกองกำลังแบ่งแยกดินแดนไต้หวัน"

ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ประนาม โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ + รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม + คณะกรรมการกลางสภาประชาชนจีน + คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าด้วยกิจการไต้หวัน + คณะกรรมการกิจการต่างประเทศของสภาที่ปรึกษาทางการเมือง

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน Xie Feng เรียก เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่ง Nicholas Burns เข้าพบ เพื่อ แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการเยือนไต้หวันของ Pelosi และกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งเลวร้ายมากและผลที่ตามมานั้นร้ายแรงมาก ฝ่ายจีนจะไม่นั่งเฉย ๆ

จีน ‘ห้ามนำเข้า’ สินค้าไต้หวันกว่า 100 แบรนด์ ตอบโต้ ‘ประธานสภาสหรัฐฯ’ เยือนไทเป

จีนประกาศห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารจากไต้หวันกว่า 100 แบรนด์ ตอบโต้ทันทีก่อนที่ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะเดินทางถึงกรุงไทเปเมื่อช่วงกลางดึกวานนี้ (2 ส.ค.) 

โดยกรมศุลกากรจีน (General Administration of Customs) ได้ประกาศแบนสินค้าไต้หวันเมื่อวันจันทร์ (1 ก.ค.) ซึ่งจะครอบคลุมสินค้าจำพวกอาหารทะเล ชา และน้ำผึ้ง ตามรายงานของสำนักข่าวท้องถิ่น United Daily News

การแบนสินค้าครั้งนี้ เป็นหนึ่งในมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจที่ปักกิ่งพุ่งเป้าโจมตีไปยังอุตสาหกรรมเกษตรของไต้หวัน เนื่องจากภูมิภาคตอนใต้ของไต้หวันซึ่งเป็นแหล่งปลูกผลไม้ถือเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) และประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนให้ไต้หวันประกาศเอกราชจากจีนอย่างเป็นทางการ

‘ดร.สุวินัย’ เตือน สถานการณ์เฉียด 'สงครามโลก' หากสหรัฐฯ ยังไม่เชื่อความน่าเกรงขามของจีน

'ดร.สุวินัย' ยก สถานการณ์เฉียด 'สงครามโลก' หากสหรัฐอเมริกายังไม่ตระหนักถึงความน่าเกรงขามของจีนที่มีมากกว่ารัสเซีย จนอาจจะทำให้โลกนี้พังกันทุกฝ่าย

(3 ส.ค. 65) ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความ หัวข้อ ภารกิจเหนือมนุษย์ มีเนื้อหาดังนี้

สำหรับคนที่มีจิตสำนึกทางประวัติศาสตร์ รับรู้เรื่องราวในอดีตที่ชาติของตัวเองเคยถูกมหาอำนาจจากชาติตะวันตก 9 ชาติ รุมกัดทึ้งขย้ำกอบโกยดุจฝูงหมาป่าเมื่อร้อยกว่าปีก่อน

ภารกิจทวงคืนความเป็นธรรมที่ถูกปล้นไปนานถึงกว่าหนึ่งศตวรรษ ย่อมเป็นหนึ่งใน ‘ภารกิจเหนือมนุษย์’ ของ ผู้นำชาตินั้น

>> ถ้าคณะผู้นำประเทศนั้น ไม่คิดแบบ 'ยอดคน'
>> ถ้าคณะผู้นำประเทศนั้นไม่เดินหมากแบบ 'ยอดคน'
>> ก็คงยากที่จะทำ ‘ภารกิจทวงคืนความเป็นธรรมทางประวัติศาสตร์’ ได้สำเร็จ

สำหรับคนที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำชาตินั้น นี่คือ ‘ภารกิจเหนือมนุษย์’ และแทบเป็นภารกิจเดียวที่ให้ความหมาย ให้ความท้าทายแก่ชีวิตของผู้นำคนนั้น ... หรือท่านประธานาธิบดีสีจิ้นผิง

เราจะไม่มีทางเข้าใจความมุ่งมั่นของจีนในเรื่องไต้หวันเลย ถ้าหากเราไม่ทำความเข้าใจใน ‘ภารกิจเหนือมนุษย์’ ที่ผู้นำประเทศของจีนทุกคนจะต้องแบกรับ จนกว่า ... ภารกิจทวงคืนความเป็นธรรมทางประวัติศาสตร์ = ภารกิจฟื้นฟูความยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์ทางอารยธรรมเหมือนในยุคราชวงศ์ถังกลับคืนมา ... จะประสบความสำเร็จ

เพราะมีแต่ ‘ภารกิจเหนือมนุษย์’ แบบนี้เท่านั้น ที่ทำให้สามารถระดมพลังของประชาชาติ ของคนทั้งชาติ ให้มุ่งมั่นสู่เป้าหมายเดียวกัน จนทำให้ ‘ความฝันร่วมของคนจีนทั้งประเทศ’ ปรากฏเป็นจริงได้

ไม่ว่าภารกิจนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลว มันมิใช่ประเด็นสำคัญเลย ที่สำคัญกว่านั้นคือการที่คนในชาติได้ลงมือกระทำ ‘ภารกิจเหนือมนุษย์’ นี้ร่วมกัน อย่างทุ่มเทสุดชีวิตต่างหาก

'เซเลนสกี' เผย อยากคุยกับ 'สี จิ้นผิง' หวังให้ช่วยเจรจากับ 'รัสเซีย' ยุติสงคราม

(4 ส.ค. 65) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนเปิดโอกาสในการเจรจาโดยตรง พร้อมทั้งระบุว่า จีนไม่เคยตอบรับคำขอดังกล่าวมาตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อ 5 เดือนก่อน

ประธานาธิบดีเซเลนสกี ให้สัมภาษณ์พิเศษหนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ในฮ่องกงผ่านแอปพลิเคชันซูมเป็นเวลา 40 นาที ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์สื่อเอเชียเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดสงครามว่า จีนเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลมาก สามารถมีอิทธิพลทางการเมืองและทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย นอกจากนี้จีนยังเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติด้วย เขาจึงอยากสนทนาโดยตรงกับประธานาธิบดีสี หลังจากที่เคยสนทนากัน 1 ครั้งเมื่อหนึ่งปีก่อน เพราะยูเครนได้แจ้งอย่างเป็นทางการกับจีนแล้วตั้งแต่รัสเซียเริ่มการรุกรานครั้งใหญ่ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ แต่ยังไม่มีโอกาสจนถึงขณะนี้ทั้งที่น่าจะเป็นประโยชน์

วัดพลัง!! จีน VS ไต้หวัน ‘ใครอยู่-ใครไป’ หากเกิดสงครามเต็มขั้น

ภายหลังการเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ดูจะทำให้ข้อพิพาทเรื้อรังระหว่างจีนกับไต้หวัน กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าที่ทั่วโลกจับตามองในสัปดาห์นี้ ขณะที่หลายฝ่ายเป็นกังวลว่าความตึงเครียดที่เกิดขึ้น อาจกระตุ้นให้ปักกิ่งเพิ่มแรงบีบต่อไต้หวัน หรืออาจตัดสินใจบุกยึดในอีกไม่ช้า

ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า โอกาสรอดของไต้หวันนั้นก็คงจะมีน้อยมาก หากว่าจีนตัดสินใจใช้ปฏิบัติการทางทหารอย่างเต็มรูปแบบเข้ายึดเกาะแห่งนี้ 

จากข้อมูลจาก Global Fire Power 2022 ให้ตัวเลขเปรียบเทียบแสนยานุภาพทางทหารระหว่างจีนกับไต้หวันเอาไว้ว่า...

- จีนมีทหารประจำการพร้อมรบราว 2 ล้านนาย และมีกองกำลังสำรอง 510,000 นาย ขณะที่ไต้หวันมีทหารประจำการราว 170,000 นาย แต่มีกองกำลังสำรองมากถึง 1.5 ล้านนาย

- กองทัพจีนมีเครื่องบินทั้งหมด 3,285 ลำ ขณะที่ไต้หวันมี 741 ลำ

- จีนมีฝูงบินขับไล่มากถึง 1,200 ลำ และเครื่องบินลำเลียง 286 ลำ ขณะที่ไต้หวันมีเครื่องบินขับไล่ 288 ลำ และเครื่องบินลำเลียง 19 ลำ

- จีนมีเฮลิคอปเตอร์ 912 ลำ เฮลิคอปเตอร์โจมตี 281 ลำ ขณะที่ไต้หวันมีเฮลิคอปเตอร์ 208 ลำ และเฮลิคอปเตอร์โจมตี 91 ลำ

- จีนมีเรือรบทุกชนิดรวมกัน 777 ลำ ในขณะที่ไต้หวันมีอยู่ 117 ลำ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top